Thai VI

ขอบคุณคับ:)

[quote="chatchai"]
คนที่มีความพยายามก็ประสบความสำเร็จจากการลงทุนให้เห็ฯมาหลายคนแล้ว

ไม่คิดจะอ่าน ลงทุนไปพอหมดตัว -----> การเล่นหุ้น = การพนันของคนรวย
-_-'

56-1 มีข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเกือบทุกๆอย่างที่เราสามารถหาข้อมูลได้  ทำให้เข้าใจบริษัทนั้นเป็นภาพรวม  แม้แต่โครงการในอนาคต ก็ทำให้เราติดตามข้อมูลกว้างๆได้
แต่หลังๆ ผมชอบอ่าน 69-1 ด้วยครับ มีใครชอบอ่าน 69-1 บ้างยกมือหน่อย

เล่นหุ้นก็เหมือนเราเป็นนายทุนลงทุนทำกิจการอะไรซักอย่างหนึ่ง อ่าน 56-1 ให้เข้าใจ พอชอบใจก็โยนเงินให้มืออาชีพ(รืเปล่า)ทำไป 3 เดือนเรามาดูผลงานที ไม่พอใจก็ขายหุ้นไปซื้อตัวอื่น  สำหรับเรื่องอ่านงบแล้วไปซื้อหุ้นก็ถือว่าสบายมากแล้วนะครับ เคยทำกิจการส่วนตัวลำบากกว่านี้เยอะมีเรื่องให้ปวดกระบานเต็มไปหมดทั้งเรื่องคน เรื่องงาน ลูกค้า มีปัญหาอะไรก็กรู

[quote="chatchai"][quote="jo7393"]ผมว่ามันอ่านสนุก ว่าอ่านงบการเงินตั้งเยอะ
และขนาดงบการเงินที่พยายามอ่านให้สนุก(แต่จริงๆแล้วไม่สนุก แถมดูมากๆตาลายอีก)

คุณ Sorgios ครับ
"โดยเฉพาะ 56-1 ผมชอบอ่าน part E ที่เป็นสรุปกิจการ
อ่านแล้วเพลินมากๆเลย"

part E มันอยู่ตรงไหนครับ ไม่เห็นมีเลย

ทำอย่างไรถึงจะเปิดอ่านได้อย่างต่อเนืองครับ

part E เป็นส่วนอธิบายลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัทครับ ถ้าอ่านส่วนนี้แล้วยังไม่เข้าใจตัวธุรกิจ ก็เปลี่ยนไปดูบริษัทอื่นได้เลย แสดงว่าไม่อยู่ในขอบเขตความรู้ของเรา :lol:

ที่จริงเอกสารหนาๆ นี่ก็ไม่จำเป็นต้องอ่านทุกหน้าหรอกครับ เอาเฉพาะส่วนหลักๆก็พอ
เพียงแต่ตอนที่เริ่มอ่านใหม่ๆกันนั้น เราไม่รู้ว่าตรงไหนมันสำคัญไม่สำคัญ ก็ต้องทนอ่านผ่านๆไปก่อน ทนหน่อยครับ พอได้อ่านบ่อยๆ เดี๋ยวก็รู้เองครับว่าควรอ่านจับประเด็นไหนก่อนไหนหลัง

ที่สำคัญ ยิ่งถ้าได้อ่านเอกสารย้อนหลังไปอีก เอาแค่ซัก 2-3 ปีก็ได้แล้วดูงบการเงินประกอบไปด้วย เป็นการตรวจสอบผู้บริหารไปด้วยครับว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ว่าทำได้ตามที่พูดไว้ หรือ "โม้" มากกว่าครับ

อ่านเยอะๆ คิดมากๆ แล้ว ซื้อ-ขาย น้อยๆ ครั้งครับ  :)

ตนเป็นที่ผึ่งแห่งตนเราต้องศึกษานะครับหลายๆครั้งข้อมูลพวกนี้จะสามารถบอกอนาคตของหุ้นตัวนั้นๆได้ จะได้เห็นว่าเงินของบริษัทใช้อะไรบ้าง
-ข้อมูลพวกนี้เสมือนแสงไฟส่องอนาคตของหุ้นที่เราจะถือ
-เราต้องรู้ข้อมูลบริษัทให้เยอะที่สุด
-พฤติกรรมการค้นหาติดตามข้อมูลจะบ่งบอกอนาคตของท่านว่าจะรุ่งหรือร่วง

ดู opp day ก้อได้ครับไม่ต้องอ่าน
ได้ข้อมูลบ้าง แล้วค่อย 56-1 ก้อไดครับ
http://202.44.53.250/setweb/#

ผมก็พยายามอ่าน 56-1อยู่ครับ
เพื่อให้ทราบรายละเอียดมากขึ้น จะได้ไม่หลงไปตามราคาหุ้นคนอื่นๆ

ผมว่าการอ่าน 56-1 เป็นการเปิดสมองและได้มุมมองใหม่ ๆ ในการมองธุรกิจด้วยครับ ผมว่ายิ่งมือใหม่ ๆ (อย่างผม) การอ่าน 56-1 ทำให้เรารู้โครงสร้างของธุรกิจ รวมถึงจุดแข็ง จุดอ่อน และมุมมองที่บางครั้งเราไม่ได้สนใจมากนัก และถ้าเราเป็นคนที่ทำธุรกิจด้วยละก็ สามารถนำเอามุมมองนี้เอาไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจเราเองได้ด้วย (ได้ประโยชน์สองต่อ) และ สุดท้ายผมว่า 56-1 เป็นยานอนหลับชั้นดีด้วยครับ เอาไปอ่านก่อนนอนทำให้หลับสนิท แถมบางครั้งเก็บเอาไปฝันเป็นตุเป็นต่ะ มันสุด ๆ เลยครับ

ถ้าไม่อ่าน 56-1 หรือรายงานประจำปี แล้วเราจะเข้าใจ business model ของกิจการมั๊ยเนี่ย

ผมเป็นคนหนึ่่งที่เลือกหุ้นใช้เวลานานมาก เพราะพยายามเข้าใจ 56-1 และหาข้อมูลเพิ่มเติม อ่านไปเรื่อย ๆก็เจอข้อติ ข้อเสีย เพิ่มเรื่อย ๆ เลยหาหุ้นไม่ค่อยได้ซะที  :lol:

เมื่อก่อนผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า 56-1 คืออะไร อยากหาข้อมูลบริษัทฯ ก้อไม่รู้หาจากไหน
ผมจำได้เล่นหุ้นช่วงแรก บางตัวซื้อเพราะมีคนเชียร์ บางตัวซื้อเพราะ เห็นว่าขึ้นเร็ว
แต่ตอนที่ผมถือหุ้นเหล่านี้นั้น ผมรู้สึกมันโล่งๆ ยังไงไม่รู้ พอ set ลงทีก้อตกใจขายที
พอ set ขึ้นก้อซื้อตาม เป็นอย่างนี้สัก 2-3 ครั้ง รุ้สึกว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป หมดตัวแน่ตู
ก้อเลยถามตัวเองว่าทำยังไงดี พอดีมาเจอ เว็บ thaivi ได้อ่านที่เหล่าเซียนเค้าpost ไว้
ถึงหลักในการดูหุ้น ถึงเพิ่งมารู้จัก 56-1 เนี่ยแหละ ว่ามันสำคัญแค่ไหน
ตอนนี้เวลาผมลงทุนหุ้นตัวไหน ไม่รู้สึก โล่งเหมือนแต่ก่อนแล้วละครับ

ผมชอบอ่าน สรุป ตอนปลายไตรมาส ที่บริษัทเขาเสนอต่อ set นะครับ สั้นเร็ว อ่านแล้วเข้าใจว่าทำไมเขาขาดทุน หรือกำไรไตรมาสนั้นๆ 56-1 ผมก็อ่านนะแต่อ่านผ่านๆเร็วมากๆ แต่เน้นตรงปัจจัยความเสี่ยง ส่วนงบการเงินไม่ดูเลยมันเยอะ ดูแต่ตรงอัตรส่วนทางการเงินที่เขาสรุปไว้แล้ว

แนะนำให้ลองฝึกเทคนิคการอ่านเร็วดูนะครับ
หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามเวบ หรือหนังสือก็มีวางขายครับ

ถ้าฝึกง่ายๆ ก็ลองนึกถึงการมองภาพถ่าย
เรามองภาพปุ๊บเรารู้ได้เลยว่าอะไรเป็นอย่างไร
เวลาอ่านหนังสือก็เหมือนกันครับ อย่าอ่านในใจ
ให้มองเหมือนกับเวลาเราดูภาพถ่าย
สมองเรามีประสิทธิภาพครับ สามารถแปรสิ่งที่เราเห็น
เข้ามาประมวลผลได้เลยโดยการมอง
เทียบได้กับการมองคือความเร็วแสง
การอ่านในใจ หรือออกเสียง ก็แค่ความเร็วเสียง
ต่างกันมากเลย

ช่วงแรกๆ ก็มองดูทีละคำสองคำก่อน ต่อมาถ้าทำได้
เป็นกลุ่มคำ ก็ให้มองไปทีละกลุ่ม พร้อมๆกับนับตัวเลข 1-10
ตามกลุ่มที่เรามองไปทีละกลุ่ม การนับ 1-10
ไปด้วยจะทำให้เราไม่อ่านในใจ
มันจะฝืนๆหน่อยนะคับ แต่ถ้าทำได้จะเป็นประโยชน์มากเลย
ต่อไปก็สามารถอ่านได้ทั้งประโยคเลย บางคนเก่งๆอ่านได้ทั้งย่อหน้า
บางคนอ่านได้ทั้งหน้าเพียงแค่มองปราดทีเดียว

แต่สำหรับนักลงทุนที่ต้องอ่านข่าวสาร ข้อมูล บทความ บทวิจัยต่างๆ
เราเอาแค่อ่านเร็วขึ้น และเข้าใจด้วย ก็เป็นประโยชน์มากแล้วครับ
จะประหยัดเวลาไปเยอะทีเดียว และจะไม่เหนื่อยมาก
แต่ต้องทำไปเรื่อยๆนะครับ จะเห็นผลเอง
ถ้าทำได้ดีนะครับ ผมคิดว่าจะสามารถอ่าน แบบ 56-1 วันนึง 8 ชั่วโมง
ได้ประมาณ 5-10 บริษัทเลยนะครับ และอย่างเข้าใจด้วย

หวังว่าคงมีประโยชน์นะครับ

akekarat เขียน:ตื่นตี 5 อาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน กลับถึงบ้าน 2 ทุ่ม เพื่อเงินเดือนละไม่กี่หมื่น ไม่เสียเวลา
แต่อ่านเอกสารแค่ไม่กี่ชั่วโมง เพื่อผลตอบแทนการลงทุนเป็นหมื่นเป็นแสน บอกเสียเวลา !!

ก็ปล่อยเค้าไปเถอะครับ

โดนเต็ม ๆ สำหรับความเห็นนี้ครับ เพราะว่าทุกวันนี้ยังคงดำเนินชีวิตอย่างนี้อยู่เลย เอาไว้เมื่อไหร่ที่พอร์ทการลงทุนโดยเฉพาะเงินปันผลมากกว่าเงินเดือน คงจะทำให้ play body ได้บ้าง  :lol:

ผมเองก็ยังคิดว่าการอ่าน 56-1 นี้มีผลทั้งสองด้าน ด้านดีคือทำให้เรารู้ว่าเค้าทำหาค้าขายยังไง มีอะไรที่เสี่ยงบ้าง มีโครงสร้างของบริษัทและการบริหารอย่างไร เงินทุนมาจากไหน สินทรัพย์อะไรบ้าง มีแนวคิดขยายโครงการหรือเปล่า มี CG แค่ไหน หรืออาจจะเป็นมี VI ท่านใดถือหุ้นหรือเปล่า  :lol:

ด้านด้อยก็คือบางครั้งอาจจะทำให้เราใช้เวลานานในการตัดสินใจยิงครับ  :lol: บางท่านอาจจะแย้งว่าเออหุ้นดีซื้อเมื่อไหร่ก็ได้ ซื้อทางไปรษณีย์ยังทัน ผมว่าบางคนอาจจะไม่คิดอย่างนั้น เพราะว่าอะไรเหรอครับ เพราะว่ามนุษย์เรามี bias ครับ เราจะจดจำราคาที่ต่ำนั้นไว้แล้วก็รอจนกว่าราคานั้นจะกลับมา ซึ่งจากที่เห็นมานะครับหุ้นดี ขอย้ำว่าหุ้นดีราคามักจะแพงขึ้นเสมอ ตัวอย่างที่เห็นชัดก็ ร้านสะดวกซื้อน่าปากซอย ที่ทำให้หลายท่านพลาดไป

[quote="chatchai"][quote="jo7393"]ผมว่ามันอ่านสนุก ว่าอ่านงบการเงินตั้งเยอะ
และขนาดงบการเงินที่พยายามอ่านให้สนุก(แต่จริงๆแล้วไม่สนุก แถมดูมากๆตาลายอีก)

เพิ่มอีกลิงค์ครับ
http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fi ... find56.php

เพิ่งได้เริ่มอ่าน 56-1 ของหุ้น 2 ตัวที่ถืออยู่ในปัจจุบัน
ก็รู้สึกว่า มันกว้างๆอ่านไป ก็ยังไม่สามารถเห็นภาพอะไรได้แบบคนเก่งๆที่อ่านแล้วสามารถผูกสมการความสัมพันธ์ต่อยอดในการลงทุนได้

แต่อย่างน้อยก็ทำให้เข้าใจภาพธุรกิจที่เราลงทุนมากขึ้น ได้ความผูกพัน
รู้จักผลิตภัณฑ์ทั้งหมด รวมถึงความเสี่ยง ที่คิดว่ามีประโยชน์ต่อผู้ลงทุนครับ

ตอนนี้ตั้งใจจะอ่าน 56-1 ของหุ้นที่ลงทุนให้ครบ และคิดว่าต้องมีประโยชน์แน่นอนครับ

โดยส่วนตัวแล้วผมมีปัญหากับ 56-1 เหมือนกัน (ไม่ใช่เพราะขี้เกียจ จริงขี้เกียจก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง) แต่เพราะบริษัทเล็กๆ หรือ บริษัทใหญ่ๆที่ชอบทำตัวเล็กๆ จัดทำข้อมูลใน 56-1 มาค่อนข้างน้อยโดยเฉพาะส่วน MD&A อธิบายงบการเงิน อ่านแล้วเหมือนว่าพูดในสิ่งทั่วๆไปในที่บางทีมันก็เป็นสามัญสำนึก กำไรเพิ่มเพราะยอดขายเพิ่มเท่านี้ แต่ค่าใช้จ่ายเพิ่มน้อยกว่า อะไรงี้ซึ่งดูงบเอาก็รู้ (โดยเฉพาะ 56-1 ของบริษัทที่เข้าตลาดมานานๆแล้ว หรือบริษัทเล็กๆ เงียบๆ คนไม่ค่อยรู้จักไม่ค่อยมีนักวิเคราะห์เขียนถึง ซึ่งมันก็ดันเป็นบริษัทที่กลุ่ม VI ชอบสนใจกันอีก) ซึุ่งเข้าใจว่าอาจจะเป็นเพราะบางบริษัทก็ไม่อยากเปิดข้อมูลมากกลัวคู่แข่งรู้ บางบริษัททีมงานที่จะมาจัดทำ 56-1 ทุกปีนั้นอาจจะไม่ได้มีหน้าที่เป็น IR โดยเฉพาะทำให้ไม่มีเวลามากมาจัดทำ หรือ ไม่มีความเป็นมืออาชีพนัก .... ส่วนพวกบริษัทใหญ่ๆ ส่วนมากจะทำได้ค่อนข้างดี จนบางทีข้อมูลเยอะมากจนขี้เกียจอ่าน...

ใครรู้สึกว่าอ่าน 56-1 แล้วข้อมูลน้อยไป ลองไปหา Filing เก่าของบริษัทมาอ่านดูจะได้ข้อมูลที่ละเอียดกว่ามาก (ถ้ายังสามารถหาได้) จนบางทีแอบคิดว่ามันจะเขียนอะไรของมันนักหนา

พอดี search หากระทู้เก่าๆอ่าน เจอกระทู้ของตัวเองเค้า ผ่านมา 2 ปีแล้ว...

ก็ยังขอยืนยันว่า ถ้ายังรักการลงทุนแนวพื้นฐาน ยังไงการอ่าน 56-1 กับรายงานประจำปีก็เป็นสิ่งจำเป็นอยู่ดีอ่ะน่ะ

ยิ่งปัจจุบัน อาจจะไม่พอแล้วด้วย เดี๋ยวนี้นายตลาดเก่งขึ้นเยอะมากกกก (หรือป่าว )

ถ้าไม่อยากดู 56-1 ก็สามารถดูOpp Day เกริ่นนำก่อนก็ได้น่ะครับ

firstee เขียน:ถ้าไม่อยากดู 56-1 ก็สามารถดูOpp Day เกริ่นนำก่อนก็ได้น่ะครับ

ผมชอบฟัง opp day นะคับ แต่ 56-1 ส่วนใหญ่อ่านในไหนกันคับ พิมพ์ออกมาหรืออ่านกันในเครื่องเพราะมันเยอะมาก
จะอ่านบทไหนเป็นหลักครับ ปกติข้อมูล 56-1 จะออกทุกปีหรือเปล่าคับ ส่วนใหญ่ผมชอบอ่านรายงานประจำปี ตัวไหนที่สนใจก้อซื้อไปก่อน 100 หุ้น 555 อยาก load 56-1 มาอ่านเลยเล็ง I-pad ไว้ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ ที่ใช้อยู่ ok มั้ยคับ

อ่าน 56-1 เป็นอะไรที่คุ้มเวลามาก คุ้มกว่าแกะงบซะอีก และใช้เวลาน้อยกว่าดู Oppday
เพราะงบการเงินอีกไม่นานก็จะกลายเป็นข้อมูลเก่า แต่ 56-1 เป็นตัวตนของบริษัท...อย่างน้อยๆก็อีกหลายปี
ผมตั้งใจจะอ่าน 56-1 ทั้งตลาด แรกๆฟิตอ่านได้วันละหลายบริษัทหลังๆชักจะช้าลง เลยเพิ่งอ่านได้ 173 บริษัท

56-1, รายงานประจำปี ต้องออกทุกปีครับ ยิ่งเดี๋ยวนี้ผมว่าถ้าได้รายการการประชุมผู้ถือหุ้นด้วย ก็ดีครับ
เพราะมีคำถามดีๆ ที่ผู้ถือหุ้นได้เข้าไปประชุมถามให้ผู้บริหารชี้แจงไว้ด้วย ส่วนมากก็เป็นประเด็นที่นักลงทุนสนใจกันทั้งนั้น

ถ้าเราพอเข้าใจตัวธุรกิจแล้ว จะสามารถต่อยอดการอ่านงบการเงินได้นะครับ อย่างน้อยก็รู้แล้วว่ารายการไหนที่เป็นนัยสำคัญ
ที่ควรจะดูเป็นพิเศษ เช่นธุรกิจปล่อยสินเชื่อ ก็ต้องเน้นดูที่หนี้สูญ อายุลูกหนี้เป็นต้น หรือควรจะไปหาข้อมูลส่วนไหนเพิ่มเติม