Thai VI

ผมว่าอาจารย์หมายถึง Value Investment แบบดั้งเดิมของ Graham ที่หาหุ้นแบกับดินนะ .. แต่ถ้าเป็น Value Oriented Investor แบบ Warren Buffett หรือ Peter Lynch ... ผมเชื่อว่ายังหาได้ เพียงแต่จะเหมือนซื้อของดีที่ไม่ได้ส่วนลด แค่นั้นเอง .. อันนี้อ้างอิงจากนิยามของสไตล์นักลงทุนใน ตีแตก ครับ

จากบทความเดิม " เดจาวู " http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=7&t=54164
มาจนถึงวันนี้ ดูแล้ว ก็มีเค้าลางเป็นตาม บทสรุปตอนท้ายบทความ

และมาบทความใหม่ " งานเลี้ยงที่กำลังร้อนแรง " http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=7&t=54612
และบทสรุป ตอนท้ายของบทความ

ผมสงสัยว่า ท่าน ดร. กำลังจะบอกว่า อย่ากลัวจนเกินไป แล้วก็อย่าประมาท ในช่วงเวลาที่สุดแห่งความสนุกสนาน และเมามัน

yakjabon เขียน:ผมว่าอาจารย์หมายถึง Value Investment แบบดั้งเดิมของ Graham ที่หาหุ้นแบกับดินนะ .. แต่ถ้าเป็น Value Oriented Investor แบบ Warren Buffett หรือ Peter Lynch ... ผมเชื่อว่ายังหาได้ เพียงแต่จะเหมือนซื้อของดีที่ไม่ได้ส่วนลด แค่นั้นเอง .. อันนี้อ้างอิงจากนิยามของสไตล์นักลงทุนใน ตีแตก ครับ

ผมไม่คิดว่าดร.แกจะอ้างอิงถึงแบบGrahamนะครับ หุ้นแบบนั้นมันน่าจะหายไปตั้งนานแล้วซึ่งดร.คงไม่พึ่งหยิบมาเขียนหรอกครับ
ว่าแต่ทำไมพักนี้ผมเจอศัพท์การลงทุนแปลกๆเยอะจัง ฟังใน96.5มีท่านนึงใช้คำว่า Kaizen invesment ....ฟังแล้วมึน(ถ้าใครอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมจะรู้ดีว่าKaizenหมายถึงอะไร ซึ่งโคตรจะไม่เกี่ยวกันเลยกับการลงทุน)

Dough เขียน:แกคงตอนให้มีสติอะครับ

อืม น่าสนใจนะ ตอน ให้มีสติ

Jeng เขียน:

Dough เขียน:แกคงตอนให้มีสติอะครับ

อืม น่าสนใจนะ ตอน ให้มีสติ

555 ด้วยคนครับ มันเป็นช่วงเวลาที่สนุกสุดเหวี่ยง ของนักลงทุนจริงๆ ครับ ขำแล้วขำอีก ....

harikung เขียน:

yakjabon เขียน:ผมว่าอาจารย์หมายถึง Value Investment แบบดั้งเดิมของ Graham ที่หาหุ้นแบกับดินนะ .. แต่ถ้าเป็น Value Oriented Investor แบบ Warren Buffett หรือ Peter Lynch ... ผมเชื่อว่ายังหาได้ เพียงแต่จะเหมือนซื้อของดีที่ไม่ได้ส่วนลด แค่นั้นเอง .. อันนี้อ้างอิงจากนิยามของสไตล์นักลงทุนใน ตีแตก ครับ

ผมไม่คิดว่าดร.แกจะอ้างอิงถึงแบบGrahamนะครับ หุ้นแบบนั้นมันน่าจะหายไปตั้งนานแล้วซึ่งดร.คงไม่พึ่งหยิบมาเขียนหรอกครับ
ว่าแต่ทำไมพักนี้ผมเจอศัพท์การลงทุนแปลกๆเยอะจัง ฟังใน96.5มีท่านนึงใช้คำว่า Kaizen invesment ....ฟังแล้วมึน(ถ้าใครอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมจะรู้ดีว่าKaizenหมายถึงอะไร ซึ่งโคตรจะไม่เกี่ยวกันเลยกับการลงทุน)

,Kaizen investment เป็นไงหรอครับ อยากรู้.. หรือมีการลงทุนแบบทำการปรับปรุงกันเดือนต่อเดือน สัปดาห์ต่อสัปดาห์

เห็นทุกคนสงสัยเกี่ยวกับบทความอันนี้กันมาก

ผมว่าลองไปฟัง ดร. พูดเองเกี่ยวกับบทความนี้ดู
จะได้กระจ่างกันครับว่า ดร. แกหมายความว่ายังไง
http://www2.mcot.net/fm965/audio/view/i ... af0700003c

เพราะทุกบทความของ ดร. แกจะอธิบายอย่างละเอียดในรายการนี้ทุกวันจันทร์ครับ

value is subjective

การเคลื่อนที่ของทุกสิ่งในโลกใบนี้ จะอยู่ภายใต้สิ่งหนึ่งที่เรียกว่า "โมเมนตัม(Momentum)"

ด้วย Momentum ของหุ้นที่พุ่งขึ้นมาอย่างแรงนี่เอง จะทำให้มันพุ่งขึ้นเกินปัจจัยพื้นฐาน(หรือ Value)ของมันไปได้
หลังจากนั้น งานเลี้ยงจึง "เลิกรา"

Momentum นี้ แรง และน่ากลัวจริงๆครับ
...เพราะดูจากความนิยมในตลาดหุ้น
และดูจากจำนวนผู้อยากเรียนหลักสูตรต่างๆที่เกี่ยวกับหุ้น มันไม่เคยลดน้อยลงเลยครับ

ขอบคุณ ท่านอาจารย์ ดร. ที่ช่วยเตือนสติครับ

ตอนนี้ คนใกล้ตัวผมพูดเรื่องหุ้นกันแล้ว อยากเล่นหุ้นบ้าง
พี่ เพื่อน น้องเมีย แม้แต่ แม่ของผมเองแท้ๆ บางคนเริ่มแนะนำผมว่า
หุ้นตัวนั้นดี ตัวนี้ดี ทั้งที่ตอนปี 08-09 ผมพูดเรื่องหุ้นกะใครเหมือนพูดภาษาต่างดาว
เลยนึกถึง one up ของลินช์ เรื่องทฤษฎีงานเลี้ยงของเค้า เมื่อหมอหรือทนาย
เริ่มแนะนำหุ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้เค้าไม่เคยสนใจ ก็คงเป็นสัญญาณระวังภัย ไฟเหลือง
แต่มันแย่หน่อยที่ไฟเขียวไฟแดงมันมีเวลานับถอยหลัง แต่ไฟเหลืองนี่มันไม่มี
มันจะเปลี่ยนเป็นไฟแดงเลยนี่สิที่มันน่ากลัว

เมื่องานสัมนาครื้นเครง เมื่อมือใหม่เริ่มจับกลุ่มกันเฮฮาปาตี้
สลับสับเปลี่ยนหุ้นตัวนั้นตัวนี้กันอย่างสนุกสนาน
โดยไม่สนใจหลักการที่ถูกต้องมากนัก เพราะพวกเขาเล่นยังไงก็ได้กำไร ถ้าสนใจก็สนใจเป็นตัวบุคคล ที่สามารถใบ้หุ้นให้เล่นตามได้

เมื่อนั้นผมว่าน่ากลัวมาก ซึ่งตอนนี้ที่ผมสังเกตเห็นมันเป็นอย่างนั้นแล้วจริง ๆ

สังเกตกระทู้ในสินธร จะมีกระทู้มือใหม่หัดเล่นหุ้นเกือบทุกวัน

คำว่า Value ของ ดร.นิเวศน์

ผมตีความว่าเป็น Value สำหรับนักลงทุนนะครับ

ถ้าพูดกันตามประสา Value Investor ก็คงหมายถึง Margin of Safety

อาจารย์เตือนน่ะครับ ดีแล้วครับ ทำอะไรขอให้มีสตินะครับ อย่าให้ความโลภครอบเอาได้ครับ

"ผมอยากที่จะสามารถคาดการณ์ตลาดและรู้ว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำล่วงหน้า แต่ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ ผมก็พอใจที่จะค้นหาบริษัทที่มีกำไรดีแบบเดียวกับที่บัฟเฟตต์ทำ"

"นั่นไม่ได้หมายความว่าไม่มีสิ่งที่เรียกว่าตลาดมีราคาแพงเกินไป แต่ไม่มีประเด็นที่จะต้องกังวลกับมัน ที่จะรู้ว่าเมื่อไหร่ในตลาดมีราคาแพงเกินไปก็คือเมื่อคุณไม่สามารถหาหุ้นตัวเดียวที่มีราคาเหมาะสมหรือตรงกับเงื่อนไขในการลงทุนอื่นๆของคุณ"

ปีเตอร์ ลินซ์

ผมคิดว่าถ้าเป็นเงื่อนไขการลงทุนแบบของอาจารย์จะมีหุ้นไม่กี่ตัวในตลาดที่ตรงเงื่อนไข แต่ทุกตัวล้วนไม่มี MOS แล้ว

ส่วนหุ้นตัวเล็กๆ market cap น้อยๆ ประเภท โตเร็ว วัฎจักร และ Turnaround แล้ว ผมเชื่อว่าพอจะหา MOS. ได้

อย่างที่อาจารย์บอกไว้ตอนท้ายว่าท่านก็ยังไม่กล้าออกจากตลาด

Thank you so much for the early warning.

Totally agree that the current P/E of 15 is not cheap anymore. The price we are paying is the future earnings in 2013 - 2014 of which most people believe that the outlook is positive. Dr, however, warns that the health of Thai economy is not as good as we thought, especially in the export sector.

Personally, I would shift my portfolio to the stocks related to domestic demand only with an exposure to benefit from importing cheaper raw materials (revenue growth + high margins).