Re: รวมข่าว "หัวเว่ย"
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 21, 2011 9:03 pm
จดหมายเปิดผนึกจากหัวเว่ย
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554 15:42
หัวเว่ยแจงซื้่อทรัพย์สินทรีลีฟ ไม่ต้องขอใบอนุญาตเพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้นอกสหรัฐ
จดหมายเปิดผนึกจากหัวเว่ย โดย นายเคน หู รองประธานบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ และประธานบริษัทหัวเว่ย สหรัฐอเมริกา ความว่า
รายงานข่าวกรณีการซื้อทรัพย์สินของบริษัททรีลีฟ ซิสเต็มส์โดยหัวเว่ย ได้กลายเป็นประเด็นที่มีการพูดถึงกันอย่างมากในหลายประเทศ หัวเว่ยต้องการที่จะใช้โอกาสนี้นำเสนอข้อเท็จจริงโดยละเอียดเบื้องหลังกรณีดังกล่าว เพื่อสร้างความเข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบัน และเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับข่าวลือและข้อกล่าวหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับบริษัท
ฟิวเจอร์เว่ย บริษัทลูกของหัวเว่ยในสหรัฐฯ ได้ซื้อทรัพย์สินบางส่วนของบริษัททรีลีฟ ซิสเต็มส์ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฏาคม 2553 โดยทรีลีฟเป็นบริษัทในอุตสาหกรรมไอทีที่ตั้งอยู่ ณ เมืองซานตา คลารา มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ในขณะนั้น ทรีลีฟกำลังเตรียมการเพื่อปิดกิจการ โดยนอกจากฟิวเจอร์เว่ยแล้ว ก็ไม่มีผู้อื่นแสดงความสนใจที่จะซื้อทรัพย์สินของทรีลีฟแต่อย่างใด หัวเว่ยได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงานอุตสาหกรรมและความมั่นคง ภายใต้ความดูแลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เพื่อขออนุมัติการซื้อทรัพย์สินดังกล่าว นอกจากนี้ ทางกระทรวงพาณิชย์ยังได้ยืนยันกับหัวเว่ยอีกด้วยว่าบริษัทไม่จำเป็นต้องขอใบอนุญาตเพื่อการนำเอาเทคโนโลยีของทรีลีฟไปใช้งานนอกสหรัฐ
หลังจากนั้น หัวเว่ยได้ทราบว่าคณะกรรมการพิจารณาการลงทุนต่างชาติในสหรัฐ (Committee on Foreign Investment in the United States – CFIUS) สนใจในรายละเอียดของข้อตกลงทางธุรกิจกับทรีลีฟ บริษัทจึงตัดสินใจยื่นเรื่องให้ทางคณะกรรมการ CFIUS เริ่มต้นพิจารณาการซื้อขายดังกล่าวทันทีในเดือนพฤศจิกายน 2553
ต่อมา เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 คณะกรรมการ CFIUS ได้แนะนำให้หัวเว่ยถอนตัวออกจากข้อตกลงซื้อทรัพย์สินของทรีลีฟ ภายใต้เงื่อนไขของทาง CFIUS เอง ในระยะแรก หัวเว่ยได้ตัดสินใจที่จะปฏิเสธข้อแนะนำดังกล่าว เพื่อเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบอย่างละเอียด แต่ในที่สุดแล้ว บริษัทก็ได้ถอนตัวออกจากข้อตกลงกับทรีลีฟเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ตามคำแนะนำของคณะกรรมการ CFIUS เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้สถานการณ์ดังกล่าวบานปลายยิ่งขึ้น หลังจากพบว่าสื่อมวลชนทั่วโลกได้ให้ความสนใจในกรณีนี้เป็นอย่างมาก
หัวเว่ยเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในชาติที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก เรามีความเคารพอย่างสูงในวัฒนธรรมอเมริกัน ที่มีพื้นฐานอยู่บนหลักการของประชาธิปไตย เสรีภาพ ความยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน อันเป็นหลักการที่หัวเว่ยยึดถือมาโดยตลอด และความสัมพันธ์ของหัวเว่ยกับประชาชนชาวอเมริกันก็ได้ช่วยให้บริษัทเรียนรู้มุมมองใหม่ๆ ในการทำธุรกิจมากมาย
ประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้กล่าวไว้ในสุนทรพจน์สาบานตนเข้ารับตำแหน่งว่า “วันนี้ พวกเราทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ก็เพราะว่าเราเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับความหวังและความสามัคคี แทนที่จะเป็นความกลัวและความแตกแยก วันนี้จะเป็นวันที่เราก้าวข้ามความขัดแย้ง การโป้ปดมดเท็จ การสาดโคลน และความเชื่อผิดๆ ที่ล้าสมัย เพื่อพัฒนาระบบการเมืองของเราอย่างจริงจัง” หัวเว่ยศรัทธาในวิสัยทัศน์นี้ และมีความมุ่งมั่นที่จะใช้แนวทางดังกล่าวเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ของเรากับคู่ค้าในสหรัฐฯ ดังเช่นที่เรากระทำมาตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
=======================================================
หัวเว่ยยันตั้งใจลงทุนระยะยาวในสหรัฐ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์, วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2554 18:07
หัวเว่ยออกจดหมายเปิดผนึกชี้แจงการซื้อทรัพย์สิน ทรีลีฟ ซิสเต็มส์ ของสหรัฐ
นายเคน หู รองประธานหัวเว่ย เทคโนโลยี และประธาน หัวเว่ย สหรัฐ ออกจดหมายชี้แจงการเข้าซื้อทรัพย์สินของ
ทรีลีฟ ซิสเต็มส์ ในสหรัฐ โดยระบุว่า ฟิวเจอร์เว่ย บริษัทลูกของหัวเว่ยในสหรัฐ เข้าซื้อทรัพย์สินบางส่วนของบริษัททรีลีฟ ซิสเต็มส์ ในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค. 2553 ซึ่งเป็นช่วงที่ ทรีลีฟ อยู่ระหว่างเตรียมการปิดกิจการ
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการพิจารณาการลงทุนต่างชาติในสหรัฐ แนะนำให้หัวเว่ยถอนตัวออกจากข้อตกลง ซึ่งบริษัทก็ยินยอมเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์บานปลาย หลังจากพบว่าสื่อมวลชนทั่วโลกให้ความสนใจในกรณีนี้เป็นอย่างมาก
หัวเว่ยระบุว่า บริษัทตกเป็นที่สนใจสืบเนื่องจากข่าวลือว่าบริษัทมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับกองทัพจีน มีปัญหาการละเมิดสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลจีน และเป็นอันตรายของบริษัทต่อความมั่นคงของสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยยืนยันว่า บริษัทมีความตั้งใจที่จะทำการลงทุนระยะยาวในสหรัฐ และขณะนี้บริษัทว่าจ้างพนักงานอเมริกันแล้ว 1,000 คน ในปี 2553 บริษัทลงทุนกว่า 6,100 ล้านดอลลาร์ ในการซื้อผลิตภัณฑ์และบริการจากธุรกิจสัญชาติอเมริกัน
ตลอดระยะเวลาการทำธุรกิจในสหรัฐ หัวเว่ยเพิ่มการลงทุนในด้านการวิจัยและค้นคว้าด้วยอัตราเฉลี่ย 66% ต่อปี โดยงบลงทุนในด้านดังกล่าวของหัวเว่ยในปีที่ผ่านมา คิดเป็นเงินจำนวนกว่า 62 ล้านดอลลาร์
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554 15:42
หัวเว่ยแจงซื้่อทรัพย์สินทรีลีฟ ไม่ต้องขอใบอนุญาตเพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้นอกสหรัฐ
จดหมายเปิดผนึกจากหัวเว่ย โดย นายเคน หู รองประธานบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ และประธานบริษัทหัวเว่ย สหรัฐอเมริกา ความว่า
รายงานข่าวกรณีการซื้อทรัพย์สินของบริษัททรีลีฟ ซิสเต็มส์โดยหัวเว่ย ได้กลายเป็นประเด็นที่มีการพูดถึงกันอย่างมากในหลายประเทศ หัวเว่ยต้องการที่จะใช้โอกาสนี้นำเสนอข้อเท็จจริงโดยละเอียดเบื้องหลังกรณีดังกล่าว เพื่อสร้างความเข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบัน และเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับข่าวลือและข้อกล่าวหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับบริษัท
ฟิวเจอร์เว่ย บริษัทลูกของหัวเว่ยในสหรัฐฯ ได้ซื้อทรัพย์สินบางส่วนของบริษัททรีลีฟ ซิสเต็มส์ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฏาคม 2553 โดยทรีลีฟเป็นบริษัทในอุตสาหกรรมไอทีที่ตั้งอยู่ ณ เมืองซานตา คลารา มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ในขณะนั้น ทรีลีฟกำลังเตรียมการเพื่อปิดกิจการ โดยนอกจากฟิวเจอร์เว่ยแล้ว ก็ไม่มีผู้อื่นแสดงความสนใจที่จะซื้อทรัพย์สินของทรีลีฟแต่อย่างใด หัวเว่ยได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงานอุตสาหกรรมและความมั่นคง ภายใต้ความดูแลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เพื่อขออนุมัติการซื้อทรัพย์สินดังกล่าว นอกจากนี้ ทางกระทรวงพาณิชย์ยังได้ยืนยันกับหัวเว่ยอีกด้วยว่าบริษัทไม่จำเป็นต้องขอใบอนุญาตเพื่อการนำเอาเทคโนโลยีของทรีลีฟไปใช้งานนอกสหรัฐ
หลังจากนั้น หัวเว่ยได้ทราบว่าคณะกรรมการพิจารณาการลงทุนต่างชาติในสหรัฐ (Committee on Foreign Investment in the United States – CFIUS) สนใจในรายละเอียดของข้อตกลงทางธุรกิจกับทรีลีฟ บริษัทจึงตัดสินใจยื่นเรื่องให้ทางคณะกรรมการ CFIUS เริ่มต้นพิจารณาการซื้อขายดังกล่าวทันทีในเดือนพฤศจิกายน 2553
ต่อมา เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 คณะกรรมการ CFIUS ได้แนะนำให้หัวเว่ยถอนตัวออกจากข้อตกลงซื้อทรัพย์สินของทรีลีฟ ภายใต้เงื่อนไขของทาง CFIUS เอง ในระยะแรก หัวเว่ยได้ตัดสินใจที่จะปฏิเสธข้อแนะนำดังกล่าว เพื่อเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบอย่างละเอียด แต่ในที่สุดแล้ว บริษัทก็ได้ถอนตัวออกจากข้อตกลงกับทรีลีฟเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ตามคำแนะนำของคณะกรรมการ CFIUS เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้สถานการณ์ดังกล่าวบานปลายยิ่งขึ้น หลังจากพบว่าสื่อมวลชนทั่วโลกได้ให้ความสนใจในกรณีนี้เป็นอย่างมาก
หัวเว่ยเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในชาติที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก เรามีความเคารพอย่างสูงในวัฒนธรรมอเมริกัน ที่มีพื้นฐานอยู่บนหลักการของประชาธิปไตย เสรีภาพ ความยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน อันเป็นหลักการที่หัวเว่ยยึดถือมาโดยตลอด และความสัมพันธ์ของหัวเว่ยกับประชาชนชาวอเมริกันก็ได้ช่วยให้บริษัทเรียนรู้มุมมองใหม่ๆ ในการทำธุรกิจมากมาย
ประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้กล่าวไว้ในสุนทรพจน์สาบานตนเข้ารับตำแหน่งว่า “วันนี้ พวกเราทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ก็เพราะว่าเราเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับความหวังและความสามัคคี แทนที่จะเป็นความกลัวและความแตกแยก วันนี้จะเป็นวันที่เราก้าวข้ามความขัดแย้ง การโป้ปดมดเท็จ การสาดโคลน และความเชื่อผิดๆ ที่ล้าสมัย เพื่อพัฒนาระบบการเมืองของเราอย่างจริงจัง” หัวเว่ยศรัทธาในวิสัยทัศน์นี้ และมีความมุ่งมั่นที่จะใช้แนวทางดังกล่าวเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ของเรากับคู่ค้าในสหรัฐฯ ดังเช่นที่เรากระทำมาตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
=======================================================
หัวเว่ยยันตั้งใจลงทุนระยะยาวในสหรัฐ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์, วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2554 18:07
หัวเว่ยออกจดหมายเปิดผนึกชี้แจงการซื้อทรัพย์สิน ทรีลีฟ ซิสเต็มส์ ของสหรัฐ
นายเคน หู รองประธานหัวเว่ย เทคโนโลยี และประธาน หัวเว่ย สหรัฐ ออกจดหมายชี้แจงการเข้าซื้อทรัพย์สินของ
ทรีลีฟ ซิสเต็มส์ ในสหรัฐ โดยระบุว่า ฟิวเจอร์เว่ย บริษัทลูกของหัวเว่ยในสหรัฐ เข้าซื้อทรัพย์สินบางส่วนของบริษัททรีลีฟ ซิสเต็มส์ ในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค. 2553 ซึ่งเป็นช่วงที่ ทรีลีฟ อยู่ระหว่างเตรียมการปิดกิจการ
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการพิจารณาการลงทุนต่างชาติในสหรัฐ แนะนำให้หัวเว่ยถอนตัวออกจากข้อตกลง ซึ่งบริษัทก็ยินยอมเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์บานปลาย หลังจากพบว่าสื่อมวลชนทั่วโลกให้ความสนใจในกรณีนี้เป็นอย่างมาก
หัวเว่ยระบุว่า บริษัทตกเป็นที่สนใจสืบเนื่องจากข่าวลือว่าบริษัทมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับกองทัพจีน มีปัญหาการละเมิดสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลจีน และเป็นอันตรายของบริษัทต่อความมั่นคงของสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยยืนยันว่า บริษัทมีความตั้งใจที่จะทำการลงทุนระยะยาวในสหรัฐ และขณะนี้บริษัทว่าจ้างพนักงานอเมริกันแล้ว 1,000 คน ในปี 2553 บริษัทลงทุนกว่า 6,100 ล้านดอลลาร์ ในการซื้อผลิตภัณฑ์และบริการจากธุรกิจสัญชาติอเมริกัน
ตลอดระยะเวลาการทำธุรกิจในสหรัฐ หัวเว่ยเพิ่มการลงทุนในด้านการวิจัยและค้นคว้าด้วยอัตราเฉลี่ย 66% ต่อปี โดยงบลงทุนในด้านดังกล่าวของหัวเว่ยในปีที่ผ่านมา คิดเป็นเงินจำนวนกว่า 62 ล้านดอลลาร์