ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
- killyX
- Verified User
- โพสต์: 223
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 31
ยิ่งคาดหวังผลตอบแทนมาก ความเสี่ยงก็ยิ่งสูงตาม
ยิ่งมองเพียงผลแพ้ชนะในระยะสั้น ยิ่งมองไม่เห็นผลตอบแทนในระยะยาว
อะไรที่พลาดแล้วก็เป็นบทเรียนไว้ อย่าเอามาคิดมากเลย
ผมมองว่า ไม่ควรไปยึดติดอะไรมากครับ ปล่อยวางแล้วเตรียมตัวเข้าสู่ปีใหม่
ยิ่งมองเพียงผลแพ้ชนะในระยะสั้น ยิ่งมองไม่เห็นผลตอบแทนในระยะยาว
อะไรที่พลาดแล้วก็เป็นบทเรียนไว้ อย่าเอามาคิดมากเลย
ผมมองว่า ไม่ควรไปยึดติดอะไรมากครับ ปล่อยวางแล้วเตรียมตัวเข้าสู่ปีใหม่
การลงทุนมีความเสียว โปรดใช้วิจารณญาณในการลอก
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 32
แพ้ เป็น พระ ชนะ เป็น มาร
ถ้าแพ้และพยายามก็จะเรียนรู้ ชนะจนไม่ระวังก็จะลำพอง
ถ้ามีกำไรแล้วจะแพ้ตลาดบ้าง(นั่นอาจหมายถึงแพ้คนอื่น) ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าแพ้ใจตัวเอง เพราะตัวเราใจเราอาจจะเสียศูนย์ได้ และทำให้เราพลาดได้
เมื่อหลายปีก่อนขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดแบบรถไม่ค่อยติด หลายๆครั้งขับรถประมาณ 140 กม./ชม. สำหรับผมก็ว่าเร็วแล้วนะ และก็ขับรถแซงคนนั้นคนนี้ ขับเร็วไปเรื่อยๆ จนมาแวะพักปั้มน้ำมัน เข้าห้องน้ำ ซื้อของกิน เดินไปเดินมา อ่าวรถที่เราแซงมาตั้งไกลแบบรู้สึกว่าน่าจะห่างมากๆ มาจอดอยู่ตรงนี้ที่เดียวกับเราได้ไง เอ่ แล้วที่เราขับเร็วนี้มันสร้างความแตกต่างยังไง ต่อมาก็มีที่ขับช้าลง ประมาณ 110-120 กม./ชม. ก็รู้สึกขับง่ายขึ้นสบายขึ้น แต่ขับไปก็มีรถหลายๆคันขับแซงเราไป ก็ขับไปเรื่อยๆ จนมาแวะพักที่ปั้มน้ำมัน อ่าวรถที่มันแซงเราไปแบบคิดว่าน่าจะตั้งไกลทำไมจอดอยู่ตรงนี้อ่ะ เลยเริ่มขำๆ และอีกหลายๆครั้งผมก็ได้เจอรถที่ผมแซงมา หรือเขาแซงผมไป ในสถานที่เที่ยวต่างๆซึ่งเป็นจุดหมายในการเดินทางของผม
ผมเลยมาคิดในเมื่อเป็นอย่างนี้เวลาที่เราขับเร็วและต้องคอยแซงนั้นน่าจะต้องใช้ความตั้งใจค่อนข้างสูง รวมถึงความเร็วที่สูงการควบคุมก็จะยากขึ้นบ้าง แต่การขับช้าลงแต่ไม่ช้าเกินไป นั้นดูเหมือนขับค่อนข้างสบายไปเรื่อยๆ ควบคุมรถก็ง่ายขึ้นบ้าง เมื่อผมคิดอย่างนี้ ผมจึงอยากขับแบบสบายไม่ช้าเกินไป ฟังเพลงไปเรื่อยๆ ให้ถึงจุดหมาย ได้ท่องเที่ยวอย่างสบายใจ ก็พอใจ ผมจึงรู้ว่าผมกำลังทำอะไร และทำในสิ่งที่เหมาะสม และพอใจ มีใครขับเร็วกว่าผม แซงผมไปทีละคัน ทีละคัน ผมก็ไม่คิดอะไร แต่บางทีเราอาจจะกำลังไปที่เดียวกันและเดี๋ยวอาจจะเจอกันก็ได้ 555
ถึงแม้จะมีหลายครั้งที่มีรถขับได้เร็วและดูชำนาญจริงๆ ขับแซงผมไปไกลแล้วไกลอีก จนดูว่าถ้าเขาขับแล้วไม่แวะพัก หรือสะดุดอยู่ที่ไหนแล้วล่ะก็ผมคงไม่มีวันตามเขาทัน ผมก็จะได้แต่คิดว่า เขาขับเก่งจริงๆ
ถ้าแพ้และพยายามก็จะเรียนรู้ ชนะจนไม่ระวังก็จะลำพอง
ถ้ามีกำไรแล้วจะแพ้ตลาดบ้าง(นั่นอาจหมายถึงแพ้คนอื่น) ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าแพ้ใจตัวเอง เพราะตัวเราใจเราอาจจะเสียศูนย์ได้ และทำให้เราพลาดได้
เมื่อหลายปีก่อนขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดแบบรถไม่ค่อยติด หลายๆครั้งขับรถประมาณ 140 กม./ชม. สำหรับผมก็ว่าเร็วแล้วนะ และก็ขับรถแซงคนนั้นคนนี้ ขับเร็วไปเรื่อยๆ จนมาแวะพักปั้มน้ำมัน เข้าห้องน้ำ ซื้อของกิน เดินไปเดินมา อ่าวรถที่เราแซงมาตั้งไกลแบบรู้สึกว่าน่าจะห่างมากๆ มาจอดอยู่ตรงนี้ที่เดียวกับเราได้ไง เอ่ แล้วที่เราขับเร็วนี้มันสร้างความแตกต่างยังไง ต่อมาก็มีที่ขับช้าลง ประมาณ 110-120 กม./ชม. ก็รู้สึกขับง่ายขึ้นสบายขึ้น แต่ขับไปก็มีรถหลายๆคันขับแซงเราไป ก็ขับไปเรื่อยๆ จนมาแวะพักที่ปั้มน้ำมัน อ่าวรถที่มันแซงเราไปแบบคิดว่าน่าจะตั้งไกลทำไมจอดอยู่ตรงนี้อ่ะ เลยเริ่มขำๆ และอีกหลายๆครั้งผมก็ได้เจอรถที่ผมแซงมา หรือเขาแซงผมไป ในสถานที่เที่ยวต่างๆซึ่งเป็นจุดหมายในการเดินทางของผม
ผมเลยมาคิดในเมื่อเป็นอย่างนี้เวลาที่เราขับเร็วและต้องคอยแซงนั้นน่าจะต้องใช้ความตั้งใจค่อนข้างสูง รวมถึงความเร็วที่สูงการควบคุมก็จะยากขึ้นบ้าง แต่การขับช้าลงแต่ไม่ช้าเกินไป นั้นดูเหมือนขับค่อนข้างสบายไปเรื่อยๆ ควบคุมรถก็ง่ายขึ้นบ้าง เมื่อผมคิดอย่างนี้ ผมจึงอยากขับแบบสบายไม่ช้าเกินไป ฟังเพลงไปเรื่อยๆ ให้ถึงจุดหมาย ได้ท่องเที่ยวอย่างสบายใจ ก็พอใจ ผมจึงรู้ว่าผมกำลังทำอะไร และทำในสิ่งที่เหมาะสม และพอใจ มีใครขับเร็วกว่าผม แซงผมไปทีละคัน ทีละคัน ผมก็ไม่คิดอะไร แต่บางทีเราอาจจะกำลังไปที่เดียวกันและเดี๋ยวอาจจะเจอกันก็ได้ 555
ถึงแม้จะมีหลายครั้งที่มีรถขับได้เร็วและดูชำนาญจริงๆ ขับแซงผมไปไกลแล้วไกลอีก จนดูว่าถ้าเขาขับแล้วไม่แวะพัก หรือสะดุดอยู่ที่ไหนแล้วล่ะก็ผมคงไม่มีวันตามเขาทัน ผมก็จะได้แต่คิดว่า เขาขับเก่งจริงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 33
ที่นี่มีคำตอบครับbeater of market wrote:
Return ของตลาดวัดยังไงครับ แล้วของปี 53 เท่าไร
http://www.set.or.th/th/products/index/tri_p1.html
ดัชนีผลตอบแทนรวม (TRI)
