ท่านคิดว่าอะไรคือ ความแตกต่างระหว่างความฝันกับความเพ้อฝัน

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 0

Re: ท่านคิดว่าอะไรคือ ความแตกต่างระหว่างความฝันกับความเพ้อฝั

โพสต์ที่ 31

โพสต์

ไม่มีใครตอบแล้ว ผมขอแชร์ลแะกันครับ

ความฝันคือ สิ่งที่คุณหวังและคุณขอให้เกิดโดยมีความพยายามและแรงส่งเพื่อไปถึงมัน

ความเพ้อฝัน คือ สิ่งที่คุณหวังและอยากให้มันเกิด โดยหวังจากดวงหรือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

ซึ่งโอกาศเกิดได้แทบไม่มี
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ

หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
somkull
Verified User
โพสต์: 343
ผู้ติดตาม: 0

Re: ท่านคิดว่าอะไรคือ ความแตกต่างระหว่างความฝันกับความเพ้อฝั

โพสต์ที่ 32

โพสต์

จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ นักคิดนักเขียนชาวอังกฤษ (1856-1950) เคยกล่าวว่า “คุณมองสิ่งของต่างๆ และคุณบอกว่า ‘ทำไม?’ แต่ผมจินตนาการสิ่งต่างๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน และผมบอกว่า ‘ทำไมจะไม่ล่ะ?’ “
ความฝันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานอย่างหนึ่งของมนุษย์ทุกคน ทว่าไม่ทุกคนที่สามารถใช้ฝันนั้นให้เป็นประโยชน์
บางคนใช้ความสามารถส่วนนี้เป็นเครื่องมือหนีโลก บางคนใช้มันในเชิงลบ บางคนปฏิเสธโลกของความฝันโดยสิ้นเชิง และมักเรียกมันว่า “ฝันกลางวัน” หรือ “ฝันเป็นตุเป็นตะไปได้” หรือ “มันเป็นเรื่องของพวกหนีโลก” ฯลฯ
เคยสังเกตไหมว่า ธรรมชาติไม่เคยสร้างอะไรที่เป็นส่วนเกิน ความฝันน่าจะมีความจำเป็นต่อเรา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง บางทีหากไม่มีความสามารถส่วนนี้ เราอาจไม่อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้
ลองมองไปรอบตัว มีอะไรบ้างที่ไม่ได้เกิดมาจากความฝัน?
เคยสังเกตไหมว่า ฝันเมื่อเรายังเด็กมักจะสร้างสรรค์กว่าเมื่อเราโตขึ้น เพราะสมองของเด็กน้อยยังไม่ถูกโลกของความจริงโหมกระหน่ำว่า นี่เป็นไปไม่ได้ นั่นก็เป็นไปไม่ได้
ความสวยงามของความฝันที่ดีคือมันเปลี่ยนชีวิตผู้ที่ฝันได้ และก็เปลี่ยนชีวิตของทั้งมนุษยชาติไปในทางที่ดีขึ้นได้
ถ้าเช่นนั้นทำไมไม่ลองใช้ประโยชน์จากฝันให้เต็มที่ล่ะ?
มีความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงระหว่างสองประโยคนี้ : “ฉันอยากเป็น…” กับ “ฉันจะเป็น…”
ในแต่ละวัน เราเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ นานา ตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินออกจากบ้านไปเผชิญโลก ซ้อนท้ายจักรยานยนต์รับจ้างไปต่อรถเมล์ หนึ่งหรือสองหรือสามทอดไปโรงเรียนหรือไปทำงาน กว่าจะฝ่ารถติดไปถึง ถูกเจ้านายดุว่า ถูกลูกค้าต่อว่า สารพัด ผ่านหนึ่งวันด้วยความเครียด เมื่อจบวันก็นั่งรถเมล์ที่แน่นขนัดกลับบ้าน ซ้อนจักรยานยนต์รับจ้างกลับถึง และบ่นกับตัวเองและคนอื่นว่า นี่ไม่ใช่โลกที่เราเคยฝันไว้เลย
ที่ร้ายกว่านั้นคือ วันรุ่งขึ้นดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรแตกต่างจากวันก่อนที่เลวร้าย นานวันเข้าคุณก็สรุปว่าโลกแห่งความจริงใบนี้อัปลักษณ์ไม่น่าอยู่ เมื่อนั้นเองที่คุณจำเป็นต้องหนี (ตามกฎแห่งการอยู่รอด)
บางคนหนีจากโลกแห่งความจริงไปสู่โลกแห่งความฝัน ด้วยการสร้างฝันมาครอบ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปใด ของมึนเมา ยา ยาเสพย์ติด เพื่อนเลว ฯลฯ
แต่ฝันแบบนี้ไม่เคยยั่งยืน ช้าหรือเร็วคุณก็ต้องตื่นขึ้นมาพบกับความจริงอีก
ทางเดียวที่จะไม่ต้องตื่นขึ้นจากโลกความฝันโดยสิ้นเชิงคือฝันในเรื่องที่ดี และเปลี่ยนความฝันนั้นให้เป็นความจริง
อยากรวยก็รวยได้ อยากเป็นนักเขียนก็เป็นได้ อยากเป็นนักแสดงก็เป็นได้… แน่นอนมันคงไม่ง่าย แต่รับรองว่ายากน้อยกว่านักกีฬาพิการที่ได้เหรียญทองโอลิมปิค คนตาบอดที่เรียนจบมหาวิทยาลัย คนเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายที่รอดชีวิตมาได้ นักร้องที่ไร้แขนขา ฯลฯ
หากคุณบอกว่าโอกาสที่ทำฝันให้เป็นจริงอย่างนั้นมีเพียงหนึ่งในล้าน ก็ทำไมไม่ลองลิ้มรสประสบการณ์ของการเป็นหนึ่งในล้านนั้นเล่า?
เพราะความไม่เชื่อในความฝันของตนเองนี่เอง ที่ทำให้ผมเห็นขอทานมือเท้าสมบูรณ์ทั่วบ้านทั่วเมือง
ในเวที American Idol (ซึ่งเป็นรายการคัดเลือกนักร้องระดับชาติจากทุกมุมโลก) เมื่อปีที่แล้ว ชาวอเมริกันทั้งประเทศเลือกให้นักร้องผิวดำผู้หนึ่งเป็นที่หนึ่ง เขามีร่างอ้วนใหญ่ หน้าตาไม่ใกล้เคียงกับคำว่า ดารา ในมุมมองของบ้านเราเลยแม้แต่น้อย
ทว่าความฝันของเขากลายเป็นจริงเพราะเขาเชื่อมั่นในความฝันของเขาว่าเป็นจริง ได้ แม้ว่ามันดูแทบจะเป็นไปไม่ได้ในมุมมองของหลายคน
บางทีสิ่งแรกที่เราทำคือกล้าที่จะฝัน และกล้าที่จะเปลี่ยนชีวิตของเราให้ดีขึ้น และกล้ายอมรับผลที่ตามมา
ปัญหาคือคนส่วนใหญ่ยอมรับแต่ความสำเร็จ และเมื่อไม่มั่นใจในการเดินทางจากความฝันไปสู่ความจริง ก็มักใช้ข้ออ้างว่า “เปลี่ยนแปลงไปทำไม ชีวิตของฉันก็ดีอยู่แล้ว” หรือ “ถ้าล้มเหลวล่ะ จะทำยังไง?”
บางทีระยะทางระหว่างความฝันกับความจริงไม่ได้ห่างกันอย่างที่เรากลัว

บางทีวันพรุ่งนี้ ก่อนที่คุณจะบ่น ลองสำรวจดูใหม่ว่า มีฝันใดที่คุณอาจทำให้มันเปลี่ยนชีวิตคุณไปในทางที่ดีขึ้นได้บ้าง
และอย่างที่เล่าจื้อบอก “การเดินทางไกลหมื่นลี้เริ่มต้นที่ก้าวแรก”
ความฝัน
วินทร์ เลียววาริณ