Thai VI

ขอบคุณมากๆครับ

เยี่ยมครับ ตรงใจโดนทุกข้อเลย อ่านไปรู้สึกเหมือนประสบการณ์ตรงตนเองเลย เหมือนกับว่าเขียนเองยังไงยังนั้น ขอบคุณมากๆ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
16. จงลืมต้นทุน
ต้นทุนไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น ... จงคิดแต่ว่าราคาหุ้นปัจจุบันเนี่ย ถ้าเรายังไม่มีหุ้นตัวนี้ เราจะซื้อหรือเปล่า ถ้าเราไม่คิดจะซื้อ ... แล้วเราจะถือมันไว้ทำไม
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตย
Case1
ถ้าปัจจุบันมีหุ้น ซึ่งซื้อมาที่ราคา 10 บาท ผ่านไป 1 ปีขายในราคา 20 บาท เจอเงินเฟ้อ 5% ทำให้เหลือมูลค่า 19.05 บาท
ได้กำไร = 90.48% โตเฉลี่ยปีละ 90.48%(เพราะ 1 ปี)

Case2
ถ้าปัจจุบันมีหุ้น ซึ่งซื้อมาที่ราคา 10 บาท ผ่านไป 1 ปีราคาเป็น 20 บาท ถ้าถือต่อไปอีก 4 ปีหุ้นมีมลค่า 25บาท เจอเงินเฟ้อ ปีละ 5% ทำให้เหลือมูลค่าปัจจุบันอยู่ที่ 19.59 บาท , ดังนั้น เติบโตเฉลี่ย 5 ปีที่ปีละ 20.11% และขายในปีที่ 5
ได้กำไร = 95.88%

ถ้าเรายังไม่มีหุ้นตัวนี้ เราจะซื้อหรือเปล่า ถ้าเราไม่คิดจะซื้อ ... แล้วเราจะถือมันไว้ทำไม
แต่ ถ้าเราไม่มีก้อไม่ซื้อเพราะการเติบโตจะน้อยแล้ว แต่ถ้าเรามีแล้วเราจะถือไว้หรือป่าว ครับ

ถูกใจทุกข้อเลย

โดยเฉพาะข้อ 22
เบื่อทาก พวกคอมเม้นประมาณว่า "VI ไม่ทำอย่างนั้นนะ" "VI ต้องทำอย่างนี้นะ" "VI ไม่ทำอย่างนั้นหรอกนะ" ปิดกั้นความคิดและไอเดียใหม่ๆ มีอัตตา เหมือนกบในกะลา

sittha เขียน:----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
16. จงลืมต้นทุน
ต้นทุนไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น ... จงคิดแต่ว่าราคาหุ้นปัจจุบันเนี่ย ถ้าเรายังไม่มีหุ้นตัวนี้ เราจะซื้อหรือเปล่า ถ้าเราไม่คิดจะซื้อ ... แล้วเราจะถือมันไว้ทำไม
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตย
Case1
ถ้าปัจจุบันมีหุ้น ซึ่งซื้อมาที่ราคา 10 บาท ผ่านไป 1 ปีขายในราคา 20 บาท เจอเงินเฟ้อ 5% ทำให้เหลือมูลค่า 19.05 บาท
ได้กำไร = 90.48% โตเฉลี่ยปีละ 90.48%(เพราะ 1 ปี)

Case2
ถ้าปัจจุบันมีหุ้น ซึ่งซื้อมาที่ราคา 10 บาท ผ่านไป 1 ปีราคาเป็น 20 บาท ถ้าถือต่อไปอีก 4 ปีหุ้นมีมลค่า 25บาท เจอเงินเฟ้อ ปีละ 5% ทำให้เหลือมูลค่าปัจจุบันอยู่ที่ 19.59 บาท , ดังนั้น เติบโตเฉลี่ย 5 ปีที่ปีละ 20.11% และขายในปีที่ 5
ได้กำไร = 95.88%

ถ้าเรายังไม่มีหุ้นตัวนี้ เราจะซื้อหรือเปล่า ถ้าเราไม่คิดจะซื้อ ... แล้วเราจะถือมันไว้ทำไม
แต่ ถ้าเราไม่มีก้อไม่ซื้อเพราะการเติบโตจะน้อยแล้ว แต่ถ้าเรามีแล้วเราจะถือไว้หรือป่าว ครับ

ถ้าเป็นอย่าที่ยกตัวอย่างมาข้างบน ตอนนี้ราคาหุ้นอยู่ 20 บาท และเราคิดมูลค่าของหุ้นได้ 19.59 บาท ... ก็ไม่มีเหตุผลให้ถือต่อไปแล้วครับ
แต่ถ้าเราคิดมูลค่าออกมาได้ 25 บาท ... นั่นแปลว่ายังมี upside อีก 25% ก็ต้องดูว่าถ้าเราเทียบกับหุ้นตัวอื่น หรือว่าเทียบกันการถือเงินสด อะไรน่าจะดีกว่ากันครับ

ประสบการณ์ของท่านโอช่างล้ำค่ายิ่งนัก

ขอบคุณที่เตือนสติครับ โดนทุกข้อเลยครับ แต่ข้อ 16 นี่โดนผมเต็มๆ ไม่เคยคิดถึงมาก่อนเลย
Realized again ไม่เคยมี๊เล๊ย มีแต่ Unrealized

ขอบคุณมากครับ
มีประโยชน์มากๆครับ

สุดยอดครับ เสี่ยโอ...

เห็นภาพชัดเจนทุกข้อ

ประสบการณ์ บางครั้งต้องซื้อเงิน ไม่ใช่แค่เวลา

1.ดีใจที่คุณโดมกลับมา
2.ขอบคุณเจ้าของกระทู้ ประสบการณ์สอนเราได้จริงๆ จะจดจำเป็นบทเรียน

Copy ไว้อ่านซ้ำเเล้วครับ ขอบคุณครับ

แค่ 8 ปี สรุปได้แบบนี้เก่งมากครับ

the cold, hard facts

ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากครับ ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ

8ปีได้อะไรเยอะเชียวครับ ผมลงทุนมา5ปีกว่ายังเรียนรู้อะไรได้ไม่ค่อยเยอะนัก
นอกจากทัศนคติในการลงทุนที่มองหุ้นเหมือนมองธุรกิจ
และตั้งใจจะเรียนรู้และลงทุนในตลาดหุ้นไปตลอดชีวิตของตนเองครับ

ขอบคุณมากครับ โดนทุกข้อ แทงไปที่ใจดำ ๆ ๆ เลยครับ

excellent! ขอ print มาอ่านหน่อยนะครับ

23. ซื้อหุ้นอย่าดูแค่มันถูก
คิดมูลค่าหุ้นออกมาโหย ถูกมาก upside 50% ดูแค่นี้ระวังนะครับ
หุ้นมันจะขึ้นได้ต้องมีคนมาสนใจ มาซื้อเพิ่ม
1. คนที่ถืออยู่แล้วมาซื้อเพิ่ม
2. ถ้าหุ้นตัวเล็ก นักลงทุนคนอื่นมาซื้อเพิ่ม
3. ถ้าหุ้นตัวกลางๆ นักลงทุนซื้อกันหมดแล้ว ต้องรอกองทุนมาสนใจ
4. ถ้าหุ้นเต็มไปด้วยกองทุนและนักลงทุนแล้ว ... ให้กลับไปดูข้อ 1
บางทีคนรอบตัวเราซื้อหุ้นกันไปหมดแล้วแต่หุ้นไม่ขึ้น อันนี้เริ่มน่ากลัวแล้วครับ แสดงว่ามีคนขายอยู่จำนวนมาก
เขาอาจจะรู้อะไรที่เราไม่รู้ก็ได้

โดน เต็มๆ ครับ
ทั้งที่ งบการเงินแย่ลง ผมก็ยังเชื่อมั่นแบบไม่สนใจข่าวรอบข้าง
จนมัน -30% จิตใจเริ่มลังเล และแล้ว ก็ไม่สามารถทนต่อ แรงกระทบได้ เลยตัดใจทิ้งไป
ปัจจุบันมันลงต่อไปอีก
แต่ตอนนี้หาข้อมูลมากขึ้น
แต่ก่อนผมลอกการบ้านใน ร้อยหุ้น บ่อยๆ
ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ชอบหรือรู้จักมัน สุดท้ายก็แพ้ภัยตัวเอง

ขอบคุณครับ

โอ@ เขียน:สิ่งที่ผมเรียนรู้จากการอยู่ในตลาดหุ้นมา 8 ปี

1. คนเข้ามาเล่นหุ้นส่วนมากคิดว่าหาเงินได้ง่ายๆ
มีเพื่อนจำนวนมากเห็นผมลงทุนมานานและได้ผลตอบแทนพอสมควร ก็มาถามว่าอยากลงทุนบ้างทำยังไงดี ผมก็ซื้อหนังสือให้ 2-3 เล่ม
บอกว่าไปอ่านให้จบก่อน แล้วมีอะไรมาถาม หนังสือเหล่านั้นผมอ่านวันเดียวจบ และรู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก ....
90% ของเพื่อนๆอ่านหนังสือไม่จบ แต่ก็ไปเปิดพอร์ตแล้วก็ซื้อตามคนอื่นบอก
ช่วงตลาดดีก็กำไร ... ช่วงตลาดแย่ก็ ... "เฮ้ย ทำไงดีวะกรูซื้อปูมา 700 บาทต่อกิโล"
ถ้าเล่นหุ้นมันง่าย ป่านนี้ไม่มีใครทำงานแล๊วววว .... อย่าลืมนะคนตายเขาไม่ได้พูด

ข้อนี่โดนมากสำหรับผม ส่วนตัวผมไม่คิดว่าตัวเองเก่ง แต่ก็มีหลายคนคอยมาถามว่าเล่นหุ้นยังไง ผมก็ได้แต่บอกให้ไปซื้อหนังสือมาอ่าน จะได้รู้ว่าการลงทุนมันเป็นยังไง สุดท้ายร้อยทั้งร้อยไม่ซื้อจะขอยืมหนังสือจากผม ขอไปอ่านก่อน ผมก็บอกไป หนังสือแค่ร้อยกว่าบาท ถ้าแค่นี้ซื้อไม่ได้อย่ามาเล่นหุ้นดีกว่า เสียเงินป่าวๆ

ขอบคุณมากครับ

เยี่ยมมากครับ โดนใจ ฉึกฉึก

มันเหมือนมีเดจาวูเลยครับ เรื่องจริงทั้งนั้น

เขียนดีมากๆครับ

ขอบคุณครับ : )

ประสบการณ์ล้ำค่ามากครับ

สวดยอดค๊าบ

มาเสพข้อมูล ขอบคุณมากครับ