Thai VI

เคยลองเปิดหนังสืออ่านในร้านหนังสือและอ่านความคิดเห็นผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ในfacebookที่มีกราฟประกอบ ความคิดเห็นส่วนตัวผมว่าเค้ายังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องกราฟมากพอที่จะมาสอนคนอื่นด้วยซ้ำนะครับ ใครเป็นมือใหม่และปลื้มเค้าและเชื่อตามคิดว่าเค้าเก่งมากนี่อาจจะถึงขั้นอันตรายต่อเงินลงทุนเลยทีเดียว สรุปหนังสือชุดแกะรอยหยักฯนี่คงไม่แนะนำให้ใครซื้ออ่านครับ ผมอาจจะเก่งน้อยกว่าเค้าดังนั้นคอมเม้นท์นี้ถือเป็นเสียงสะท้อนเล็กๆจากคนโนเนมคนหนึ่งก็ละกันครับ

ผมว่าเขามีแนวทางของเขานะ คนเรามีแนวทางดำเนินการไม่เหมือนกัน "คนเหมือนคน แต่คนไม่เหมือนกัน" นะครับเขาอจจะทำแบบนั้นแล้วได้ผลตอบแทนดี ก็ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับเขานะครับ นาๆจิตตังคัรบผมว่า อย่างน้อยก็ได้แง่มุมความรุ้อีกด้านหนึ่ง

ถ้าว่างๆ ไม่มีอะไรทำก็อ่านได้ครับ เพราะการอ่านเป็นสิ่งดี แม้กระทั่งอ่านเรื่องไร้สาระก็ตาม เพราะจะทำให้เราได้รู้ว่า อีกด้านที่ตรงข้ามกับสาระเป็นอย่างไง แต่ผมเชื่อว่า หนังสือที่ถูกเขียนมามันก็น่าจะยังมีสาระประโยชน์ได้แม้จะน้อยมากก็ตาม และอย่างน้อยก็รู้ว่า ตลาดหนังสือไทยในแง่ของนักเขียนยังเปิดกว้างมากครับ เพราะไม่ว่าคุณจะเขียนอะไรออกมาก็ตาม ก็ยังจะมีคนอ่านที่กระหายอยากอ่านอยากซื้อหนังสืออยู่เสมอ เหมือนที่คนเคยเล่าว่า "สมัยที่แอฟริกาคนยังไม่นิยมใส่รองเท้า ไม่ว่าคุณจะทำรองเท้าอะไรออกมา ก็ยังขายได้ครับ"

ต้องเข้าใจครับว่า คนรุ่นใหม่ย่อมศรัทธาในคนรุ่นใหม่

ไม่แปลกเลยที่นักลงทุนรุ่นใหม่ไฟแรง จะเกิดศรัทธาแรงกล้าเมื่อได้อ่านหนังสือของเขา

แต่สำหรับคนที่อยู่ในตลาดหุ้นมานาน ก็อาจจะรู้สึกว่าพลังปราณของเขายังไม่ถึงขั้น

[quote="Nodame2009"]ต้องเข้าใจครับว่า คนรุ่นใหม่ย่อมศรัทธาในคนรุ่นใหม่

ไม่แปลกเลยที่นักลงทุนรุ่นใหม่ไฟแรง จะเกิดศรัทธาแรงกล้าเมื่อได้อ่านหนังสือของเขา

แต่สำหรับคนที่อยู่ในตลาดหุ้นมานาน ก็อาจจะรู้สึกว่าพลังปราณของเขายังไม่ถึงขั้น[/quote]

Like ครับ ผมอยู่ตลาดหุ้นมาไม่นานแต่ก็พอดูออกว่าคนไหนลมปราณถึงขั้นหรือไม่

เซียนการลงทุนหลายคนใน thaivi คงเปรียบเสมื่อนจอมยุทธกระบี่คมในฝัก

มักจะแอบอยู่เงียบๆไม่ออกหน้าออกตาแต่วิทยายุทธล้ำเลิศ

ผมก็เห็นด้วยที่หลายคนว่าน่ะครับ ถ้าเล่นกราฟอย่าเขียนคำว่า VI หรือ วอร์เรน บัพเฟต เลยมันชวนให้คนที่ไม่รู้เข้าใจผิด VI กับ วอร์เรนไม่ได้นั่งแลกราฟแล้วเทรดๆ ครับ เขาดูรายอย่างทำการบ้านมาเยอะ แล้วก็อ่าน อ่าน อ่านๆ ดูงบการเงิน ผู้บริหาร ดูธุรกิจ แล้วอ่านๆๆ ไม่ไช่ดูกราฟ 5 นาทีแล้วซื้อขาย โดยไม่ดูฐานของบริษัทอย่างละเอียด

ผมไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าการดูกราฟคือ VI หรือคือ วอร์เรน บัพเฟต เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง

อ่านแล้วเหมือนกันค่ะ คิดว่าอ่านสนุก ๆ มองต่างมุมไรงี้ค่ะ

[quote="kapooknarak"]อ่านแล้วเหมือนกันค่ะ คิดว่าอ่านสนุก ๆ มองต่างมุมไรงี้ค่ะ[/quote]

เห็นด้วยครับ ผมมีทุกเล่มเลยครับ ถามว่าชอบแนวทางของคุณแพทมั้ย ก็อาจจะไม่ใช่?
แต่ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ก็เลยซื้อไว้ไม่เสียหลาย(รู้ไว้ใช่ว่าฯ)อ่าน สนุกๆดี เพราะหนังสือ
มันมีคุณค่าในตัวมันเอง อย่างน้อยก็ได้เปิดโลกทัศน์..ผมเข้าร้านหนังสือ ที่เห็นมีวางขายอยู่ข้างๆกัน
ประเภท "สแกนกรรม" สะเดาะเคราะห์ต่างๆนานา ก็ยังมีคนชอบ มีคนซื้อ ผมว่าไอ้ที่เขาเขียนไว้
อย่างน้อยมันก็ยังพอมีเนื้อหาที่พอจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง...หรือถ้าปิดกั้นแนวทางนี้...ก็คิดซะว่า
อ่านหนังสือการ์ตูนขำๆ ก็แล้วกันเน๊าะ

ปล.แต่ที่ผมอ่านได้นิดเดียว ก็เรื่อง 7 เทคนิคฟันกำไร? อันนี้ต้องยอมรับเลยครับ ดูกราฟไม่เป็น
ถือว่าเป็นการลงทุนซื้อ ที่ไม่คุ้มเอาเสียเลย

แค่ชื่อก็ผิดแล้วครับ สำนักนั้นมีใครรวยหมื่นล้าน
ถ้าไม่ใช่ของแท้ ไม่ควรหากินกับคำว่า VI

แต่คนที่เป็นของแท้ ผมกลับมาว่าเค้าแบ่งปัน
มากกว่าหากินกับคำนี้ครับ

หนังสือแบบนี้สำหรับผมคงเอาไปใช้ประโยชน์ไม่ได้เลย อ่านไปก็เสียเวลา เสียสตางค์ มากกว่า
เนื้อหาก็แบบเดิมๆ ของเก่าเล่าใหม่ แนะนำลองอ่านบทความใหม่เรื่องหนังสือการลงทุนของ อาจารย์นิเวศน์ดูสิครับ แล้วจะเข้าใจอะไรขึ้น you 're what u read ครับ

ผมเชื่อว่าหนังสือทุกเล่มมีประโยชน์ครับมากน้อยต่างกัน สิ่งสำคัญคือเราอ่านแล้วนำส่วนที่เป็นประโยชน์กับเรามาใช้มากกว่าครับ ส่วนที่เราไม่ชอบก็อ่านไว้เป็นข้อมูล ส่วนจะคุ้มหรือไม่คุ้มมันอีกเรื่องนึง สำหรับผมแค่ซื้อหนังสือกลับบ้านผมก็มีความสุขแล้วครับ

ผมลองอ่านแล้วรู้สึกบางเนื้อหาสอนให้เป็นแมงเม่ายังไงไม่รู้ อ่านแล้วใช้พิจารณาด้วยน่ะครับ เจ็บตัวแล้วอย่าโทษ VI แล้วกัน เพราะในหนังสือไม่ใช่ VI อย่างเขาว่า เขาแค่เอาชื่อ VI เป็นจุดขายเพิ่มแต่โดยร่วมแล้วพาไปเก็งกำไรไม่ใช่ VI

ที่ว่าเค้ายังดูกราฟไม่เก่งมาก นั่นจริงครับ เพราะว่าเค้าศึกษาเพียงเพราะจะหาจังหวะเข้า อ่ะครับ ,,, แต่ว่าในความคิดผม เค้าก็เป็น VI คนนึงแต่ว่า เป็น VI ที่แตกๆไป ไม่ใช่ถึงแก่นVI อย่าง ดร.นิเวศน์ โดยส่วนตัวผมก็คิดว่าความคิดเค้าโอเค นะ เพราะว่าก็ได้หลายมุมมอง ทำให้เห็นโลกกว้างขึ้น แต่จะนำไปใช้หรือเปล่า มันก็แล้วแต่คนครับ อย่างผมคิดว่ากราฟไว้ให้เห็นเทรนคร่าวๆก็พอ เกือบทั้งหมดไปให้เวลากับพื้นฐานกิจการดีกว่า >>> คือการอ่านผมว่าดีนะ อ่านของหลายๆคน เรียนรู้ ข้อดีของแต่ละคนส่วนข้อเสียเราก็ไม่ต้องนำมาใช้นะครับผมว่า

ผมอ่านเล่มแรกก็ชอบเลยเหมามา 4 เล่มจากทางร้านหนังสือ 1 เล่มจากในเว็บ เพราะว่าเจ้าของหนังสือ แกะรอยหยักสมองเล่มนี้ ไม่ได้มาเขียนวิธีการ แต่เป็นของที่ค่ามากกว่า วิธีการ นั่นคือ วิธีคิด วิธีการไม่ใช่ว่าจะไม่สำคัญนะครับ แต่สำคัญน้อยกว่าวิธีคิด ผมเชื่อว่า วิธีการฝึกฝนง่ายกว่าวิธีฝึกให้คนคิด
การเป็น VI หรือนักลงทุน ถึงจะขึ้นชื่อว่ามีแนวทางที่เหมือนกัน แต่แนวทางชีวิตการลงทุนไม่สามารถเลียนแบบกันได้ การเอาข้อดี ปรับแต่งจุดบอด ของการลงทุนแต่ละเเบบ ไม่ว่า VI ก็ดี เทคนิค ก็ดี จนได้เป็นแนวทางของตัวเองและเป็นลายลักษณ์อักษรจะเป็นอะไรที่ดีมากๆ
สุดท้ายก็ขอฝากไว้ด้วยว่า วิธีการอาจจะนำพาให้คนเราสำเร็จได้ แต่วิธีคิดจะนำพาคนสำเร็จให้สำเร็จแบบยั่งยืน

ผมว่าสำหรับมือใหม่อ่านแล้วก็พอได้ประโยชน์นะครับ แม้ว่าบางบทบางตอนมันก็ไม่ค่อยมีอะไรเท่่าไหร่แต่โดยรวมผมว่า มือใหม่อ่านแล้วมีประโยชน์แน่นอนครับ จริงๆ ผมไม่ค่อยอยากให้มีหนังสือพวกสร้้างแรงบันดาลใจให้มือใหม่มากนัก เพราะไม่อยากให้มีคนเ้ข้าใจเรื่องหุ้นอย่างมีเหตุผลมาก มันจะทำให้ตลาดมีประสิทธิภาพและมีเหตุผลเกินไป ผมว่าให้มันขับเคลื่อนไปกับความโลภและความกลัว และคนส่วนใหญ่มองเป็นการพนันน่ะดีแล้วครับ

โดยส่วนตัวมองว่า เค้ายังไม่เก่งพอจะมาเขียนหนังสือครับ ผมเคยอ่านบทความของเค้า ออกแนวมั่วๆ หลายอันมาก ใช้วิธีผูกเรื่องเอาเองซึ่งคนที่รู้จริงจะรู้เลยว่ามั่วมาก เค้าเปิดตัวในจังหวะที่หุ้นเริ่มกลับมาเป็นกระทิงเปลี่ยวอีกครั้งและการบูมของ facebook ทำให้มีชื่อเสียงเร็วมาก แต่มือเก๋าๆ หลายคนใน board นี้ ถ้าได้อ่านบทความของเค้า จะรู้เลยว่ายังห่างไกลจากคำว่าเซียนอยู่เยอะครับ

สำหรับตัวหนังสือ เคยซื้อแกะ 1 มาอ่านแล้วรู้สึกไม่ได้อะไรเท่าไรเลย รู้สึกว่าเอาเวลาไปอ่าน Annual Report บริษัทที่ผมสนใจจะคุ้มค่ากว่าครับ

ลางเนื้อชอบลางยา แม้แต่อุจจาระยังมีแมลงวันเป็นฝูงชอบเลย

[quote="WorriedInvestor"]ผมว่าสำหรับมือใหม่อ่านแล้วก็พอได้ประโยชน์นะครับ แม้ว่าบางบทบางตอนมันก็ไม่ค่อยมีอะไรเท่่าไหร่แต่โดยรวมผมว่า มือใหม่อ่านแล้วมีประโยชน์แน่นอนครับ จริงๆ ผมไม่ค่อยอยากให้มีหนังสือพวกสร้้างแรงบันดาลใจให้มือใหม่มากนัก เพราะไม่อยากให้มีคนเ้ข้าใจเรื่องหุ้นอย่างมีเหตุผลมาก มันจะทำให้ตลาดมีประสิทธิภาพและมีเหตุผลเกินไป ผมว่าให้มันขับเคลื่อนไปกับความโลภและความกลัว และคนส่วนใหญ่มองเป็นการพนันน่ะดีแล้วครับ[/quote]
การลงทุนในหุ้นไม่ใช่การพนันนะครับ เราควรจะปลูกฝังให้คนทั่วไปรู้ว่านี่คือการลงทุนจริงๆไม่ใช่การพนันครับ

[quote="rafael"]ผมอ่านเล่มแรกก็ชอบเลยเหมามา 4 เล่มจากทางร้านหนังสือ 1 เล่มจากในเว็บ เพราะว่าเจ้าของหนังสือ แกะรอยหยักสมองเล่มนี้ ไม่ได้มาเขียนวิธีการ แต่เป็นของที่ค่ามากกว่า วิธีการ นั่นคือ วิธีคิด วิธีการไม่ใช่ว่าจะไม่สำคัญนะครับ แต่สำคัญน้อยกว่าวิธีคิด ผมเชื่อว่า วิธีการฝึกฝนง่ายกว่าวิธีฝึกให้คนคิด
การเป็น VI หรือนักลงทุน ถึงจะขึ้นชื่อว่ามีแนวทางที่เหมือนกัน แต่แนวทางชีวิตการลงทุนไม่สามารถเลียนแบบกันได้ การเอาข้อดี ปรับแต่งจุดบอด ของการลงทุนแต่ละเเบบ ไม่ว่า VI ก็ดี เทคนิค ก็ดี จนได้เป็นแนวทางของตัวเองและเป็นลายลักษณ์อักษรจะเป็นอะไรที่ดีมากๆ
สุดท้ายก็ขอฝากไว้ด้วยว่า วิธีการอาจจะนำพาให้คนเราสำเร็จได้ แต่วิธีคิดจะนำพาคนสำเร็จให้สำเร็จแบบยั่งยืน[/quote]

ถ้าอยากอ่านวิธีคิดมีหนังสือดีๆมากมายที่ควรค่าแก่การอ่านมากกว่านี้ครับ อย่าหลงรักอะไรมากเกินไปนะครับ ไม่ใช่ว่าเจอหนังสือใช้ภาษาเขียนถูกใจแล้วมองทุกอย่างดีไปหมด ผมอ่านมาทุกเล่มที่แกเขียนนะครับเลยกล้าวิจารณ์ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี

[quote="pooklook"]ลางเนื้อชอบลางยา แม้แต่อุจจาระยังมีแมลงวันเป็นฝูงชอบเลย[/quote]

โดนครับ

มองในแง่ดี เค้าอาจจะ เป็นคนใช้ภาพใหญ่มองกว้างๆ ก็ได้คับ
ซึ่งถ้าเค้าไม่ทำตัวแมงเม่า ซื้อเฉพาะตอน crash โดยใช้กราฟมองช่วย
ก็นับว่าเค้าอาจจะมีความสามารถด้านจิตใจก็ได้
บางทีการมองภาพใหญ่ อาจจะได้ประโยชน์กว่าการจับจดภาพเล็ก
เราดูงบเพราะอะไร เราแปรรูปข้อมูลอย่างไร
บางทีเราก็ตามๆไปไร้หลักคิด โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเลขนั้น
มี opportunity อะไรให้ catch


แต่.........

ผมสงสัยมากในเล่มนี้
คิดว่า แม่มมั่วป่าวเนี่ย

เพราะพี่แกบอกว่า
บ.ตกแต่งกำไรได้ด้วยการชำระเงินเจ้าหนี้
ไปชำระไตรมาสถัดไป
ทำให้ไตรมาสปัจจุบันโต

เอาใหม่
เค้าบอกว่า บ. สามารถ ตกแต่งงบ ให้มีกำไรมากขึ้น ได้โดย
เลื่อนการชำระเงินเจ้าหนี้ไปไตรมาสถัดไป
ทำให้ไตรมาสปัจจุบันดูมีกำไรกระโดด

แต่จากความรู้อันน้อยนิดส่วนตัว
เข้าใจว่า เมื่อมีการรับรู้รายได้ จะมีการบันทึกต้นทุนตามเกณฑ์อะไรก็ว่าไป fifo lifo
ซึ่งไม่เกี่ยวกับการจ่ายเงินเจ้าหนี้เลย
การจ่ายเงินเจ้าหนี้จะไปกระทบ cf แต่ไม่มีผลกับกำไร


ก็เยไม่แน่ใจว่า เจาหรือเค้ามั่ว

ผมว่าแกะรอยหยัก ยังดี เจอ penny stock นี่ เฮ้อออออออ ไม่อยากพูด
ส่วน องค์กรเค้าก็เหมือนขายตรงดี
ไส้อาจะดีไม่ดี แต่biz modelมันทำเงินให้เค้าได้

ผมโดน(ซื้อ) penny stock ไปเช่นกัน
ไม่อยากจะวิจารณ์

ส่วนแกะรอยหยักนี่เคยแต่ไปยืนอ่านผ่านๆ

สรุปว่า สำนักพิมพ์นี้ผมขอผ่านละกัน

ความเห็นส่วนตัว แนวความคิดในเรื่อง mindset เกี่ยวกับ พฤติกรรมในตลาดทุน เป็นสิ่งที่ดี
แต่รู้สึกว่าเค้ามีอยู่แค่นั้น อาจจะเผอิญประสบความสำเร็จช่วง วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์อย่างมหาศาล
ดูตั้งใจหากินกับการเป็น วิทยากร จัดสัมมนา เก็บค่าสมาชิกเว็บ ขายหนังสือโดยการจั่วหัวแรงๆ
เรียก แขก ผลักดันจนตัวเองเป็น เซเลป ได้สำเร็จ ล่าสุด มีรายการ แกะรอยหุ้น ใน money channel
แล้ว เค้าเก่งไหม? เก่งครับ แต่ผมว่าเค้าเก่งการตลาด มากกว่าเก่งลงทุน

[quote="dragonrider"]ล่าสุด มีรายการ แกะรอยหุ้น ใน money channel
แล้ว เค้าเก่งไหม? เก่งครับ แต่ผมว่าเค้าเก่งการตลาด มากกว่าเก่งลงทุน[/quote]

http://www.facebook.com/kaeroyhoon

หรืออยากดูเทป ลองไปดูที่ blog เขา

http://www.pawawit.com/2011/04/money-channel-1.html

ไว้วันนี้ "ว่าง"ค่อยดู

ดูแกะรอยหุ้นแล้ว
......
ไม่มีอะไรแปลกใหม่
ยิ่งไปเทียบกับ money talk weekly แล้ว (platform คล้ายๆกัน)
ขอบอกว่า คนละชั้น

[quote="harikung"][quote="rafael"]ผมอ่านเล่มแรกก็ชอบเลยเหมามา 4 เล่มจากทางร้านหนังสือ 1 เล่มจากในเว็บ เพราะว่าเจ้าของหนังสือ แกะรอยหยักสมองเล่มนี้ ไม่ได้มาเขียนวิธีการ แต่เป็นของที่ค่ามากกว่า วิธีการ นั่นคือ วิธีคิด วิธีการไม่ใช่ว่าจะไม่สำคัญนะครับ แต่สำคัญน้อยกว่าวิธีคิด ผมเชื่อว่า วิธีการฝึกฝนง่ายกว่าวิธีฝึกให้คนคิด
การเป็น VI หรือนักลงทุน ถึงจะขึ้นชื่อว่ามีแนวทางที่เหมือนกัน แต่แนวทางชีวิตการลงทุนไม่สามารถเลียนแบบกันได้ การเอาข้อดี ปรับแต่งจุดบอด ของการลงทุนแต่ละเเบบ ไม่ว่า VI ก็ดี เทคนิค ก็ดี จนได้เป็นแนวทางของตัวเองและเป็นลายลักษณ์อักษรจะเป็นอะไรที่ดีมากๆ
สุดท้ายก็ขอฝากไว้ด้วยว่า วิธีการอาจจะนำพาให้คนเราสำเร็จได้ แต่วิธีคิดจะนำพาคนสำเร็จให้สำเร็จแบบยั่งยืน[/quote]

ถ้าอยากอ่านวิธีคิดมีหนังสือดีๆมากมายที่ควรค่าแก่การอ่านมากกว่านี้ครับ อย่าหลงรักอะไรมากเกินไปนะครับ ไม่ใช่ว่าเจอหนังสือใช้ภาษาเขียนถูกใจแล้วมองทุกอย่างดีไปหมด ผมอ่านมาทุกเล่มที่แกเขียนนะครับเลยกล้าวิจารณ์ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี[/quote]

พูดได้ถูกต้องครับ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดีครับ หนังสือเล่มนี้อาจจะออกเเนว อินดี้ ด้วยซ้ำไปแต่ผมไม่เปลี่ยนม้าศึกกลางครันหรอกครับ ที่ผมอ่านก็จะได้เข้าใจระบบเงินของโลกและก็แนวคิดเท่านั้นเเละครับ ผมลองศึกษาจากแนวทาง การลงทุนของผู้แต่งก็ไม่ได้ต่างอะไรกับ ผู้จัดการกองทุนทั่วๆไป ผมคิดว่าหนังสือสำนักพิมนี้จะเหมาะกับมือใหม่มากกว่ามือเก๋า แต่ผมชอบแนวคิดของ ดร. นิเวศน์ มากกว่าครับ

มิน่าเล่า ผมถึงซื้อหมดทุกเล่ม แล้วส่งต่อให้น้องสาวอ่าน
แสดงว่าผมมือใหม่จริงๆ ด้วยแหละ
ถ้า เป็นของกิน สใตล์แบบนี้ คงประมาณขนมนะครับ
น่ากิน อร่อยกินง่าย ขายดี เด็กๆชอบ
ประโยชน์หรือโทษ แล้วแต่คิดกันเองครับ