โห เพิ่งเห็นกระทู้นี้
เฮีย
ข้อแรก เฮียไปไปหัดฝึกสติ คือไปอยู่ในวัดปฎิบัติ หาพระเก่งๆสอน แล้วเมื่อเฮียกำหนดสติให้ไปอยู่กับเรื่องอื่น เช่น ลมหายใจ ผลคือ อาการหูแว่ว จะหายไป เอ้ย ไม่หายไป แซวเล่น อาการยังคงอยู่ แต่จะไม่รุนแรง
ยกตัวอย่างหลวงพ่อฤอสีลิงดำ ป่วยมาก อีก 1 เดือนก็มรณภาพ ตอนผมไปเจอท่าน ท่านยิ้ม และให้พร ผมไม่รู้เลยครับ ว่าท่านป่วยมาก อวัยวะไม่ทำงานแล้ว กินอะไรก็ไหลออกมาหมด ต้องมีคนส่งกระดาษทิชชู่ให้ตลอด น้ำมูกไหลตลอด แต่ท่านไม่มีอาการทุกข์เวทนา หลวงพ่อยังให้พระผมมา 1 องค์เลยครับ สาธุ
อีกท่านที่ผมเจอ เป็นคุณพ่อของเพื่อนครับ เป็นแพทย์ศิริราช เป็นแพทย์ผ่ามะเร็งแต่ตัวท่านเองเป็นมะเร็ง ภรรยาเป็นพยาบาล ตอนผมไปเจอ ท่านโดนผ่า แบบดูแล้ว โห ไม่เหลืออะไรจะให้ผ่าแล้ว ผ่าไปหมด แต่ท่านดูแล้ว อยู่แบบปรกติ ผมก็แปลกใจ
เรื่องแบบนี้ทางพระเรียกเวทนา การฝึกสติให้รู้ว่านี่คือเวทนา แต่ไม่ต้องไปอยู่กับเวนา คือต้องฝึกตลอดนะเฮีย ให้เราเรารับรู้ว่า ได้ยินเสียงก็ สักแต่ว่าได้ยิน แต่ไม่ต้องไปปรุงแต่งต่อ ทำนองว่า เราเป็นคนดี ทำไมต้องมาเป็นแบบนี้ อะไรทำนองนี้ คือตัวสติ รับรู้ เป็นผู้ดูอยู่อย่างเดียว และตัวสติก็ตามทันเมื่อมีการปรุงแต่ง หรือมีความโกรธ
สิ่งที่สำคัญ เมื่อโกรธ แค้น หรือปรุงแต่งอะไรก็ตามเกิดขึ้นมา ก็อย่าไปห้ามมันนะ เพราะยิ่งห้าม มันจะเก็บกด ธรรมชาติของการเก็บกด มันจะระเบิดตูม
เฮียต้องใช้สติ ดูมันเกิดขึ้น แล้วค่อยๆจางคลายไปเอง อันนี้จะทำให้ วันหน้า มันจะค่อยๆเกิดขึ้นอีกในอัตราที่น้อยลง
เมื่อลดการปรุงแต่ง โกรธ เครียดแค้น ว่าทำไม่ต้องเป็นเรา ทำไมไม่หายว๊ะ เมื่อลดไปได้มากๆแล้ว อาการเฮียจะเบาครับ
ถ้าเฮียไม่เชื่อ เฮียลองสังเกตุวันที่เฮีย อารมณ์เป็นปกติ ไม่เครียดมาก ว่าทำไมต้องเป็น วันนั้น เฮียรู้สึกกับการหูแว่วของเฮียอย่างไร
ส่วนอีกวัน ที่รับไม่ได้ พยายามแล้วพยายามอีก ไม่หายซักกะที เฮียรู้สึกกับอาการของเฮียอย่างไร
และทำอย่างไรเราจะรักษาอารมณ์ของเราให้อยู่ในจุดที่ไม่ทุกข์ ตามทุกข์เวทนาที่เป็นอยู่ได้อย่างไร
แต่เฮียต้องไปหาพระปฎิบัติให้เขาสอนนะ ช่วยได้จริงๆ ไม่ใช่หลักการ ข้อนี้ชัวร์ครับ
สรุปคือเฮียแก้มาหมดแล้ว ที่เหลือ คือ ลองใช้วิธีแก้ที่ใจ แต่ไม่ใช่นั่งทำใจนะ คนละเรื่อง แก้ที่ใจ คือ ให้ลองฝึกสติ แล้วมาดู เวทนา ซึ่งทางพระถือว่า มีประโยชน์ตรงที่ ถ้าเรามีแต่ความสุข เราก็เผลอไป เวลาก็ผ่านไป ไม่ได้อะไร แต่เมื่อเรามีเวทนา โดยเฉพาะทุกข์เวทนาแบบนี้ เราก็จะได้มาฝึกการเจริญสติ ทุกข์เวทนา เป็น 1 ใน 4 อย่างที่พระท่านนำมาฝึกในการเจริญสติ
ยกตัวอย่างคนไปนั่งสมาธิ แล้วนั่งเพลิน สบาย หลับ ไม่ได้อะไร อีกคน นั่งแล้วปวดขา ปวดมาก ยิ่งไปดูที่ปวดขา ก็ยิ่งปวด ยิ่งคิดว่า เอ๊ะ หรือว่า ขาจะตายถ้าไม่ขยับ หรืออะไรก็แล้ว สุดท้ายแล้ว คนที่มีเวทนา จะไม่หลับ และถ้ามีความเพียร ก็จะมาถามทางแก้ว่า จะแก้เวทนานี้อย่างไร พระท่านก็จะสอนให้ใช้สติ ดูว่า นี่คือการปวด ดูห่างๆ ดูเฉยๆ ปวดขึ้น มากขึ้น น้อยลง มากขึ้น หรืออย่างไรก็ดูเฉยๆ แต่เวทนานี้ดี ทำให้การเจริญสติทำง่าย กว่าคนที่นั่งแล้วไม่ปวดเลย
ผมแนะนำนะเฮีย ถ้าไม่มีวัดไหนก็ไป วัดมเหยง อยุธยานะเฮีย ไปนั่งเจริญสติ นั่งสมาธิ 7 วัน
ข้อที่สอง ไม่มี
โรคปลายประสาทหูเสื่อม (ไม่ใช่เรื่องหุ้นนะครับ)
- sansampan
- Verified User
- โพสต์: 18
- ผู้ติดตาม: 0
โรคปลายประสาทหูเสื่อม (ไม่ใช่เรื่องหุ้นนะครับ)
โพสต์ที่ 33
ถึง พี่ปรัชญา
อาการของพี่ เป็นอาการเริ่มต้นของเส้นประสาทหูเสื่อมครับ
มีอาการหลัก
ประกอบด้วย- เสียงในหู TINITUS (เหมือนเสียงแมลง)
-หูอื้อ (เหมือนลมโกรกหู)
-ความสามารถการรับฟังเสียงคีย์สูงลดลง(เช่นเสียงพูดในโทรศัพย์/เสียงกรุ้งกริ้ง)
-วิงเวียนบ้านหมุน
ข่าวดีคือในที่สุดเสียงจะหายดังครับแต่ข่าวร้ายคือหูข้างนั้นจะตึงครับ
สาเหตุ ของโรค-มีหลายอย่างแต่ ที่พบบ่อย
-โรคที่มีผลต่อหลอดเลือดฝอยที่ไปเลี้ยงเส้นประสาทหูเช่นเบาหวาน ความดันสูง ไขมันในเลือดสูง
-พฤติกรรมเสี่ยงต่อความเสื่อมของระบบประสาทและหลอดเลือดเช่น สูบบุหรี่ กาแฟมาก น้ำอัดลม กินเค็ม
-บาดเจ็บเช่นถูกกระแทกที่ศีรษะ เสียงดังมากมาก
-เนื้องอกเส้นประสาทหู
การรักษา -ตามสาเหตุ
กรณีของพี่คงไม่ใช่เนื้องอก(หูอื้อ-หน้าชา-ตากระตุก-เดินเซ)
-ต้องตรวจก่อนว่าไม่ได้เป็น เบาหวาน ความดันหรือไขมันสูง
-ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงเช่นบุหรี่ กาแฟ น้ำอัดลม กินเค็ม(ไชโย-ไม่ห้าม แอลกอฮอล์)
-ยา(ห้ามซื้อทานเองนะ-ปรึกษาแพทย์เท่านั้น) แบ่งเป็น
กลุ่ม1.แก้เวียน-หูอื้อได้แก่dramamine,sibelium,stugerone
2.ปรับสภาพระบบประสาทหูชั้นในเช่น merislon,serc,behistine
3.บำรุงเส้นประสาทหู(เชื่อว่าเพิ่มเลือดไปเลียงเส้นประสาท)ได้แก่gingo(แป๊ะก้วย),duxaril,nootrophil,sermion,hydergin FAS
ผมว่าที่ยากที่สุดคือการเลือกว่าจะกินตัวใดเพื่อชะลอโรคหูตึงหรือทำให้ดีขึ้น(เสียงแมลงเบาลง) แนะนำกลุ่มสองกับสาม
ปรึกษาแพทย์ได้2สาขาครับได้แก่ หมอENTหูคอจมูก หรือ
หมอneuro med ประสาทอายุรแพทย์ (แนะนำว่าควรเป็นอาจารย์ในโรงเรียนแพทย์เช่นมช,มข,มอ,จุฬา,ศิริราช,รามาแล้วแต่สะดวก)
ให้ท่านเลือกยาที่จะกินแล้วให้ส่งตัวกลับไปรับยารพ.ประจำจังหวัด ใกล้บ้าน(รพ.ของรัฐนะครับ-ไม่แนะนำเอกชนเพราะต้องกินยากันยาวมาก)
พี่สงสัยอะไร PM มาได้ครับ
อาการของพี่ เป็นอาการเริ่มต้นของเส้นประสาทหูเสื่อมครับ
มีอาการหลัก
ประกอบด้วย- เสียงในหู TINITUS (เหมือนเสียงแมลง)
-หูอื้อ (เหมือนลมโกรกหู)
-ความสามารถการรับฟังเสียงคีย์สูงลดลง(เช่นเสียงพูดในโทรศัพย์/เสียงกรุ้งกริ้ง)
-วิงเวียนบ้านหมุน
ข่าวดีคือในที่สุดเสียงจะหายดังครับแต่ข่าวร้ายคือหูข้างนั้นจะตึงครับ
สาเหตุ ของโรค-มีหลายอย่างแต่ ที่พบบ่อย
-โรคที่มีผลต่อหลอดเลือดฝอยที่ไปเลี้ยงเส้นประสาทหูเช่นเบาหวาน ความดันสูง ไขมันในเลือดสูง
-พฤติกรรมเสี่ยงต่อความเสื่อมของระบบประสาทและหลอดเลือดเช่น สูบบุหรี่ กาแฟมาก น้ำอัดลม กินเค็ม
-บาดเจ็บเช่นถูกกระแทกที่ศีรษะ เสียงดังมากมาก
-เนื้องอกเส้นประสาทหู
การรักษา -ตามสาเหตุ
กรณีของพี่คงไม่ใช่เนื้องอก(หูอื้อ-หน้าชา-ตากระตุก-เดินเซ)
-ต้องตรวจก่อนว่าไม่ได้เป็น เบาหวาน ความดันหรือไขมันสูง
-ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงเช่นบุหรี่ กาแฟ น้ำอัดลม กินเค็ม(ไชโย-ไม่ห้าม แอลกอฮอล์)
-ยา(ห้ามซื้อทานเองนะ-ปรึกษาแพทย์เท่านั้น) แบ่งเป็น
กลุ่ม1.แก้เวียน-หูอื้อได้แก่dramamine,sibelium,stugerone
2.ปรับสภาพระบบประสาทหูชั้นในเช่น merislon,serc,behistine
3.บำรุงเส้นประสาทหู(เชื่อว่าเพิ่มเลือดไปเลียงเส้นประสาท)ได้แก่gingo(แป๊ะก้วย),duxaril,nootrophil,sermion,hydergin FAS
ผมว่าที่ยากที่สุดคือการเลือกว่าจะกินตัวใดเพื่อชะลอโรคหูตึงหรือทำให้ดีขึ้น(เสียงแมลงเบาลง) แนะนำกลุ่มสองกับสาม
ปรึกษาแพทย์ได้2สาขาครับได้แก่ หมอENTหูคอจมูก หรือ
หมอneuro med ประสาทอายุรแพทย์ (แนะนำว่าควรเป็นอาจารย์ในโรงเรียนแพทย์เช่นมช,มข,มอ,จุฬา,ศิริราช,รามาแล้วแต่สะดวก)
ให้ท่านเลือกยาที่จะกินแล้วให้ส่งตัวกลับไปรับยารพ.ประจำจังหวัด ใกล้บ้าน(รพ.ของรัฐนะครับ-ไม่แนะนำเอกชนเพราะต้องกินยากันยาวมาก)
พี่สงสัยอะไร PM มาได้ครับ
สำเร็จแล้วจะเป็นไร? ล้มเหลวแล้วจะเป็นไร?
ชั่วลัดนิ้วมือเดียวชีวิตพ้นผ่าน
ระหว่างได้รับกับสูญเสียล้วนคืนสู่ธุลีดิน
ชั่วลัดนิ้วมือเดียวชีวิตพ้นผ่าน
ระหว่างได้รับกับสูญเสียล้วนคืนสู่ธุลีดิน