Thai VI

ถาม 3-5 ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมกลุ่มไหนมาแรง ผมตอบไม่ถูกอ่ะครับ แต่ถ้าคิดถึงว่าถือไปอีก 3-5 ปีข้างหน้า แล้วยังคงดีอยู่ ขอเดาธุรกิจที่เกี่ยวกับ สภาพอากาศ การสื่อสาร และก็อินเตอเน็ตละกันครับ  :lol:  :lol:  :lol:

ส่วนตัวผมชอบธุรกิจ finance รายย่อย ที่หนี้นอกระบบมีเต็มเมืองเพราะไม่มีธุรกิจที่ปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าแบบ sub-prime ลูกค้าบุคคลนี่ยังไงๆ NIM ก็ดีกว่าพวก Big Corp แถมกระจายความเสี่ยงได้ดีด้วย ที่ต้องระวังคือหนี้เสียที่ถ้าคนตกงานมากๆ หรือ รากหญ้าไม่มีเงินก็จะ ชักดาบ กันโช้งเช้ง

ถ้ามองว่า ตอนนี้ เป็นช่วง ที่เรากำลังฟื้น จากวิกฤตเศรษฐกิจ
คิดว่า เศรษฐกิจ คงถึงช่วง peak ในอีก ห้าปี ดังนั้น
ธุรกิจ ที่เกี่ยวกับ สินค้าฟุ่มเฟือย น่าจะกลับมาได้

เพิ่งอ่านเรื่อง peak oil ของพี่สุมาอี้ มา

ขอเสนอ  พวกกลุ่ม  ธุรกิจ พลังงานทางเลือก  ครับ  

จินตนาการเอานะครับ
- พลังงานทดแทน
- ธุรกิจที่ช่วยลดโลกร้อน (จะมีมั้ยนะ) เห็นล่าสุดทั่วโลกกำลังโปรโมตเรื่อง Credit CO2
- IT ที่เกี่ยวกับกับพวกสำหรับผลิต 3D,4D

[quote="Paul VI"][quote="สามัญชน"]ชอบกระทู้แบบนี้จังครับ
ย้ายเข้าห้องคลังกระทู้คุณค่านะครับ

ผมว่าน่าจะเป็นพวก industry ที่กำลังจะ turn around กลับมา เช่น เรือ ท่องเที่ยว นิคมต่างๆ

ส่วนที่น่าจะเติบโตได้ดี ก็น่าจะยังเป็นพวก technology: IT, Social Network, E-Commerce (มีใครรู้บ้างว่าตัวไหนอยู่ไหนข่ายนี้บ้างครับ  :lol: )

ส่วน อสังหา ผมว่ากำลังจะอิ่มตัวครับ (ผมหมายถึงพวก ที่อยู่อาศัยและคอนโด) เพราะผมเคยทำ research ตอนเรียน เกี่ยวกับอสังหาครับ แต่ข้อมูลตอนนั้นที่ผมมี อาจจะเก่าไปแล้วก็ได้ครับ

ยังไงก็ช่วย comment หรือแนะนำได้นะครับ

สร้างตัวตนที่อยากเป็น ขนาดลูกผม 10 ขวบยังออนไลน์ทุกวัน

 :D ลูกสาวผมตอนเรียนอนุบาล2 ครูเริ่มสอนภาษาอังกฤษ เป็นคำๆ พอกลับมาบ้านเราก็ถามเลย
อาย  ตรงไหนชี้สิ  ลูกสาว  ชี้ที่ ตา
เอีย  ตรงไหนชี้สิ  ลูกสาวชี้ที่ หู
เม้า  ตรงไหนชี้สิ  ลูกสาว เอานิ้วชี้ขึ้นมากระดิก แล้วบอกว่า คลิ๊กๆ

ฮา เลย ทั้งบ้านขำกันใหญ่  ทำให้เห็นถึงอิทธิพลของคอมพิวเตอร์เลยครับ

ผมขออนุญาตเสนอความเห็นบ้างนะครับ
...เห็นด้วยกับคุณพี่leaderinshadowและขออนุญาตเสริมนะครับ กลุ่มที่คุณพี่ว่ามาน่าจะเรียกรวมๆได้ว่า GREEN BUSINESS ไม่ว่าจะเป็น

...green energy เช่น พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานแดด พลังงานชีวมวล พลังงานต่างๆนานาอีกเยอะแยะ
..., green product เท่านึกออก เช่น พวกเม็ดพลาสติกที่ย่อยสลายได้เร็วขึ้น(น่าจะทำมากจากน้ำตาล แป้งข้าวโพด ฯลฯ)
..., green food อาหารต้องผลิตจากฟาร์มปลอดสารพิษประเทศที่นำเข้าอาหารจำพวกนี้เป็นประเทศรำรวยมากและใส่ใจสุขภาพของประชาชนในประเทศ ดังนั้น ต่อไปผมคิดว่าธุรกิจที่เกี่ยวกับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชจะค่อยๆหายไป    (ขอมองในมุมกลับตามหัวข้อกระทู้นะครับ แล้วอีก 3-5 ปี ธุรกิจอะไรจะ out trend)
  สรุปไอ้พวก green ทั้งหลายแหล่น่าจะมา และเป็นเมกะเทรนได้

...อ่อ มีอีก ที่พอนึกออกก็พวกยารักษาโรคต่างๆคนจะใส่ใจยาสมุนไพรที่ผลิตจากพืชพรรณธรรมชาติบริสุทธิ์มากขึ้น พวกยาที่ผลิตจากเคมีถ้าเลี่ยงได้ก็น่าจะเลี่ยงกัน และอีกอย่างก็พวกอาหารสุขภาพ เคยอ่านเจอว่าถั่วเหลืองมีคุณค่าทางอาหารสูงมาก เอามาผลิตอาหารสุขภาพได้ดีมีประโยชน์เชียว

ถ้าสนใจลองไปหาอ่านใน macro trend ของธรรมศาสตร์ดูนะครับ ปกเล่มสี น้ำตาลๆ

คิดว่าพวกแบตเตอร์รี่ของอุปกรณ์พกพาต่างๆ ซึ่งคงจะเข้าสู่เจเนเรชั่นใหม่ที่จะต้องโละแบตฯแบบเดิมเช่น NiMH หรือ Litium ออกไปเลยเพราะว่าของใหม่จะดีกว่ามากๆ

1.Green Energy & product
2.Healthy product & services
3.Modern Convenient Lifestyles & Modern Trades

ปล.มั่นใจครับ   รอเวลาเป็นตัวเฉลยละกัน

ดูจาก  cnbc  ตอนที่  warren  และ bill gate ไปพูดให้นักศึกษา  ม.โคลัมเบียฟัง

นักศึกษาถาม..ถ้าไม่ทำธุรกิจอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้จะทำอะไร

ตอบ  clean energy  ออกแนว  green business และการทำวิจัยเกี่ยวกับสุขภาพ  เนื่องจากมีความต้องการมาก

คงจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพและการรักษ์โลกนะ เพราะมีคนแก่เยอะขึ้น แล้วช่วงหลังนี่ภัยพิบัติต่างๆ ก็ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี น่าเป็นห่วงมาก

ผมมองว่า โลกในปัจจุบันและอนาคต   มนุษย์ต้องมีการติดต่อสื่อสารกันมากขึ้นไปเรื่อยๆ  เหมือนกับการเสพติดข้อมูลข่าวสาร ที่ต้องมีความหลากหลายและรวดเร็ว  และสามารถตอบสนองความต้องการได้
            กลุ่มธุรกิจที่  ให้บริการเกี่ยวกับการรับส่งข้อมูลข่าวสาร ผ่านทาง อินเตอร์เน็ต ทั้งแบบใช้สายและไร้สาย  น่าจะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในเมืองไทย เพราะว่า จำนวนผู้ใช้บริการยังมีจำนวนน้อยอยู่

คิดว่าธุรกิจ it ครับ กับพลังงานทดแทน และอาหารแนวเพื่อสุขภาพครับ

ธุรกิจกำจัดขยะ + รีไซเคิล
ธุรกิจโรงพยาบาล
กลุ่มที่ได้ผลประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีมาบริหารจัดการพวก กลุ่มห้างค้าปลีก ขนส่ง รวมไปถึงธุรกิจการเกษตรด้วย

และถ้าประเทศเรายังไม่พัฒนาระบบการศึกษาอยู่อย่างงี้ ธุรกิจติวเตอร์น่าจะดีมั่กๆ คร้าบ

เรือตู้
สาธรณูปโภค น้ำและไฟ
ยานยนต์น่าจะไปต่อได้
โรงพยาบาล
อาหาร ทั้งคนและสัตว์ (โลกร้อน)

สุดท้ายก็ต้องกลับมาที่พลังงานอยู่ดี ไม่ว่าน้ำมันหรือถ่านหิน

1. ถ่านหิน
2. แก๊ส
3. พลังงานทางเลือก

ในความเห็นผม สภาพอากาศเริ่มแย่แล้ว
ผลผลิตการเกษตรจะเริ่มขาดแคลน
ธุรกิจการเกษตรน่าจะได้รับอานิสงค์

อ้อ แล้วก็ peak oil อีกอย่าง
แต่จะกี่ปีเนี่ยสิ

เทรนด์อุตสาหกรรมน่าจะเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มขึ้นมาคงเป็นพลังงานสะอาด อิอิๆๆ

jo7393 เขียน:

ผมว่ายังไงก็น้ำมัน เพราะยังไงน้ำมันก็จะหมดโลกอยู่ดี
อีกอันก็คือพลังงานสะอาดน่าจะมาแรง แต่ในบ้านเราคงต้องใช้เวลานานกว่านี้

คิดไรมากมาย

มีดโกนหนวด รวยก็ซื้อแบบหลายใบมีด จนก็แบบประหยัด ใช้ได้จนแก่ ต้องซื้อใบมีดเปลี่ยนตลอด กระแสเงินสดดี มีผลทางภาพลักษณ์ต่อบุคลิค ในการทำงาน และการศึกษาและวัฒนธรรม

กับ สินค้าคอมโมดิตี้ เพิ่มมูลค่า และประสิทธิภาพ

แถมธุรกิจติวเตอร์ ไว้แข่งกันในโลกทุนนิยม

ส่วนตัวผมคิดว่าธุรกิจที่ขายสินค้าที่อิงเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพและปลอดภัยไร้สาร คิดออกแค่นี้ก่อนครับ

การเปิดเสรีต่างๆจะมีผลกระทบกับหุ้นกลุ่มอะไร มากน้อยแค่ไหนครับ?

ส่วนตัวผมคิดว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์น่าจะไปได้ดีในระยะ 2-3 ปีข้างหน้านะครับ ทั้งด้านการส่งออก (รถยนต์เป็นคันและชิ้นส่วนยานยนต์)รวมทั้งยอดขายรถยนต์ในประเทศด้วย
ปล แค่ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่มีผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น ^^

น่าจะเป็น
internet
เพราะรูปแบบการใช้ชีวิตในอนาคตจะอาศัย internet ทั้งหมด

modern trade และ shopping mall
เพราะรูปแบบการดำรงชีวิตจะเน้นความสะดวกสบายมากขึ้น เน้น one stop shop ที่ทุกคนสามารถทำกิจกรรมทุกอย่างได้

ผมขอเดา

PROF บริการเฉพาะกิจ

ไม่รู้สิ เขาคงอยากอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมมากขึ้นล่ะมั้ง

^ ^