หน้า 2 จากทั้งหมด 2
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 26, 2013 10:37 am
โดย Nevercry.boy
yakjabon เขียน:มีสัญญาณอะไรที่สังเกตเห็นความเป็นไปได้ ว่าตลาดจะคืนสู่สามัญบ้างมั้ยครับ
I use two indicators to spot the market. They are as follows;
1) Ted Spread
2) Distribution Days
And Please Listen
"I am not saying it's not going to get perfect here as well, but I think we may cope with what we have to face."
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 26, 2013 11:06 am
โดย Nevercry.boy
TED Spread
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 26, 2013 11:17 am
โดย Nevercry.boy
Distri Days
Look at the chart of the S&P 500. See how distribution days mounted just before the collapse: Dec. 11, 2007, -2.5%
1; Dec. 17, -1.5%
2; Dec. 27, -1.4%
3; Dec. 31, -0.7%
4; and Jan. 2, 2008, -1.4%
5.
On Jan. 4, 2008, you saw a 2.4% sell-off
6 and the sixth distribution day in 25 sessions.
That's the day the Market Pulse declared a market correction.
Distribution Days is CANSLIM
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 26, 2013 11:27 am
โดย Nevercry.boy
PE Vs. SET50
High or Low ????
What do you like?
Are you sure?
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 26, 2013 12:16 pm
โดย nut776
Nevercry.boy เขียน:TED Spread
พี่ ncb หมายถึง crash จริง จาก วิกฤต การเงินใช่ไหมคับ
เราะอย่างตอน ปลายปี 2011ปรับเรทติ้ง
ted spread ก็ไม่shoot up อะคับ
ที่สำคัญ อ่านนิยามแล้วไม่รู้เรื่อง5555
ถ้าเป็นไปได้ อย่างให้พี่ช่วยสอนหน่อยคับว่า
นิยามมันคืออะไร
ขอบคุณคับ
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 26, 2013 1:57 pm
โดย Mars
Nevercry.boy เขียน:PE Vs. SET50
High or Low ????
What do you like?
Are you sure?
ขอถามแบบคนความรู้น้อยหน่อยนะครับ คือที่คุณ Nevercry.boy พยายามจะสื่อก็คือ ตลาดหุ้นทุกวันนี้ PE ต่ำมากเมื่อเทียบกับ market cap รึเปล่าครับ เพราะถ้าพล็อตลงไปในกราฟจะเห้นเส้นแดงต่ำกว่าเส้นฟ้าเสียอีก
คือผมอ่านแล้วงงๆ เพราะไม่ค่อยเข้าใจว่าความสัมพันธ์ระหว่าง SET กับ PE จะสะท้อนแนวโน้มของ SET ในอนาคตได้ยังไงบ้าง แต่ผมดุกราฟแล้วกลับรู้สึกกลัว เหมือนกับ SET Growth ไปมากๆ แต่ PE ดูเหมือนจะต่ำ เพราะกำไรของบริษัทใหญ่ๆ หลายๆแห่งในปีที่แล้วพากันโตจนดึงให้ PE ต่ำ ทั้งที่โครงสร้างเศรษฐกิจไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นอย่างชัดเจน
พูดแล้วก็งงตัวเองครับ เป็นแค่ความรู้สึกไม่ได้มี Fact รองรับเลยครับ ^^"
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 27, 2013 11:10 pm
โดย kongkiti
อ่านเจอในเวบ economist เขาทำสรุปสถานการณ์ euro-debt crisis ปี 2012 น่าสนใจดีครับ
http://www.economist.com/news/finance-a ... rc=rss|fec
ปล. รอฟังพี่ NB มาเฉลยเพิ่มเหมือนกัน ยังไม่ค่อยเข้าใจ TED Spread กับ Distribution day
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 29, 2013 8:51 am
โดย naphas12
ผมลองพล๊อตกราฟย้อนหลังตั้งแต่ปี 1975 ดูจะพบว่า P/E เริ่มไต่ระดับสูงขึ้น แต่ยังน้อยกว่าการขึ้นของ SET Index
อาจเนื่องมาจากขนาดของกำไรของบริษัทในตลาดที่มีขนาดโตขึ้นทำให้ P/E ยังไม่เกิน 20
หากผลประกอบการของ Q4/2555 ออกมา อาจจะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น เนื่องจากคาดว่ากำไรน่าจะสูงขึ้น
ประกอบกับคงมีแรงขายทำกำไรหนังจากประกาศงบ ที่เรียกว่า Sale on Fact
ไม่แน่ P/E อาจหล่นไปอยู่ที่ 15 เหมือนเดิม
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 29, 2013 9:01 am
โดย naphas12
SET ขึ้นมาแรงงวดนี้ ในรอบ 6 เดือนขึ้นมาถึง 22.92%
แต่พอร์ตของผมที่เน้นหุ้น Value กับ หุ้น Growth เพิ่มขึ้นเพียง 12%
เท่าที่ผมสังเกตุดู พวกที่ดันให้ SET สูงขึ้นมาก น่าจะมาจากเพราะ Penny Stock กับ หุ้นปั่น ที่นักเก็งกำไรเขาเล่นกันเช่น
IEC, Bland, N-Park, KMC, PAE, Live, OFM, CK, ITD, UV, WHA, GLOBAL, BEAUTY, JMT
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 29, 2013 4:01 pm
โดย KriangL
หุ้นตัวเลขๆ มันมีผลกับ SET Index นิดเดียวครับ เพราะ Index มันถ่วงด้วย market cap ถึงแม้ว่า IEC จะขึ้นจาก 0.01 ไป 0.06 ทำให้ market cap โตขึ้นประมาณ 3.4 พันล้านบาท แต่ลองเทียบกับ CPALL ขึ้น 1 บาท ทำให้ market cap โตเกือบ 9 พันล้าน ถ้าคิดครึ่งปีมันขึ้นมาจาก 35 มา 48 บาท market cap โตแสนกว่าล้าน เทียบกับตลาด 12 ล้านๆ ก็ประมาณ 1% เศษๆ
ที่บอกว่า SET ครึ่งปีขึ้นมา 22.92% CPALL ก็กินไปเกิน 1% แล้ว เหลืออีก 22% ที่ขึ้นมาเยอะๆก็ยังมี SCC, PTTGC, BGH, AOT, CPN, BEC ฯลฯ อีกครับ
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 29, 2013 5:37 pm
โดย naphas12
เรื่อง Market Cap กับการคำนวณ SET Index ผมเคยเชื่ออย่างนั้น
แต่พักหลังๆ ผมไม่มั่นใจจริง ๆ ว่า เขาจะใช้เพียง Market Cap อย่างเดียว
สังเกตุได้จากการคำนวณค่า P/E ของหุ้นบางตัว เช่น SVH ที่สร้างความปวดหัวมากๆ
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 01, 2013 9:38 pm
โดย kongkiti
สมาคมโบรกฯไอเดียกระฉูด ปั้นมาร์เก็ตติ้งพันธุ์ใหม่เจาะนักลงทุนจัดพอร์ตแนวเวลท์
updated: 01 ก.พ. 2556 เวลา 10:01:14 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... catid=0902
สมาคมโบรกเกอร์ไอเดียกระฉูด ปั้นมาร์เก็ตติ้งโฉมใหม่เน้นดูแลนักลงทุนจัดพอร์ตแนวเวลท์แมเนจเมนต์แทนเชียร์ซื้อ ๆ ขาย ๆ คาดรู้ผลหลักเกณฑ์ผ่านใน 2-3 เดือนนี้ ระบุจ่ายผลตอบแทนรูปเงินเดือน-ไม่มีค่าคอม ต่างจากมาร์เกตติ้งทั่วไปที่รับควบ 2 เด้ง
นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า สมาคมมีแนวคิดที่จะสร้างผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน (มาร์เก็ตติ้ง) รูปแบบใหม่ ซึ่งให้บริการเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่เน้นบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Managment) ลงทุนในหุ้นระยะกลางและยาวเป็นหลัก เพื่อให้สอดรับกับกลุ่มนักลงทุนหุ้นมูลค่า (Value Investor : VI) ที่ขยายตัวต่อเนื่อง
13596547281359654744l.jpg
นอกจากนี้สมาคมยังมีเป้าหมายที่จะให้มาร์เก็ตติ้งเวลท์แมเนจเมนต์เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยรักษากลุ่มนักลงทุนเดิมและนักลงทุนใหม่ไม่ให้ลดลง ทั้งนี้กลุ่มมาร์เก็ตติ้งดังกล่าวจะได้รับผลตอบแทนรูปเงินเดือน ซึ่งต่างจากมาร์เก็ตติ้งทั่วไปที่ได้รับทั้งรูปเงินเดือนและค่าคอมมิสชั่น
"ในช่วงที่ผ่านมาเราพบว่า ถ้ามีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามา แล้วเขาไม่ได้จัดสรรการลงทุนดีพอ เพราะมีประสบการณ์ไม่มากพอ จึงเข้ามาซื้อ ๆ ขาย ๆ แล้วพอบาดเจ็บเพราะไม่ได้ผลตอบแทนตามที่คาดหวัง เขาก็จะหายไปจากตลาดเลย ซึ่งสมาคมก็ไม่อยากเห็นอย่างนั้น จึงมีแนวคิดอยากจะสร้างมาร์เก็ตติ้งแบบใหม่เข้ามาปิดจุดอ่อน คือ รายงานสถานการณ์ให้นักลงทุนซื้อขายหุ้นได้ถูกจังหวะตามแผนการลงทุนของพอร์ต" นายญาณศักดิ์กล่าว
ปัจจุบันสมาคมอยู่ระหว่างหารือและสอบถามความเห็นต่อสมาชิกที่เป็นโบรกเกอร์ รวมถึงศึกษาว่าการดำเนินการดังกล่าวอยู่ในขอบเขตใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์หรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าภายใน 2-3 เดือนหลังจากนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น
ทั้งนี้ ข้อมูลจำนวนนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นการเพิ่มขึ้นของนักลงทุนที่มีจำนวนบัญชีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2553-2555) แต่หากดูยอดบัญชีที่มีการซื้อขาย พบว่า ในปี 2553 ที่อยู่ระดับ 1.61 แสนล้านราย แต่มีการขยับลดลงเล็กน้อยในปี 2554 แล้วจึงกลับมาเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาในปี 2555 โดยขึ้นมาอยู่ที่ 2.27 แสนล้านราย (ณ สิ้นเดือน ตุลาคม 2555)
-จบ-
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2013 8:52 am
โดย naphas12
จำนวนบัญชี อาจไม่สะท้อนภาพความเป็นจริง เพราะปีที่แล้ว ผมเปิดบัญชีเพิ่มอีก 1 บัญชี แต่คนละโบรกเกอร์
จำนวนนักลงทุนอาจเพิ่มไม่มากเท่าไหร่ ก็ได้
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2013 10:44 am
โดย kongkiti
naphas12 เขียน:จำนวนบัญชี อาจไม่สะท้อนภาพความเป็นจริง เพราะปีที่แล้ว ผมเปิดบัญชีเพิ่มอีก 1 บัญชี แต่คนละโบรกเกอร์
จำนวนนักลงทุนอาจเพิ่มไม่มากเท่าไหร่ ก็ได้
เห็นด้วยเลยครับ นักลงทุนไม่เยอะ แต่นักเก็งกำไรเพิ่มเยอะครับ
ที่เอาข่าวมาแปะเพราะทุกข่าวหาเรื่องโยงเข้า VI ได้หมดเลย อิอิ
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 09, 2013 2:14 pm
โดย Nevercry.boy
nut776 เขียน:
พี่ ncb หมายถึง crash จริง จาก วิกฤต การเงินใช่ไหมคับ
ถ้า crash จากวิกฤต เงินจะไหลออกจากทุกสิ่งอย่าง
ผมไปทำกราฟมาให้คุณนัทเห็นภาพ ในปี 2011 ปลายปี เรื่องปัญหาหนี้
ก็ทำให้เกิดภาพคล้ายกัน
Re: เมื่อไหร่สูงสุดจะคืนสู่สามัญ .. โดดหน้าผาปี 56
โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 13, 2013 10:02 pm
โดย J_Amp3107
anubist เขียน:Jeng เขียน:ค่าเงินตอนนี้ผมว่าเกินพื้นฐานไปมาก จริงๆผมให้ที่33-34เท่านั้นเอง
ค่าเงินย้อนหลัง 1 ปี ไม่ถึง 32 และตอนนี้ 29.78
ผมช่วยให้ข้อมูลครับ
ทราบครับพี่Jeng แต่ค่าเงินที่มาได้ขนาดนี้ก็เพราะต่างประเทศมา
ลงทุนหุ้นและตราสารหนี้บ้านเราเยอะครับ
ถ้าหักส่วนนี้ออกไปก็คงอยู่ที่33-34หรือสูงกว่านี้
จริงๆผมอยากให้ธปท.ออกมาตราการกันเงินลงทุนเหล่านี้ด้วยซ้ำ
เพราะพวกนี้นอกจากได้กำไรจากการลงทุนปกติแล้วยังได้กำไรค่าเงินด้วย
เนื่องจากเราเป็นประเทศส่งออก เกินดุลทุกปี มีน้อยมากที่ขาดดุล
กำไรค่าเงินที่เค้าได้ ก็คือการขาดทุนกำไรของธุรกิจส่งออก
มองอีกแง่คือเราออกแรงทำงานทั้งปีแลกมาร์จิ้น10%
แต่เค้าเอาเงินมาลงทุนโดยไม่ต้องออกแรงก็ได้กำไรค่าเงิน10%
ดูแล้วไม่ยุติธรรมเท่าไหร่
ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าแบ้งค์ชาติเคยออกมาตรการอะไรทำนองนี้ ซึ่งมีผลทำให้หุ้นตกประมาณ 100 จุดกระมัง ถ้าท่านใดจำเรื่องนี้ได้รบกวนให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยค่ะ