Thai VI

janjan เขียน:

CheNz เขียน:

ericaa เขียน:

janjan เขียน:SYNEX SIS โตเกิน 20% มา 3 ปีแล้วครับ ส่วนอยาคตข้างหน้า อีก 5 ปี คาดว่าน่าจะโตไม่ต่ำกว่า 20% ครับ
TKS งบ q2 ออก PE คงต่ำกว่า 8 และ โต ไม่ต่ำกว่า 30% ครับ

ขอเรียนถามนิดนึงนะครับ เกี่ยวกับ synex และ sis
ผมเข้าใจว่าเป็นผู้นำเข้าอุปกรณ์ไอทีและน่าจะเป็นคู่แข่งกันด้วยรึเปล่าครับ
เพราะอะไรพี่ถึงคาดว่าอนาคตจะโตได้เกิน 20% ต่อเนื่องถึง 5 ปีเลยล่ะครับ
ผมไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับสองบริษัทนี้เท่าไหร่ แต่ตัวเลขที่ว่าทำให้ดูน่าสนใจขึ้นมาทีเดียวครับ

ดูข้อมูลในร้อยคนร้อยหุ้นเลยครับ
เอาคร่าวๆ เป็น IT Distributor รายใหญ่ที่สุดในประเทศทั้งคู่ เป็นคู่แข่งกันอย่างชัดเจนในทาง Business Model แต่สำหรับผู้บริหารมีการพูดคุยมีมิตรภาพที่ดีต่อกันครับ พนักงานหลายส่วนในองค์กรของทั้ง SiS และ Synex ก็เป็นเพื่อนๆกันทั้งนั้น
สำหรับสินค้าความหวังอย่าง Smartphone และ Tablet
Synex ส่งสินค้าเข้าช่องทาง IT Channel
SiS ส่งสินค้าเข้าช่องทาง Phone Channel
ที่คุณ janjan ประเมินว่าจะโตประมาณ 20% ก็เพราะ Trend อุตสาหกรรมเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และประเทศไทยยังขยายตัวได้อีกมากนั่นแหละครับ

ขอบคุณ คุณ CheNz มากครับ ที่ช่วยตอบให้
เพิ่มเติมนิดนึงครับ synex ถือหุ้น sis ด้วยครับแม้จะไม่มากแต่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ได้ สินค้า it ตอนนี้เป็นปัจจัย 5 ไปแล้วครับ 3G มา Wifi FTTX internet ความเร็วสูง มา อุปกรณ์ที่ต้องใช้คงหนีไม่พ้น notebook smart phone tablap คอม หรือสินค้า it ที่มารองรับการใช้งานของเทคโนโลยีเหล่านี้ คนที่มีแล้วก็จะใช้อยู่ตลอดและเปลี่ยนรุ่นไปเรื่อยๆ เพิ่มอุปกรณ์ไปเรื่อยๆ คนที่ยังไม่มีก็อยากจะมี เมื่อมีแล้วก็เพิ่มอุปกรณ์ต่อพ่วงอีกเช่น ปริ้นเตอร์ หมึกพิมพ์ แสกนเนอร์ รวมไปถึง software ไม่ว่าเทคโนโลยีใหนมาทั้งคู่ก็ได้ประโยชย์และเติบโตไปตามอุตสาหกรรม สินค้า it โต 2 หลักมาหลายปีแล้วครับและยังคงโตไ้ด้อีกหลายปีครับ

ขอบคุณพี่ CheNz และพี่ janjan มากครับ

Jeng เขียน:

พี่เจ๋งชอบอ่าน โรเบริต คิโยซากิเหมือนกันเลยครับ ตั้งแต่พ่อรวยสอนลูกพิมพ์ครั้งแรก

คนรวยซื้อทรัพย์สิน คนจนซื้อหนี้สิน อมตะนิรันด์กาลครับคำนี้

และก้ชอบลายเซ็นต์ครับ

เค้าพุดถูก การไม่มีความรู้ทางการเงินแต่มีเงิน น่ากลัวว่าคนที่ไม่มีเงินแต่มีความรู้ทางการเงิน

จนแต่ฉลาดก้รวยได้ รวยแต่โง่ก้จนได้

คลายเครียด เขียน:

Jeng เขียน:ปีนี้ ประมาณการกำไรโตมากกว่า 20 % และ pe ต่ำกว่า 8

ใครพอมีหุ้นที่เข้าเงื่อนไขดังกล่าว ช่วยแนะนำด้วยครับ

ผมว่า ถ้ากำไรจะโตต่อเนื่องได้ปีละ ๒๐ เปอร์เซนต์ พีอี ๒๐ ก็ยังน่าซื้อครับ ?

+1 เห็นด้วยกับพี่คลายเครียดครับ ถ้าโตต่อเนื่องได้ปีละ20% พีอี20ผมก็ซื้อเหมือนกัน
ตรงกันข้ามครับคุณ จขกท ครับถ้าวันนี้ผมพบว่ามีพีอี8 แต่โต20% ผมคงต้องกลับไปคิดมากๆว่า ผมให้ค่าอะไรสูงเกินไปหรือเป็นเพราะตลาดมองข้ามจริงๆ

viหัดคลาน เขียน:

คลายเครียด เขียน:

Jeng เขียน:ปีนี้ ประมาณการกำไรโตมากกว่า 20 % และ pe ต่ำกว่า 8

ใครพอมีหุ้นที่เข้าเงื่อนไขดังกล่าว ช่วยแนะนำด้วยครับ

ผมว่า ถ้ากำไรจะโตต่อเนื่องได้ปีละ ๒๐ เปอร์เซนต์ พีอี ๒๐ ก็ยังน่าซื้อครับ ?

+1 เห็นด้วยกับพี่คลายเครียดครับ ถ้าโตต่อเนื่องได้ปีละ20% พีอี20ผมก็ซื้อเหมือนกัน
ตรงกันข้ามครับคุณ จขกท ครับถ้าวันนี้ผมพบว่ามีพีอี8 แต่โต20% ผมคงต้องกลับไปคิดมากๆว่า ผมให้ค่าอะไรสูงเกินไปหรือเป็นเพราะตลาดมองข้ามจริงๆ

เมื่อเดือน 2 dsgt ตลาดก็มองข้าม เพราะราคา 8.70 pe 7 มี g ยอดขายก็โตต่อเนื่อง

มาวันนี้ไม่นาทเทรดกันที่ 9.85*2 ณ เวลานี้

ถ้าหาหุ้น pe ต่ำกว่า g แล้ว เจอ ก็มี mos สูงกว่า

แต่การยอมรับหลักการ peg 1 ผมว่าเสี่ยงมาก

เพราะ peg 1 นั้น ต้องทำได้สม่ำเสมอ

หุ้นที่จะประมาณการกำไรโต 20 % สมมุติจากนี้ไปซัก 3 ปีซ้อน ก็ไม่น่าจะมีซักกี่ตัว

แถมตัวที่มี g 20 % ไปอีก 3 ปี บางตัวก็ 30

ที่ว่า คุณก็ซื้อนั้น ก็น่าจะเป็นเหตุผลส่วนตัว รับฟังได้ครับ

แต่สำหรับผม ผมคิดว่า ไม่น่าซื้อครับ pe 20 g 20

แค่กำไรลดไปนิด ราคาก็ดิ่งเหวสบายๆ ตอนนี้ วันนี้ ก็น่าจะมีเคสให้เห็น หุ้นหลายๆตัวที่คาดหวังกันแรงๆ pe สูงๆ พอประกาศออกมาปั๊บ กำไรไม่โตอย่างที่คาด ราคาก็ร่วงทุกวัน

พิมพ์ตก แถมตัวที่มี g 20 % ไปอีก 3 ปี บางตัวก็ pe 30

มาเก็บข้อมูล ขอบคุณครับ

อย่างตัวนี้ PE ไม่เคยตกเลย super stock ของท่าน ดร.

ถ้า g 10 pe 10 ก็ 7 ปีคืนทุน
ถ้า g 15 pe 15 ก็ 5 ปี คืนทุน
ถ้า g 20 pe 20 ก็ 4 ปี คืนทุน
ตัวเลขข้างบนนี้คำนวณผิดครับ
PE 10 คือ กำไร 10% ปีที่ 5 กำไร 14.64% ปีที่ 10 กำไร 23.58%
PE 15 คือกำไร 6.67% ปีที่ 5 กำไร 11.66% ปีที่ 10 กำไร 23.45%
PE 20 คือกำไร 5% ปีที่ 5 กำไร 10.37% ปีที่ 10 กำไร 25.80%
ผลรวมของกำไร 10ปี PE10โต10%ดีที่สุด ตามด้วย PE15โต15%สุดท้าย PE20โต20%
ดังนั้นถ้าใครลงทุนสั้นกว่า 10ปี การเลือกหุ้น PEสูงGrowthสูง จะได้ผลกำไร PEต่ำ Growth ต่ำ
ดดย PEG=1 โดยดูจากตัวเลข

ดังนั้นถ้าใครลงทุนสั้นกว่า 10ปี การเลือกหุ้น PEสูงGrowthสูง จะได้ผลกำไรต่ำกว่า PEต่ำ Growth ต่ำ
โดย PEG=1 โดยดูจากตัวเลข
แก้คำผิด

blueplanet

PE 10 คือ กำไร 10% ปีที่ 5 กำไร 14.64%

ช่วยคำนวณตรง ปีที่ 5 กำไร 14.64 % หน่อยครับ

ว่าคิดอย่างไร

พี่กำเครื่องคิดเลขให้ดูก่อนนะครับ

ปีที่ 0 กำไร 1 บาท
ต่อมาปีที่ 1 กำไรโต 10 % กำไรก็เป็น 1.1
ต่อมาปีที่ 2 กำไรโตอีก 10 % กำไรก็เป็น 1.21
ต่อมาปีที่ 3 กำไรโตอีก 10 % กำไรก็เป็น 1.1.331
ต่อมาปีที่ 4 กำไรโตอีก 10 % กำไรก็เป็น 1.4641
ต่อมาปีที่ 5 กำไรโตอีก 10 % กำไรก็เป็น 1.6105

อ๋อ ของพี่คิดเต็มปีครับ ถ้ากำไรโต 5 ปี ก็คือ 5 ปีเต็มๆ นับจากปีฐาน ที่กำไร 1 บาท

เพราะฉะนั้น ไม่น่าคำนวณผิดครับ

ตัวอย่างนี้สมมุติว่าปีฐาน กำไร 1 บาท หากมี
g 10 เราซื้อที่ราคา 10 บาท
g 15 เราซื้อที่ราคา 15 บาท
g 20 เราซื้อที่ราคา 20 บาท

พอปีที่ 1 ก็คำนวณ กำไร จากฐาน 1 บาท g 10 ก็คำนวณ ได้ 1.10 ถ้า g 15 ก็คำนวณได้ 1.15 g 20 ก็ได้ 1.20
ปีต่อไปก็ให้ execl คำนวณให้ครับ

ผิดจริงปะ กำลังจะไปสอนเพื่อนๆ น้องๆอยู่เลย เฉลยด้วยนะ

นั่นคือ PE 10
Growth 10%
ผมเริ่มปีที่ 1 กำไร 10%
ลองคิด PE 15 สิครับ
กำไรปีแรก แค่ 6.7%เองแล้วเพิ่มีทละ 15%
พูดถึงกำไรที่เพิ่มแต่ละปี

ของ bluplanet รู้สึกจะคำนวณ 4 ปีนะครับ

จะใช้ excel หรือจะให้ pv fv n i ก็ได้ตรงกันครับ

เช่น pe 10 g 10

pv = -10
i = 10
n = 4
fv จะออกมาเป็น 14.641 ตามที่ bluplanet คำนวณครับ

จริงมั๊ย

เอาปีที่4 ของคุณ เจ็งแล้วกัน (จริงๆน่าจะนับเป็นปีที่5)
G 10% จะกำไร 1.46
G 15% จะกำไร 1.75
G 20% จะกำไร 2.07
แต่ต้นทุน G10=10บาท G15=15บาท G20=20บาท
ถ้าเอาต้นทุนมาหารแล้ว G10 ก็จะดีกว่า G15 และดีกว่า G20

แป๊บเดี่ยวผมทำตัวเลขให้ดูชัดกว่านี้

blueplanet เขียน:ดังนั้นถ้าใครลงทุนสั้นกว่า 10ปี การเลือกหุ้น PEสูงGrowthสูง จะได้ผลกำไรต่ำกว่า PEต่ำ Growth ต่ำ
โดย PEG=1 โดยดูจากตัวเลข
แก้คำผิด

ปกติถ้า PEG เท่ากัน ผมคิดว่าเลือกบริษัทที่มี Growth สูงกว่าจะให้ผลตอบแทนมากกว่า (บนสมมติฐานว่า growth สูงเช่นนั้นตลอดไป)
เช่น ปีที่ 1 หุ้นบริษัท A มีราคา 100 บาท กำไร 10 บาท growth=10 กับ
หุ้นบริษัท B มีราคา 100 บาท กำไร 5 บาท growth=20
จะเป็นดังด้านล่างนี้ครับ จะเห็นได้ชัดเจนว่า ลงทุน ใน B ที่มี PE=20, Growth=20 กำไรมากกว่าเสมอ (หมายถึง Capital Gain ที่เราได้จากราคาหุ้นเมื่อเราขายหุ้น)

แต่เนื่องจากบริษัทที่มี growth สูง อาจไม่สูงเช่นที่เห็นตลอดไป เช่นบางบริษัทดู growth สูงในช่วงต้น เมื่อเวลาผ่านไป ปัจจัยต่างๆ ทำให้ growth ลดลง (คู่แข่งเข้ามาแชร์ผลกำไร บริษัทใกล้ถึงจุดอิ่มตัว ฯลฯ)
สมมติว่า A ที่มีราคา 100 บาท กำไร 20 บาท ค่า PE=5 growth=5 มีความแน่นอนของ growth เป็น 5% ตลอดในช่วง 10 ปีหลังจากนี้
กับ B ที่มีราคา 100 บาท กำไร 5 บาท ค่า PE=20 growth=20 growth มีแนวโน้มลดลง ตลอดช่วง 10 ปี โดยลดลงปีละ 10% ของกำไรในปีก่อนหน้า
จะเป็นดังนี้ครับ แสดงว่าเมื่อเริ่มต้นเราลงทุน 100 บาทเท่ากัน ในช่วงต้น บริษัท B ให้ผลตอบแทนมากกว่า จนถึงปีที่ 8 ที่บริษัท A เริ่มให้ผลตอบแทนสูงกว่า

ดังนั้นในระยะเริ่มต้นเลือก B ในระยะยาวมากเลือก A ครับ

อย่างไรก็ดี อันนี้เป็นการคำนวณทางตัวเลขเท่านั้น ในความเป็นจริงเราควรต้องดูคุณภาพด้านอื่นๆของบริษัททั้งสองด้วยครับ
** หมายเหตุ การคำนวณตัวเลขด้านบน กำหนดให้ซื้อขายให้ราคา กำไร*growth ตลอด เช่น ปีที่ 3 บริษัท B จะมีกำไร 7.08 บาท growth (คำนวณจากปีที่2) 18% ก็จะซื้อขายในปีที่ 3 เป็น 18*7.08=127บาท

ผมว่าพี่เจ๋งสับสนนิดหน่อยนะครับ
คำว่า พีอี ที่หมายถึงจำนวนปีที่คืนทุน คือคิดที่ตัว อี อย่างเดียวครับ
เช่น P/E 10 คือ P=10 และ E=1 ใช้ไหมครับ ก็คือกำไร 10% ดังนั้น 10ปีคืนทุน
คือ เอา E ของ 10ปี มารวมกัน (E = ปีละ 1)
ที่ผมหมายถึงคือ เอา E ของทุกปีมารวมกัน ครับ ไม่ได้เอา cap. gain มาคิดครับ
คือที่พี่เจ๋งคิด คือเอา พีอี ไปคูณ E ปีสุดท้ายอ่ะครับ มันคนละความหมายกันอ่ะครับ
เช่น p/e 20 Growth 20
ให้ P=20 ,E=1 ,G=20%
ปีที่ 0 e=1
ปีที่ 1 g20% ดังนั้น e= 1.2
ปีที่2 ..... e=1.44
ปีที่3 ..... e=1.72
ปีที่4 ..... e=2.0736
เอา e 4ปีมารวมกัน 1.2+1.44+1.72+2.0736=6.4336
สรุปได้ว่า PE 20 G20 4ปีไม่คืนทุนนะครับ
แต่หากนำ Cap. gain มาคำนวณรวมด้วย ต้องสามารถทำนายได้ว่าปีที่หลังจากจะขายออก ต้องมี G=20% ต่อไปอีกอย่างน้อย 1ปี ไม่งั้น ตลาดคงไม่ให้พีอี ที่ 20 หรอกครับ
ถูกไหมครับ

เข้าใจแล้วครับคุณ blueplanet ผมคำนวณไม่ผิด แต่ใช้คำพูดผิดจริงๆด้วย ขอบคุณมาก

นี่แหละการได้พูดคุยกันในเว็บ อย่างที่คุณ picatos ว่าไว้ว่า จะทำให้ไม่ได้อยู่ในโลกแคบๆ

คือว่า ผมต้องเปลี่ยนเป็นคำว่า
pe 10 g 10 ได้กำไร 1 เด้งใน 7 ปี
pe 15 g 15 ได้กำไร 1 เด้ง ใน 5 ปี
pe 20 g 20 ได้กำไร 1 เด้งใน 4 ปี

ครับผม ตามภาพเดิม

ขอบคุณครับ ขอตามอ่านด้วยคนครับ

jo7393 เขียน:ผมว่าพี่เจ๋งสับสนนิดหน่อยนะครับ
คำว่า พีอี ที่หมายถึงจำนวนปีที่คืนทุน คือคิดที่ตัว อี อย่างเดียวครับ
เช่น P/E 10 คือ P=10 และ E=1 ใช้ไหมครับ ก็คือกำไร 10% ดังนั้น 10ปีคืนทุน
คือ เอา E ของ 10ปี มารวมกัน (E = ปีละ 1)
ที่ผมหมายถึงคือ เอา E ของทุกปีมารวมกัน ครับ ไม่ได้เอา cap. gain มาคิดครับ
คือที่พี่เจ๋งคิด คือเอา พีอี ไปคูณ E ปีสุดท้ายอ่ะครับ มันคนละความหมายกันอ่ะครับ
เช่น p/e 20 Growth 20
ให้ P=20 ,E=1 ,G=20%
ปีที่ 0 e=1
ปีที่ 1 g20% ดังนั้น e= 1.2
ปีที่2 ..... e=1.44
ปีที่3 ..... e=1.72
ปีที่4 ..... e=2.0736
เอา e 4ปีมารวมกัน 1.2+1.44+1.72+2.0736=6.4336
สรุปได้ว่า PE 20 G20 4ปีไม่คืนทุนนะครับ
แต่หากนำ Cap. gain มาคำนวณรวมด้วย ต้องสามารถทำนายได้ว่าปีที่หลังจากจะขายออก ต้องมี G=20% ต่อไปอีกอย่างน้อย 1ปี ไม่งั้น ตลาดคงไม่ให้พีอี ที่ 20 หรอกครับ
ถูกไหมครับ

ถูกต้องเลย ให้เกรด A+

ขอแย้งอีกนิด ครับคุณ Jeng
PE 10 คือกำไร 10%ของราคาหุ้นตอนเริ่มต้น
PE 15 คือกำไร 6.67% ของราคาหุ้นตอนเริ่มต้น
PE 20 คือกำไร 5%ของราคาหุ้นตอนเริ่มต้น
คุณ Jeng สับสนตอนเริ่มต้นครับ
คุณ Jeng เริ่มต้นกำไร 20 ของ PE20 เลย ซึ่งมันต้องเริ่มที่ 5

blueplanet เขียน:ขอแย้งอีกนิด ครับคุณ Jeng
PE 10 คือกำไร 10%ของราคาหุ้นตอนเริ่มต้น
PE 15 คือกำไร 6.67% ของราคาหุ้นตอนเริ่มต้น
PE 20 คือกำไร 5%ของราคาหุ้นตอนเริ่มต้น
คุณ Jeng สับสนตอนเริ่มต้นครับ
คุณ Jeng เริ่มต้นกำไร 20 ของ PE20 เลย ซึ่งมันต้องเริ่มที่ 5

จริงหรือ เดี่ยวคิดก่อนครับ

Jeng เขียน:

blueplanet เขียน:ขอแย้งอีกนิด ครับคุณ Jeng
PE 10 คือกำไร 10%ของราคาหุ้นตอนเริ่มต้น
PE 15 คือกำไร 6.67% ของราคาหุ้นตอนเริ่มต้น
PE 20 คือกำไร 5%ของราคาหุ้นตอนเริ่มต้น
คุณ Jeng สับสนตอนเริ่มต้นครับ
คุณ Jeng เริ่มต้นกำไร 20 ของ PE20 เลย ซึ่งมันต้องเริ่มที่ 5

จริงหรือ เดี่ยวคิดก่อนครับ

งั้นเอาแบบละเอียดเลย ปกติใช้ 4 Q ย้อนหลัง เวลาดู set.or.th

เมื่อเปิดดูเจอ pe 10 ซึ่งคำนวณ จาก 4 Q ย้อนหลัง

พอซื้อปั๊บ

เจ้า 4Q ย้อนหลัง สมมุติว่าได้กำไร 1 บาท

pe 10 คือเราซื้อ 10 บาท ใช่หรือไม่ครับ

ต่อมาอีก 4 Q ทำได้ 1.1 ถือเป็นปีที่ 1
อีก 4 Q ทำได้อีก 1.21 ถือเป็นปีที่ 2
อีก 4 Q ทำได้อีก 1.331 ถือเป็นปีที่ 3
อีก 4 Q ทำได้อีก 1.4641 ถือเป็นปีที่ 4
อีก 4Q ทำได้อีก 1.61051 ถือเป็นปีที่ 5

ก็ไม่น่าจะผิดอะไรนี่ครับ คุณ blueplanet

blueplanet เขียน:ขอแย้งอีกนิด ครับคุณ Jeng
PE 10 คือกำไร 10%ของราคาหุ้นตอนเริ่มต้น
PE 15 คือกำไร 6.67% ของราคาหุ้นตอนเริ่มต้น
PE 20 คือกำไร 5%ของราคาหุ้นตอนเริ่มต้น
คุณ Jeng สับสนตอนเริ่มต้นครับ
คุณ Jeng เริ่มต้นกำไร 20 ของ PE20 เลย ซึ่งมันต้องเริ่มที่ 5

และอีกมุมหนึ่ง คือของผม สมมุติ ทั้งหมด กำไรเท่ากันหมด ที่ 1 บาท

พอจะซื้อ pe 10 ก็ซื้อ 10 บาท
ซื้อ pe 15 ก็ซื้อ 15 บาท
ซื้อ pe 20 ก็ซื้อ 20 บาทครับ

Jeng เขียน:

blueplanet เขียน:ขอแย้งอีกนิด ครับคุณ Jeng
PE 10 คือกำไร 10%ของราคาหุ้นตอนเริ่มต้น
PE 15 คือกำไร 6.67% ของราคาหุ้นตอนเริ่มต้น
PE 20 คือกำไร 5%ของราคาหุ้นตอนเริ่มต้น
คุณ Jeng สับสนตอนเริ่มต้นครับ
คุณ Jeng เริ่มต้นกำไร 20 ของ PE20 เลย ซึ่งมันต้องเริ่มที่ 5

และอีกมุมหนึ่ง คือของผม สมมุติ ทั้งหมด กำไรเท่ากันหมด ที่ 1 บาท

พอจะซื้อ pe 10 ก็ซื้อ 10 บาท
ซื้อ pe 15 ก็ซื้อ 15 บาท
ซื้อ pe 20 ก็ซื้อ 20 บาทครับ

ลงตัว

ตอนสมมุติ pe 20 ซื้อราคา 20 สมมุติกำไร 1 บาท

ก็เป็น 5 % ตามที่คุณ blueplanet ว่าไว้แล้วครับ ตรงกัน

ตกลงเข้าใจตรงกันหมดแล้วนะครับ

งั้นผมไปต่ออีกนิด

คือ กรณี pe 20 g 20 นั้น โดยส่วนตัว ผมคิดว่าเสี่ยงสุดๆ

1. ถ้า g ลดลง จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม เช่น ยอดขายลดเพราะคู่แข่งแข็งแกร่ง หรือ ควบคุมค่าใช้จ่ายไม่ได้ ไม่ว่าสาเหตุใด ทำให้ กำไรไม่โตอย่างที่คาดไว้ ผลคือ ราคาหุ้นก็ร่วงได้เช่นกัน

2. ถ้าตลาด ณ เวลานั้น ไม่ได้บูมมากๆ โอกาสที่ตลาดจะให้ pe สูงๆ ก็น้อย ทำให้ราคาหุ้นก็ร่วงอีก

3. ถ้า ณ เวลานั้น มีหุ้นในตลาด ที่ pe ต่ำกว่า เช่น pe 8 9 10 11 แต่ g ก็ 20 % เช่นกัน ก็จะเป็นทางเลือกให้นักลงทุน ขายตัวที่ขึ้นเยอะๆ ไปซื้อตัวที่ pe ต่ำกว่า และ g เท่ากัน หรือ ขายตัวที่ pe เท่ากัน แต่ไปซื้อที่ g สูงกว่า

เหมือนสาวๆ อย่างที่อาจารย์นิเวศน์บอกไว้ ว่าเราเป็นผู้เลือก

ทั้ง 3 เหตุการณ์นี้ ทำให้ผมไม่ค่อยสนใจหุ้น pe 20 g 20

ไม่ใช่หุ้นเหล่านั้นไม่ดี แต่ผมคิดว่าหุ้นเหล่านั้นมีความเสี่ยงกับการที่ตลาดอาจจะปรับฐานได้

ในขณะที่ผมตั้งกระทู้ว่า ต้องการหุ้นที่ pe 8 g 20

เพราะเป็นการป้องกันความเสี่ยงไปในตัว เนื่องจาก หาก g ทำได้น้อยลง ก็ยังมากกว่า 8

คล้ายๆกับมองว่า g เป็นเรื่องอนาคต แต่ pe ที่ซื้อหากซื้อต่ำไว้ก่อนเป็นฐาน ก็จะทำให้เกิดการป้องกันความเสี่ยงไปในตัว

ตัวเลขนี้ก็ไม่ใช่ fix แบบนี้เสมอไป หากไปเจอหุ้นที่ pe 10 แต่ก็โต 30 % ก็น่าสนใจ

เพียงแต่คงไม่กล้าซื้อหุ้น pe 30 โต 30 % แน่ๆ

ส่วนคนอื่นกล้าก็ไม่เป็นไรครับ หุ้นไม่มีสูตรสำเร็จอะไรอยู่แล้วครับ

blueplanet เขียน:ขอแย้งอีกนิด ครับคุณ Jeng
PE 10 คือกำไร 10%ของราคาหุ้นตอนเริ่มต้น
PE 15 คือกำไร 6.67% ของราคาหุ้นตอนเริ่มต้น
PE 20 คือกำไร 5%ของราคาหุ้นตอนเริ่มต้น
คุณ Jeng สับสนตอนเริ่มต้นครับ
คุณ Jeng เริ่มต้นกำไร 20 ของ PE20 เลย ซึ่งมันต้องเริ่มที่ 5

ตกลง กำไร ไม่ได้เริ่มจาก 20 ครับ 20 นี่เป็นราคา และเข้าใจตรงกันแล้วนะครับ

เอพี่เจ๋งครับ แล้วคิดแบบนี้ได้ไหมครับ ราคา 1 บาท อีที่น่าจะเกิดใน2-3ปี เท่ากับ 0.36 บาท

ดังนั้น พีอีฟอร์เวิดในอีก2-3ปี เท่ากับ 1/0.36 ก้คิดเป็นแค่ พีอีฟอร์เวิด 2.8 เท่า

ปลทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าทำ ebit 10000 m และหักรายจ่าย +ภาษี เหลือสัก 350m

350/950 ล้านหุ้น eps 0.36 บาท/หุ้น


ถ้าทำได้จริง มีรายได้จริง ราคาณ ปัจจุบัน1 บาทก้คิดเป็นพีอีแค่ 2.8 เท่าในอนาคต

แบบนี้ ถือว่าคิดถูกหรือผิดครับ