คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ภาพประจำตัวสมาชิก
siebelize
Verified User
โพสต์: 452
ผู้ติดตาม: 0

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 31

โพสต์

picatos เขียน: ส่วนที่ว่าทำถูกทุกอย่างแต่ยังจนนี่ อันนี้นี่ถูกต้องจริงๆ ครับ ทั้งฉลาดจริงๆ ขยันจริงๆ แต่บางครั้งผลกรรมบางอย่างในอดีตมาเบียดเบียน เลยทำให้จน
แนวความคิดของผม การประสบความสำเร็จเกิดจากของสองสิ่งมาเจอกันครับ
คือ 1.โอกาส 2. ความสามารถ

บางคนโอกาสมากมาย แต่ไม่มีความสามารถในการแปลงโอกาสเป็นความสำเร็จ

แต่บางคนความสามารถมากมาย แต่โอกาสกลับน้อยนิด

แนวคิดที่น่าจะพอดีและเหมาะสม ก็น่าจะเป็นการสร้างความสามารถของตัวเองให้พร้อมใช้ เวลาที่โอกาสมาถึง ก็เท่านั้น

ส่วนตัวผมเองเป็นคนคิดสั้น เลยไม่ค่อยจะคิดอะไรถึงชาติหน้าชาติโน้นเยอะแยะ

มีความสามารถในการคิดแค่ ปัจจุบัน ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ เท่านั้น :)
pat4310
Verified User
โพสต์: 732
ผู้ติดตาม: 0

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 32

โพสต์

siebelize เขียน: แนวความคิดของผม การประสบความสำเร็จเกิดจากของสองสิ่งมาเจอกันครับ
คือ 1.โอกาส 2. ความสามารถ

บางคนโอกาสมากมาย แต่ไม่มีความสามารถในการแปลงโอกาสเป็นความสำเร็จ

แต่บางคนความสามารถมากมาย แต่โอกาสกลับน้อยนิด
มีคนสรุปหลักการชีวิตคล้ายๆอย่างนี้ครับแต่เพิ่มมาอีก 1 ตัวคือ network เป็นหลักการ
"ONE"
Opportunity โอกาส ผมตลาดหุ้นเป็นเป็นตลาดแ่ห่งโอกาส มีคนมาเสนอขายบริษัทให้คุณตลอดเวลา อยากเป็นเจ้าของโรงแรม ร้านอาหาร โรงกลั่นฯลฯก็ทำได้ แต่ก่อนเป็นแค่ความฝัน
Network รู้จักคนเยอะก็เพิ่มโอกาส บางทีเนียนๆถามก็ได้ข้อมูลเชิงลึกด้วย
Experian โอกาสมา แต่ความสามารถไม่ถึง ประสบการไม่มี เจ้งแน่นอน
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
Tanukicho
Verified User
โพสต์: 184
ผู้ติดตาม: 0

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 33

โพสต์

สำหรับผม คณิตศาสตร์ คงช่วยอะไรไม่ได้....

ก็เห็นแต่จะมี “ ชีววิทยา ”

natural selection(กฏการคัดเลือกโดยธรรมชาติ)

เป็นกระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ไม่มีลักษณะทางกรรมพันธุ์ชุดเดียวที่เหมาะสมต่อสภาพการเป็นอยู่ของสิ่งมีชีวิต ในแต่ละแหล่งที่อยู่อาศัยสิ่งมีชีวิตนั้นต้องอยู่ใต้อิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ผลของการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

http://www.thaigoodview.com/node/45239
“ กำไรเมื่อซื้อ ไม่ใช่เมื่อขาย ”
Cr.Richdad
ภาพประจำตัวสมาชิก
peacedev
Verified User
โพสต์: 668
ผู้ติดตาม: 0

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 34

โพสต์

นับกี่ครั้ง ถ้าเป็นคนเดียวกันตัดสินใจแบบเดิม ๆ จะนับบ่อยหรือนาน ๆ นับทีโอกาสผิดพลาดคิดเป็นเปอร์เซ็นก็เท่า ๆ เดิมนั่นแหละครับ
แต่ที่คนนับบ่อย ๆ เสียเปรียบเพราะโดน commission กิน

ที่คนรวย รวยขึ้นไปมาก ๆ เป็นเพราะผลตอบแทนทวีคูณแบบทบต้นมากกว่า


ขออนุญาติอ้างถึงบทความเก่า ๆ นะครับ
ในบทความนี้ผมขอพูดถึงตลาดหุ้นในมุมมองของความน่าจะเป็น แบบไม่อิงปัจจัยทั่วไปดูนะครับ

หากเรามองในมุมมองของนักพนันแล้ว ตลาดหุ้นซึ่งมีความน่าจะเป็นแค่เพียง 2 ชนิดคือ ขึ้น หรือ ลง จะมีความน่าจะเป็นคือ 50/50 หรือมีผลตอบแทนคาดหวังที่ 0%
อันที่จริงแล้วจากการสำรวจโดยทั่วไปพบว่าโดยเฉลี่ยตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนในระยะยาวที่ 10% ต่อปี
ดังนั้นผลตอบแทนคาดหวังไม่น่าจะเป็น 0% แต่ควรจะเป็นบวกเล็กน้อย อย่างน้อย ๆ หาสุ่มซื้อหุ้นมาซักกลุ่มโดยที่ไม่มีความรู้เลยก็น่าจะมีกำไรในระยะยาวที่ 10% ต่อปี ได้ไม่ยากนัก
แต่ถ้าเช่นนั้น เหตุใดเราจึงมักได้ยินเรื่องราวของคนที่หมดตัวจากตลาดหุ้นบ่อย ๆ

คำตอบก็คือ “คอมมิชชั่น”
ใช่แล้วครับ ค่าคอมมิชชั่น 0.25 % นั่นแหละที่ทำให้คนหมดตัวกัน
ผลตอบแทนต่อปี 10% ถ้าหากคิดเป็นผลตอบแทนต่อวัน จะเท่ากับ 10/365 = 0.027 %
ดังนั้นผลตอบแทนคาดหวังในตลาดหุ้นแบบ day trade ที่ซื้อขายกันวันต่อวันจึงเป็น 0.027-(0.25*2) = -0.473 %

หากคุณใช้เงินต้นจำนวน1,000,000 บาททำการซื้อขายแบบเต็มจำนวนทุก ๆ วันด้วยอัตรากำไรคาดหวัง -0.473 % นี้เป็นเวลา 200 วัน มีโอกาสสูงมากที่เงินต้นของคุณจะเหลือเพียงประมาณ 387,420.59 บาท หรือประมาณ 38.74%
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://peacedev.wordpress.com/2009/08/1 ... %E0%B8%B8/
ภาพประจำตัวสมาชิก
siebelize
Verified User
โพสต์: 452
ผู้ติดตาม: 0

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 35

โพสต์

Not just "Commission" นะครับ

ที่ไล่คนออกจากตลาดไป

อีกปัจจัยนึงที่สำคัญคือ "เวลา" ด้วยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 0

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 36

โพสต์

picatos เขียน:ตอบพี่ BeSmile ว่าไม่ได้ใช้ความคิดมากไป มันแค่ลอยขึ้นมาในหัวในชั่วเสี้ยิววินาที ขณะกำลังอ่านกระทู้

ส่วนที่ว่าทำถูกทุกอย่างแต่ยังจนนี่ อันนี้นี่ถูกต้องจริงๆ ครับ ทั้งฉลาดจริงๆ ขยันจริงๆ แต่บางครั้งผลกรรมบางอย่างในอดีตมาเบียดเบียน เลยทำให้จน เช่น หาเงินมาได้ก็โดนขโมย มีเหตุที่ต้องใช้เงิน ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บปวดของร่างกายตัวเองหรือคนรัก หรือเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ ร่างกายพิการทำงานต่อไม่ได้ ฯลฯ

เคยเจอคนที่ซวยซ้ำ ซวยซ้อน ซวยแล้ว ซวยอีกไหมครับ แบบว่ากรณี black swan worst case เลย ซึ่งกรณีแบบนี้ มันมีอยู่จริงในโลกนะครับ ตรรกะปกติจะใช้การอะไรไม่ได้เลย ซึ่งมันลอยขึ้นมาในหัวว่า เออ ถ้าเราเจอเหตุการณ์ แบบนี้ เราจะอยู่กับมันอย่างมีความสุขได้ไหม? เราจะจัดการกับกายใจของเราอย่างไร? เราจะยกจิตตัวเองอย่างไรในสภาวะแบบนั้น? เราจะอยู่กับปัจจุบันให้ใจเราผ่องใสได้อย่างไร ไม่ว่าจะเจอ เหตุการณ์ที่เลวร้ายแสนเลวร้าย?

