หน้า 2 จากทั้งหมด 7

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 01, 2012 12:25 pm
โดย humdrum
ในช่วงสงครามโลกหนึ่ง มังเกอร์ใช้เวลาส่วนใหญ่เล่นโปกเกอร์ ผมว่าเขาเล่นจนเกิดความชำนาญอย่างมากจนกลายเป็นทักษะติดตัวเขาเลย และเขาว่าจากประสบการณ์ครั้งนั้นมันเป็นรากฐานของการลงทุนและการทำธุรกิจในอนาคตสำหรับเขาครับ

Charlie on Playing Poker:

What u've to learn is to fold early when the odds r against u, or if u've a big edge, back it heavily because u don't get a big edge often. Opportunity comes, but it doesn't come often, so seize it when it does come.

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 01, 2012 2:03 pm
โดย โอรสสวรรค์
humdrum เขียน:
โอรสสวรรค์ เขียน:เข้าไปที่เว็บนี้ครับ
http://keepvid.com/

ผมเก็บได้แล้วครับ ขอบคุณมากครับ
จากเว็บนี้ มีอะไรที่เราต้องระวังไหมครับคุณโอรส
ที่ใช้มาไม่เคยมีปัญหาอะไรครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 01, 2012 3:37 pm
โดย iceberg
สวัสดีครับ
ทักษะการเล่น Poker เป็นประโยชน์มากในการลงทุนนะครับ
ไม่ว่าจะเป็นแนว VI หรือ เทคนิค

เคยอ่านในพันธทิพ คุณ mudley ซึ่งเป็น fund manager ที่เก่งมากครับ
เคยทำงานให้กองทุนฝรั่งมาด้วย
บอกว่าทักษะอย่างนึงที่จำเป็นสำหรับ trader คือ การเล่น Poker ครับ แปลกดี
ต่อให้คุณจบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกา แต่ถ้าไม่มีทักษะด้านนี้
ยากนะครับ ที่เค้าจะรับทำงาน

ผมดูใน youtube พวกที่เล่น poker ที่นิยมน่าจะเป็น poker texas hold'em
มีการแข่งขันเป็น tournament เลยครับ
พวกนี้เก่งทั้งนั้นเลยครับ มันมีลูกเล่นหลายอย่างเลยครับในการเล่น ถ้าเราดูเป็น

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 01, 2012 3:47 pm
โดย iceberg
ภาษาอังกฤษนี้ ผมไม่เก่งเอาเลยครับ
ทักษะการฟังนี่เหมือนเด็กไทยทั่วไป คือ ฟังไม่รู้เรื่องครับ
การอ่าน ผมเปิดดิกชั่นนารี เกือบทุกบรรทัด
แต่โชคดีว่า ผมเป็นคนชอบอ่านนะครับ ก็เลยมีความอดทนมากหน่อย :D

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 01, 2012 4:02 pm
โดย humdrum
คุณ ice ทราบไหมว่า second-guessing แปลว่าอะไรครับ
เปลี่ยนเป้นภาษาไทยนะครับ
เจอตรงไหนของ Munger พูดเป้นอังกฤษ
มาแลกเปลี่ยนกันบ้างก็ดีนะครับ ภาษาของมังเกอร์แปลยากมาก
ผมจะได้เข้าใจมากขึ้น

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 01, 2012 4:09 pm
โดย humdrum
ถามอีกข้อครับ เผื่อคุณ ice ทราบครับ
ผมกำลังคิด หาทางทำอย่างไรถึงเปลี่ยนนิสัยลูกน้องท่านหนึ่ง
ที่มีนิสัย second guessing ได้
อ่านวิธีแก้จาก Letter to Shareholders ของ Buffett ก็ยังไม่เข้าใจ
เอาไว้ผมจะเข้ามาอ่านตอนดึกอีกทีนะครับ
ตอนนี้ต้องไปรับลูกแล้วครับ
แล้วคุยกันอีกพรุ่งนี้ครับ
Thanks for your commitment!

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 01, 2012 4:28 pm
โดย iceberg
เวลาคุณ humdrum post จะมีความรู้มาฝากเสมอ ขอบคุณมากนะครับ

ผมเลยจะขอเสนอเกร็ดความรู้เล็กน้อยจากที่อ่านหนังสือมาบ้างนะครับ
หากผมเข้าใจผิดหรือไม่ถูกต้อง แนะนำผมด้วยนะครับ

ผมได้อ่านในหนังสือ Influence ของ Robert Cialdini
จะมีหัวข้อนึง ชื่อ Social Proof
ถ้าเป็นไทยๆ ก็คงจะเป็น เข้าเมืองตาหลิว ต้องหลิวตาตาม มั้งครับ
ในเหตุการณ์บางอย่าง ถ้าเราไม่แน่ใจหรือไม่คุ้นเคย เราจะดูคนรอบข้าง
ว่าคนอื่นเค้าทำอย่างไร แล้วเราจะทำตามนั้นครับ นี่คือ Social Proof

ถ้าเราเข้าไปใน 7-11 จะเห็นว่า มีสินค้าบางรายการมีป้าย Best Seller นั่นแหละครับ Social Proof
มันเป็นผลทางจิตวิทยา สมมติว่าเราต้องการซื้อขนมบางอย่างในร้าน แต่ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร
เรามักจะดูว่า คนอื่นเค้ากินอะไรกันนะ พอเจอป้าย best seller ก็เลยตัดสินใจแบบอัตโนมัติ
ทั้งที่จริงๆ แล้ว เราควรจะซื้อ อะไรที่เราคิดว่า เราอยากกินมากกว่า

คราวนี้พอสินค้าที่ขึ้นป้าย best seller จากการติดป้าย มันก็จะเกิดการ Reflexivity
ไปสะท้อนที่ยอดขายดีขึ้น จากยอดขายที่ดีขึ้น ทำให้ต้องติดป้าย best seller สะท้อนกลับไปมา
จนเราไม่รู้ว่า จริงๆ แล้ว best seller มันเกิดขึ้นจาก ยอดขายที่มากแล้วมาติดป้าย best seller
หรือติดป้าย best seller แล้วทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ปกติพวกขนมนี้ เค้ามีหลักจิตวิทยาหลายอย่างในการขายของนะครับ
เท่าที่ผมเคยอ่าน คนที่อธิบายได้ดีและละเอียด คือ Charlie Munger นะครับ
เค้าอธิบายถึง วิธีการขายของ Coke ตั้งแต่เริ่มเลยครับในนังสือ Damn Right ที่คุณ humdrum ชอบ
(จริงๆ แล้ว Damn Right เป็นหนังสือเล่มแรกของ Charlie ที่ผมซื้อเลยครับที่ร้าน kinokuniya
เพราะตอนนั้นผมยังสั่งซื้อจาก Amazon ไม่เป็น :D )

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 01, 2012 7:07 pm
โดย iceberg
humdrum เขียน:คุณ ice ทราบไหมว่า second-guessing แปลว่าอะไรครับ
เปลี่ยนเป้นภาษาไทยนะครับ
เจอตรงไหนของ Munger พูดเป้นอังกฤษ
มาแลกเปลี่ยนกันบ้างก็ดีนะครับ ภาษาของมังเกอร์แปลยากมาก
ผมจะได้เข้าใจมากขึ้น
คุณ humdrum ผมไม่มีข้อมูลนี้เลย ต้องขอโทษด้วยครับ
ถ้าเป็นไปได้ ขยายความเพิ่มเติมให้มากกว่านี้ก็จะดีครับ
ผมจะได้เก็บเป็นความรู้ไปด้วย

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 01, 2012 8:57 pm
โดย humdrum
เหมือนหวยออกเลขท้ายสองตัวมาแล้ว
ค่อยมาตีหวยว่า "คิดไว้แล้วเชียวต้องออกเป้นเลขรถของนายก"
แต่ก่อนหวยออกไม่กล้าฟันธงครับ
น้องคนนี้ไม่กล้า take positions
เข้าอีกทีราคาขยับขึ้นไปแล้ว
จะว่าไปน้องท่านนี้คล้ายที่คุณไอซ์บอกเหมือนกันครับ
ผมนึกตั้งนานว่าเขามีปัญหา psychological principles ในข้อไหน
น่าจะเป็น social proof ได้เหมือนกันนะครับ
คิดไปคิดมา นี่อาจมีอีกข้อหนึ่งด้วย social approval
เวลาให้พูดต่อหน้าคนเยอะๆ น้องท่านนี้เหมือนกลัวไมค์
เสียงสั่นตลอดเลย ผมมีความคิดละ นี่ต้องขอบคุณคุณไอซ์
เวลารับน้องเทรดเดอร์ใหม่เข้ามาทำงาน
ผมจะจับให้แนะนำตัวเองหน้าห้องให้หมดเลย

Thanks for you reciprocation!

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 01, 2012 9:38 pm
โดย humdrum
จะว่าไป ผมก้ผิดเหมือนกัน น้อง second guessing ท่านนี้จบใหม่ จบยูดังจากอเมริกาครับ
มาแรกก็เข้าข่ายน้องจบใหม่ไฟแรงทุกคน เหมือนผมแรก overconfidence มาก เห็นอะไรเป้นไฟเขียวไปหมด คิดถึงตัวเองสมัยก่อน ยังมีอีกกรณีที่เหมือนผมคือเข้าข่ายเป็นผู้ชายมีฆ้อน "Man with a hammer" เขาใช้ mathematics เข้ามาเลือกหุ้นทั้งหมด เหมือนกองทุนอื่นมันเป้นประเพณี ที่เวลาก่อนเข้าลงทุนหุ้นตัวไหน ทุกคนต้องมีเหตุผลว่าเพราะอะไร แต่ที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นตรงที่ ถ้าคาดการณ์ผิดแล้ว ต้องเอาข้อผิดพลาดมาวิเคระห์กันต่อหน้าอื่น หลังจากเข้าลงทุนแล้วไม่เป็นอย่างที่คิด ถ้าอายุมีประสบการณ์หน่อย ไม่ค่อยมีปัญหาหาหรอกครับ แต่ที่รับไม่ได้มีกจะเป็นพวก freshy อย่างนี้ เล่นบท psycho อย่างนี้ ทำให้เขาขาดความเชื่อมั่นในตนเองจนกลายเป็นคน second guessing ตอนนี้เห็นอะไรเป็นไฟแดงไปหมด ผมไม่อยากให้เขากลายเป้นคนเห้นแต่ไฟแดงด้านเดียวหรือเห็นแต่ไฟเขียวด้านเดียว ถ้ากลายเป้นตาบอดสีได้ยิ่งดี จากประสบการณ์ผม ลูกน้องที่เป้นเทรดเดอร์เก่งๆ ตาบอดสีกันหมดทั้งนั้น หรือว่าผมจะลองให้เขาอ่าน Soros กลัวจะออกก้อยมากกว่าออกหัว ไม่ใช่ขอลาออกไปเลย
คุณไอซ์มีคำแนะนำอย่างไรบ้างสำหรับกรณีนี้ครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 02, 2012 11:24 pm
โดย iceberg
ตามที่คุณ humdrum จะให้ผมแนะนำเรื่องนี้ ผมไม่มีความรู้นะครับ
ที่จริง กลัวว่าจะแนะนำผิดไป เหมือน man with hammer เพราะข้อจำกัด
ของความรู้ผม แนะนำไม่ถูกโรค เดี๋ยวจะเสียหายเพิ่มมากขึ้น
แต่ขอเสนอความคิดหน่อยครับ

ผมลองเอา model การคิดจาก EISENHOWER MATRIX Model
ขอสอบถาม คุณ humdrum ว่าเจ้า second guessing
1.มีความสำคัญ
2.มีผลต่อการทำงาน
ถ้าไม่สำคัญและไม่มีผลต่อการทำงาน คิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะแก้ครับ
ถ้าสำคัญแต่ไม่มีผลต่อการทำงาน ผมว่ามันก็ไม่น่ากังวลนะครับ
ถ้าไม่สำคัญแต่มีผลต่อการทำงาน อันนี้น่าจะแก้ไขแต่อาจจะค่อยเป็นค่อยไป
ถ้ามีความสำคัญและมีผลต่อการทำงาน อันนี้แก้ไขด่วนเลยครับ

คราวนี้มาถึง overconfidence ตามความรู้นิดหน่อยของผม
ผมชอบนะครับคนที่ overconfidence จะดีกว่า risk-aversion
แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องอยู่ในช่วงเริ่มต้นนะครับ หมายถึง อายุต้องยังน้อย
เงินทุนยังไม่มาก เพราะถ้าพลาดแล้ว ยังเริ่มได้ใหม่และได้เก็บประสบการณ์ด้วย
เพราะถ้าอายุมากและมีเงินทุนมาก การเกิด overconfidence นี่ โป้งเดียวจอดเลยครับ
เหมือนกองทุน LTCM

ที่เคยอ่านใน annual report ของ berkshire บัพเฟตเขียนถึง
เรื่องความผิดพลาดใน 25 ปีของเค้าเอง ถ้าจำไม่ผิด
ความผิดพลาดของเค้าแบ่งได้ 2 แบบนะครับ
1. ความผิดพลาดที่เกิดจากการได้ทำอะไรลงไป เช่น การซื้อบริษัท bershire , ห้างสรรพสินค้าเกรดสอง ฯลฯ
2. ความผิดพลาดที่เกิดจากการไม่ทำอะไร ซึ่งมักมีมูลค่าสูงกว่าข้อแรก คือ ไม่ได้ลงทุนในบริษัทที่
เค้าเข้าใจดีและราคาอยู่ในระดับที่เค้าพอใจในตอนช่วงเวลานั้น

เจ้า second guessing คงอยู่ข้อ 2 ครับ

หวังว่าคงเป็นประโยชน์ครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2012 9:09 am
โดย humdrum
คุณไอซ์ทำให้ผมนึกออกได้ว่า second guessing ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงมาก คล้ายๆ กับ do-nothing syndrome ใน Human Misjudgement ข้อที่ 33 ถ้าได้ตีกรอบปัญหาอย่างนี้ให้มีความมหมายที่ชัดเจน ผมพอจะทราบวิธีแก้ได้บ้างแล้วครับ
ขอบคุณครับ ข้อที่ 39 อาจารย์ Munger เขียนไว้อย่างนี้ครับ 39 Do-Nothing Syndrome
Sometimes we don't act when we know we should. We ignore Noah's principle: Predicting rain doesn't count, building arks does.
ผมชอบนะ ประโยคข้างบนของโนมา โดนมากเลย สิ่งที่ Hedge Managers จะต้องเก่งที่สุดก็คือการ hedge คนที่นี่ผมเห็นได้ชัด เขามีทักษะที่เติมในตัวพวกเขาทุกวัน ซึ่งคนไทยไม่เก่งเรื่องรับมื่อกับความผันผวนเลย ดูจากเวลาเกิดภัยธรรมชาติ แต่แบงค์ชาติเขาเก่ง ผมสังเกตุเด็กมาฝึกที่นี่ออกไปเดินข้างนอกนิสัยใจคอพฤติกรรมต่างจากคนข้างนอกคือ พวกเขาเป็นธรรมชาติไปเลยที่เตรียม exit plan กันหมดไม่ว่าทำอะไรในอาชีพหรือในชีวิตประจำวัน เดี่ยวจะเรียกแซวลูกน้องไอ้ที่ชอบ second guessing ว่า "นอา" มันจะต้องถามว่าทำไม ผมจะอธิบายให้มันฟัง ดูซิว่าเวลาเรียกมันว่าโนอาแล้วมันจะเปลี่ยนนิสัยใจคอกลายเป้นโนอาบ้างไหม เทรดเดอร์ที่จบจากยูดังหรือไม่ดัง เก่งเรียนหรือไม่เก่งเรียน จบเกรดเกรียติยมก็ตาม มันไม่สำคัญทั้งหมด เท่ากับไอ้เวลาที่ถึงเวลาที่ต้องซื้อ ดันไม่ซื้อ เวลาขายดันไม่ขาย แล้วทักษะนี้มันฝึกยากมาก มันต่างกันตรงนั้น มหาลัยกลับไม่สอน เหมือนอย่างที่สมาชิท่านหนึ่งทีี่ใช้ login ว่า nanchan เคยพูดว่า "ถ้าเห็นว่าหุ้นดีแล้วไม่ซื้อ เลิกเล่นไปเลยดีกว่า"

ถ้าผมแก้นิสัยเขาไม่ได้ ก็คงต้องทำใจ cut ออกเหมือนกันครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2012 11:04 am
โดย humdrum
ผมติต่างว่าคุณไอซ์เข้าใจ Human Misjudge เป้นอย่างดี ถ้าไม่แน่ใจ ก็บอกกันด้วยนะครับ ไม่อย่างนั้น ผมจะผิดเรื่องของ expectations ตั้งแต่แรก
เผื่อไม่ให้เราตกอยู๋ในกับดักทางจิตวิทยาในหัวข้อเรื่อง Liking ซึ่งเป้นหัวข้อผิดพลาดที่พบเห้นมากที่สุดในสังคมออนไลน์หรือผมจะบอกว่าในสังคมไทวิก็คงเป้นเช่นกันก็คงไม่ต่างจากความเป้นจริงมากเท่าใดนัก

We believe , trust and agree with people we like. We like people who like us. We like similar people like us in background, opinion, lifestyle, interest, attitudes, look, value and belief.


ผมจะลองคุยกับคุณไอซ์ใน invert อีกแบบหนึ่งนะครับ แบบที่ตรงข้ามกับ Liking คือ Unliking
We don't want to talks to peple we don't like. อย่างที่ Benjamin Franklin บอกว่า Love your enemies 'cause they tell us our falses.

ตอนนี้ผมกลายเป็นเล่นบทไม่ชอบ Munger แล้ว ผมเห้นว่ามังเกอร์พูดมาก น่ารำคาญ ไม่เจาะจงไปสักเรื่อง ทำไมแค่การลงทุนถึงต้องเอาปรัชญาอะไรมากมายมาใช้ให้มันรกเต็มไปหมดขนาดไปงานเลี้ยง ผู้หญิงส่วนใหญ่ยังไม่ชอบนั่งใกล้เลย ดูก็รู็แล้วว่าน่าเบื่อขนาดไหน

ผมจะมี Human Misjudge attitudes ประมารนี้ซึ่งยังไม่เกินเลยไปมากขนาดที่ผู้พูดที่ไม่ชอบกันกลับไม่เคารพในความคิดเห็นและความแตกต่างของคนอื่น ซึ่งเป้นอีกหัวข้อหนึ่งที่ทำให้คนที่เป้น Mode ต้องออกกำลังกายมากเป้นพิเศษตามอายุวัยวุฒิของไทวิที่มากขึ้นแต่สมาชิกกับมีวุฒิภาวะท่น้อยลง ความจริงกลับ invert ตรงกันข้ามกับชีวิตของคนอย่างไรอย่างนั้น ผมต้องขออภัยคุณไอซืล่วงหน้าครับ เริ่มเลยนะครับ

ผมจะถามว่า ทำไมคุณไอซ์ถึงแหกคอกมาสนใจ Munger ไม่เหมือนชาวบ้านกัน แสดงว่าไม่ชอบอยู๋ในคอก นักลงทุนส่วนใหญ่สนใจแต่ Buffett ทำไมนะคุณไอซ์ถึงอยู๋หลังเขา ไม่ดูคนอื่นบ้าง อยู๋แต่ในดงดอยป่าเขา แถวนี้เขาไม่สนใจมังเกอร์กันหรอกครับ ผมชอบที่คำถามอะไรเอ๋ยของเด็กๆ ที่ครั้งหนึ่ง ถามกันว่า รถคันหน้าชนกัน คันหลังจะทำอย่างไร

ผู้ใหญ่อย่างเราบางครั้งก็คิดอะไรเป็นคุณสมบัติแบบ objective and realism ไปหมด แต่ถ้าใครสามารถมีคุณสมบัติทั้งสองอย่างได้โดยตัด prejudices และ bias ได้หมดก็ถือว่าวิเศษแล้ว แต่จะมีน้อยลงไปอีกมากที่มีทั้งสองอย่างแล้วยังคงคุณสมบัติของ humour ความเป็นเด็กเหมือนมังเกอร์และไอซ์ไสตน์ได้ ผมคิดว่าคุณไอซ์อาจเป็นคนหนึ่งเช่นกัน

ผมขออนุญาติไปเกาหลังก่อนครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2012 1:46 pm
โดย humdrum


ถามคุณโอรสนะครับ เผื่อเข้ามาอ่านบ้าง clip นี้เสียงเบามากครับ เอียงหูซ้ายสับหูขวาฟังก็แล้ว ต้องเอาหน้าไปแนบกับคอมแถบจะเห้นสิวเสี้ยนมังเกอร์อยู่แล้ว เปิดเสียงทั้งเครื่องและคลิปก็ยังเบาอยู่มาก มีกี่วิธีให้เสียงดังขึ้น ถ้าไม่ต้องแก้ที่หูทั้งสองข้างของผมครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2012 8:32 pm
โดย iceberg
คุณ humdrum ครับ ผมเพิ่งเริ่มศึกษาเรื่องพวกนี้นะครับ
ความรู้มีนิดหน่อย พอจะรู้ว่า มันมีอะไรที่ควรจะรู้บ้าง แต่ไม่ลึกครับ

ส่วน Do-Nothing Syndrome มันจะมีตรงกันข้าม คือ do something syndrome ครับ
มันก็มีปัญหาทั้งสองด้านนะครับ เราก็ควรจะระวังไว้ด้วยครับ

ส่วนคำถามทำไมถึงสนใจ Munger อย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่า ได้อ่านหนังสือ
Poor Charlie's Almanac นะครับเลยชอบ หนังสือที่เขียนเกี่ยวกับ
Buffet ผมก็อ่านนะครับ แต่มีข้อสังเกตว่าส่วนใหญ่จะ focus ไปที่การลงทุน
แม้ Buffet เอง ในการเขียนรายงาน annual report จะเน้นไปที่เรื่องพวกนี้นะครับ
ซึ่งผมอ่านทุกปีที่เค้าเขียน

ส่วน Munger จะพูดกว้างกว่า นอกเหนือจากการลงทุนไปจนถึง
แนวทางการใช้ชีวิต มันเป็นเรื่อง ที่ผมไมรู้มาก่อนเลยครับ
ถึงตอนนี้ ผมก็รู้ว่า มีความรู้ที่เป็นประโยชน์อีกมากที่ผมไม่รู้
ผมเลยบอกว่า ยิ่งอ่าน ผมยิ่งไม่รู้อะไรเลยครับ :D

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2012 11:00 pm
โดย โอรสสวรรค์
ไฟล์ที่คุณ humdrum โพสท์มาเสียงเบากว่าปกติจริง ๆ ครับ โดยเฉพาะตอนที่ชาร์ลีพูด แต่ของผมพอเร่งเสียงลำโพงก็ฟังได้นะครับ (ลำโพงเก่า ๆ ของผมน่าจะไม่ถึง 10w ครับ) ไม่แน่ใจว่าคุณ humdrum เร่งเสียงหมดทุกจุดรึเปล่าครับ คือ
1. ใน youtube ตรงที่เป็นรูปลำโพง
2. ในเครื่องคอม บริเวณมุมขวาล่างของจอ เป็นรูปลำโพงเหมือนกัน
3. พอเร่งข้อ 1 และ 2 จนสุดแล้ว ก็มาเร่งที่ลำโพงครับ

แต่ถ้าทำครบทั้ง 3 ข้อแล้วยังไม่ดังก็คงต้อง download ไฟล์ออกมา แล้วหาโปรแกรมช่วยขยายเสียงให้ดังขึ้นครับ

ผมลองใช้โปรแกรม KeepVid (ที่เคยโพสท์บอก) download ออกมาเป็น mp3 แล้วเอาเข้าโปรแกรม nero wave editor ขยายเสียงให้ดังขึ้น เสียงชัดเจนครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 04, 2012 11:00 am
โดย humdrum
โอรสสวรรค์ เขียน:ผมลองใช้โปรแกรม KeepVid (ที่เคยโพสท์บอก) download ออกมาเป็น mp3 แล้วเอาเข้าโปรแกรม nero wave editor ขยายเสียงให้ดังขึ้น เสียงชัดเจนครับ
ผมจะลองดูครับ ขอบคุณมากนะครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 04, 2012 11:05 am
โดย humdrum
iceberg เขียน:ส่วน Munger จะพูดกว้างกว่า นอกเหนือจากการลงทุนไปจนถึงแนวทางการใช้ชีวิต มันเป็นเรื่อง ที่ผมไมรู้มาก่อนเลยครับถึงตอนนี้ ผมก็รู้ว่า มีความรู้ที่เป็นประโยชน์อีกมากที่ผมไม่รู้ผมเลยบอกว่า ยิ่งอ่าน ผมยิ่งไม่รู้อะไรเลยครับ :D


At least, u r honest krab.
And hardwork and honesty, if u keep at them all your life, will get u succeed almost anything krab.

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 04, 2012 11:30 am
โดย humdrum
dr1 เขียน:ท่าน iceberg กะท่าน humdrum น่าจะกรุณาแปลหนังสือของ อ.munger
ให้พวกเราที่ภาษาไม่แข็งแรงได้มีโอกาสอ่านเสริมความคิดกันนะครับ ขอบคุณ และสาธุล่วงหน้าครับ
I came to the Psychology Misjudgement almost against my will. I rejected it until I realized that my attitiude was costing me a lot of money, and reduced my ability to help everything I loved
ทั้งหมดในสิ่งที่อาจารย์มังเกอร์สอน ผมสนใจเรื่อง Human Misjudge มากที่สุด ลองแปลข้อแรกดูครับ ถ้าไมได้เรื่องก็จบไปตามนั้นครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 05, 2012 9:52 am
โดย iceberg
humdrum เขียน: At least, u r honest krab.
And hardwork and honesty, if u keep at them all your life, will get u succeed almost anything krab.
ขอบคุณครับ
ขอให้คำอวยพรนี้เกิดขึ้นกับ คุณ humdrum ด้วยเช่นกันครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 05, 2012 10:15 am
โดย humdrum
สวัสดีวันฉัตรมงคลครับครับคุณไอซ์

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 05, 2012 10:41 am
โดย humdrum
The Psychology of Human Misjudgment ข้อแรก Mere association
ยกตัวอย่าง นายเม้งนั่งอ่าน Poor Charlie's Almanack ซึ่งเป็น collection of speeches and talks by Charlie Munger พิมพ์ครั้งแรกปี 2005 อีกสามปีต่อมาพิมพ์เล่มที่สองเพิ่มเติม speeches ของมังเกอร์มีทั้งหมด 10 อัน ดังนี้
1. Harvard School Commencement June 13, 1986
2."A Lesson in Elementary, Worldly Wisdom as It Relates to Investment Management and Business", University of Southern California Marshall School of Business, April 14, 1994
3."A Lesson in Elementary, Worldly Wisdom, Revisited", Stanford Law School, April 19, 1996
4."Practical Thought About Practical Thought", July 20, 1996
5."The Need for More Multidisciplinary Skills from Professionals: Educational Implications Harvard Law School Class of 1948, April 24, 1998
6."Investment Practices of Leading Charitable Foundations", Foundation Financial Officers Group, October 14, 1998
7.Breakfast Meeting of the Philanthropy Roundtable, November 10, 2000
8."The Great Financial Scandal of 2003", Summer 2000
9."Academic Economics: Strengths and Faults after Considering Interdisciplinary Needs", University of California, Santa Barbara, October 3, 2003
10.The Psychology of Human Misjudgment

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 05, 2012 11:19 am
โดย humdrum
นายเม้งไป search ใน youtube ค้นพบมังเกอร์ไปพูดที่ USC Law School ปี 2007 เขาจึงไปตรวจดู Poor Charlie พิมพ์ครั้งที่สามซึ่งมี speech ที่ USC Law School Commencement address รวมอยู๋ด้วย แต่นายเม้งยังคง serch ต่อไปเรื่อยๆ และค้นพบมังเกอร์ไปพูดที่ U of Michigan ปี 2010 แต่ยังไม่ได้รวมใน Poor Charlie

จากข้อมูลต่างๆที่เขาทำการค้นคว้ามา เขาจึงสรุปว่าทุกครั้งที่มังเกอร์ไปพูดที่ไหน หนังสือ Poor Charlie จะต้องพิมพ์ edition ใหม่ออกมาเพิ่มสุนทรพจน์ใหม่ๆ เข้าไปด้วยเสมอ แต่คาดการณ์ไม่ได้ว่า when เท่านั้นเอง

มังเกอร์ แยก "Human Misjudge" ทั้งหมด 39 ตัว แต่มังเกอร์ไม่ได้บอกว่าสาเหตุอะไรทำให้คนมี Misjudge แต่คนที่บอกสาเหตุคือ Sigmund Freud เวลาคนเรา Misjudge บางอย่าง ทุกข้อมันเชื่อมต่อกันเป้นใยแมงุมม ไม่มีตัวไหนยากดังออกไปยืนรับผิดเพียงตัวเดียว

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 05, 2012 11:20 am
โดย humdrum
ในศาสนาพุทธเรียก Human Misjudge ว่า "กิเลศ" และแยกได้ 1500 ตัว โซรอสเรียก ว่า "อคติ" แต่โซรอสไม่เคยแยกว่ามีอะไรบ้าง เพียงแต่บอกว่า "ตัวเขานั้นทำผิดตลอดเวลาและพยายามหาทางแก้ไข นั่นคือเคล็ดลับของผม" จริงๆ นั่นเป้นคำพูดสั้นๆ นะครับ แต่ใช้เวลาตีความหมายนานมากสำหรับผม สำหรับ hedge managers พวกเราก็เหมือนโนอา ฝนจะตกท่วมโลกหรือไม่ตกไม่สำคัญเท่า ถ้าฝนตกแล้วเตรียมเรือไว้หรือปล่าวเท่านั้นเอง การแก้ไขสิ่งต่างๆ เมื่อปัญหามารออยู๋ตรงหน้าแล้ว มันสายไปแล้วจริงๆ สิ่งที่พวกเราต้องทำคือ hedge ข้อผิดพลาดของตัวเองและเป็นหลักข้อปฏิบัติสำหรับเทรดเดอร์ทุกท่านที่ต้องซ้อมเหตุการณ์ต่างๆ เอาไว้ในหัวตลอดเวลาเหมือนนักกีฬาโอลิมปิกที่ต้องซ้อมกล้ามความเคยชินให้กับเนื้ออย่างไรอย่างนั้น

แต่เทรดเดอร์ไม่ได้ซ้อมกล้ามเนื้อร่างกาย แต่เป็นซ้อมลมหายใจของตัวเองครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 05, 2012 11:33 am
โดย humdrum
ทำไมต้องดูลมหายใจ ล้วทำไมถึงไม่ให้ความสนใจกับมัน ถ้าขาดลมหายใจเพียงครั้งเดียว ชีวิตก็ไม่ใช่ของเราแล้ว มันเป้นสัญญาณคอยบอกว่าอารมณ์ของเรานั้นกำลังถูก Human Misjudge เล่นงานแล้ว มังเกอร์บอกว่ามันเป้น Checklist ที่สำคัญ แต่ลมหายใจนี่ละคือ Checklists ที่ดีที่สุด มันบอกก่อนที่เราจะตัดสินใจคิด พูด หรือ ทำสิ่งต่างๆ มันบอกว่าถ้าอยู๋ในลมหายใจเข้าออกแบบนี้ เราอาจกำลังจะมีอารมณ์อย่างไรได้บ้าง ผมว่ามันคือเคล้ดลับของเทรเดอร์ที่นี่ สิ่งที่พวกเขาทำคือ Observing their emotions all the time and that is trading is all about krab.

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 05, 2012 11:57 am
โดย humdrum
สำหรับข้อแรก mere association หรือ "ความยึดมั่นใน......" เป็นข้อผิดพลาดที่สำคัญและเอาชนะยากที่สุดแล้ว ถ้าอยากเอาดีในอาชีพเทรดเดอร์ คุณต้องทัน Human Misjudge ในตัวเองให้ได้ แต่ละคนมันมีมากกว่า 39 ข้ออยู่แล้ว มีมากน้อยไม่สำหคัญเท่า รับมือกับพวกมันเป็นหรือปล่าว สำหรับคำแนะนำจากผม ไม่ว่าผ่านไปกี่ปี ไม่ว่าเราจะเป้นผู้เชี่ยวชาญในการจับผิดตัวเองมากแค่ไหน ไม่ว่าเราจะรู็จัก Human Misjudge ของตัวเองดีแค่ไหน มันไม่เคยลดลง Human Misjudge ทั้งหมดมันคัดแยกประเภทรวมกันได้เพียงสามกลุ่มเท่านั้น หนึ่งโลภ สองโกรธ และ สามหลง ไม่ว่าอายุมากแค่ไหน ทุกคนยังมีทั้งสามตัวครบ จะต่างกันที่เพียงแต่เราในฐานะเทรดเดอร์อาชีพเมื่อหาเงินจากคนอื่นที่มีพฤติกรรม irrational เป้นข้อห้ามอย่างเด็ดขาดที่ไม่เอา Misjudge Human เข้าตัวเท่านั่นเอง คุณจะรู็เองเพราะเมื่อตัวคุณทัน Misjudge Human เหล่านั้น ตัวคุณจะขนลุกขนพองไปทั้งตัว To finish first, u have to first finish. วันนี้พอแค่นี้ละครับ ผมไม่ว่างทั้งอาทิตย์หน้าเลย เจอกันเสาร์หน้าครับ โชคดีและสวัสดีครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 05, 2012 1:39 pm
โดย humdrum
เมื่อกี่้คุยกับลูกน้องแล้ว ผมอาจติดธุระอาจยึดยาวเป็นถึงเดือนหน้านะครับ เอาอย่างนี้ครับ ผมไม่แน่ใจว่า จะว่างอีกเมื่อใด เหมือนทหารตำรวจที่ต้องตรวจตาสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะที่สามชายแดนใต้ ที่ต้องระวังเหตุร้ายต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา Human Misjudge ในตัวเราเองอาจเกิดขึ้นได้ตลอด เราก็ต้องตรวจตราระวังเป้นพิเศษ ในไทวิไม่มีใครเหมาะสมที่แปลต่อเท่าคุณไอซ์ ที่เหลือของ Human Misjudge ต้องดูว่าคุณไอซ์จะว่างแปลต่อให้ไหมนะครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 05, 2012 1:40 pm
โดย humdrum
ผมขอฝากโน็ตเอาไว้ สำหรับผมศึกษาเรื่อง Human Misjudge มานาน ผมสรุปสั้นๆสำเร็จรูปแค่เติมน้ำร้อนแล้วก็รอกินได้เลย ผู้อ่านจะได้เข้าใจง่าย ผมรวมออกมาเป็นประโยคเดียวว่า "Invert always invert"

ในโลกนี้ไม่มีใครไม่เคยทำผิด แม้แต่อาจารย์มังเกอร์เองก็เคยทำผิดมาก่อน ก่อนที่จะยอมรับเรื่อง Human Misjudge ถ้าใครศึกษาเรื่องนี้เป้นอย่างดีแล้ว จะไม่กล้าอวดดีอวดวิเศษกว่าคนอื่น เลย Human Misjudge สอนให้เรากลับถ่อมตัว คอยจับผิดตัวเอง ไม่กล้าโกรธคนอื่น ไม่จับผิดคนอื่น คอยสังเกตว่าตัวเองได้ล่วงเกินคนอื่นหรือปล่าว ยามที่คนอื่นล่วงเกินเรา ก็ต้องถามตัวเองว่า ได้เคยล่วงเกินเขาหรือไม่ ยามคนอื่นไม่จริงใจต่อเรา ก็ถามว่าเราไม่จริงใจกับเขาก่อนหรือไม่ ยิ่งถามตัวเอง ปรากฎว่าเราไม่เคยทำ เราก็ยิ่งสบายใจ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 05, 2012 1:42 pm
โดย humdrum
ธุรกิจต่างๆ หุ้นต่างๆ โอกาสมาพร้อมกับ irrationalities

ยิ่งฝึก Human Misjudge มาก ๆ ก็ยิ่งเข้าใจตนเอง ยิ่งไวต่อข้อผิดพลาดของตนเองมากเท่าใด ก็ยิ่งไวต่อความผิดพลาดต่อสิ่งอื่น ต่อบริษัท ต่อคนอื่นมากเท่านั้น กับดักจะรอท่านอยู๋ตรงนี้ ในฐานะที่ผมผ่านตรงน้มาก่อน ผมแนะนำให้ท่านอย่าคอยตำหนิอวดดีกว่าคนอื่น แต่เอาความผิดพลาดของคนอื่นมาเป้นบทเรียนฝึกฝนตัวเองต่อไป Human Misjudge จะฝึกท่านให้มีสายตาที่ไวต่อสิ่งผิดปกติเหล่านี้ แต่ที่ได้คือตัวท่านเอง

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 05, 2012 1:43 pm
โดย humdrum
Human Misjudge ร้อยแปดพันเก้าล้วนเกิดจากใจคนทั้งสิ้น ถ้าห้ามใจตัวเองได้ ความผิดพลาดใดๆ ก็เกิดขึ้นไมได้ทั้งสิ้น Human Misjudge เหมือนแสงอาทิตย์ส่องมาคราใด ความมืดก็หมดไป ปีศาจในตัวเราที่หลบๆ ซ่อนๆ ก็ไม่กล้าออกมาเพ่นพ่านเปรียบได้กับการโค่นต้นไม้ที่มีพิษ ถ้าท่านอ่านหัวข้อข้างล่างแล้ว รู็สึกตัวว่าท่านมีพิษพวกนี้ในตัวหลายข้อทีเดียว ก็จงรีบหาทางแก้ด่วน อย่าได้รั้งรออยู่เลยครับ ท่านจะต้องกล้าที่จะขุดรากถอนโคนให้หมดสิ้น ไม่ใช่ค่อยๆ ลิดกิ่งปลิดใบ ซึ่งไม่ทันการแล้ว

Charlie Munger’s Standard Causes of Human Misjudgment:

1. Reward and Punishment Superresponse Tendency
2. Liking/Loving Tendency
3. Disliking/Hating Tendency
4. Doubt-Avoidance Tendency
5. Inconsistency-Avoidance Tendency
6. Curiosity Tendency
7. Kantian Fairness Tendency
8. Envy/Jealousy Tendency
9. Reciprocation Tendency
10. Influence-from-Mere Association Tendency
11. Simple, Pain-Avoiding Psychological Denial
12. Excessive Self-Regard Tendency
13. Overoptimism Tendency
14. Deprival Superreaction Tendency
15. Social-Proof Tendency
16. Contrast-Misreaction Tendency
17. Stress-Influence Tendency
18. Availability-Misweighing Tendency
19. Use-It-or-Lose-It Tendency
20. Drug-Misinfluence Tendency
21. Senescence-Misinfluence Tendency
22. Authority-Misinfluence Tendency
23. Twaddle Tendency
24. Reason-Respecting Tendency
25. Lollapalooza Tendency – The Tendency to Get Extreme Confluences of Psychological
Tendencies Acting in Favor of a Particular Outcome