Re: เกาะติดฟองสบู่จีน
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 10, 2011 2:13 pm
รองนายกฯจีนประเมินเศรษฐกิจในประเทศปี 53 ขยายตัว 10%
นายหลี่ เก้อเฉียง รองนายกรัฐมนตรีจีน กล่าวกับกลุ่มผู้นำธุรกิจในระหว่างเดินทางเยือนกรุงมาดริดของสเปนว่า เศรษฐกิจของจีนคาดว่า จะขยายตัวราว 10% ในปี 2553 พร้อมกับประมาณการว่า ยอดค้าปลีกปี 2553 ของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.5%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายหลี่กำลังอยู่ในระหว่างการเดินทางเยือนสเปน เยอรมนี และอังกฤษเป็นเวลา 9 วัน โดยนายหลี่กล่าวกับกลุ่มผู้นำธุรกิจที่สเปนว่า "จีนยังคงเผชิญกับความยากลำบากในการพัฒนา ขณะเดียวกันจีนยังต้องเดินหน้าขยายการค้าและการลงทุนกับประเทศอื่นๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวต่อไปได้"
นายหลี่ประมาณการว่า เศรษฐกิจีนในปี 2553 ขยายตัวราว 10% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับที่นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนประมาณการไว้ในระหว่างการกล่าวปาฐกถาที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. นอกจากนี้ นายหลี่กล่าวว่า อุปสงค์ภายในประเทศมีส่วนขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจขยายตัวสูงถึง 90% ในปีที่แล้ว
ทั้งนี้ จีนมีแนวโน้มที่จะแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกในปี 2553 หลังจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนแซงหน้าประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ส่วนอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนโดยเฉลี่ยเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 11.4% ในขณะที่หน่วยงานฝ่ายวางแผนเศรษฐกิจของจีนยืนยันว่า จะผลักดันเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพและรวดเร็วในปี 2554
นายหลี่ เฉิง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยแห่งสถาบัน Brookings Institution ในกรุงวอชิงตัน คาดว่า นายหลี่ เก้อเฉียง ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากนายเหวิน เจียเป่า ในปี 2555
คาดอัตราเงินเฟ้อจีนอยู่ในระดับสูงต่อไปจนถึง Q3/54
ผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำ 56 คนชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อของจีนที่อยู่ในระดับสูงนั้น จะยังคงมีอยู่ต่อไปจนถึงไตรมาส 2 - 3 ของปี 2554 โดยนักเศรษฐศาสตร์ 21% ที่ตอบรับการสำรวจระบุว่า จีนอาจจะเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อสูงไปจนกระทั่งถึงไตรมาส 3
ผลการสำรวจที่ทางนสพ. Economic Observer ได้ตีพิมพ์ชี้ว่า นักเศรษฐศาสตร์ 58% คาดว่า เงินเฟ้อจะยังคงอยู่ที่ระดับสูงในไตรมาสแรก หลังจากที่ดัชนีราคาผู้บริโภคทะยานขึ้นแตะระดับ 5.1% ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
นักเศรษฐศาสตร์ของไชน่า เจียนหยิน อินเวสเมนท์ ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า เงินเฟ้ออาจจะดีดตัวขึ้นสูงสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้ที่ 6.3% แต่จะค่อยๆ อ่อนตัวลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 4% จากระดับเดือนต.ค.
นักเศรษฐศาสตร์ประมาณ 33% เชื่อว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดต่างประเทศที่สูงขึ้น รวมทั้งราคาอาหารในประเทศที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ดัชนีปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ 28% มองว่า สภาพคล่องที่สูงเกินไปในตลาดจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคจีนเดือนธ.ค.ขยับขึ้นแตะ 85.92 จุด
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ถือบัตรเครดิตในจีนปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในเดือนธ.ค. 2553 เนื่องจากการโปรโมชั่นส่งเสริมการขายในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่ช่วยกระตุ้นการบริโภค
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ถือบัตรเครดิต (BCCI) ซึ่งรวบรวมโดยสำนักข่าวซินหัว และ ไชน่า ยูเนี่ยนเพย์ ซึ่งเป็นสมาคมอุตสาหกรรมบัตรเครดิตในจีน อยู่ที่ระดับ 85.92 จุดในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.06 จุดเมื่อเทียบกับเดือนพ.ย. แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติเดือนพ.ย. 2552 นั้น ดัชนี BCCI เดือนพ.ย.อ่อนตัว 0.81 จุด
ข้อมูลชี้ให้เห็นว่า การใช้จ่ายของผู้ถือบัตรเครดิตกับสินค้าที่ไม่มีความจำเป็นนั้น เช่น อัญมณีและบริการด้านความบันเทิงเพิ่มขึ้น 12.4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน เนื่องจากโบนัสช่วงสิ้นปีช่วยหนุนกำลังซื้อของชาวจีน
ขณะเดียวกันความต้องการสินค้าต่างๆ เช่น อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน ผลิตภัณฑ์ดิจิตอล และรถยนต์ในช่วงเดือนธ.ค.ก็สูงขึ้นเช่นกัน
นับเป็นเดือนที่ 2 แล้วที่ดัชนีขยายตัวขึ้น หลังจากที่ดีดตัว 0.17 จุดในเดือนพย. เนื่องจากรัฐบาลได้นำมาตรการต่างๆมาใช้เพื่อควบคุมราคาสินค้าที่สูงขึ้น และธนาคารกลางก็ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยไป 2 ครั้งเมื่อปีที่แล้ว รวมทั้งการขึ้นเพดานกันสำรอง 6 ครั้ง เพื่อควบคุมสภาพคล่อง