แต่ผมเชื่อในกฎแห่งกรรมนะ ผมเชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่พอดีผมเชื่อเรื่องภพชาติด้วย และลำดับของการให้ผลของกรรมแต่ละอย่างอาจจะให้ผลกันแบบข้ามชาติ แต่เราจำเหตุในอดีตไม่ได้ ดังเช่นที่เราจำไม่ได้ว่าวันนี้เมื่อ 1 เดือนที่แล้วเรากินอะไร กินมากน้อยขนาดไหน กินแล้วรู้สึกยังไง เลยทำให้เกิดเหตุการณ์ย้อนแย้งแบบนี้ขึ้น

สรุปว่าไม่เกี่ยวอะไรกับกระทู้ เอาซะเลย กลายเป็นสร้างความมึนงงสับสนให้กับเพื่อนๆ และ ต้องขออภัยที่ลากไปนอกเรื่อง

จริงๆก้เรื่องเดียวกันแหล่ะครับ เพียงแต่มุมมองด้านคณิตศาสตร์ก้เป็นมุมมองที่อาจจะ

เป็นจริง แต่ก้มี เวิสเคส แบบที่พี่ตี่ว่าไว้เหมือนกัน(กรรมก้เป็นสิ่งที่นอกเหนือการคำนวนได้)

ในทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ จะต้องเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ แต่ในบางเรื่อง ก้เกินกว่า

ที่วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์จะคำนวนได้ เช่นกรรม วิบากกรรม

กรณี นับแสน 10ครั้งแต่ สุดท้ายเกิดป่วยใช้เงินล้านนึง เงินก้อาจจะกลับมา0 อีกรอบ

อันนี้ก้ถือว่าเป็นเรื่องจริงครับ

แต่ถ้าลองเอาคนนับสิบ มาป่วยเป็นมะเร็งที่ต้องใช้เงินล้านนึง ผลตอบแทนก้อาจจะติดลบ

นะครับ ถือว่าแย่กว่าคนนับแสนสิบครั้งที่ยังเหลือ แต่ตัวแต่ไม่มีหนี้

ดังนั้นเมื่อลองมองทางคณิตศาสตร์ 0 ก้ยังมากกว่าจำนวนที่ติดลบนะครับ

ทีนี้ ถ้าคนนับแสนสิบครั้ง ใช้เงินหมดไปกับการรักษา ต่อมา DCA เงินใหม่ ก้ยังมีหวังครับ

ที่จะได้ไปต่อ

แต่คนนับสิบ พลาดพลั้งไปติดลบไป 999900 เท่ากับว่า ชีวิตนี้ต้องนับอีก 99000 ครั้ง

จึงจะปลดหนี้ได้ และเสมอตัว


กรณีนี้อาจจะทำให้เห็นภาพจริงของนักลงทุนสองประเภท ที่

1.นักลงทุนคนแรก DCA เงิน โดยเก็บเงินได้ทีละ 100000 10เดือนได้ 1ล้าน

2.นักลงทุนคนสอง DCA เงิน โดยเก็บทีละพัน 10เดือนได้ 1หมื่น


2ท่านนี้ถ้าเกิดเป็นมะเร็งที่ต้องใช้เงิน 1ล้าน รักษา คนแรก หมดตัวกับการรักษา

คนที่สอง เป็นหนี้จากการรักษา 990000

สมมติหายแล้ว คนแรกเริ่มเก็บใหม่ 10เดือน ได้1ล้าน

คนที่สอง เก็บใหม่ได้1หมื่น ต้องเก็บอีก 99ครั้งแบบนี้ถึงจะปลดหนี้ได้(หลายปีกว่าจะหมด)

คำถาม

ใครจะไปได้ถึงฝันก่อนกันถ้าตั้งเป้าหมายอิสรภาพทางการเงินไว้ 10 ล้านบาท

ภายหลังการถึงอิสรภาพ ใคร มี เวลาที่เหลือในการทำอย่างอื่นมากกว่ากัน

สิ่งนี้ชี้ชัดหลักการ งานไม่ทำเงิน ที่ท่านอาจารย์ได้เคยเขียนไว้ครับ

ผมเรียกสั้นๆว่า หลักของการ DCA เงิน เป็นหลักข้อ1

ส่วนดอกเบี้ยทบต้น เป็นหลักข้อ2

ถ้าไม่มี1 มีแต่2 ถ้าเราเป็นคนนับสิบนับร้อย ต่อให้ดอกเบี้ยทบต้นยังไง กว่าถึงเป้าก้ต้องนานมากๆ

