Thai VI

ขอบคุณครับ

ขอบคุณมากครับ  

ขอบคุณคร้าบบบ  

ไม่ทราบท่านผู้เข้าร่วมอบรม
ไ้ด้ download เอกสารประกอบ
ประมาณ power point ที่อาจารย์พิมพ์
หรือ หนังสือการวิเคราะ์์ห์ ที่อาจารย์แต่งยังไม่เสร็จแต่จะให้อ่านก่อน

ใครทราบว่า download ได้ที่ไหน รบกวน ด้วยนะครับ

ขอบคุณล่วงหน้า

unnop.t เขียน:ขอบคุณครับ

หนังสือของตลท เล่มนี้น่าจะมีรายละเอียด และตัวอย่าง ยังไม่ได้ซื้อเหมือนกัน

http://www.setfinmart.com/shop.do?cID=5&pID=177

ขอบคุณมากครับ คงต้องไปหามาอ่านแล้ว ^^

ขอบคุณครับ

gappom เขียน:ไม่ทราบท่านผู้เข้าร่วมอบรม
ได้ download เอกสารประกอบ
ประมาณ power point ที่อาจารย์พิมพ์
หรือ หนังสือการวิเคราะห์ ที่อาจารย์แต่งยังไม่เสร็จแต่จะให้อ่านก่อน

ใครทราบว่า download ได้ที่ไหน รบกวน ด้วยนะครับ

ขอบคุณล่วงหน้า

คุณวิชาญมาโพสต์บอกไว้...จากอีกกระทู้หนึ่งครับ  :)

green-orange เขียน:ขอแจ้งให้เพื่อนๆที่เรียนคอร์สที่ 2 ทราบว่า พอดีเมื่อเช้าผมมาเช็คไฟล์ที่อาจาร์ยก๊อปให้เมื่อวานนี้ครับ ปรากฏว่าไฟล์ยังไม่ครบ ตอนนี้กำลังเมล์ไปขออาจาร์ยอยู่ครับ ถ้าได้รับจากอาจาร์ยแล้ว ผมจะส่งให้เพื่อนๆพร้อมกันทีเดียวเลยนะครับ (ตอนนี้มีแต่ spread sheet ยังขาด power point ที่อาจาร์ยแก้ไขและพิมพ์เพิ่มระหว่างเรียนครับ)

ขอบคุณมากครับสำหรับการแบ่งปัน

^^

6. ESOP การให้ผลประโยชน์ พนักงาน

เดิมนั้น บริษัทจะมีการให้ผลประโยชน์แก่พนักงานเพื่อจูงใจให้ทำงานกับบจ.ในระยะยาว โดยอาจเป็นสิทธิ์ในการซื้อหุ้นบจ.ก่อนเข้าตลาด (ก่อนIPO) หรือ การออก warrant

ทั้งนี้ ส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงในมาตรฐานบัญชีใหม่นั้น คือ การคิดส่วนต่าง(หรือส่วนต่างที่พนง.มีสิทธ์ซื้อหุ้นได้ราคาถูกลง)

โดยมาตรฐานใหม่ ให้คิดส่วนล้ำจากราคาตลาด ณ จุดที่ใช้สิทธิ์ (เดิม รู้สึกว่าส่วนต่างคิดจากราคาที่ตั้งเอาไว้ตายตัว - ฝากผู้รู้อธิบายในส่วนนี้ให้ด้วยครับ ผมเองเข้าใจในลักษณะนี้)

เช่น วันที่พนง.ขอใช้สิทธิ์เปลี่ยน  warrant เป็นหุ้น ราคาอยู่หุ้นละ 3 บาท
แต่พนง.จ่ายเพียง 1.40 บาท ส่วนต่าง 1.60 บาทนี้ ต้องลงเป็นค่าใช้จ่าย
ซึ่งส่งผลต่อกำไรของบจ.ได้ โดยเฉพาะ บจ.ที่มีการออก warrant ให้แก่พนง.มากๆ

อย่างไรก็ตาม มาตรฐานใหม่นี้ ส่งผลเฉพาะบริษัทที่จะเข้าตลาดใหม่ปีหน้า และ บจ.ในตลาด(เดิม)ที่จะออก warrant ใหม่หลังจากวันที่ 1-1-2011 เป็นต้นไป เท่านั้นครับ

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ  ปัจจุบัน ESOP ของหลายๆบจ.ยังคิดเป็นค่าใช้จ่ายในบัญชีต่ำกว่าความเป็นจริงครับ

มาตรฐานใหม่อาจส่งผลให้บจ.เปลี่ยนการจูงใจพนง.ด้วยวิธีอื่นแทนการออก warrant นั่นเองครับ

ในส่วนของการที่ต้องมีปรับงบย้อนหลังหรือไม่นั้น สรุปว่าหัวข้อที่ต้องมีการปรับงบย้อนหลังได้แก่
- เรื่องแต้มสะสม
- การประมาณหนี้สินค่ารื้อถอน/บูรณะ
- การรับรู้รายได้อสังหาริมทรัพย์


--------------------------------END----------------------------------------

ผู้รู้ที่มีส่วนต้องการเพิ่มเติมหรืออธิบายให้กระจ่าง ก็ขอเชิญนะครับ
ผมจะได้เข้ามาอ่านด้วย แหะ แหะ :lol:

ขอบคุณสำหรับการติดตาม
สอครับ

ขอบคุณมากครับ  

ขอบคุณมากครับ เป็นประโยชน์จริงๆ  :D

thanks a lot kab

ขอบคุณมากครับ

ขอบคุณหลาย กำลังจะปรินท์มาเก็บไว้อ่านอีกทีครับ

ขอบคุณครับ มีประโยชน์มากครับ

ขอบคุณมากครับ

ขอเสนอให้ย้ายกระทู้เป็นไปเก็บเข้าคลัง เพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการอ้างอิงครับ

- มาตรฐานบัญชีใหม่ที่จะเริ่มใช้ 1 ม.ค.54 เมื่อวานนี้มีสัมมนาเรื่องมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ (IFRS) และมาตรฐานบัญชีใหม่ที่ไทยจะนำมาใช้กับบริษัทที่มีส่วนได้เสียต่อสาธารณะ ซึ่งรวมถึงบริษัทจดทะเบียนในตลาดทั้งหมด สำหรับส่วนสำคัญที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.2554 และอาจส่งผลกระทบกับงบแสดงฐานะการเงินและงบกำไรขาดทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดฯ ได้แก่
         1) เกี่ยวกับการขายสินทรัพย์...ต้องบันทึกรายได้เมื่อโอนเท่านั้น ซึ่งส่วนนี้จะมีผลกระทบกับบริษัทในกลุ่มที่พักอาศัยและนิคมอุตสาหกรรมที่ยังรับรู้รายได้ตามเปอร์เซ็นต์งานที่เสร็จบ้าง โดยทำให้ยอดรับรู้รายได้ของกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจะผันผวนมากขึ้น และรายได้ที่รับรู้ของกลุ่มที่พักอาศัยอาจน้อยลงในช่วงแรกของการเปลี่ยนแปลงระบบบัญชี สำหรับบริษัทที่ต้องปรับระบบเป็นรับรู้รายได้เมื่อโอน ได้แก่ AMATA, HEMRAJ, ROJNA, MK, PF, NOBLE, MJD, SIRI ส่วน LH, QH, PS, SPALI, AP, LPN, PRIN, SC, LALIN ปัจจุบันใช้ระบบบัญชีรับรู้รายได้เมื่อโอนอยู่แล้ว จึงไม่กระทบ
         2) เกี่ยวกับบริษัทที่มีเคมเปญสะสมไมล์, สะสมแต้ม, สะสมสแตมป์ เพื่อมาใช้เป็นส่วนลดหรือรับสินค้าฟรี ต้องบันทึกเป็นรายได้สุทธิที่หักมูลค่าของเคมเปญที่ให้แล้ว (ใช้หลักประมาณการ) ซึ่งทำให้ยอดขายของบริษัทเหล่านี้จะน้อยลงจากเดิม อย่างไรก็ตามคาดว่าจะกระทบกับรายได้ทางบัญชีไม่มาก ขณะที่ไม่กระทบกับงบกระแสเงินสด (Cash Flow) ของบริษัท ทั้งนี้บริษัทที่อาจถูกกระทบ คือ ROBINS, BIGC, CPALL, MAKRO เป็นต้น สำหรับ THAI, SE-ED ได้บันทึกตามมาตรฐานบัญชีใหม่ไปแล้ว จึงไม่กระทบ
         3) เกี่ยวกับผลประโยชน์ของพนักงาน โดยจะให้มีการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายพนักงานไว้ล่วงหน้าตามหลักประมาณการหนี้สิน ซึ่งส่วนนี้จะกระทบกับบริษัทที่มีพนักงานอายุงานนานเป็นจำนวนมาก ขณะนี้บางบริษัทได้ดำเนินการส่วนนี้ไปแล้ว คือ SCB, PS, BANPU, PTTEP, TTA, MAKRO และ SINGER ส่วนที่กำลังศึกษาและเริ่มทำ ได้แก่ BBL, KBANK, SCC, OHTL, CPF เป็นต้น
         4) เกี่ยวกับที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ ต้องมีการประเมินมูลค่าที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ และต้องคิดค่าเสื่อมราคา รวมถึงต้องรวมเงินลงทุนในการซ่อมบำรุง, บูรณะ, รื้อถอน, ขนย้าย ที่จะเกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดสัญญาการเช่าหรือสิ้นสุดสัมปทานด้วย ซึ่งในส่วนนี้ทาง BANPU และ PTTEP ได้ทำไปแล้ว แต่ในกลุ่มสื่อสาร (ADVANC, DTAC, TRUE) และกลุ่มให้เช่าพื้นที่ (CPN, MBK) จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มในส่วนเหล่านี้

        โดย  บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ประจำวันที่ 30 มิถุนายน  2553
www.thunhoon.com

ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ  :D

ขอบคุณครับผม  :idea:

ขอบคุณมากครับ

เสนอให้ย้ายเข้าห้องกระทู้คุณค่าครับ

ขอบคุณมากครับ

 ขอบคุณครับ

ขอบคุณมากครับ สำหรับความรู้ใหม่

ขอบคุณครับ

ขอบคุณมากครับ

ขอบพระคุณมากครับ กับ อาหารสมองดี ดี ที่มีมาให้ครับ........    

ขอบคุณครับ คุณ ศอ (งี้รึป่าวครับ... รึว่า สอ อ่ะ)

ขอบคุณครับ