Re: น้องเยลหลีอายุ 12ปีออกรายการmoneytalkพุธ30พคนี้4ทุ่ม
โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 16, 2012 12:43 am
น่าชื่นชมแทนพ่อแม่ครับ
เว็บบอร์ดเพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
https://thaiviv3.mdsoft.co.th/./
ในส่วนตรงนี้ผมว่าแล้วแต่การสอนของพ่อแม่นะครับ ผมว่าสอนให้รู้จักการลงทุน รู้จักคุณค่าของเงิน การเรียนเอาแค่ดีไม่ต้องถึงขั้นดีมากหรือที่1 มีเวลาเล่นที่เพียงพอ ผมเชื่อว่าน่าจะทำให้เด็กมีมิติความคิดที่ลึกกว่าปกตินะครับ แต่ถ้าผู้ปกครองไม่ได้สอนควบคู่อย่างใกล้ชิดหรือสอนผิด ก็อาจจะแทงตัวเราได้ ผมว่าเหมือนกับไฟครับใช้ผิดก็บาดเจ็บใช้ถูกก็มีประโยชน์^^patongpa เขียน:ผมไม่เห็นด้วยเลยครับที่สอนเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาเล่นหุ้น. แม้จะอ้างว่าเป็นการลงทุนก็ตาม. เพราะสตางค์ที่มาลงยังต้องขอพ่อแม่อยู่เลย. เอาเวลาไปตั้งใจเรียนจะเหมาะสมกว่านะครับ. หรือถ้าเป็นผมๆก็ิอยากให้ลูกได้ใช้ชีวิตในวัยเด็กของแกกับเพื่อนๆที่โรงเรียนให้สนุกคุ้มค่ากับความเป็นเด็ก. .
-ผมว่าถ้าสอนให้ลงทุนแบบดูที่มูลค่า ไม่ดูราคาน่าจะออกมาดีนะครับ แต่ต้องมีเวลาดูเขาหน่อย และต้องไม่เฝ้าจอให้ลูกเห็นเป็นตัวอย่าง^^patongpa เขียน:
ที่เขียนนี่ไม่ตรงกับที่หลายคนคิดนะครับจะโดนแบนไม๊เนี่ย. ถามจิงอยากให้เด็กเล่นหุ้นเนี่ย คิดไม๊ครับว่าถ้าส่งเสริมกันแบบนี้อีกหน่อยก็ต้องมีจอหุ้นไว้ที่ห้องเรียน พักกลางวันก็จะมีการจับกลุ่มฝากแทงหุ้น เพราะยังเปิดพอร์ตเองไม่ได้ หรือบางคนแอบขโมยตังแม่มาเล่น. เล่นได้ก็ดีใจกัน. แต่ถ้าเสียล่ะครับ เด็กต่อเด็กอาจแหนงใจกัน เป็นเรื่องวุ่นวายไปถึงผู้ปกครองเข้าให้อีก ที่พูดนี่ไม่ได้คิดเองทั้งหมดนะครับ จำมาจากซีรี่จีนที่กำลังฉายช่อง ทรู 141 ครับ. ใครสนใจก็รีบเปิดดูครับ ฉายตอน 1ทุ่มทุกวันจันทร์ถึงศุกร์. ปลายอาทิตย์หน้าก็อวสานแล้วนะครับ. ละครดีๆเกี่ยวกับหุ้นแบบนี้หาดูที่ไหนก็ไม่มีซะด้วย.
เห็นด้วยหมดเลยครับพี่^^patongpa เขียน: ผมเดาละกันนะครับว่าเป็นปกติของเด็กๆที่เห็นพ่อแม่ทำอะไรก็จะมาสนใจใฝ่รู้ ลูกผมก็เป็นครับ ถ้าลูกผมจะสนใจหุ้นผมก็สอนครับแต่คงไม่ให้ตัดสินใจเล่นเอง สอนแค่ให้รู้ว่าพ่อทำอาชีพอะไรแค่นั้นแหละ แล้วก็สอนให้เค้ารู้ว่าการลงทุนมีได้มีเสียนะ อย่ามองแต่แง่บวก เมื่อเค้าโตขึ้นมีวุฒิภาวะพอจะควบคุมอารมณ์กับความโลภและความสูญเสียได้นั่นแหละครับถึงจะเหมาะกับการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น เราเห็นดีเห็นงามไปสอนเด็กให้เข้ามาเล่นตอนที่จิตใจเค้ายังไม่พร้อม ผมว่าต่อไปอาจจะมีปัญหาเด็กโดดตึกตายเพราะเสียหุ้นก็เป็นได้นะครับ แค่สอบได้คะแนนไม่ดี เพื่อนไม่คุยด้วย แฟนทิ้ง ยังเห็นโดดกันเลย แล้วถ้าต้องเสียเงินเนี่ยจิตใจเค้าจะเป็นยังไง น่าเป็นห่วงครับ
Our Education System
http://www.facebook.com/photo.php?fbid= ... 196&type=1
อ่านเจอในหนังสือ "ปัญญาญาณ" ตัดตอนเอามาแชร์ให้อ่านกัน ยาวหน่อยแต่น่าอ่าน โดยเฉพาะคนที่มีลูก เป็นมุมมองส่วนหนึ่งในเรื่องการศึกษา ใครสนใจลองไปหาซื้ออ่านดูครับ เม้นแรกจะลงรูปหนังสือให้ดูครับ หนังสือดีครับ
เชาวน์ปัญญา เป็นสิ่งที่ท่านมีมาแต่กำเนิด มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตท่านตั้งแต่แรกเริ่ม เด็กทุกคนเกิดมาพร้อมเชาวน์ปัญญา พวกเขามีความแหลมคม แต่พอพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ สิ่งเหล่านี้กลับหายไปจนเกือบจะหมดสิ้น มันต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้นระหว่างทางเป็นแน่
เพื่อนข้าพเจ้าคนหนึ่งได้ส่งเรื่องที่ชื่อว่า "โรงเรียนของสัตว์" ให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอยากจะเล่าให้ท่านฟัง เรื่องมีอยู่ว่า...
"ในวันหนึ่งสัตว์ทั้งหลายในป่าได้มารวมตัวกัน และตัดสินใจว่าจะตั้งโรงเรียนของสัตว์ขึ้นมา กระต่าย นก กระรอก ปลา และปลาไหล ได้รับเลือกให้เป็นกรรมการพัฒนาหลักสูตร กระต่ายยืนกรานว่าเรื่องการวิ่งจะต้องเป็นวิชาหนึ่งในหลักสูตร นกบอกว่าเรื่องการบินก็ต้องอยู่ในหลักสูตร ปลาบอกว่าการว่ายน้ำจะต้องอยู่ในหลักสูตรเช่นกัน ส่วนกระรอกนั้นบอกว่าการปีนขึ้นต้นไม้ในแนวดิ่งก็เป็นสิ่งที่จำเป็น และเห็นว่าน่าจะต้องรวมไว้ในหลักสูตรด้วย ซึ่งในที่สุดพวกสัตว์ทั้งหลายที่ได้รับมอบหมายให้ร่างหลักสูตรก็ได้นำวิชาต่างๆ เหล่านี้มารวมกัน และจัดทำเป็นหลักสูตรขึ้นมา พวกมันได้ป่าวประกาศไปยังสัตว์ทั้งหลาย และบังคับให้สัตว์ที่เข้าเรียนหลักสูตรนี้จะต้องผ่านทุกวิชาตามที่กำหนดไว้
กระต่ายซึ่งเคยได้เกรดเอจากการวิ่ง มีปัญหามากในเรื่องการปีนต้นไม้ในแนวดิ่ง มันปีนขึ้นไปแล้วก็ตกลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดหัวสมองของมันก็ถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ทำให้ไม่สามารถจะวิ่งต่อไปได้ จากที่มันเคยได้เกรดเอในการวิ่ง ตอนนี้มันกลับได้เกรดซี และที่แน่นอนก็คือมันได้เอฟ (สอบตก) ในการปีนต้นไม้ นกที่เคยเก่งมากในเรื่องการบิน แต่พอต้องเรียนวิชาขุดโพรงลงไปในดิน มันก็ทำได้ไม่ดีนัก จะงอยปากของมันแตกและปีกของมันก็หัก ไม่ช้าไม่นานมันก็ได้เกรดซีในวิชาการบิน และได้เอฟในวิชาขุดโพรง และมันก็ประสบปัญหาในเรื่องการปีนต้นไม้ในแนวดิ่งเช่นกัน
ในที่สุดสัตว์ที่สามารถเรียนจบผ่านหลักสูตรนี้ไปได้กลับกลายเป็นเจ้าปลาไหล ที่ทำทุกอย่างผ่านได้แบบครึ่งๆ กลางๆ แต่มันก็ทำให้ผู้สร้างหลักสูตรมีความสุข ที่เห็นว่าสัตว์เหล่านั้นได้เรียนรู้ทุกวิชาที่เหล่าบรรดากรรมการหลักสูตรได้พัฒนาขึ้นมา และต่างพากันเรียกการศึกษาแบบนี้ด้วยความภูมิใจว่าการศึกษาแบบ "ครอบจักรวาล"
ฟังเรื่องนี้แล้วเราอาจจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าขบขัน แต่นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับการศึกษาของพวกเรา เราพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะทำให้คนทุกคนเหมือนกัน เราได้ทำลายศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในคนแต่ละคน เราบั่นทอนความเป็นตัวของตัวเองในคนแต่ละคนจนหมดสิ้น
เชาวน์ปัญญาที่ติดตัวมาเริ่มตายไปในขณะที่เราพยายามจะลอกเลียนคนอื่น หากท่านต้องการจะให้เชาวน์ปัญญาที่มีมาคงอยู่ ท่านต้องเลิกการเลียนแบบ เชาวน์ปัญญาจะถูกกำจัดไปโดยปริยายหากท่านทำตามผู้อื่น เมื่อใดก็ตามที่ท่านเริ่มคิดจะเป็นเหมือนคนอื่น ท่านจะสูญเสียเชาวน์ปัญญาทีท่านมีอยู่ไป ท่านเริ่มจะโง่เขลานับตั้งแต่วินาทีที่ท่านเริ่มเปรียบเทียบตัวท่านกับคนอื่น ท่านจะสูญเสียความสามารถตามธรรมชาติของท่าน ท่านจะไม่มีความสุขอีกต่อไป ท่านจะไม่ได้สัมผัสกับความใสสะอาด ท่านจะสูญเสียความคมชัด เสียวิสัยทัศน์ของท่านไป ท่านจะต้องหยิบยืมดวงตาของผู้อื่นมาใช้ แล้วเราจะมองผ่านดวงตาของคนอื่นได้อย่างไร? เราต้องใช้ดวงตาของเราเอง เราต้องเดินด้วยลำแข้งของเราเอง เราต้องใช้หัวใจที่เป็นของเราเอง คนหลายคนมีชีวิตอยู่ได้โดยอาศัยของที่หยิบยืมมาจากผู้อื่น คนเหล่านี้จะรู้สึกว่าชีวิตของเขาติดขัดเป็นอัมพาต มันทำให้พวกเขารู้สึกว่าโง่เง่าเบาปัญญา
โลกเราต้องการการศึกษาในรูปแบบใหม่ คนที่เกิดมาเป็นกวี จะรู้สึกว่าตัวเองนั้นโง่มากในวิชาคณิตศาสตร์ ส่วนคนที่อัจฉริยะในทางคณิตศาสตร์ก็ต้องมามะงุมมะงาหราอยู่กับการท่องวิชาประวัติศาสตร์ ทุกสิ่งทุกอย่างมันกลับหัวกลับหางค่อนข้างยุ่งเหยิง เป็นเพราะว่าการศึกษาไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติของคนแต่ละคน ไม่ได้ให้ความเคารพในสิ่งที่คนแต่ละคนมี ควบคุมบังคับให้ทุกคนเป็นไปตามรูปแบบที่กำหนด อาจจะมีคนบางคนที่เดินไปกับรูปแบบนี้ได้ แต่ก็มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
คนส่วนใหญ่จะรู้สึกเหมือนหลงทาง และลำบากใจ
ความทุกข์ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตคือความรู้สึกที่ว่าตัวเองโง่ ไม่มีค่า ไม่มีเชาวน์ปัญญา เราต้องอย่าลืมว่าทุกคนเกิดมาพร้อมกับเชาวน์ปัญญา เราเกิดมาพร้อมกับความงดงามนี้ มันเป็นสิ่งที่หอมหวานที่ติดตามเรามาจากดินแดนอันไกลโพ้น แต่ครั้นเมื่อมาถึงโลกนี้ สังคมก็เริ่มโจมตีเรา เข้ามาจัดแจง เปลี่ยนแปลง สั่งสอน ตัดต่อ เติมแต่ง จนในที่สุดเราก็สูญเสียสิ่งเดิมที่มีติดมาจนไม่เหลืออะไรเลย นั่นคือวิถีทางที่ทำให้เชาวน์ปัญญาของเราถูกทำลาย
จากหนังสือ "ปัญญาญาณ" ของ OSHO แปลโดย ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด สำนักพิมพ์ Free MIND