ถ้ามีแต่1 ไม่มี2 ก้จะเดินช้าลงไป เพราะ ความมหัศจรรย์ของดอกทบต้นอยู่ที่

เงินที่จะพอกขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะอยู่ด้านบวกหรือลบ

ผมมองว่าทุกข์จากหุ้น เกิดกับทุกคน แต่เมื่อเราถึงเป้าหมาย แล้วโดยที่อาจจะไม่ลงทุนต่อ

ถ้าคิดว่าการลงทุนหุ้นเป็นทุกข์ เราก้แค่ ปล่อยมันวางลง

และใช้ชีวิตที่เหลือ ด้วยเงินที่เราคิดว่าเป็นอิวรภาพทางการเงิน
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ

หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 0

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 37

โพสต์

siebelize เขียน:Not just "Commission" นะครับ

ที่ไล่คนออกจากตลาดไป

อีกปัจจัยนึงที่สำคัญคือ "เวลา" ด้วยครับ

พี่ sie เป้าหมายในชีวิตก้คล้ายกับคนแบกหินไว้บนบ่า ถ้าถึงเป้าหมายก้ควรจะเลิกแบก

การที่เราเข้ามาลงทุน ก้เพื่อที่จะให้ถึงเป้าหมาย คือ มีอิสรภาพทางการเงิน

ถ้าเราเลิกแบกได้ นั่นแหล่ะ เราปล่อยวางแล้ว ความโลภ และความกลัว ก้จะ หายไปจากใจ

เมื่อถึงจุดอิสรภาพ สิ่งที่เราต้องการอีก คือ ไม่มี

คนเราเมื่อถึงเป้า ก้กลัว กลัวว่าเงินที่หาได้จะไม่พอเลี้ยงชีพ

กลัวว่าเงินที่หาได้จะหายไป ยิ่งกลัวก้ยิ่งโลภอยากได้มากขึ้นๆๆๆ

ถ้าเราปล่อยวาง ไม่กลัวไม่โลภ ชีวิตที่เหลือ จะมีอะไรให้น่าค้นหาอีกเยอะครับ

ถ้าถึงเป้าหมายแลว้ หุ้นไม่ใช่ทุกสิ่งสำหรับชีวิต เวลาที่เหลือที่เราสามารถเป็นอิสระต่าง

หาก ที่สำคัญ

ใจจะร้อนรุ่ม ถ้ายังไม่ปล่อยมันลงไป การเลิกคิดช่วยได้แค่ชั่วคราว เหมือนคนแบกหิน

จะทำใจให้ไม่คิดว่าแบก ก้คงแค่ชั่วคราว

ถ้าเรา พอ เราก้เลิกแบก และเดินออกไปมองโลกข้างนอก สิ่งที่น่าคนหาหลังอิสรภาพ

ยังมีอีกมากครับ

ภายหลังอิสรภาพ อย่าเอาตัวไปมัดกับไฟ ไฟมันร้อนเราก้ต้องดับมันลง ถ้าไม่ดับ

จิตก้ไม่สามารถที่จะเป็นสุขได้ครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ

หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
siebelize
Verified User
โพสต์: 452
ผู้ติดตาม: 0

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 38

โพสต์

ถ้าไม่มีหินให้แบก เดินตัวเปล่าๆ คงจะโหวงเหวงน่าดูนะครับ :D :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
peacedev
Verified User
โพสต์: 668
ผู้ติดตาม: 0

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 39

โพสต์

siebelize เขียน:Not just "Commission" นะครับ

ที่ไล่คนออกจากตลาดไป

อีกปัจจัยนึงที่สำคัญคือ "เวลา" ด้วยครับ


เห็นด้วยครับ
นอกจาก ค่าคอมฯ ยังมีสาเหตุอื่น ๆ เช่นพฤติกรรมของนักลงทุนเอง ที่ไปทำร้ายพอร์ตการลงทุนของตัวเองให้แย่ลง