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
นายหลี่ เก้อเฉียง รองนายกรัฐมนตรีจีน กล่าวกับกลุ่มผู้นำธุรกิจในระหว่างเดินทางเยือนกรุงมาดริดของสเปนว่า เศรษฐกิจของจีนคาดว่า จะขยายตัวราว 10% ในปี 2553 พร้อมกับประมาณการว่า ยอดค้าปลีกปี 2553 ของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.5%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายหลี่กำลังอยู่ในระหว่างการเดินทางเยือนสเปน เยอรมนี และอังกฤษเป็นเวลา 9 วัน โดยนายหลี่กล่าวกับกลุ่มผู้นำธุรกิจที่สเปนว่า "จีนยังคงเผชิญกับความยากลำบากในการพัฒนา ขณะเดียวกันจีนยังต้องเดินหน้าขยายการค้าและการลงทุนกับประเทศอื่นๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวต่อไปได้"
นายหลี่ประมาณการว่า เศรษฐกิจีนในปี 2553 ขยายตัวราว 10% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับที่นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนประมาณการไว้ในระหว่างการกล่าวปาฐกถาที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. นอกจากนี้ นายหลี่กล่าวว่า อุปสงค์ภายในประเทศมีส่วนขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจขยายตัวสูงถึง 90% ในปีที่แล้ว
ทั้งนี้ จีนมีแนวโน้มที่จะแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกในปี 2553 หลังจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนแซงหน้าประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ส่วนอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนโดยเฉลี่ยเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 11.4% ในขณะที่หน่วยงานฝ่ายวางแผนเศรษฐกิจของจีนยืนยันว่า จะผลักดันเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพและรวดเร็วในปี 2554
นายหลี่ เฉิง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยแห่งสถาบัน Brookings Institution ในกรุงวอชิงตัน คาดว่า นายหลี่ เก้อเฉียง ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากนายเหวิน เจียเป่า ในปี 2555
คาดอัตราเงินเฟ้อจีนอยู่ในระดับสูงต่อไปจนถึง Q3/54
ผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำ 56 คนชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อของจีนที่อยู่ในระดับสูงนั้น จะยังคงมีอยู่ต่อไปจนถึงไตรมาส 2 - 3 ของปี 2554 โดยนักเศรษฐศาสตร์ 21% ที่ตอบรับการสำรวจระบุว่า จีนอาจจะเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อสูงไปจนกระทั่งถึงไตรมาส 3
ผลการสำรวจที่ทางนสพ. Economic Observer ได้ตีพิมพ์ชี้ว่า นักเศรษฐศาสตร์ 58% คาดว่า เงินเฟ้อจะยังคงอยู่ที่ระดับสูงในไตรมาสแรก หลังจากที่ดัชนีราคาผู้บริโภคทะยานขึ้นแตะระดับ 5.1% ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
นักเศรษฐศาสตร์ของไชน่า เจียนหยิน อินเวสเมนท์ ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า เงินเฟ้ออาจจะดีดตัวขึ้นสูงสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้ที่ 6.3% แต่จะค่อยๆ อ่อนตัวลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 4% จากระดับเดือนต.ค.
นักเศรษฐศาสตร์ประมาณ 33% เชื่อว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดต่างประเทศที่สูงขึ้น รวมทั้งราคาอาหารในประเทศที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ดัชนีปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ 28% มองว่า สภาพคล่องที่สูงเกินไปในตลาดจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคจีนเดือนธ.ค.ขยับขึ้นแตะ 85.92 จุด
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ถือบัตรเครดิตในจีนปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในเดือนธ.ค. 2553 เนื่องจากการโปรโมชั่นส่งเสริมการขายในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่ช่วยกระตุ้นการบริโภค
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ถือบัตรเครดิต (BCCI) ซึ่งรวบรวมโดยสำนักข่าวซินหัว และ ไชน่า ยูเนี่ยนเพย์ ซึ่งเป็นสมาคมอุตสาหกรรมบัตรเครดิตในจีน อยู่ที่ระดับ 85.92 จุดในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.06 จุดเมื่อเทียบกับเดือนพ.ย. แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติเดือนพ.ย. 2552 นั้น ดัชนี BCCI เดือนพ.ย.อ่อนตัว 0.81 จุด
ข้อมูลชี้ให้เห็นว่า การใช้จ่ายของผู้ถือบัตรเครดิตกับสินค้าที่ไม่มีความจำเป็นนั้น เช่น อัญมณีและบริการด้านความบันเทิงเพิ่มขึ้น 12.4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน เนื่องจากโบนัสช่วงสิ้นปีช่วยหนุนกำลังซื้อของชาวจีน
ขณะเดียวกันความต้องการสินค้าต่างๆ เช่น อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน ผลิตภัณฑ์ดิจิตอล และรถยนต์ในช่วงเดือนธ.ค.ก็สูงขึ้นเช่นกัน
นับเป็นเดือนที่ 2 แล้วที่ดัชนีขยายตัวขึ้น หลังจากที่ดีดตัว 0.17 จุดในเดือนพย. เนื่องจากรัฐบาลได้นำมาตรการต่างๆมาใช้เพื่อควบคุมราคาสินค้าที่สูงขึ้น และธนาคารกลางก็ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยไป 2 ครั้งเมื่อปีที่แล้ว รวมทั้งการขึ้นเพดานกันสำรอง 6 ครั้ง เพื่อควบคุมสภาพคล่อง
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx