หน้า 2 จากทั้งหมด 2

เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่าควรกระจายการลงทุนในหุ้นกี่ตัว จึงจะเหมาะ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 12, 2010 9:29 pm
โดย pntrang
เริ่มต้นมี มากกว่า 10 :oops:

แต่ตอนนี้ปรับลงอยู่ที่ 6-8 ตัว แล้วแต่สถานการณ์ครับ :8)

เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่าควรกระจายการลงทุนในหุ้นกี่ตัว จึงจะเหมาะ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 12, 2010 9:40 pm
โดย genedemonvi
ผมมี 30 ตัวครับ โรคจิตมาก และกำลัง จะเพิ่มต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่ส่วนใหญ่ ซื้อเพราะความเป็นโรคจิตครับ เห็นกิจการดีๆไม่ได้ ต้องขอมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ หุ้นเดียวก็เอาครับ แต่ตัวที่ถือด้วยเหตุผล มีแค่ 4 ตัวครับ

เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่าควรกระจายการลงทุนในหุ้นกี่ตัว จึงจะเหมาะ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 12, 2010 9:52 pm
โดย yodfah
ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ครับ

แต่ที่ผ่านมาไม่เคยเกิน 6 ตัวนะครับ

เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่าควรกระจายการลงทุนในหุ้นกี่ตัว จึงจะเหมาะ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 13, 2010 9:31 am
โดย Windy
แล้วแต่ขนาดของพอร์ต ตอนนี้มีอยู่ห้าตัว ถ้าพอร์ตใหญ่แล้วไม่กระจายหลายตัวก็น่ากลัวเหมือนกัน

เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่าควรกระจายการลงทุนในหุ้นกี่ตัว จึงจะเหมาะ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 13, 2010 10:12 am
โดย chootana
9 ตัวฮับ
แต่เป็นค้าปลีกตั้ง 3 ตัว

port

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 13, 2010 11:35 am
โดย stupidvi
อ่านเจอบทความเก่าๆแล้วน่าสนใจครับ เข้าใจง่ายดี

กลยุทธ์การจัดพอร์ตอย่างเซียน
บทความโดย CHARTCHAI MADMAN
 การจะลงทุนในหุ้นให้ประสบความสำเร็จนั้นนอกจากการวิเคราะห์เป็นรายตัวแล้ว การจัดพอร์ตให้มีความสมดุลก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะบ่งชี้ถึงผลตอบแทนโดยรวมว่าจะมากน้อยเพียงใด หรือหากเกิดความผันผวนขึ้น ความสมดุลของพอร์ตจะเป็นเกราะกำบังอีกประการหนึ่งให้นักลงทุนไม่เสียหายมาก
แนวความคิดเรื่องการจัดพอร์ตนั้นมีหลายแนวความคิดครับ แต่โดยหลักก็คือ
1)หลักการกระจาย คือการลงทุนกระจายไปหุ้นหลายๆตัว ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม(หรือหลักการใส่ไข่ไว้ในหลายๆตะกร้า) เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ต ในขณะเดียวกันผลตอบแทนโดยรวมอาจจะต่ำกว่าการลงทุนแบบโฟกัส
2)โฟกัสคือการเน้นการลงทุนในหุ้นน้อยตัวนักลงทุนคัดสรรมาแล้ว การใช้กลยุทธ์นี้จะพบความผันผวนของพอร์ตได้มากกว่า ความเสี่ยงมากกว่า แต่ผลตอบแทนก็จะสูงตามไปด้วย
เคยมีการศึกษาเพื่อทดสอบเรื่องจำนวนหุ้นในพอร์ต ที่ศึกษาเรื่องระดับผลตอบแทนและความเสี่ยงของมหาวิทยาลัยชิคาโก (professors Lawrence Fisher และ James Lorie)โดยการจัดพอร์ตที่มีหุ้นตั้งแต่1ตัว ถึงพอร์ตที่มีหุ้น500 ตัวครับ ผลที่ออกมาก็คือ
***การเพิ่มจำนวนหุ้นในพอร์ตทำให้ความเสี่ยงลดลง แต่ประโยชน์นี้จะหมดลงอย่างรวดเร็ว หากจำนวนหุ้นในพอร์ตมากเกินกว่า16ตัว***
มีการศึกษาอีก paper หนึ่ง ( John Wiley & son)  พบว่า
***นักลงทุนสามารถกระจายความเสียงได้85% ด้วยการมีหุ้นจำนวน15ตัว และ หากมีหุ้นในพอร์ตจำนวน30ตัวจะกระจายความเสี่ยงได้95%
สรุปโดยรวม การจัดพอร์ตทั้งสองแบบก็จะมีผลได้ผลเสียแตกต่างกันไป แล้วบรรดาเซียนในเรื่องการลงทุนละ แต่ละท่านมีกลยุทธ์ในการจัดพอร์ตอย่างไร
กลยุทธ์การจัดพอร์ตของ ดร.นิเวศน์ เซียนหุ้นมูลค่าอันดับหนึ่งของเมืองไทย
ดร.นิเวศน์กล่าวไว้ในหนังสือตีแตก กลยุทธ์การเล่นหุ้นในภาวะวิกฤติ ท่านบอกไว้ว่า ในพอร์ตของท่านมีหุ้นกว่า10ตัว น้ำหนักการลงทุนไม่เท่ากันในแต่ละตัว การให้น้ำหนักจะขึ้นอยู่กับความน่าสนใจของแต่ละตัว หากท่านเห็นว่าตัวไหนให้ผลตอบแทนดีและมั่นใจก็จะให้น้ำหนักตัวนั้นมากหน่อย น่าสนใจแต่ไม่มั่นใจก็จะให้น้ำหนักน้อยหน่อย ท่านจะปรับพอร์ตเสมอเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป  ส่วนใหญ่แล้วจะลงทุนในหุ้นเต็มวงเงินเสมอ

กลยุทธ์การจัดพอร์ตแบบบัฟเฟตต์ เศรษฐีหุ้นอันดับหนึ่งของโลกการลงทุน
ส่วนบัฟเฟตต์ซึ่งชำนาญในเรื่องการใช้กลยุทธ์สวนกระแสแบบคัดสรรคือเลือกลงทุนน้อยตัวแต่ลงหนักเมื่อเจอหุ้นที่ยอดเยี่ยม ท่านเชื่อว่าการกระจายความเสี่ยงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลกับนักลงทุนที่ขาดความรู้และความเข้าใจเท่านั้น  การกระจายความเสี่ยงจะมีประโยชน์ในกรณีที่จะช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดจากการไม่รู้ หรือได้รับข้อมูลที่ใช้ตัดสินใจไม่ครบสมบูรณ์ บัฟเฟต์แนะนำว่านักลงทุนควรมีหุ้นเพียง5-10ตัวเท่านั้น  บัฟเฟตต์เมื่อซื้อจะเน้นการถือหุ้นระยะยาว ถือไปเรื่อยๆตราบใดที่พื้นฐานของหุ้นยังไม่แย่ลง
กลยุทธ์การจัดพอร์ตแบบปีเตอร์ ลินช์
ลินช์กล่าวว่าประเด็นสำคัญของผลตอบแทนไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนหุ้นในพอร์ต แต่มันขึ้นอยู่กับการตรวจสอบอย่างดีมากน้อยแค่ไหนของนักลงทุน  มันเป็นเรื่องที่ดีที่จะเป็นเจ้าของหุ้นให้มากที่สุดหากคุณไปเจอสถานการณ์
1)สถานการณ์ที่ได้เปรียบ และ
2)ได้ค้นพบหุ้นที่มีเป้าหมายชัดเจนและน่าตื่นเต้น
นั่นหมายความว่าหากนักลงทุนมีความเชี่ยวชาญในหุ้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือหุ้นตัวใดตัวหนึ่งเป็นพิเศษจริงๆก็ไม่จำเป็นต้องกระจาย
 แต่ก็บอกว่าการถือหุ้นเพียงตัวเดียวเป็นเรื่องเสี่ยงมากเช่นกันหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ตามความเห็นของ ลินช์ พอร์ตขนาดเล็กควรจะมีหุ้น 3-10 ตัว น่าจะได้ประโยชน์ในแง่มุมต่างๆดังนี้
 1)หากลงทุนในหุ้นโตเร็ว โอกาสจะเจอหุ้น10เด้งมีมากกว่า
 2)ยิ่งมีหุ้นมาก นักลงทุนก็จะความคล่องตัวที่จะสับเปลี่ยนเงินลงทุนระหว่างมัน
 สำหรับพอร์ตของลินช์จะมีลักษณะคร่าวๆดังนี้
 -หุ้นโตเร็ว มีน้ำหนักประมาณ30-40 %
-หุ้นแข็งแกร่ง มีน้ำหนัก 10-20%
 -หุ้นวัฏจักร มีน้ำหนัก10-20 %
-หุ้นที่กำลังฟื้นตัวอีกมีน้ำหนัก10-20%
กลยุทธ์การจัดพอร์ตหุ้นของปรมาจารย์ เกรแฮม
เกรแฮมนั้นเน้นการกระจายความเสี่ยงไปในหุ้นหลายๆตัวโดยเฉพาะหุ้นที่มีลักษณะ net nets stock  (หุ้นที่มีราคาต่ำกว่า1/3ของมูลค่าทรัพย์สินหมุนเวียนสุทธิ)ในปี1929 พอร์ตของเกรแฮมมีหุ้นอยู่ถึง75ตัว บางช่วงพอร์ตมีหุ้นมากกว่า100ตัว เน้นว่าให้กระจายไปให้มากเพียงพอที่จะกระจายความเสี่ยง แต่ต้องไม่กระจายไปในความเสี่ยงที่มากเกินไป  
กลยุทธ์การจัดพอร์ตของ ฟิลลิป เอ ฟิชเชอร์ เซียนหุ้นโตเร็วในสไตล์นักสืบ
ฟิชเชอร์แนะนำว่าอย่าเน้นกระจายความเสี่ยงโดยการกระจายการถือหุ้นมากเกินไป อย่าใส่ไข่ในหลายตะกร้ามากเกินไป และอย่าใส่ไข่ในตะกร้าใบเดียวจนไข่ล้นตะกร้าและไม่ได้ดูแลไข่อย่างดีเพียงพอ ต้องคำนึงถึงหุ้นตัวที่ถืออยู่ด้วยเพราะบางบริษัทเป็นลักษณะโฮลดิ้งและบริษัทเองก็มีการกระจายความเสี่ยงไปในหลายๆธุรกิจแล้ว การกระจายความเสี่ยงต้องดูความทับซ้อนหรือแข่งขันกันของธุรกิจที่จะซื้อหุ้นด้วย (ความเห็นของผม เขาคงหมายความว่าเช่นหากถือหุ้น ปตท.แล้วก็ไม่ควรกระจายความเสี่ยงโดยการถือหุ้นปิโตรเคมีอีก หรือกรณี ซื้อทั้ง หุ้นของ scc  และ sccc ซึ่งแข่งขันกัน เป็นต้น) ฟิชเช่อร์แนะนำให้แยกแยะกลุ่มบริษัทและการกระจายความเสี่ยงดังนี้
  บริษัทกลุ่ม A ซึ่งเป็นหุ้นที่โตเร็วและเป็นบริษัทใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งสูง กระจายแบบตัวละ20 %  ไป5บริษัทที่มีความแตกต่างของสินค้า ก็ดูสมเหตุสมผล
บริษัทกลุ่ม B ซึ่งเป็นบริษัทมีลักษณะหุ้นบริษัทใหม่โตเร็วและความเสี่ยงสูง ให้ลงตัวละ8-10 % กระจายไปในบริษัทที่มีความแตกต่างกัน
บริษัทกลุ่มC ซึ่งเป็นบริษัทขนาดเล็กๆ ซึ่งโอกาสอาจได้กำไรมหาศาลและขาดทุนสูญเสียเงินทั้งหมด ควรกระจายความเสี่ยง ไม่เกินตัวละ5% และเงินที่ใช้ลงทุนต้องเป็นเงินเย็นที่สามรถขาดทุนได้ทั้งหมดโดยไม่เดือดร้อน

  นี่ก็เป็นบทเรียนที่รวบรวมมาโพสท์ไว้เผื่อจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยสำหรับนังลงทุนชาววีไอ
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=26032

เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่าควรกระจายการลงทุนในหุ้นกี่ตัว จึงจะเหมาะ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 13, 2010 12:45 pm
โดย VI Wannabe
ขอบคุณครับคุณ stupidvi

เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่าควรกระจายการลงทุนในหุ้นกี่ตัว จึงจะเหมาะ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 13, 2010 1:32 pm
โดย Paul VI
mprandy เขียน:จำนวนหุ้นที่ถือ ไม่เกี่ยวอะไรกับความเหมาะสมในการลงทุน

แต่ละคนมีสไตล์การลงทุนแตกต่างกัน ทำไมต้องจำกัดว่าถือเกินกี่ตัว หรือน้อยกว่ากี่ตัว จึงจะดี

ถือน้อยตัว แสดงว่าผู้นั้นมั่นใจในการลงทุนของตน และมั่นใจในหุ้นที่ถือมาก
ถือมากตัว แสดงว่าต้องการกระจายความเสี่ยง และเน้นความปลอดภัยของตน

แต่ไม่ว่าจะถือกี่ตัว .. สิ่งสำคัญของนักลงทุนคือ หุ้นที่คุณถืออยู่ทุกตัว มันดี หรือไม่ดียังไง ต่างหาก

ลองถามคำถามนี้กับตัวเอง แทนถามเรื่องจำนวนหุ้นที่ถือบ้างหรือยัง :8)
+1

เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่าควรกระจายการลงทุนในหุ้นกี่ตัว จึงจะเหมาะ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 13, 2010 5:05 pm
โดย laohanant
ผมว่า VI พันธุ์แท้ ถือหุ้นไม่มากตัวหรอกครับ

พวกเค้ามีสัญชาติญาณความเป็นผู้ประกอบการ พร้อมกับทำการบ้านมาเป็นอย่างดี พวกเค้าก็จะค้นพบหุ้นชั้นดี ที่ margin of saftey มากๆ
บางครั้งก็อาจพบหุ้นชั้นดีเหมือนกันแต่ margin of saftey ต่ำกว่า เค้าก็ไม่ค่อยอยากจะกระจายพอร์ทออกไปหรอกครับ

ผมว่าปัจจัยเรื่่อง margin of saftey เป็นตัวแปรสำคัญที่จะตอบได้ว่าช่วงเวลานั้นๆ ควรจะถือหุ้นกี่ตัวสำหรับ VI พันธุ์แท้  :wink:

เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่าควรกระจายการลงทุนในหุ้นกี่ตัว จึงจะเหมาะ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 13, 2010 8:12 pm
โดย Artsuro
เริ่มศึกษาและลงทุนมาตั้งแต่ 20 เป๊ะๆ ช่วงนั้นเงินยังไม่เยอะ แต่ดันขยันจัดพอร์ต

ตัวไหนดูว่าดี เห็นว่าใช่ก็ซื้อไปหมด สรุปหลายตัวเกินไปตัวที่ทำกำไรมากๆ ก็ไม่ได้ช่วยดันพอร์ตเท่าไหร่

ใครบอกตัวไหนว่าดี พอเริ่มสนใจก็ซื้อๆเก็บๆ ตัวไหนดู pe / eps ว่าน่าสนก็เก็บอีก เล็กๆน้อยๆ แทบจะไม่ส่งผลต่อพอร์ตรวม

มาตั้งแต่ต้นปีนี้ .. หัดวิเคราะห์มากขึ้น ได้รับความคิดเห็นของคนอื่นมา ก็เลือกที่เข้าใจและมั่นใจมากที่สุด

เน้นน้อยตัวที่สุด และถ้าหากอ่านข้อมูลแล้วไม่เข้าใจก็ไม่เข้าซื้อ .. ลดความผิดพลาดและความโลภไปได้เยอะครับ

ปีนี้ตั้งแต่ต้นปีเลยถือ ครั้งละหนึ่งตัวเท่านั้น .. พอร์ตเล็กๆ สภาพคล่องแทบจะไม่มีผลเลย แต่หากเราเข้าถูกจังหวะในหุ้นพื้นฐานดี อนาคตเติบโตหรือ turn around ผลกำไรจะออกมาดีมากครับ

เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่าควรกระจายการลงทุนในหุ้นกี่ตัว จึงจะเหมาะ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 13, 2010 8:18 pm
โดย Warantact
ผมกดตอบไป9ตัวอัพ

แต่ตอนนี้ถืออยู่2ตัว

เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่าควรกระจายการลงทุนในหุ้นกี่ตัว จึงจะเหมาะ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 14, 2010 11:23 am
โดย rOlita
ถืออยู่ 4 ตัวครับโดยให้น้ำหนักไปที่ 2 ตัวครับ

เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่าควรกระจายการลงทุนในหุ้นกี่ตัว จึงจะเหมาะ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 14, 2010 4:53 pm
โดย เจบีเดล
ผมมี 15 ตัวแต่ละตัวก็ถือยาว แต่ที่เป็นพระเอกก็มีสัก 8 ตัว จะทำงานดีมมาก
ส่วนพระรองมี4-5ตัว ส่วนผู้ร้าย3-4 ตัว รอเวลากำจัดจุดอ่อน

เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่าควรกระจายการลงทุนในหุ้นกี่ตัว จึงจะเหมาะ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 14, 2010 9:44 pm
โดย zuikeaizhu
Paul VI เขียน:
mprandy เขียน:จำนวนหุ้นที่ถือ ไม่เกี่ยวอะไรกับความเหมาะสมในการลงทุน

แต่ละคนมีสไตล์การลงทุนแตกต่างกัน ทำไมต้องจำกัดว่าถือเกินกี่ตัว หรือน้อยกว่ากี่ตัว จึงจะดี

ถือน้อยตัว แสดงว่าผู้นั้นมั่นใจในการลงทุนของตน และมั่นใจในหุ้นที่ถือมาก
ถือมากตัว แสดงว่าต้องการกระจายความเสี่ยง และเน้นความปลอดภัยของตน

แต่ไม่ว่าจะถือกี่ตัว .. สิ่งสำคัญของนักลงทุนคือ หุ้นที่คุณถืออยู่ทุกตัว มันดี หรือไม่ดียังไง ต่างหาก

ลองถามคำถามนี้กับตัวเอง แทนถามเรื่องจำนวนหุ้นที่ถือบ้างหรือยัง :8)
+1
+2

เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่าควรกระจายการลงทุนในหุ้นกี่ตัว จึงจะเหมาะ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 14, 2010 10:03 pm
โดย Paul Octopus
ผมเน้นที่กลุ่มอุตสาหกรรม มากกว่าจำนวนชนิดของหุ้นครับ
ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราคิดว่ามัน OK ในช่วงเวลาที่เรากำหนด เราอาจถือหลายตัวก็ได้เพื่อกระจายความเสี่ยง อันเกิดจากการรับรู้ข้อมูลที่มีจำกัด โดยเฉพาะคุณภาพของผู้บริหารของแต่ละกิจการ
เช่นถ้าเราคิดว่ากลุ่มยานยนต์จะเติบโตได้ดีต่อจากนี้อีก 5 ปี เราสามารถถือหุ้นได้ 2-3 กิจการ (แต่ให้น้ำหนักมากน้อยไม่เท่ากันขึ้นกับการวิเคราะห์อย่างละเอียดของเรา)

ส่วนตัวผมถือกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็น Mega-trends ในอีก 5-20 ปี อยู่ 3-4 กลุ่มอุตสาหกรรมครับ

เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่าควรกระจายการลงทุนในหุ้นกี่ตัว จึงจะเหมาะ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 15, 2010 2:44 pm
โดย Nevercry.boy
ตามจริงอยากตอบว่า 3 ตัวครับ แต่ไม่มีให้เลือก

ผมพยายามลดลงให้เหลือน้อยกว่านั้น เลยเลือก 1-2 ตัว

ตามจริงอยากตอบว่า

ถือหุ้น 2 ตัว และ 1 ในสามที่เหลือ เป็นเงินสดครับ

วิเคราะห์ดีให้ตายยังไง เผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ก็ดี ถ้าหุ้นวิ่งแรง 2 ใน 3 ของเงินก็เหลือแหล่

ถ้าพลาดยังมีไม้สุดท้าย

เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่าควรกระจายการลงทุนในหุ้นกี่ตัว จึงจะเหมาะ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 15, 2010 10:40 pm
โดย กล้วยทอด
Skyforever เขียน:
Blueblood เขียน:จนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังเชื่อว่าถ้าเรามีหุ้นที่วิเคราะห์มาดีที่สุด รู้ความเสี่ยงทั้งหลายดีแล้ว เราสามารถถือตัวเดียวได้ครับ แต่เพิ่มอีกเงื่อนไขนึงซึ่งเมื่อก่อนผมไม่ได้ให้ความสำคัญมากคือสภาพคล่องต้องเพียงพอโดยส่วนตัวผมมองว่าควรที่จะขายให้หมดได้ภายในวันเดียวโดยที่ราคาหุ้นไม่ลดลงมาก เช่น เกิน 5% ครับ ถ้าสภาพคล่องไม่เพียงพอจึงจะเริ่มกระจายพอร์ตไปตัวที่สองที่ดีที่สุดถัดมา ถ้ากระจายไปตัวที่สองแล้วยังมีเงินเหลือจากปัญหาสภาพคล่องของหุ้นตัวนี้อีกก็ค่อยกระจายไปตัวที่สามอย่างนี้ไปเรื่อยๆครับ

ป.ล. แต่ถ้าช่วงเวลาใดหาหุ้นที่ดีที่สุดตัวเดียวไม่ได้แต่เจอหลายๆตัวความเสี่ยงและผลตอบแทนพอๆกัน ก็กระจายได้ครับ :)
เห็นด้วยทุกประการครับ