แต่ถ้าจะเอามาแสดงในรูปของคณิตศาสตร์คงเก็บสถิติกันวุ่นวายอยู่เหมือนกัน
sakkaphan
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1111
ผู้ติดตาม: 0

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 40

โพสต์

picatos เขียน:ตอบพี่ BeSmile ว่าไม่ได้ใช้ความคิดมากไป มันแค่ลอยขึ้นมาในหัวในชั่วเสี้ยิววินาที ขณะกำลังอ่านกระทู้

ส่วนที่ว่าทำถูกทุกอย่างแต่ยังจนนี่ อันนี้นี่ถูกต้องจริงๆ ครับ ทั้งฉลาดจริงๆ ขยันจริงๆ แต่บางครั้งผลกรรมบางอย่างในอดีตมาเบียดเบียน เลยทำให้จน เช่น หาเงินมาได้ก็โดนขโมย มีเหตุที่ต้องใช้เงิน ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บปวดของร่างกายตัวเองหรือคนรัก หรือเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ ร่างกายพิการทำงานต่อไม่ได้ ฯลฯ

เคยเจอคนที่ซวยซ้ำ ซวยซ้อน ซวยแล้ว ซวยอีกไหมครับ แบบว่ากรณี black swan worst case เลย ซึ่งกรณีแบบนี้ มันมีอยู่จริงในโลกนะครับ ตรรกะปกติจะใช้การอะไรไม่ได้เลย ซึ่งมันลอยขึ้นมาในหัวว่า เออ ถ้าเราเจอเหตุการณ์ แบบนี้ เราจะอยู่กับมันอย่างมีความสุขได้ไหม? เราจะจัดการกับกายใจของเราอย่างไร? เราจะยกจิตตัวเองอย่างไรในสภาวะแบบนั้น? เราจะอยู่กับปัจจุบันให้ใจเราผ่องใสได้อย่างไร ไม่ว่าจะเจอ เหตุการณ์ที่เลวร้ายแสนเลวร้าย?

แต่ผมเชื่อในกฎแห่งกรรมนะ ผมเชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่พอดีผมเชื่อเรื่องภพชาติด้วย และลำดับของการให้ผลของกรรมแต่ละอย่างอาจจะให้ผลกันแบบข้ามชาติ แต่เราจำเหตุในอดีตไม่ได้ ดังเช่นที่เราจำไม่ได้ว่าวันนี้เมื่อ 1 เดือนที่แล้วเรากินอะไร กินมากน้อยขนาดไหน กินแล้วรู้สึกยังไง เลยทำให้เกิดเหตุการณ์ย้อนแย้งแบบนี้ขึ้น

สรุปว่าไม่เกี่ยวอะไรกับกระทู้ เอาซะเลย กลายเป็นสร้างความมึนงงสับสนให้กับเพื่อนๆ และ ต้องขออภัยที่ลากไปนอกเรื่อง
เมื่อก่อนผมคิดแค่ว่า คนเราจะประสบความสำเร็จนั้น อยู่ที่ทัศนคติเป็นสำคัญ
ผมคิดว่าคนทุกคนถ้ามีทัศคนติที่ถูกต้องจะนำไปสู่ความสำเร็จได้
แล้ววันหนึ่งมาคุยกับพี่ชายของผม หัวเรื่องเอามาจากบทความ ดร.นิเวศน์มั้งครับ ประมาณว่าคนจนกับคนรวยคิดต่างกันอย่างไร...
ผมก็พล่ามๆไปตามที่ตัวเองคิด
พี่ผมพูดกลับมาประโยคเดียว.... แล้วพวกที่แค่เกิดมาก็ไม่มีสิทธิคิดที่จะรวยแล้วล่ะ เกิดมาเป็นปอลิโอในแอฟริกา เกิดมาติดเอดส์จากแม่ เกิดมาเป็นขอทาน ถูกทิ้ง พวกนี้เค้าแค่หาข้าวกินให้ได้ในวันนึงก็บุญโขแล้ว ถามหน่อยว่า"เค้าเลือกที่จะคิดแบบคนจน หรือเพราะสถาณการณ์ีบีบบังคับให้เค้าคิดได้แค่แบบคนจน แบบวันต่อวันเท่านั้น"
ผมก็ได้แต่เงียบ

....บางครั้ง เมื่อเราหาสาเหตุที่ทำให้คนเกิดมาแตกต่างกันขนาดนี้ไม่ได้ เรื่องชาติภพเรื่องกรรมเก่า ก็อาจจะดูเป็นสาเหตุที่ฟังขึ้นอยู่นะครับ
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
ภาพประจำตัวสมาชิก
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 0

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 41

โพสต์

ได้ดูพี่ตี่ เมื่อวาน เลยอยากถามพี่ตี่ว่า ถ้าเราจะดับไฟที่ฟุ้งซ่านได้จริงๆ โดยไม่อาศัยการ

เดินจงกลมหรือนั่งสมาธิ ได้ไหมครับ

เ่ช่น รู้ต้นตอแห่งไฟ ก้ต้องดับที่ต้นตอ เช่น การประสบความสำเร็จแล้วเลิก เป็นเรื่องที่

ทุกคนมองว่า ไม่ดีหรือครับ

เมื่อไม่ยึดติดกับเงินเพราะมีเงินเพียงพอ ไม่ยึดติดกับชื่อเพราะไม่ต้องการดัง

ไม่ยึดติดกับความสุข และทุกข์

ไฟก้น่าจะมอดไปนะครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ

หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 0

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 42

โพสต์

การปล่อยวางไม่ได้ แสดงว่าเราเสพติดมันนะครับ ชีวิตถ้าขาดมันไปก้จะร้อนรุ่มไม่สบายใจ

ถ้าเรามอง หุ้น เป็นสะพานแห่งความมั่งคั่งและอิสรภาพ

ถึงเวลา สะพานที่เราข้ามมา เรายังอยากจะลงไปเดินอีกหรือครับ

ทั้งๆที่ พื้นที่เหนือสะพานขึ้นไป ยังมีอะไรให้เราต้องทำและศึกษาอีก เพราะเรามีอิสรภาพแล้ว


เดินตัวปลิวสบายใจ ก้ดีกว่า ต้องเสียสุขภาพต่อความเครียดไปตลอดชีวิตครับ

เวลาที่เหลือ มีเท่าไหร่ ขออุทิศให้กับคนที่เรารักและรักเรา เพื่อน และสังคมแห่งการแบ่งปัน

ผมว่า เป็นสุขที่สุดยอดแล้วครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ

หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 43

โพสต์

chukieat30 เขียน:ได้ดูพี่ตี่ เมื่อวาน เลยอยากถามพี่ตี่ว่า ถ้าเราจะดับไฟที่ฟุ้งซ่านได้จริงๆ โดยไม่อาศัยการ

เดินจงกลมหรือนั่งสมาธิ ได้ไหมครับ

เ่ช่น รู้ต้นตอแห่งไฟ ก้ต้องดับที่ต้นตอ เช่น การประสบความสำเร็จแล้วเลิก เป็นเรื่องที่

ทุกคนมองว่า ไม่ดีหรือครับ

เมื่อไม่ยึดติดกับเงินเพราะมีเงินเพียงพอ ไม่ยึดติดกับชื่อเพราะไม่ต้องการดัง

ไม่ยึดติดกับความสุข และทุกข์

ไฟก้น่าจะมอดไปนะครับ
อาจจะมีวิถีทางที่ไม่ใช่สติปัฏฐาน 4 ในการจัดการกับมันก็ได้ครับ แต่ผมไม่รู้เหมือนกัน

พอดีวิธีการนี้พระพุทธเจ้าประกาศเอาไว้ชัดเจนตั้งแต่ตอนตรัสรู้ และเทศนาสั่งสอนเอาไว้หลายวาระไว้ดังนี้
"...
หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก
เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์
เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ
เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส
เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง
เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง
หนทางนี้คือ สติปัฏฐาน ๔ ประการ
..."

สติปัฏฐาน 4 เป็นวิธีการที่พระพุทธเจ้าประกาศ ใช้ และได้รับการพิสูจน์มากนักต่อนัก ซึ่งทำให้ผมคิดว่าน่าจะเป็นวิธีการที่ solid ที่สุดในการทำไปใช้งาน ด้วยกระบวนการภายใต้ระบบนี้ สติที่ตามดูตามรู้ สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดละออ จะทำให้เราเห็นกระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเกิดขึ้นของทุกข์ ลักษณะของทุกข์ การดับไปของทุกข์ แต่ละอย่างๆๆๆ จนเราเข้าใจสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยไม่ได้ไปกดมัน บีบคั้นมันเอาไว้ พอเราสังเกตมากๆ เข้า เห็นมากๆ เข้า เข้าใจมากๆ เข้า ก็จะเกิดปัญญาที่จะจัดการกับสิ่งต่างๆ ตามอัตโนมัติ ใจของเราจะยอมรับความเป็นจริง และทำให้ปล่อยวางสิ่งต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้นๆๆ โดยไม่ต้องไปฝืน ไปบีบบังคับมัน

ส่วนวิธีการอื่นนั้น ผมก็ไม่แน่ใจและไม่มีความเห็นเหมือนกัน เพราะ ไม่เคยลงไปศึกษา เนื่องจากวิธีการที่ทำอยู่ใช้ได้ผลดีอยู่แล้ว และยังมีอะไรให้ทำได้อีกเยอะ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
ภาพประจำตัวสมาชิก
siebelize
Verified User
โพสต์: 452
ผู้ติดตาม: 0

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 44

โพสต์

sakkaphan เขียน: พี่ผมพูดกลับมาประโยคเดียว.... แล้วพวกที่แค่เกิดมาก็ไม่มีสิทธิคิดที่จะรวยแล้วล่ะ เกิดมาเป็นปอลิโอในแอฟริกา เกิดมาติดเอดส์จากแม่ เกิดมาเป็นขอทาน ถูกทิ้ง พวกนี้เค้าแค่หาข้าวกินให้ได้ในวันนึงก็บุญโขแล้ว ถามหน่อยว่า"เค้าเลือกที่จะคิดแบบคนจน หรือเพราะสถาณการณ์ีบีบบังคับให้เค้าคิดได้แค่แบบคนจน แบบวันต่อวันเท่านั้น"
ผมก็ได้แต่เงียบ

....บางครั้ง เมื่อเราหาสาเหตุที่ทำให้คนเกิดมาแตกต่างกันขนาดนี้ไม่ได้ เรื่องชาติภพเรื่องกรรมเก่า ก็อาจจะดูเป็นสาเหตุที่ฟังขึ้นอยู่นะครับ
ผมกลับมองว่า ถึงเกิดมาแบบซวยซ้ำซาก จนซ้ำซ้อน ไร้ซึ่งโอกาสโดยสิ้นเชิง
แล้วเราจะคิดสู้มั้ยครับ

ถ้าคิดสู้ เพราะว่ามีความหวังหรือว่าความเชื่อ ก็ถือว่าใช้ชีวิตได้คุ้มค่าแล้วล่ะ
อย่างน้อยๆ เราก็ได้สู้เพื่อความฝันของเราเอง

แต่ถ้าอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ มัวแต่คิดว่าชาติภพกรรมเก่า แล้วก็จบไป

ผมว่ามันก็ เสียดายโอกาสที่ได้เกิดมา (ถึงแม้จะเกิดมาในสภาวะแวดล้อมที่เลวร้ายสุด) อยู่นา


(อย่างน้อยๆ ก็ สู้เพื่อชาตินี้ อาจจะดีกว่านี้ ไม่ต้องเป็นหนึ่งใน Black Swan ก็ได้ เหอเหอเหอ)
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 45

โพสต์

chukieat30 เขียน:การปล่อยวางไม่ได้ แสดงว่าเราเสพติดมันนะครับ ชีวิตถ้าขาดมันไปก้จะร้อนรุ่มไม่สบายใจ

ถ้าเรามอง หุ้น เป็นสะพานแห่งความมั่งคั่งและอิสรภาพ

ถึงเวลา สะพานที่เราข้ามมา เรายังอยากจะลงไปเดินอีกหรือครับ

ทั้งๆที่ พื้นที่เหนือสะพานขึ้นไป ยังมีอะไรให้เราต้องทำและศึกษาอีก เพราะเรามีอิสรภาพแล้ว


เดินตัวปลิวสบายใจ ก้ดีกว่า ต้องเสียสุขภาพต่อความเครียดไปตลอดชีวิตครับ

เวลาที่เหลือ มีเท่าไหร่ ขออุทิศให้กับคนที่เรารักและรักเรา เพื่อน และสังคมแห่งการแบ่งปัน

ผมว่า เป็นสุขที่สุดยอดแล้วครับ
ตอนที่ยังมีร้อยก็คิดว่าแค่พันก็พอเดี๋ยวเลิก

ตอนที่มีพันก็คิดว่าแค่หมื่นก็พอเดี๋ยวเลิก

แล้วเคยเห็นเศรษฐีหรือคนรวยแล้วเลิกมั้ยครับ กี่%

พูดมันง่าย ถึงเวลาจริงมันอาจไม่ง่ายครับ มีทั้งตัวโลภ (ไหนๆก็ได้ล้านแล้ว เอาสักสิบล้านเผื่อดีกว่า) มีทั้งตัวกูเก่ง
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Tibular
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 522
ผู้ติดตาม: 0

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 46

โพสต์

" โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี "

ความรวยแลกมาด้วยอะไรคร้าบ พี่น้อง...

รวยแล้วหยุดรวยได้ไหมอ่ะคับ...
ภาพประจำตัวสมาชิก
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 0

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 47

โพสต์

จะหยุดทุกข์ ก้ต้องกล้าที่จะปล่อยวาง

ปล่อยวางเรื่องเงิน เรื่องชื่อเสียง เรื่องลาภยศ ปล่อยมันกองไปตรงนั้น

ถึงเป้าหมายในชีวิต ผมคนนึงที่จะหันหลังให้กับทุกสิ่ง

ใช้ชีวิตที่ไม่หรูหรฟู่ฟ่า อยู่กับคนที่เรารัก และ ดูแลอย่างดี

ชีวิตที่เหลือจากการประสบความสำเร็จหลังอิสรภาพ นั่นแหล่ะ คือ คุณค่าสำหรับผม


ผมชอบ ชีวิตแบบคุณ วิกรม

คนมีเงินไม่จำเป็นต้อง แต่งตัวให้หรูหรา ไม่ต้องขับรถคันละสิบล้าน ไม่ต้องมีคนรู้จัก

แต่ เป็นคนที่ดีในสังคมและแบ่งปันความรู้ให้กับคนด้อยโอกาศ

ปิดทองหลังพระ ย่อมจะดีกว่าปิดทองหน้าพระ ถ้าทุกคนปิดทองแต่หน้าพระ พระพุทธรูป

ก้ไม่มีทางสมบูรณ์
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ

หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
raiden
Verified User
โพสต์: 236
ผู้ติดตาม: 0

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 48

โพสต์

ผมก็อยากมีเหมือนคุณวิกรมครับ เห็นว่ามีคอลเลคชั่นรถเฟอรารี่เยอะมาก
แถมสต็อกสาว ๆ เพียบอีกต่างหาก
:o :) :D
คนดี คนเก่ง คนรวย คนกล้าหาญ เป็นกันได้ โดยใช้คีย์บอร์ด
pat4310
Verified User
โพสต์: 732
ผู้ติดตาม: 0

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 49

โพสต์

chukieat30 เขียน:ได้ดูพี่ตี่ เมื่อวาน เลยอยากถามพี่ตี่ว่า ถ้าเราจะดับไฟที่ฟุ้งซ่านได้จริงๆ โดยไม่อาศัยการ

เดินจงกลมหรือนั่งสมาธิ ได้ไหมครับ

เ่ช่น รู้ต้นตอแห่งไฟ ก้ต้องดับที่ต้นตอ เช่น การประสบความสำเร็จแล้วเลิก เป็นเรื่องที่

ทุกคนมองว่า ไม่ดีหรือครับ

เมื่อไม่ยึดติดกับเงินเพราะมีเงินเพียงพอ ไม่ยึดติดกับชื่อเพราะไม่ต้องการดัง

ไม่ยึดติดกับความสุข และทุกข์

ไฟก้น่าจะมอดไปนะครับ
สุขก็ไม่เทียง แล้วมันก็ผ่านไป
ทุกข์ก็ไม่เที่ยง แล้วม้นก็ผ่านไป
เฉยๆก็ไม่เที่ยง แล้วมันก็ผ่านไป
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
sakkaphan
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1111
ผู้ติดตาม: 0

Re: คณิตศาสตร์ กับการก้าวสู่ความมั่งคั่ง

โพสต์ที่ 50

โพสต์

raiden เขียน:ผมก็อยากมีเหมือนคุณวิกรมครับ เห็นว่ามีคอลเลคชั่นรถเฟอรารี่เยอะมาก
แถมสต็อกสาว ๆ เพียบอีกต่างหาก
:o :) :D
เหอๆ+1ครับ
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง