พุธ เม.ย. 11, 2012 11:36 pm | 0 คอมเมนต์
อินทรีย์ทองแดง เขียน: เอ ถ้าผมสนใจอยากฝึกวิชาเต่า เพราะเห็นเต่าตัวพ่อโตเอาๆ แต่มันมีคำถามที่ค้างคาใจอยู่ ไม่ทราบว่าพี่NB พอจะช่วยวิสัชนาหน่อยได้จะได้ไหมครับ
ปุจฉา
พอร์ตผมก็โตตามผลประกอบการครับ ก็มองมันโตไป โตไป
ผมขอขอบคุณน้องอินทรีย์ทองแดงครับ กับคำถามที่ยากทีเดียวเพราะหลาย ๆ เรื่องที่ถามมันจะเป็นเรื่องของ "ความเชื่อ" และ "จิตวิทยา" การลงทุนค่อนข้างสูง และเพราะเป็น น้องอินทรีย์ทองแดง ถามมา ผมเลยต้องตอบโดยใช้ความพยายามสูงเช่นเดียวกันลองดูนะครับ
1 ถ้าฝึกวิชาเต่าไม่ซื้อไม่ขาย แล้วผมจะกินอะไรล่ะครับ ยิ่งถ้าปันผลเปอร์เซนต์น้อยๆด้วยแล้ว
NB-ตอบ
หุ้นเป็นปัจจัยเสี่ยงครับไม่ใช่ปัจจัยสี่ ถ้ายังไม่สามารถที่จะทำให้มีปัจจัย 4 ที่สมบูรณ์ได้ก็อย่าพึ่งมาเสี่ยง ซื้อหนังสือมาอ่านเพิ่ม เก็บหอมรอมริบ จะลงทุนได้ก็ต้องมีทุนครับ
วอร์เรน บัฟเฟตต์เองยอมรับว่าได้รับอิทธิพลมาจาก ฟิล ฟิชเชอร์, ครั้งนึงฟิชเชอร์ไปบรรยายที่มหาวิทยาลัย สแตนเฟิร์ด ท่านให้ข้อแนะนำไว้ 3 ข้อ คือ (1) ซื้อบ้าน (2) รู้จักเก็บหอมรอมริบ (3) ลงทุนระยะยาว
ส่วนเงินที่มีความจำเป็น เช่น หากเราวางแผนจะต้องใช้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อซื้อบ้าน ไปเที่ยวต่างประเทศ จ่ายค่าเทอม เราควรกันเงินนั้นออกมาจากการลงทุน
การลงทุนต้องยอมรับว่าจะมากจะน้อยเรากำลังเล่นกับความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนก็คือความเสี่ยงอย่างหนึ่งในมุมกลับเช่นเดียวกัน กว่าผมจะได้เริ่มลงทุนก็อายุสามสิบกว่าสี่สิบแล้วครับ ถ้าน้องเริ่มลงทุนตั้งแต่เริ่มทำงานอย่างถูกวิธีและโตไปเรื่อย ๆ พอร์ตของน้องก็จะโตตามวัยไปเช่นเดียวกัน ในขณะที่น้องอายุมากขึ้นหน้าที่การงานมั่นคงขึ้นเกื้อหนุนกันไป
เวลาเป็นเพื่อนที่ดีของนักลงทุนระยะยาวครับ
2.ผมลงทุนด้วยเงินเก็บทั้งหมด3แสนบาท เงินเดือนผม30,000บาท ใช้จ่ายแบบประหยัดๆเหลือลงทุนซักเดือนละ8,000บาท ปีนึงก็จะมีเงินใหม่ราวๆ100,000 ถ้าตามที่อาจารย์เต่าเคยบอกไว้ ให้หวังไว้สัก15%ต่อปี ผ่านไปห้าปี พอร์ตผมเพิ่งจะแตะหลักล้านเองครับ มันจะช้าไปไหมอ่า กว่าจะเปนอิสรภาพทางการเงินแบบพี่ๆในบอร์ดเค้า ผมไม่ปาเข้าไปอายุ60ก่อนหรือครับ และถ้าเกิดวันไหนเจอหัวหน้างี่เง่าเนี่ยแทบอยากจะลาออกซะตรงนั้นเลยล่ะครับ
NB-ตอบ
ทำอย่างไรผมว่าสำคัญกว่าทำได้เท่าไรครับ 15% ต่อปีถ้าทำได้ต่อเนื่องทุกปีนี่เจ๋งมากเลยนะครับ แล้ว 5 ปีมีเงินล้านนึงนี่ก็ดีกว่าคนค่อนประเทศเข้าไปแล้วครับ ในตลาดหุ้นนั้นสิ่งที่สำคัญคือการควบคุมความโลภครับ ยิ่งเราโลภมากเท่าไรเราจะวิ่งเข้าหาสิ่งลวงตาได้ง่าย หลักการที่แท้จริงก็จะถูกซ่อนไว้ในลิ้นชักแบบนี้อันตรายครับ สำคัญที่ความพอใจครับ
เต่ากินผักบุ้งครับ เต่าไม่กินบุฟเฟตต์มื้อละหลาย ๆ พัน เต่าไม่ฟุ่มเฟือย
อายุหกสิบมันจะช้าไปหรือไม่ ลองดูครับ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ซื้อหุ้นโค้กตอนอายุ 50 กว่า คงไม่ได้อยากจะเลิกหุ้นตอนอายุ 60 มั๊งครับ? ฟิชเชอร์ลงทุนถึงอายุแปดสิบกว่าเก้าสิบเค้าก็ไม่เลิกลงทุนแม้สุขภาพไม่อำนวยจนท่านเสียชีวิต วอลเตอร์ ซลอส์ เพื่อนรักนักลงทุนของบัฟเฟตต์ท่านก็อายุ 90 กว่าแล้วเป็นหนึ่งใน super investor แอนน์ ไชเบอร์ หนึ่งในตำนานของนักลงทุนนั่นเริ่มเล่นหุ้นตอนห้าสิบมั๊งครับ ผมมองว่าสำหรับท่านเหล่านี้แล้วอายุเป็นเพียงตัวเลขครับ
ต้องนิ่งครับ สำคัญที่การตั้งเป้าหมาย การควบคุมความโลภ การใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง และการตีความคำว่าผลลัพธ์ที่ได้ เมื่อผลตอบแทนทบต้นทำงานแล้วก็จะเห็นผลของมันครับ
3.ผมเห็นพี่ๆเก่งๆในบอร์ดหลายคนที่เค้าประสบความสำเร็จ เปนนักลงทุนอาชีพตั้งแต่อายุน้อยๆ แถมเปนอิสรภาพการเงินดัวยพอร์ตหลักร้อยล้านบาท ไม่เห็นเค้าจะต้องมาถือหุ้นไปนานๆอย่างเต่าเลยครับ เวลาปิดสมุดทะเบียนทีนึงก็เห็นชื่อไปโผล่บริษัทนึง ผ่านไปครึ่งปีชื่อหายไป เห็นไปโผล่อีกบริษัทนึงแทน เปนอย่างนี้มากมายหลายคนเลยครับ พอมาคำนวนดูก็โอ้โห ทำไมเงินเค้าเพิ่มขึ้นมาเป็นหลายร้อยเปอร์เซนต์ ในระยะเวลาสองสามปี แล้วอย่างนี้วิชาเต่าที่ทนถือหุ้นนานๆมันไม่เสียโอกาสเหรอครับ อย่างนี้วิธีซ้ายทีขวาทีแบบเซียนหุ้นวีไอไม่ได้ผลเร็วกว่าหรือครับ
NB-ตอบ
คนทุกคนที่เกิดมามีต้นทุนไม่เท่ากัน ต้นทุนเริ่มเล่นหุ้นแต่ละคนไม่เท่ากัน ต้นทุนความรู้การศึกษาไม่เท่ากัน และที่สำคัญความจริง และความเชื่อในตลาดหุ้นมักจะปนเป ยิ่งในโลกเส็งเคร็งแห่งไซเบอร์ด้วยแล้ว คนดี คนเก่ง คนมีน้ำใจ เป็นได้ด้วยคีย์บอร์ด
ไม่แปลกที่นักมวยงานวัดจะอยากเป็นบัวขาว ไม่แปลกที่เด็กเล่นสตรีทบาส ฝันอยากเป็น เจอร์มี่หลิน แต่สำหรับตลาดหุ้นแล้วมันฝังเรื่องราวแห่งความล้มเหลวไว้มากมายที่ไม่ได้พูดกันออกมา
เรื่องที่ดี ๆ ร้าย ๆ มีกันทั้งนั้นมีกันทุกคน เงินทอง ไม่เข้าใครออกใคร ซุปเปอร์สตาร์มีไว้ให้เรียนรู้ ไม่ได้มีไว้ให้ลอกเลียน คุณไม่ใช่เค้า คุณก็อปเค้ามาไม่ได้หมดหรอก เคล็ดวิชามันต่างกัน ถ้าคุณชอบเค้าคุณศรัทธา ผมแนะว่าคุณเรียนรู้จากเค้าและนำไปใช้ในแบบที่เราเป็นเรา ตัวคุณเป็นตัวคุณ จะดีกว่า ผลสำเร็จได้เท่าไรสุดท้ายเราจะรู้ตัวเราเองว่าสิ่งใดดีสิ่งใดไม่ดีกับเรา
สำหรับผม ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
ซ้ายทีขวาทีจะดีกว่าหรือไม่? พิสูจน์ด้วยตัวเองจะดีกว่าครับ
หลายคนมีความเข้าใจผิดว่าการเป็นวีไอต้องถือยาวถือทนหุ้นตัวใดก็ได้ – ผิดครับ
สิ่งที่ถูกคือ -> ฟังนะครับไม่ใช่หุ้นทุกตัวจะเอาชนะเงินเฟ้อได้ ไม่ใช่หุ้นทุกตัวจะชนะตลาดได้ สิ่งที่สำคัญคือ คุณต้องเลือกหุ้นที่ป้องกันตัวเองจากเงินเฟ้อให้ได้ สุดยอดหุ้นพวกนี้ยามตลาดตกก็จะถูกทิ้งลงมา แต่ไม่ว่ากี่ครั้งก็ตามมันจะกลับมาได้เสมอและจะทำนิวไฮใหม่ ๆ พร้อม ๆ กับผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผมกล่าวว่าผู้บริหารนั่นเป็นคีย์ที่สำคัญ การเติบโตอย่างมั่นคงนั่นสำคัญ ฐานธุรกิจ Moat และนวัตกรรม ส่วนแบ่งการตลาด อีกทั้งแบรนด์อันเข้มแข็งนั่นสำคัญ
เล็งหาหุ้นเหล่านี้แล้วอยู่กับมันไปในระยะยาว ผมมั่นใจและมี "ความเชื่อ" อย่างลึก รวมถึงนำมาใช้ด้วยตัวเองครับ
หากเราคัดกรองหุ้นอย่างดีดังที่ผมว่ามาแล้วความสำเร็จก็น่าจะเป็นของเราได้ มากกว่า ซ้ายที ขวาที แน่นอนครับ