ดัชนีผลตอบแทนรวม คือ การคำนวณผลตอบแทนทุกประเภทของการลงทุนในหลักทรัพย์ให้สะท้อนออกมาในค่าดัชนี ทั้งผลตอบแทนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหลักทรัพย์ที่ลงทุน (Capital gain/loss) สิทธิในการจองซื้อหุ้น (Rights) ซึ่งเป็นสิทธิที่ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในการซื้อหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งมักจะให้สิทธิซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด ณ ขณะนั้น และเงินปันผล (Dividends) ซึ่งเป็นส่วนแบ่งของกำไรที่จ่ายให้กับผู้ถือหุ้น โดยมีสมมติฐานเพิ่มเติมว่าเงินปันผลที่ได้รับนี้จะถูกนำไปลงทุนในหลักทรัพย์ด้วย (Reinvest)
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้จัดทำการคำนวณค่าดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์ (SET TRI) ดัชนีผลตอบแทนรวม SET50 (SET50 TRI) ดัชนีผลตอบแทนรวม SET100 (SET100 TRI) ดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai TRI) และดัชนีผลตอบแทนรวมรายอุตสาหกรรม (Industry TRI) รายวัน เพื่อเป็นเครื่องมือเพิ่มเติมสำหรับสะท้อนผลตอบแทนโดยรวมจากการลงทุนในแต่ละกลุ่มหลักทรัพย์ พร้อมกันนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯได้คำนวณอัตราผลตอบแทนรวมรายเดือนของหลักทรัพย์ย้อนหลัง 12 เดือน สำหรับเป็นข้อมูลเพิ่มเติมให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการเปรียบเทียบผลตอบแทนการลงทุนเป็นรายหลักทรัพย์
การปรับฐาน
การคำนวณ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของหลักทรัพย์ที่ใช้ในการคำนวณ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้นของหลักทรัพย์ที่เป็นผลมาจากเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การเพิ่มทุนของบริษัท การแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้นสามัญ และใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิเพื่อซื้อหุ้นสามัญของบริษัท
ค่าดัชนีเริ่มต้น 1,000 จุด
วันฐาน SET TRI และ SET50 TRI 2 มกราคม 2545
SET100 TRI 29 เมษายน 2548
mai TRI 2 กันยายน 2545
Industry TRI 31 ธันวาคม 2546
เวลา update (Update Frequency) ข้อมูล ณ สิ้นวันทำการ โดยจะเผยแพร่ในวันถัดไป ประมาณ 8:30 น.(มีข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่พ.ศ. 2545)
อัตราผลตอบแทนรวมรายเดือนของหลักทรัพย์ย้อนหลัง 12 เดือน จะเผยแพร่ภายใน 5 วันทำการนับจากสิ้นเดือน
คราวนี้หากอยากทราบผลตอบแทนของตลาด อุตสาหกรรม และหุ้นแต่ละตัว ซึ่งตลาดหลักทรัพย์จะสรุปไว้เป็นรายเดือนย้อนหลังด้วย
ก็ตามนี้ครับ เข้าไป Download ได้ครับ
http://www.set.or.th/th/market/tri.html
คงจะเป็นประโยชน์ในการเปรียบเทียบผลตอบแทนรวมครับ :lol:
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
- Packky
- Verified User
- โพสต์: 856
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 34
อ่านแล้วชอบแนวคิดดีครับareliang เขียน: เมื่อหลายปีก่อนขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดแบบรถไม่ค่อยติด หลายๆครั้งขับรถประมาณ 140 กม./ชม. สำหรับผมก็ว่าเร็วแล้วนะ และก็ขับรถแซงคนนั้นคนนี้ ขับเร็วไปเรื่อยๆ จนมาแวะพักปั้มน้ำมัน เข้าห้องน้ำ ซื้อของกิน เดินไปเดินมา อ่าวรถที่เราแซงมาตั้งไกลแบบรู้สึกว่าน่าจะห่างมากๆ มาจอดอยู่ตรงนี้ที่เดียวกับเราได้ไง เอ่ แล้วที่เราขับเร็วนี้มันสร้างความแตกต่างยังไง ต่อมาก็มีที่ขับช้าลง ประมาณ 110-120 กม./ชม. ก็รู้สึกขับง่ายขึ้นสบายขึ้น แต่ขับไปก็มีรถหลายๆคันขับแซงเราไป ก็ขับไปเรื่อยๆ จนมาแวะพักที่ปั้มน้ำมัน อ่าวรถที่มันแซงเราไปแบบคิดว่าน่าจะตั้งไกลทำไมจอดอยู่ตรงนี้อ่ะ เลยเริ่มขำๆ และอีกหลายๆครั้งผมก็ได้เจอรถที่ผมแซงมา หรือเขาแซงผมไป ในสถานที่เที่ยวต่างๆซึ่งเป็นจุดหมายในการเดินทางของผม
ผมเลยมาคิดในเมื่อเป็นอย่างนี้เวลาที่เราขับเร็วและต้องคอยแซงนั้นน่าจะต้องใช้ความตั้งใจค่อนข้างสูง รวมถึงความเร็วที่สูงการควบคุมก็จะยากขึ้นบ้าง แต่การขับช้าลงแต่ไม่ช้าเกินไป นั้นดูเหมือนขับค่อนข้างสบายไปเรื่อยๆ ควบคุมรถก็ง่ายขึ้นบ้าง เมื่อผมคิดอย่างนี้ ผมจึงอยากขับแบบสบายไม่ช้าเกินไป ฟังเพลงไปเรื่อยๆ ให้ถึงจุดหมาย ได้ท่องเที่ยวอย่างสบายใจ ก็พอใจ ผมจึงรู้ว่าผมกำลังทำอะไร และทำในสิ่งที่เหมาะสม และพอใจ มีใครขับเร็วกว่าผม แซงผมไปทีละคัน ทีละคัน ผมก็ไม่คิดอะไร แต่บางทีเราอาจจะกำลังไปที่เดียวกันและเดี๋ยวอาจจะเจอกันก็ได้ 555
ถึงแม้จะมีหลายครั้งที่มีรถขับได้เร็วและดูชำนาญจริงๆ ขับแซงผมไปไกลแล้วไกลอีก จนดูว่าถ้าเขาขับแล้วไม่แวะพัก หรือสะดุดอยู่ที่ไหนแล้วล่ะก็ผมคงไม่มีวันตามเขาทัน ผมก็จะได้แต่คิดว่า เขาขับเก่งจริงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 92
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 35
ผมว่าหลายคนที่ไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้เลือกหุ้นถูกตัวแล้วก็ตาม แต่ที่พลาดเพราะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เมื่อหุ้นที่ถือเริ่มมีราคาสูงขึ้นจนต้องทำอะไรบ้างอย่าง และสุดท้ายต้องขายออกไป หลังจากนั้นแค่เดือนเดียวหุ้นขายไป สูงไป2-3 เท่า และผ่านไปแค่ 6 เดือน หุ้นตัวนั้น 4-5 เท่าของราคาที่ขายไป ปัจจุบัน 8 เท่าแล้ว ที่จริงก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะมาไกลขนาดนี้ แต่ถ้าใจนิ่งสักนิด แค่ครึ่งเดียวก็ไม่ต้องขายหมูเหมือนที่เขาว่ากัน ลองดูสักนิด ทุนที่ราคา 20.80 บาท ขายไปที่ 32.00บาทคิดว่า ko แล้ว ตอนนี้ประมาณ 177.50บาท(คิดตามราคา par เท่าเดิม) มีไม่มากครับแค่ สองหมื่นห้าพันหุ้น
จากประสบการณ์คราวนั้นหลังเปลี่ยนตัวเล่นก็ดีครับทำให้เราหนักแน่นขึ้นตอนนี้ขึ้นไป 80%บางตัว 40% ยังไม่รู้สึกจะขายเลย แต่จะดูสักระยะหลังปีใหม่ ทิศทางการเมืองจะไปทางไหน จะรอปันผลก่อนหรือไม่ค่อยว่ากัน
จากประสบการณ์คราวนั้นหลังเปลี่ยนตัวเล่นก็ดีครับทำให้เราหนักแน่นขึ้นตอนนี้ขึ้นไป 80%บางตัว 40% ยังไม่รู้สึกจะขายเลย แต่จะดูสักระยะหลังปีใหม่ ทิศทางการเมืองจะไปทางไหน จะรอปันผลก่อนหรือไม่ค่อยว่ากัน
-
- Verified User
- โพสต์: 144
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 36
ขาดศรัทธาครับ ไม่นึกกระทิงมันจะเปลี่ยวขนาดนี้ เลยเกาะกระทิงไม่ทัน พอจะกลับมา ก็เจอแต่กระทิงตัวสูงๆทั้งนั้น ผมมันตัวเตี้ยเลยเอื้อมไม่ถึง ได้แต่เอานิ้วไปแตะๆเท่านั้น ตอนนี้พยายามฟังเพลง "เล่นของสูง" บิ้วอารมณ์ เอาไว้ของขึ้นเมื่อไหร่ จะตามไปเกาะครับ :lovl:
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 39
ถ้าพิจารณาเฉพาะพอร์ตหุ้นละครับ ชนะน๊อกรอบตลาดไปกี่รอบครับf.escape เขียน:แพ้ตลาดเพราะไม่ได้ลงทุน 100%
ปีนี้ลงทุนแค่ 50% ของพอร์ต ครึ่งปีหลังลดลงเป็น 30%
(ตลาดคิด SET INDEX ปลายปี ลบต้นปี เท่ากับลงทุน 100%)
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 41
ผมจบ mba เคยจำคำสอนท่าน อจ. ว่าการลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทนดีที่สุด
ดังนั้นเมื่อครั้งเกษียนตัวเองเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ได้นำเงินเก็บมาลงทุน แล้วก็ขาดทุน 40% ในเวลาไม่กี่เดือน ก็รู้สึกตำหนิตนเองว่าทำไมถึงได้ทำอะไรแบบมักง่าย เช่นนั้น แต่ก็นึกว่าอาซิ๊ม อาแปะ ยังลงทุนได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ จึงได้เริ่มศึกษาการลงทุน ไม่นานนักผมก็เข้าใจหลักการพอสมควร อาจเนื่องด้วยมีพื้นฐานต่าง ๆ อยู่แล้ว และเห็นข้อผิดพลาดที่ผ่านมาหลายประการด้วยกัน แต่ที่สำคัญกว่า คือ ได้ข้อคิดดี ๆ หลายอย่างจากแนวคิดการลงทุน
ปัจจุบันถือว่าเป็นนักลงทุนเต็มเวลา...ที่ผ่านมาก็ได้รับผลตอบแทนในระดับที่ตนเองพึงพอใจ
จึงหวังว่าหลังจากศึกษาข้อผิดพลาดและหลักการลงทุนที่ถูกต้อง สุดท้ายเพื่อน ๆ จะได้รับประสบการณ์ที่ดีเช่นกัน
ดังนั้นเมื่อครั้งเกษียนตัวเองเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ได้นำเงินเก็บมาลงทุน แล้วก็ขาดทุน 40% ในเวลาไม่กี่เดือน ก็รู้สึกตำหนิตนเองว่าทำไมถึงได้ทำอะไรแบบมักง่าย เช่นนั้น แต่ก็นึกว่าอาซิ๊ม อาแปะ ยังลงทุนได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ จึงได้เริ่มศึกษาการลงทุน ไม่นานนักผมก็เข้าใจหลักการพอสมควร อาจเนื่องด้วยมีพื้นฐานต่าง ๆ อยู่แล้ว และเห็นข้อผิดพลาดที่ผ่านมาหลายประการด้วยกัน แต่ที่สำคัญกว่า คือ ได้ข้อคิดดี ๆ หลายอย่างจากแนวคิดการลงทุน
ปัจจุบันถือว่าเป็นนักลงทุนเต็มเวลา...ที่ผ่านมาก็ได้รับผลตอบแทนในระดับที่ตนเองพึงพอใจ
จึงหวังว่าหลังจากศึกษาข้อผิดพลาดและหลักการลงทุนที่ถูกต้อง สุดท้ายเพื่อน ๆ จะได้รับประสบการณ์ที่ดีเช่นกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 43
ข้อคิดนิดนึงครับ ผมว่าดู performance ของ port เทียบ performance ของ set index ไม่มีประโยชน์ครับ
ค่า set คือ weighted average......ถึงจะ weight แล้วแต่ก็ยังเป็น indicator ที่ไม่แม่นยำสุดแน่นอนครับ
let alone ความที่มันเป็นค่าเฉลี่ย....... เราต้องการอยู่ฝั่งที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยไม่ใช่หรือ
จะดูน่าจะดู normal curve และ judge จากช่วง standard deviation ปลายๆดีกว่าครับ ปีนี้หุ้นหลายตัวที่เบ้ออกไปทางเหนือกว่าค่าเฉลี่ยแบบสุดๆเยอะครับ (ว่าง่ายๆ ytd return เกิน 100%.....) ....ดังนั้นคนแพ้ "ตลาด" จริงๆมีมากมาย....................................
ตลาดนั้นจริงๆยังหมายถึงหุ้นรายตัวที่เราลงทุน ytd return ของมันและ return ที่คุณได้ไปจากมัน
อีกมุม ต้องดูเทียบกับ capability ตัวเองและที่ตัวเองควรจะทำได้ ทำไม่ถึงไม่ได้ พลาดอะไรไป เอาตัวเองเป็น benchmark ดีที่สุดครับ ตัวผมได้หลักร้อยแต่ผมรู้สึกว่าผมแพ้ยับเยินครับ เพราะควรจะได้เยอะกว่านี้มาก น่าจะปลายหลักร้อยเกือบขึ้น 4 หลักด้วยซ้ำ แต่ดัน "พลาด" ซ้ำซ้อนหลายทีมากๆ....
สรุปเทียบหลายๆมุมดีกว่าครับ ส่วนตัวผมเศร้าครับ ทำอะไรโง่ๆเยอะปีนี้ ที่ตัดสินใจแย่ๆจะมาจากช่วงงานเยอะ อดนอน ทั้งนั้น ร่างกายไม่พร้อม
anyway............happy new year ครับ ....
ค่า set คือ weighted average......ถึงจะ weight แล้วแต่ก็ยังเป็น indicator ที่ไม่แม่นยำสุดแน่นอนครับ
let alone ความที่มันเป็นค่าเฉลี่ย....... เราต้องการอยู่ฝั่งที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยไม่ใช่หรือ
จะดูน่าจะดู normal curve และ judge จากช่วง standard deviation ปลายๆดีกว่าครับ ปีนี้หุ้นหลายตัวที่เบ้ออกไปทางเหนือกว่าค่าเฉลี่ยแบบสุดๆเยอะครับ (ว่าง่ายๆ ytd return เกิน 100%.....) ....ดังนั้นคนแพ้ "ตลาด" จริงๆมีมากมาย....................................
ตลาดนั้นจริงๆยังหมายถึงหุ้นรายตัวที่เราลงทุน ytd return ของมันและ return ที่คุณได้ไปจากมัน
อีกมุม ต้องดูเทียบกับ capability ตัวเองและที่ตัวเองควรจะทำได้ ทำไม่ถึงไม่ได้ พลาดอะไรไป เอาตัวเองเป็น benchmark ดีที่สุดครับ ตัวผมได้หลักร้อยแต่ผมรู้สึกว่าผมแพ้ยับเยินครับ เพราะควรจะได้เยอะกว่านี้มาก น่าจะปลายหลักร้อยเกือบขึ้น 4 หลักด้วยซ้ำ แต่ดัน "พลาด" ซ้ำซ้อนหลายทีมากๆ....
สรุปเทียบหลายๆมุมดีกว่าครับ ส่วนตัวผมเศร้าครับ ทำอะไรโง่ๆเยอะปีนี้ ที่ตัดสินใจแย่ๆจะมาจากช่วงงานเยอะ อดนอน ทั้งนั้น ร่างกายไม่พร้อม
anyway............happy new year ครับ ....
value trap
- Linzhi
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1464
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 44
เปรียบเทียบได้ดีจังครับareliang เขียน:แพ้ เป็น พระ ชนะ เป็น มาร
ถ้าแพ้และพยายามก็จะเรียนรู้ ชนะจนไม่ระวังก็จะลำพอง
ถ้ามีกำไรแล้วจะแพ้ตลาดบ้าง(นั่นอาจหมายถึงแพ้คนอื่น) ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าแพ้ใจตัวเอง เพราะตัวเราใจเราอาจจะเสียศูนย์ได้ และทำให้เราพลาดได้
เมื่อหลายปีก่อนขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดแบบรถไม่ค่อยติด หลายๆครั้งขับรถประมาณ 140 กม./ชม. สำหรับผมก็ว่าเร็วแล้วนะ และก็ขับรถแซงคนนั้นคนนี้ ขับเร็วไปเรื่อยๆ จนมาแวะพักปั้มน้ำมัน เข้าห้องน้ำ ซื้อของกิน เดินไปเดินมา อ่าวรถที่เราแซงมาตั้งไกลแบบรู้สึกว่าน่าจะห่างมากๆ มาจอดอยู่ตรงนี้ที่เดียวกับเราได้ไง เอ่ แล้วที่เราขับเร็วนี้มันสร้างความแตกต่างยังไง ต่อมาก็มีที่ขับช้าลง ประมาณ 110-120 กม./ชม. ก็รู้สึกขับง่ายขึ้นสบายขึ้น แต่ขับไปก็มีรถหลายๆคันขับแซงเราไป ก็ขับไปเรื่อยๆ จนมาแวะพักที่ปั้มน้ำมัน อ่าวรถที่มันแซงเราไปแบบคิดว่าน่าจะตั้งไกลทำไมจอดอยู่ตรงนี้อ่ะ เลยเริ่มขำๆ และอีกหลายๆครั้งผมก็ได้เจอรถที่ผมแซงมา หรือเขาแซงผมไป ในสถานที่เที่ยวต่างๆซึ่งเป็นจุดหมายในการเดินทางของผม
ผมเลยมาคิดในเมื่อเป็นอย่างนี้เวลาที่เราขับเร็วและต้องคอยแซงนั้นน่าจะต้องใช้ความตั้งใจค่อนข้างสูง รวมถึงความเร็วที่สูงการควบคุมก็จะยากขึ้นบ้าง แต่การขับช้าลงแต่ไม่ช้าเกินไป นั้นดูเหมือนขับค่อนข้างสบายไปเรื่อยๆ ควบคุมรถก็ง่ายขึ้นบ้าง เมื่อผมคิดอย่างนี้ ผมจึงอยากขับแบบสบายไม่ช้าเกินไป ฟังเพลงไปเรื่อยๆ ให้ถึงจุดหมาย ได้ท่องเที่ยวอย่างสบายใจ ก็พอใจ ผมจึงรู้ว่าผมกำลังทำอะไร และทำในสิ่งที่เหมาะสม และพอใจ มีใครขับเร็วกว่าผม แซงผมไปทีละคัน ทีละคัน ผมก็ไม่คิดอะไร แต่บางทีเราอาจจะกำลังไปที่เดียวกันและเดี๋ยวอาจจะเจอกันก็ได้ 555
ถึงแม้จะมีหลายครั้งที่มีรถขับได้เร็วและดูชำนาญจริงๆ ขับแซงผมไปไกลแล้วไกลอีก จนดูว่าถ้าเขาขับแล้วไม่แวะพัก หรือสะดุดอยู่ที่ไหนแล้วล่ะก็ผมคงไม่มีวันตามเขาทัน ผมก็จะได้แต่คิดว่า เขาขับเก่งจริงๆ
ผมเคยเจอ คนขับรถเล็ก ๆ 1600cc แต่ขับเร็วมาก ๆ ครับ ถึงผมจะขับ 2400cc ขับช้าหน่อย ถึงช้าเร็วไม่ต่างกันมาก แต่สบายใจทั้งคนขับ คนนั่ง
ทางกลับกัน ผมเห็นคนขับ 3000cc ก็ไม่คิดจะไปแข่งด้วยเลยครับ เครียดเปล่า ๆ
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
-
- Verified User
- โพสต์: 898
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 45
แพ้ตลาดเกือบทุกปีที่หุ้นขึ้นครับแพ้จนชิน :lovl:
ชนะเน้นๆอยู่2ปีเท่าที่จำได้คือ 47,51 ที่ยังเอากำไรออกมาได้ ที่เหลือ
ชนะเน้นๆอยู่2ปีเท่าที่จำได้คือ 47,51 ที่ยังเอากำไรออกมาได้ ที่เหลือ
bid please!!
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 47
ที่คุณ areliang โพสนั้น น่าสนใจทีเดียวครับ
เวลาขับรถช้าเกินไป และอยู่ผิดเลน บางครั้ง ก็จะถูกรถคันหลังกดดัน บีบแตร และปาดหน้าอยู่บ่อยครั้ง ทำให้มีแรงกดดันที่ต้องพยายามขับรถให้เร็วขึ้น ซึ่งนำไปสู่ความประมาท
เวลาขับรถเร็วเกินไป หากไม่เกิดสถานการณ์ความเสี่ยงที่คาดไม่ถึง ก็ไม่เป็นไร แน่นอนการขับรถเร็วมากก็ทำให้เราอาจขาดการควบคุมรถที่ดี ผมก็เคยพบว่า สุดท้ายคนขับรถเร็วมากด้วยความประมาท มีโอกาสสูงที่เขาต้องออกจากเส้นทาง เพราะประสบอุบัติเหตุระหว่างทาง ทำให้ไม่สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้สำเร็จ เพราะเวลาเกิดอุบัติเหตุเมื่อขับรถเร็ว สภาพรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุมักมีสภาพที่รุนแรงมากจนทำให้ไม่สามารถขับรถต่อในเส้นทางได้
ดังนั้น หากเราขับรถโดยใช้ระดับความเร็วที่อยู่ในระดับที่เรารู้สึกว่า ขับรถแล้วเราควบคุมสถานการณ์ได้ดี สามารถมองกระจกหลังได้ และมองกระจกหน้าได้ชัดเจน เห็นทิศทางและเป้าหมายอย่างชัดเจน ไม่ช้าเกินไป และไม่เร็วเกินกว่าความสามารถ หรือความชำนาญในการควบคุมรถให้อยู่ในเส้นทางที่ไปสู่จุดหมายได้ปลอดภัย ทั้งกับรถคันที่เราขับ และเพื่อนร่วมทางในรถคันอื่น ๆ ที่ขับตาม ๆ กันมา เป็นต้น
เพื่อสุดท้ายเราก็จะได้เห็นรถหลาย ๆ คันที่ร่วมเดินทางไปกับเรา ได้ไปสู่จุดหมายที่ปลอดภัยด้วยกันครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ทั้งต่อเรา และเพื่อนร่วมทางอื่น ๆ ด้วย
ดังนั้น การเลือกไม้บรรทัดที่วัดผลงานก็เช่นกัน หากเราเลือกไม้บรรทัดที่ตรงกับความสามารถของเราที่ทำได้ เหมือนการกระโดดเชือกที่อยู่ในระดับการกระโดดได้ไม่ง่าย และไม่ยากเกินไป เราก็ควบคุมการกระโดดนั้นได้ แต่หากเราเลือกกระโดดระดับสูงมาก บ่อยครั้งก็ทำให้เราไม่สามารถผ่านไปได้ ก็ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ และบางครั้งต้องเริ่มหลายครั้ง และอาจไปสู่จุดหมายได้ช้ากว่า หรือต้องออกจากเกมการแข่งขันก็ได้ หากเราประเมินไม้บรรทัดผิดพลาด บางครังผิดพลาดครั้งเดียวก็ตาม แต่ก็บาดเจ็บใหญ่หลวงเกินกว่าจะรักษาบาดแผลที่ฉกาจและลึกได้ในเวลาสั้น ๆ ทำให้ระยะเวลาเดินทางยิ่งใช้เวลามากขึ้น เพราะเวลาเดินทางไม่คอยใคร มันก็หมดระยะไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะบางคนผู้อาวุโสที่มีอายุการเดินทางอีกไม่มากเหมือนกับคนรุ่นหนุ่มสาว
ดังนั้น อย่าใช้ไม้บรรทัดที่นำมาประเมินเพื่อกดดันตนเอง แต่ใช้ไม้บรรทัดเพื่อประเมินความก้าวหน้าตามระดับความรู้ความสามารถของเรา เพื่อให้เราสามารถอยู่ในเส้นทางของเราอย่างปลอดภัย และไม่กดดันตนเองมากเกินกว่าความรู้ และความชำนาญของเรา
ขอเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ คนในปีใหม่ นี้นะครับ หวังว่าทุกคนที่อ่านโพสของพี่กาละมัง จะได้รับประโยชน์ และนำหลักการไปเป็นหลักคิด ให้เดินทางด้วยความรอบคอบระมัดระวัง และมีความสุขกับการลงทุนในเส้นทางที่ถูกต้อง บนความพอประมาณ ตามระดับความรู้ความชำนาญของเรา ให้มีความก้าวหน้าอย่างมั่นคง และตั้งอยู่ในความไม่ประมาทครับ :lol:
เวลาขับรถช้าเกินไป และอยู่ผิดเลน บางครั้ง ก็จะถูกรถคันหลังกดดัน บีบแตร และปาดหน้าอยู่บ่อยครั้ง ทำให้มีแรงกดดันที่ต้องพยายามขับรถให้เร็วขึ้น ซึ่งนำไปสู่ความประมาท
เวลาขับรถเร็วเกินไป หากไม่เกิดสถานการณ์ความเสี่ยงที่คาดไม่ถึง ก็ไม่เป็นไร แน่นอนการขับรถเร็วมากก็ทำให้เราอาจขาดการควบคุมรถที่ดี ผมก็เคยพบว่า สุดท้ายคนขับรถเร็วมากด้วยความประมาท มีโอกาสสูงที่เขาต้องออกจากเส้นทาง เพราะประสบอุบัติเหตุระหว่างทาง ทำให้ไม่สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้สำเร็จ เพราะเวลาเกิดอุบัติเหตุเมื่อขับรถเร็ว สภาพรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุมักมีสภาพที่รุนแรงมากจนทำให้ไม่สามารถขับรถต่อในเส้นทางได้
ดังนั้น หากเราขับรถโดยใช้ระดับความเร็วที่อยู่ในระดับที่เรารู้สึกว่า ขับรถแล้วเราควบคุมสถานการณ์ได้ดี สามารถมองกระจกหลังได้ และมองกระจกหน้าได้ชัดเจน เห็นทิศทางและเป้าหมายอย่างชัดเจน ไม่ช้าเกินไป และไม่เร็วเกินกว่าความสามารถ หรือความชำนาญในการควบคุมรถให้อยู่ในเส้นทางที่ไปสู่จุดหมายได้ปลอดภัย ทั้งกับรถคันที่เราขับ และเพื่อนร่วมทางในรถคันอื่น ๆ ที่ขับตาม ๆ กันมา เป็นต้น
เพื่อสุดท้ายเราก็จะได้เห็นรถหลาย ๆ คันที่ร่วมเดินทางไปกับเรา ได้ไปสู่จุดหมายที่ปลอดภัยด้วยกันครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ทั้งต่อเรา และเพื่อนร่วมทางอื่น ๆ ด้วย
ดังนั้น การเลือกไม้บรรทัดที่วัดผลงานก็เช่นกัน หากเราเลือกไม้บรรทัดที่ตรงกับความสามารถของเราที่ทำได้ เหมือนการกระโดดเชือกที่อยู่ในระดับการกระโดดได้ไม่ง่าย และไม่ยากเกินไป เราก็ควบคุมการกระโดดนั้นได้ แต่หากเราเลือกกระโดดระดับสูงมาก บ่อยครั้งก็ทำให้เราไม่สามารถผ่านไปได้ ก็ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ และบางครั้งต้องเริ่มหลายครั้ง และอาจไปสู่จุดหมายได้ช้ากว่า หรือต้องออกจากเกมการแข่งขันก็ได้ หากเราประเมินไม้บรรทัดผิดพลาด บางครังผิดพลาดครั้งเดียวก็ตาม แต่ก็บาดเจ็บใหญ่หลวงเกินกว่าจะรักษาบาดแผลที่ฉกาจและลึกได้ในเวลาสั้น ๆ ทำให้ระยะเวลาเดินทางยิ่งใช้เวลามากขึ้น เพราะเวลาเดินทางไม่คอยใคร มันก็หมดระยะไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะบางคนผู้อาวุโสที่มีอายุการเดินทางอีกไม่มากเหมือนกับคนรุ่นหนุ่มสาว
ดังนั้น อย่าใช้ไม้บรรทัดที่นำมาประเมินเพื่อกดดันตนเอง แต่ใช้ไม้บรรทัดเพื่อประเมินความก้าวหน้าตามระดับความรู้ความสามารถของเรา เพื่อให้เราสามารถอยู่ในเส้นทางของเราอย่างปลอดภัย และไม่กดดันตนเองมากเกินกว่าความรู้ และความชำนาญของเรา
ขอเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ คนในปีใหม่ นี้นะครับ หวังว่าทุกคนที่อ่านโพสของพี่กาละมัง จะได้รับประโยชน์ และนำหลักการไปเป็นหลักคิด ให้เดินทางด้วยความรอบคอบระมัดระวัง และมีความสุขกับการลงทุนในเส้นทางที่ถูกต้อง บนความพอประมาณ ตามระดับความรู้ความชำนาญของเรา ให้มีความก้าวหน้าอย่างมั่นคง และตั้งอยู่ในความไม่ประมาทครับ :lol:
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
-
- Verified User
- โพสต์: 86
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 48
ผมแพ้ตลาดกระจุยเพราะ และแพ้ทั้งๆที่หุ้นที่ซื้อขึ้นไป 2-4 เท่า เยอะมาก และมีหุ้น 2 ที่ลงต่ำกว่าทุน จากหุ้นนับ 20 ตัวที่ผมซื้อขาย สรุปผมเข้าออกผิดจังหวะและก็โลภมาก
อยากเล่นหุ้น Turnaround ซึ่งให้ผลตอบแทนดี แต่ว่าเข้าผิดจังหวะเช่นเคย แต่ก็ไม่คิดมากครับขอแค่มีกำไรมากกว่าดอกเบี้ยและเงินเฟ้อผมก็พอใจแล้วสำหรับ 9 เดือนแรกในชีวิตการลงทุนของผม ตอนนี้ก็รู้สึกสนุกกับการลงทุน การอ่านหนังสือ การเลือกหุ้น แต่ที่ต้องพัฒนาก็คือความนิ่งและจับจังหวะในการเข้าออก
สรุปผมได้กำไร 15% ไม่รวมปันผล รวมปันผลก็ 20%
แต่สิ่งที่ได้ก็คือช่องทางที่จะให้เงินทำงานที่มากกว่าดอกเบี้ยจากเงินฝาก ทั้งๆที่ต้นปีผมยังมองหาดอกเบี้ยจากเงินฝากประจำว่าธนาคารไหนให้สูงสุดอยู่เลย
อยากเล่นหุ้น Turnaround ซึ่งให้ผลตอบแทนดี แต่ว่าเข้าผิดจังหวะเช่นเคย แต่ก็ไม่คิดมากครับขอแค่มีกำไรมากกว่าดอกเบี้ยและเงินเฟ้อผมก็พอใจแล้วสำหรับ 9 เดือนแรกในชีวิตการลงทุนของผม ตอนนี้ก็รู้สึกสนุกกับการลงทุน การอ่านหนังสือ การเลือกหุ้น แต่ที่ต้องพัฒนาก็คือความนิ่งและจับจังหวะในการเข้าออก
สรุปผมได้กำไร 15% ไม่รวมปันผล รวมปันผลก็ 20%
แต่สิ่งที่ได้ก็คือช่องทางที่จะให้เงินทำงานที่มากกว่าดอกเบี้ยจากเงินฝาก ทั้งๆที่ต้นปีผมยังมองหาดอกเบี้ยจากเงินฝากประจำว่าธนาคารไหนให้สูงสุดอยู่เลย
-
- Verified User
- โพสต์: 180
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 49
ปีนี้ ผมเสมอตลาดครับ แต่แย่หน่อยตอนไตรมาสสี่ เพราะว่าเน้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มากไป ผมจะมี record การซื้อขายตลอดปี 2553 มานั้งดูบางตัวก็เสียดายที่รีบขายไปหน่อย ถ้ารอคงชนะตลาดมากว่านี้ กลุ่มอสังหาบางตัวที่ลงทุนยังขาดมทุนอยู่ แยงมั่นใจในศักยภาพของธุรกิจรวมทั้งเงินปันผลที่จะได้ ผมเชื่อว่าผลตอบแทนต้องวัดกันระยะยาวครับ ปีนี้จะพยายามขายหุ้นให้น้อยที่สุด ติดตามผลประกอบการมากขึ้น
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 50
ปีนี้ มี 2 port
port แรก ชนะตลาดมากอยู่ เล่น VI เอาเงินกองทุนของลูกมาเล่น ระวังตัวมาด เพราะว่ากลัวเงินลูกหด
port 2 ชนะตลาด 10%+ เอาเงินพี่ชายมาเล่น พี่ชายบอกเล่นให้ที เล่นไปเรื่อยเปื่อย แล้วแต่อารมณ์ port 2 นี้ ตอนหลังเปลี่ยนมาเล่นแบบ VI แล้วครับ
ปีนี้ 2554 จะเพิ่ม port ที่ 3 คือ port ลิงเล่น คือ ปิดตาจับฉลากออกจากกล่อง
ตั้งใจทำวิจัยเรื่องลิงเล่นหุ้นจริงๆนะครับ port3 เนี่ย ซื้อเดือนละครั้ง ไม่เกินครั้งล่ะ 10 000 บาท ครับ
สิ้นปี 2554 ค่อยมาถามผมนะครับ ว่า port 3 เป็นยังไงนะครับ
555
port แรก ชนะตลาดมากอยู่ เล่น VI เอาเงินกองทุนของลูกมาเล่น ระวังตัวมาด เพราะว่ากลัวเงินลูกหด
port 2 ชนะตลาด 10%+ เอาเงินพี่ชายมาเล่น พี่ชายบอกเล่นให้ที เล่นไปเรื่อยเปื่อย แล้วแต่อารมณ์ port 2 นี้ ตอนหลังเปลี่ยนมาเล่นแบบ VI แล้วครับ
ปีนี้ 2554 จะเพิ่ม port ที่ 3 คือ port ลิงเล่น คือ ปิดตาจับฉลากออกจากกล่อง
ตั้งใจทำวิจัยเรื่องลิงเล่นหุ้นจริงๆนะครับ port3 เนี่ย ซื้อเดือนละครั้ง ไม่เกินครั้งล่ะ 10 000 บาท ครับ
สิ้นปี 2554 ค่อยมาถามผมนะครับ ว่า port 3 เป็นยังไงนะครับ
555
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4549
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 51
ใครพอจะทราบบ้าง ว่า
กองทุนแต่ละกองทุนมีผลตอบแทนยังไงบ้าง ช่วย อัพเดทให้ฟังหน่อยครับ
กองทุนแต่ละกองทุนมีผลตอบแทนยังไงบ้าง ช่วย อัพเดทให้ฟังหน่อยครับ
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
- Golden Stock
- Verified User
- โพสต์: 615
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 52
ผมไม่ค่อยจะใส่ใจที่จะเอาผลตอบแทนตลาดมาเป็นตัวเปรียบเทียบสักเท่าไหร่นะ แต่ผมให้ความสำคัญกับเป้าหมายระยะยาวของตัวเองมากกว่า เช่น ผมตั้งเป้าไว้ต้องทำผลตอบแทนแบบทบต้นให้ได้เฉลี่ย XX% ต่อปี ติดต่อกันเป็นเวลา XX ปี ในแต่ละปีตลาดจะมีผลตอบแทนเท่าไหร่ ไม่เห็นต้องใส่ใจมาก อาจจะมีรู้สึกดีเล็กๆ เท่านั้นที่ผลตอบแทนดีกว่าตลาด
การเอาผลตอบแทนตลาดมาเป็นตัววัดฝีมือ ผมว่ามันบอกอะไรไม่ได้มากหรอกครับ ดูอย่างเสี่ยปู่ ผลตอบแทนปี 2553 ได้แค่ 50% หากไปติ๊กในกระทู้ผลตอบแทนนี่ ยังไม่ถึงระดับเทพเลยครับ ถ้าเอามาเทียบกับ SET อย่างนี้ สามารถบอกได้ว่าเสี่ยปู่ไม่เซียน ? สมมติว่ามีนักลงทุนคนหนึ่งมีพอร์ต 5 แสนบาท ได้ผลตอบแทนปี 2553 ถึง 500% หากไปติ๊กในกระทู้ผลตอบแทนนี่ ฝีมือระดับซุปเปอร์เทพ อย่างนี้ก็แปลว่านักลงทุนคนนี้เก่งกว่าเสี่ยปู่ที่มีมูลค่าพอร์ตพันกว่าล้านบาทมากใช่มั้ยครับ ?
โพลผลตอบแทนที่จัดโหวตกันในแต่ละปี ผมเลิกโหวตไปหลายปีแล้วครับ
การเอาผลตอบแทนตลาดมาเป็นตัววัดฝีมือ ผมว่ามันบอกอะไรไม่ได้มากหรอกครับ ดูอย่างเสี่ยปู่ ผลตอบแทนปี 2553 ได้แค่ 50% หากไปติ๊กในกระทู้ผลตอบแทนนี่ ยังไม่ถึงระดับเทพเลยครับ ถ้าเอามาเทียบกับ SET อย่างนี้ สามารถบอกได้ว่าเสี่ยปู่ไม่เซียน ? สมมติว่ามีนักลงทุนคนหนึ่งมีพอร์ต 5 แสนบาท ได้ผลตอบแทนปี 2553 ถึง 500% หากไปติ๊กในกระทู้ผลตอบแทนนี่ ฝีมือระดับซุปเปอร์เทพ อย่างนี้ก็แปลว่านักลงทุนคนนี้เก่งกว่าเสี่ยปู่ที่มีมูลค่าพอร์ตพันกว่าล้านบาทมากใช่มั้ยครับ ?
โพลผลตอบแทนที่จัดโหวตกันในแต่ละปี ผมเลิกโหวตไปหลายปีแล้วครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 14
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 53
หลักๆที่ดู ส่วนตัว หุ้นที่แพ้ตลาดก็คือ หุ้น ที่ีไม่ใช่หุ้นในกระแสแฟชั่น(แต่บางตัวไม่แฟชั่นก็ชนะตลาดนะ) ไปถือหุ้นพวกนี้ก็ผัวเมียละเหี่ยใจ ไม่ไปไหนกะเค้าสักที
ส่วนพวกหุ้นชนะตลาดแต่ถือไม่ทน ไม่let profit run และ runแล้วเลยป้าย เค้าขายทิ้งกันหนักๆๆๆๆๆๆ ก็ไม่ขาย ก็เป็นอีกพวกนึงที่ทำให้แพ้
อีกอย่างก็คือ ถือหุ้นจำนวนตัวเยอะไป ดูไม่ทันโยกไม่ทันขายไม่ทัน :lol:
ก็คิดว่าต่อไปจะโฟกัสจำนวนหุ้นให้น้อยลง ตามเทรนด์แฟชั่นให้มากขึ้น :lol:
ปล ที่อยากรู้คือว่า ปีนี้ วอเรน บัฟฟเฟต ,จอรจ โซรอส , ดร.นิเวศน์ , หมอยง เสี่ยปู่ เสี่ยยักษ์ เสี่ยแตงโม เสี่ยไฮ้ และเสี่ยอื่นๆ ได้กันสักเท่าไรบ้าง
ส่วนพวกหุ้นชนะตลาดแต่ถือไม่ทน ไม่let profit run และ runแล้วเลยป้าย เค้าขายทิ้งกันหนักๆๆๆๆๆๆ ก็ไม่ขาย ก็เป็นอีกพวกนึงที่ทำให้แพ้
อีกอย่างก็คือ ถือหุ้นจำนวนตัวเยอะไป ดูไม่ทันโยกไม่ทันขายไม่ทัน :lol:
ก็คิดว่าต่อไปจะโฟกัสจำนวนหุ้นให้น้อยลง ตามเทรนด์แฟชั่นให้มากขึ้น :lol:
ปล ที่อยากรู้คือว่า ปีนี้ วอเรน บัฟฟเฟต ,จอรจ โซรอส , ดร.นิเวศน์ , หมอยง เสี่ยปู่ เสี่ยยักษ์ เสี่ยแตงโม เสี่ยไฮ้ และเสี่ยอื่นๆ ได้กันสักเท่าไรบ้าง
หุ้นดีๆต้องซื้อตอนตี5 แล้วเก็บใส่ปี๊บนา..แบ่งเทรดแต่น้อยๆ รอคอยเติบโตตามกาลเวลา แต่อย่าปล่อยให้กำไรเป็นขาดทุนและอย่ายอมขาดทุน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 54
ผมเป็นคนนึงล่ะครับ ที่ใส่ใจGolden Stock เขียน:ผมไม่ค่อยจะใส่ใจที่จะเอาผลตอบแทนตลาดมาเป็นตัวเปรียบเทียบสักเท่าไหร่นะ แต่ผมให้ความสำคัญกับเป้าหมายระยะยาวของตัวเองมากกว่า เช่น ผมตั้งเป้าไว้ต้องทำผลตอบแทนแบบทบต้นให้ได้เฉลี่ย XX% ต่อปี ติดต่อกันเป็นเวลา XX ปี ในแต่ละปีตลาดจะมีผลตอบแทนเท่าไหร่ ไม่เห็นต้องใส่ใจมาก อาจจะมีรู้สึกดีเล็กๆ เท่านั้นที่ผลตอบแทนดีกว่าตลาด
การเอาผลตอบแทนตลาดมาเป็นตัววัดฝีมือ ผมว่ามันบอกอะไรไม่ได้มากหรอกครับ ดูอย่างเสี่ยปู่ ผลตอบแทนปี 2553 ได้แค่ 50% หากไปติ๊กในกระทู้ผลตอบแทนนี่ ยังไม่ถึงระดับเทพเลยครับ ถ้าเอามาเทียบกับ SET อย่างนี้ สามารถบอกได้ว่าเสี่ยปู่ไม่เซียน ? สมมติว่ามีนักลงทุนคนหนึ่งมีพอร์ต 5 แสนบาท ได้ผลตอบแทนปี 2553 ถึง 500% หากไปติ๊กในกระทู้ผลตอบแทนนี่ ฝีมือระดับซุปเปอร์เทพ อย่างนี้ก็แปลว่านักลงทุนคนนี้เก่งกว่าเสี่ยปู่ที่มีมูลค่าพอร์ตพันกว่าล้านบาทมากใช่มั้ยครับ ?
โพลผลตอบแทนที่จัดโหวตกันในแต่ละปี ผมเลิกโหวตไปหลายปีแล้วครับ
และติดตาม return ของตลาด
แทนที่จะตั้งเป้าเป็น % ที่ชัดเจน
สาเหตุเพราะผมคิดว่ามันเป็นตัวชี้วัดที่ดี
ว่าตัวเราเองเป็นนักลงทุนแบบไหน
เชิงรุก หรือ เชิงรับ ?
เพราะถ้าหากผลตอบแทนของผม
น้อยกว่าตลาดหลายๆ ปี
ในปีต่อไป ผมจะไม่เลือกลงทุนเอง
แต่จะเปลี่ยนไปใช้บริการ บลจ.
ซื้อพวกกองทุนรวมที่ลงทุนใน SET index แทน
จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ส่วนเรื่อง Poll โหวตกันเล่นๆ สนุกๆ ขำๆ ครับ
ไม่อย่างนั้น ประเทศไทยคงต้องมีเทพจุติกัน
ทุกๆ วันที่ 1 กับวันที่ 16 เพราะมีคนถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1
มีผลตอบแทนยิ่งกว่า 500% อีก ...
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 55
เห็นด้วยครับส.สลึง เขียน:ผมเป็นคนนึงล่ะครับ ที่ใส่ใจGolden Stock เขียน:ผมไม่ค่อยจะใส่ใจที่จะเอาผลตอบแทนตลาดมาเป็นตัวเปรียบเทียบสักเท่าไหร่นะ แต่ผมให้ความสำคัญกับเป้าหมายระยะยาวของตัวเองมากกว่า เช่น ผมตั้งเป้าไว้ต้องทำผลตอบแทนแบบทบต้นให้ได้เฉลี่ย XX% ต่อปี ติดต่อกันเป็นเวลา XX ปี ในแต่ละปีตลาดจะมีผลตอบแทนเท่าไหร่ ไม่เห็นต้องใส่ใจมาก อาจจะมีรู้สึกดีเล็กๆ เท่านั้นที่ผลตอบแทนดีกว่าตลาด
การเอาผลตอบแทนตลาดมาเป็นตัววัดฝีมือ ผมว่ามันบอกอะไรไม่ได้มากหรอกครับ ดูอย่างเสี่ยปู่ ผลตอบแทนปี 2553 ได้แค่ 50% หากไปติ๊กในกระทู้ผลตอบแทนนี่ ยังไม่ถึงระดับเทพเลยครับ ถ้าเอามาเทียบกับ SET อย่างนี้ สามารถบอกได้ว่าเสี่ยปู่ไม่เซียน ? สมมติว่ามีนักลงทุนคนหนึ่งมีพอร์ต 5 แสนบาท ได้ผลตอบแทนปี 2553 ถึง 500% หากไปติ๊กในกระทู้ผลตอบแทนนี่ ฝีมือระดับซุปเปอร์เทพ อย่างนี้ก็แปลว่านักลงทุนคนนี้เก่งกว่าเสี่ยปู่ที่มีมูลค่าพอร์ตพันกว่าล้านบาทมากใช่มั้ยครับ ?
โพลผลตอบแทนที่จัดโหวตกันในแต่ละปี ผมเลิกโหวตไปหลายปีแล้วครับ
และติดตาม return ของตลาด
แทนที่จะตั้งเป้าเป็น % ที่ชัดเจน
สาเหตุเพราะผมคิดว่ามันเป็นตัวชี้วัดที่ดี
ว่าตัวเราเองเป็นนักลงทุนแบบไหน
เชิงรุก หรือ เชิงรับ ?
เพราะถ้าหากผลตอบแทนของผม
น้อยกว่าตลาดหลายๆ ปี
ในปีต่อไป ผมจะไม่เลือกลงทุนเอง
แต่จะเปลี่ยนไปใช้บริการ บลจ.
ซื้อพวกกองทุนรวมที่ลงทุนใน SET index แทน
จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ส่วนเรื่อง Poll โหวตกันเล่นๆ สนุกๆ ขำๆ ครับ
ไม่อย่างนั้น ประเทศไทยคงต้องมีเทพจุติกัน
ทุกๆ วันที่ 1 กับวันที่ 16 เพราะมีคนถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1
มีผลตอบแทนยิ่งกว่า 500% อีก ...
สีแดง คือเหตุผล ทำไมถึงเปรียบเทียบกับตลาด
ในโพลที่ผมทำขึ้นเจตนาที่
จะเอามาเป็นแรงบันดาลใจให้กับการพัฒนาตัวเองและ
อยากรู้ว่านักลงทุนแนววีไอในแต่ละปีได้ผลตอบแทนกันเท่าไหร่
ไม่ได้เจตนาให้มีการแข่งขัน หรือ อวดอ้างระหว่างกัน แต่อย่างใด
แต่เพราะคนเราต่างจิตต่างใจ คิดกันคนละอย่าง มองกันคนละมุม
ทำให้เกิดความขัดแย้ง ทำให้ Mod ตัดสินใจปิดกระทู้ไป
กระผมขออภัย มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ ที่ทำให้หนักใจ
หากท่านอยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์การลงทุน แชร์ความสำเร็จ
และความผิดพลาด กับเพื่อนๆนักลงทุนด้วยกัน ผมก็ไม่ทราบว่าจะมีช่องทางใด
เพราะผมเองคิดว่าเวปไซต์แห่งนี้คือ
"เวปไซต์แห่งการแบ่งปัน " ไม่ใช่
"เวปไซต์แห่งการแข่งขัน"
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 56
อันนี้ผมไม่เห็นด้วยครับGolden Stock เขียน: การเอาผลตอบแทนตลาดมาเป็นตัววัดฝีมือ ผมว่ามันบอกอะไรไม่ได้มากหรอกครับ ดูอย่างเสี่ยปู่ ผลตอบแทนปี 2553 ได้แค่ 50% หากไปติ๊กในกระทู้ผลตอบแทนนี่ ยังไม่ถึงระดับเทพเลยครับ ถ้าเอามาเทียบกับ SET อย่างนี้ สามารถบอกได้ว่าเสี่ยปู่ไม่เซียน ? สมมติว่ามีนักลงทุนคนหนึ่งมีพอร์ต 5 แสนบาท ได้ผลตอบแทนปี 2553 ถึง 500% หากไปติ๊กในกระทู้ผลตอบแทนนี่ ฝีมือระดับซุปเปอร์เทพ อย่างนี้ก็แปลว่านักลงทุนคนนี้เก่งกว่าเสี่ยปู่ที่มีมูลค่าพอร์ตพันกว่าล้านบาทมากใช่มั้ยครับ ?
พอร์ตใหญ่หรือเล็ก ไม่ได้บอกว่าคนเก่งกว่าใคร
การคิดผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นน่าจะแฟร์กว่า
แต่ใจจริงไม่อยากให้เอามาเปรียบเทียบเชิงการแข่งขัน
จริงครับเมื่อพอร์ตใหญ่ขึ้น การบริหารจัดการพอร์ตมันยากขึ้น
ข้อจำกัดในการลงทุนมันมากขึ้น
แต่ถ้าจะพูดถึงขนาดพอร์ต อย่าลืมว่า นายตลาด มีพอร์ตใหญ่ที่สุดครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 57
ประเด็นกระทู้นี้อาจแยกได้เป็น 2 ประเด็น คือ เรื่องการวัดผลงาน กับ ทำไมจึงได้ผลตอบแทนน้อยกว่าศักยภาพของเรา
เรื่องการวัดผลงาน ส่วนตัวก็ไม่ได้ให้น้ำหนักมาก ผมเองก็ไม่ได้ mark จริงจังอย่างไร ผมเน้นที่ best effort มากกว่า
เรื่องว่าทำไมจึงได้ผลตอบแทนน้อยกว่าศักยภาพของเรา อันนี้ที่เราต้องหาคำตอบให้ได้ นั่นคือ เราพยายามพัฒนาตัวเราเพื่อตีแตกวิธีการลงทุน ครับ...เมื่อไรทำได้แล้ว...ก็ทำนายอนาคตความมั่งคั่งได้เลยครับ ถ้าเปรียบเทียบกับกีฬา เช่น กอร์ฟ ไม่สำคัญว่าตีได้เท่าไรมากกว่า ที่สำคัญกว่าคือ การพิจารณาหาหาข้อผิดพลาดในการตีที่ผิด และแนวทางการตีที่ถูกต้อง และก็หมั่นซ้อม ครับ....สักพักน่าจะกลายเป็นเสือน้อยได้นะครับ
เรื่องการวัดผลงาน ส่วนตัวก็ไม่ได้ให้น้ำหนักมาก ผมเองก็ไม่ได้ mark จริงจังอย่างไร ผมเน้นที่ best effort มากกว่า
เรื่องว่าทำไมจึงได้ผลตอบแทนน้อยกว่าศักยภาพของเรา อันนี้ที่เราต้องหาคำตอบให้ได้ นั่นคือ เราพยายามพัฒนาตัวเราเพื่อตีแตกวิธีการลงทุน ครับ...เมื่อไรทำได้แล้ว...ก็ทำนายอนาคตความมั่งคั่งได้เลยครับ ถ้าเปรียบเทียบกับกีฬา เช่น กอร์ฟ ไม่สำคัญว่าตีได้เท่าไรมากกว่า ที่สำคัญกว่าคือ การพิจารณาหาหาข้อผิดพลาดในการตีที่ผิด และแนวทางการตีที่ถูกต้อง และก็หมั่นซ้อม ครับ....สักพักน่าจะกลายเป็นเสือน้อยได้นะครับ
- HENDRIX
- Verified User
- โพสต์: 123
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 58
ผมเคยแพ้ตลาดเพราะมัวแต่คิดจะชนะตลาด กลัวแพ้เงินเฟ้อ
ติดตามตลาดมากไป ต่อมาได้วิธีคิดของหลายๆท่าน พยายามดูราคาแค่สัปดาห์ละครั้ง
และใช้ตาราง excel ของคุณ yoyo ช่วยตัดสินใจ ( ตัดbias ลืมต้นทุน )
สองปีให้หล้งเห็นผล ชนะตลาดโดยไม่คิดชนะตลาด แต่พยามชนะใจตนเอง
invert , always invert
ก้าวต่อไป พยายามกินอาหารที่เย็นดีแล้วแบบพี่ลูกอิสาน
ติดตามตลาดมากไป ต่อมาได้วิธีคิดของหลายๆท่าน พยายามดูราคาแค่สัปดาห์ละครั้ง
และใช้ตาราง excel ของคุณ yoyo ช่วยตัดสินใจ ( ตัดbias ลืมต้นทุน )
สองปีให้หล้งเห็นผล ชนะตลาดโดยไม่คิดชนะตลาด แต่พยามชนะใจตนเอง
invert , always invert
ก้าวต่อไป พยายามกินอาหารที่เย็นดีแล้วแบบพี่ลูกอิสาน
ชนะตลาดหรือเปล่าไม่สน ชนะใจตนเป็นพอ
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 60
แพ้ตลาดก็ไม่ได้แปลว่าเราคิดผิด วางแผนมาผิด
ชนะตลาดก็ไม่ได้แปลว่าเราถูก หุ้นที่เราเลือกดี ซื้อได้ในราคาถูก
ถ้ามองตลาดในแง่ดีสุดๆ เหมือนอย่างที่ VI จำนวนมากคิด ว่าตลาดมันไม่ค่อย efficient แต่ถ้ามีระยะเวลายาวขึ้น ราคาจะเข้าหามูลค่าของมันเอง ถามตัวเองสิครับ ว่า 1 ปีที่ผ่านมา (ระยะเวลาที่คุณพยายามวัดว่าชนะหรือแพ้ตลาด) มันเป็นระยะเวลาที่ยาวพอที่ราคาจะเข้าไปหามูลค่าของตัวมันเองแล้วเหรอครับ?
เอาแค่นี้ว่าถ้า 1 ปีไม่ยาวพอ วัดแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไรแบบนี้จะวัดกันไปทำไมครับ
ชนะตลาดก็ไม่ได้แปลว่าเราถูก หุ้นที่เราเลือกดี ซื้อได้ในราคาถูก
ถ้ามองตลาดในแง่ดีสุดๆ เหมือนอย่างที่ VI จำนวนมากคิด ว่าตลาดมันไม่ค่อย efficient แต่ถ้ามีระยะเวลายาวขึ้น ราคาจะเข้าหามูลค่าของมันเอง ถามตัวเองสิครับ ว่า 1 ปีที่ผ่านมา (ระยะเวลาที่คุณพยายามวัดว่าชนะหรือแพ้ตลาด) มันเป็นระยะเวลาที่ยาวพอที่ราคาจะเข้าไปหามูลค่าของตัวมันเองแล้วเหรอครับ?
เอาแค่นี้ว่าถ้า 1 ปีไม่ยาวพอ วัดแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไรแบบนี้จะวัดกันไปทำไมครับ
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld