Thai VI

ผมสนใจลงทุนตปท
ถ้าเขาดีราคาถูก
ผมไม่รีบร้อนอ่านไปเรื่อยๆ
ผมก็จะค่อยๆเข้าใจเขา
ผมรอเขาได้ครับ

พอดีผมโง่ แล้วดันบังเอิญมีตังค์ที่จะไปลงทุนต่างประเทศอย่างที่พี่บลูว่าเอาไว้พอดี

พึ่งเริ่มลงทุนใน Google เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้หลงใหล และติดตามกิจการ Google มาอย่างยาวนาน จนในช่วงที่ผ่านมาเห็นตลาดหุ้นไทย แล้วไปดูต่างหุ้นต่างประเทศ ก็ต้องถามตัวเองอีกครั้งว่า ตัวเราเองทำอะไรอยู่ในนี้ หุ้นในไทยปัจจุบัน คุณภาพกิจการไม่ค่อยดี ราคาแพ้งแพง หุ้นที่คุณภาพกลางๆ ราคาแพงเวอร์ พอไปดูหุ้นต่างประเทศคุณภาพกิจการอย่างเทพ โอกาสโตมีอีกเยอะมาก P/E 10

เห็นแล้วนั่งดูนั่งคิดอยู่หลายเดือน สุดท้ายเลยทดลองเอาเงินก้อนแรกไปลงทุนใน Google ดู

จากที่จะทดลองลงทุนดู ลงทุนหุ้นต่างประเทศนี่ สนุกมากครับ ยิ่งเป็นบริษัทดีๆ นี่ เมืองนอกเค้ามีข้อมูลข่าวสารให้อ่านมากกว่าเยอะ เวลางบออกก็มี podcast youtube สัมภาษณ์ระหว่างนักวิเคราะห์กับผู้บริหารในเชิงลึก ลงทุนมายังไม่ถึงเดือนได้กำไรมา 20% สำหรับผมถือว่าโอเคนะ ผมไม่ได้หวังสูงแบบพี่บลู จริงๆ ปีนี้ได้ 20% ผมก็ดีใจตายแล้ว

อย่างคำถามที่ถามว่าเรารู้ต่างประเทศน้อยกว่าหุ้นไทยนี่ จริงหรือ ผมย้อนกลับมาดู ที่ผมซื้อหุ้นต่างประเทศ ไม่ใช่เพราะว่ามันอยู่ในไทย หรืออยู่ในต่างประเทศ แต่สินค้าและบริการ ที่ผมใช้อยู่ทุกวันมันดันไปอยู่ต่างประเทศ อย่าง iPad iPhone Samsung Google Coke Pepsi KFC McDonald Unilever ฯลฯ ในขณะทีี่บริษัทในไทยที่เราใช้บริการเรากลับไม่รู้จัก หรือ ใช้บริการน้อยมาก

แน่นอนครับผมเชื่อ buffet ว่า เรากินในสิ่งที่เราทำเอง ดังนั้นในพอร์ตหุ้นของผมตอนนี้ก็มีแต่หุ้นที่ผมใช้บริการจริงๆ และติดตามกิจการ จากการที่เป็นผู้ใช้จริงๆ เพื่อที่ว่าการลงทุนจะได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตโดยอัตโนมัติ

ผมอาจจะโง่ และได้ผลตอบแทนสู้พี่ๆ เพื่อนๆ ไม่ได้ เพราะผมไปลงทุนต่างประเทศ แต่ที่แน่ๆ คือ ผมมีความสุข ผมสบายใจ ที่ได้ต้องไปแข่งขันผลตอบแทนกับใคร ลงทุนในสินค้า บริการ ที่เรารัก เราชอบ มันจริงๆ ในราคา และแนวโน้มการเติบโตที่เหมาะสม

dome@perth เขียน:ตอนแรกอยากเข้ามาอ่านเฉยๆ
แต่เฮีย บลู ใช้คำหนักๆทั้งนั้นเลยครับ เลยอยากแชร์มุมมองครับ

จะลงทุนที่ไหน ในประเทศนอกประเทศ ไม่โง่หรอกครับ หากรู้ธุรกิจที่เราจะไปลงทุนเป็นอย่างดี
ข้อมูลหุ้นต่างประเทศไม่ได้หายากหรอกครับ บางทีมีการเปิดเผยโปร่งสัยกว่าหุ้นในประเทศซะด้วยซ้ำ
กลต ของเมืองนอก ทำงานได้ดีไม่ด้อยไปกว่าเมืองไทยแน่ครับ

+1ตามพี่โดมครับ

คนฉลาด ต้องซื้อกิจการที่ถูก ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของมุมโลกครับ

คนโง่ เท่านั้น ที่จะชอบซื้อของแพง กิจการห่วยๆ

หลักการที่สำคัญคือ

1.เรารู้จักกิจการนั้นดีพอแค่ไหนที่จะลงทุน

2.เรามองเห็นอนาคต ของหุ้นนั้นอีก 5-10ปีไหม และกิจการนั้นอีก5-10ปีจะยังอยู่ไหม

ถ้าไม่เห็น ก้อย่าไปมองมันแม้เพียง 5-10 นาที ก้ถือว่า มันมากพอ

-ขอบพระคุณทุกท่านครับ
โดยเฉพาะท่านอ.blueplanet ที่เปิดประเด็นกระตุ้นต่อมคิด

ฟังใครพูดก็จำไม่ได้ ว่าหุ้นคาร์ฟูมารเก็ตแคปเหลือแค่25%
เทียบกับตอนรุ่งๆ กะเรื่องหุ้นบีเอ็มที่ดร.ก้องเกียรติ เคยบอกไว้
ก็ตาโต ต่อมโลภบานขึ้นมาทันใด

แต่อยากรู้ประสบการณ์ต่างประเทศ
ทั้งดี+ไม่ดี
แบบที่ท่านอ. picatos dome@perth yoyo
หรือ อ.ท่านอื่นๆก็ได้ครับ

ขอบพระคุณ+สาธุ

จริงๆแล้ว การพูดและการแสดงความเห็นของผมไม่น่าสนใจเท่าไหร่
เพราะเป็นความเห็นของคนที่ไม่มีประสพการณ์ตรง
อยากอ่านจากคนมีประสพการณ์ในการลงทุน ต่างประเทศโดยตรง
เป้าหมายในการลงทุนหุ้นของผม คือ ผลตอบแทนจาก Capital gain +Dividend yield (เท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่ตลาด)
ข้อจำกัดของผม คือ เงินทั้งหมดที่มี เวลาวันละ 8 ช.ม. อ่านภาษาไทยได้ดีมาก อ่านภาษาอังกฤษได้บ้าง(ช้ามาก)
ความรู้ทั่วๆไปในประเทศไทยดีมาก บัญชีการเงินประเทศไทยดี กฏหมายประเทศไทยดี ผมรู้จักหุ้นในประเทศไทยดี
Excellใช้เป็น(อยากเรียนAccess ซึ่งจะทำให้การใส่ข้อมูล จัดเรียงเลือกข้อมูลได้ดีขึ้น)
ความรู้ทั่วๆไปในอเมริการู้บ้าง (รู้จากในหนัง) บัญชีการเงินกฎหมายหุ้นของอเมริก ไม่รู้เรื่อง
ส่วนเรื่องความสุขในการลงทุน ไม่เครียด หวังกำไรเยอะๆ หรือ หวังกำไรนิดหน่อย ไม่ใช่เป้าหมายผม
เมื่อเอาเป้าหมายและข้อจำกัดของผมมาพิจารณา ผมสรุปว่า อย่างไรผมก็ไม่ซื้อหุ้นที่ USA
และยิ่งถ้าพิจารณาจากเมกาเทรนด์ซึ่งต่อไปการเติบโตสูงจะอยู่ในเอเซีย (ไทยก็อยู่ในนั้น)
ถ้านับค่าเงินและอัตราดอกเบี้ยด้วยแล้วอย่าหวังเลย ว่า ผมจะไปลงทุนในอเมริกา

blueplanet เขียน:จริงๆแล้ว การพูดและการแสดงความเห็นของผมไม่น่าสนใจเท่าไหร่
เพราะเป็นความเห็นของคนที่ไม่มีประสพการณ์ตรง
อยากอ่านจากคนมีประสพการณ์ในการลงทุน ต่างประเทศโดยตรง
เป้าหมายในการลงทุนหุ้นของผม คือ ผลตอบแทนจาก Capital gain +Dividend yield (เท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่ตลาด)
ข้อจำกัดของผม คือ เงินทั้งหมดที่มี เวลาวันละ 8 ช.ม. อ่านภาษาไทยได้ดีมาก อ่านภาษาอังกฤษได้บ้าง(ช้ามาก)
ความรู้ทั่วๆไปในประเทศไทยดีมาก บัญชีการเงินประเทศไทยดี กฏหมายประเทศไทยดี ผมรู้จักหุ้นในประเทศไทยดี
Excellใช้เป็น(อยากเรียนAccess ซึ่งจะทำให้การใส่ข้อมูล จัดเรียงเลือกข้อมูลได้ดีขึ้น)
ความรู้ทั่วๆไปในอเมริการู้บ้าง (รู้จากในหนัง) บัญชีการเงินกฎหมายหุ้นของอเมริก ไม่รู้เรื่อง
ส่วนเรื่องความสุขในการลงทุน ไม่เครียด หวังกำไรเยอะๆ หรือ หวังกำไรนิดหน่อย ไม่ใช่เป้าหมายผม
เมื่อเอาเป้าหมายและข้อจำกัดของผมมาพิจารณา ผมสรุปว่า อย่างไรผมก็ไม่ซื้อหุ้นที่ USA
และยิ่งถ้าพิจารณาจากเมกาเทรนด์ซึ่งต่อไปการเติบโตสูงจะอยู่ในเอเซีย (ไทยก็อยู่ในนั้น)
ถ้านับค่าเงินและอัตราดอกเบี้ยด้วยแล้วอย่าหวังเลย ว่า ผมจะไปลงทุนในอเมริกา

ลงทุน แต่ เมือง ไทยก็ รวย ได้ครับ
หรือ ลง ทุน เมือง นอกด้วย ก็ รวย ได้ เช่น เดียวกัน

หลากหลายความเห็น แต่ละคนมีวิธีที่ถนัดต่างกัน สุดท้ายแล้วถ้ายึดแนวทางที่ถูกต้อง ก็สามารถถึงจุดหมายปลายทางได้เหมือนกัน ความเห็นไม่ตรงกันในบอร์ด ก็ไม่เป็นไร อ่านเป็นข้อมูลครับ เพราะท้ายที่สุด......

การลงทุนเค้าวัดกันที่พอร์ท ไม่ใช่วัดกันที่บอร์ด (credit คุณ beaeaebe)

AND

Stay Hungry Stay Foolish (Steve Job)......... ทำตัวให้โง่เข้าไว้ จะได้มีความพยายามเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ ถ้ารู้สึกว่าตนเองฉลาด คนอื่นโง่ นั่นคือคุณกำลังหยุดเรียนรู้

ส่วนกระทู้ ทำไมต้องลงทุนต่างประเทศ ผมว่าสุดท้ายแล้วถ้าพอร์ทการลงทุนเริ่มใหญ่ขึ้นมาก คงต้องหาทางลงทุนต่างประเทศบ้าง หุ้นไทยขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องพอ ไม่มีพอให้ซื้อ

investment biker เขียน: ผมว่าสุดท้ายแล้วถ้าพอร์ทการลงทุนเริ่มใหญ่ขึ้นมาก คงต้องหาทางลงทุนต่างประเทศบ้าง หุ้นไทยขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องพอ ไม่มีพอให้ซื้อ

ท่านเจ้าสัว(ใหม่)มาเองเลยนะครับ ^^