[quote="mprandy
ของบางอย่างมันคลาสสิก stand against time ได้ ... แต่ของบางอย่างมันเป็นกระแสอ่ะเฮีย
Do or Die Strategy ... อาจจะได้เห็นเยอะหน่อยในเวบไทยวิ ก็คงเป็นเพราะมีดาราหลายท่านใช้ได้ผลในช่วงปีที่ผ่านมา ด้วยสถานการณ์ของตลาดฟื้นคืนชีพอย่างมาก ทำให้ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำไปไม่ใช่น้อย
คนที่ได้อ่านได้เห็นได้ทราบ อาจเกิดความโลภ เอาอย่างกันบ้าง ... แต่ที่เราได้เห็นได้อ่าน ก็เป็นกลุ่มที่ลงท้ายจาก Do -> Done คือสำเร็จ
ส่วนพวก Do -> Die อันนี้ไม่เคยเห็นซักที ... คงเป็นเพราะว่าคนตายไม่ได้พูดอ่ะเฮีย
ชีวิตนี้ ผมยังไม่เคยใช้มาร์จิ้นอะไรซักที ... บอกตามตรงว่ากลัว Die :lovl:[/quote]
เห็นด้วยกับคุณหมอmprandy ครับ
ของบางอย่างมันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างรวมๆกับ
พอมันมารวมๆกันแล้วลงตัวพอด่ี ก็รวยไปเลย
แต่คนอีกจำนวนมากกลับไม่ลงตัว ก็เลย........
[quote="densin"]คงต้องให้พี่คลาดเครียดมาสอนน้องๆว่าการลงทุนที่ดีควรทำอย่างไร
ไม่ขอลอกหุ้นพี่ ขอลอกวิธีการดื้อๆได้ไหม
[/quote
นึกคำตอบคำถามคุณเด่นสินอยู่หลายวัน
เพราะนึกไม่ออกว่าจะบอกอย่างไรดี
ก็ขอตอบแบบนี้ก็แล้วกัน
๑ ผมสามารถที่แท้จริงๆของผมมีแค่
สามารถถือหุ้นที่คิดว่ามันดีๆ ได้ไม่จำกัดระยะเวลาครับ
๒ พอความสามารถจริงๆของผมมีแค่นั้น
ผมก็ต้องพยายามกระจายความเสี่ยง
ด้วยการถือหุ้นนับสิบๆตัว
เพราะรู้ตัวดีว่า
"เป็นคนที่คาดการณ์อนาคตของบริษัทไม่เป็น
ดูได้แม่นแค่อดีตกับปัจจุบันของหุ้นเท่านั้น"
และนี่่เป็นจุดต่างที่สำคัญที่สุด
ระหว่างเซียนหุ้น กับนักลงทุนโดยทั่วไป
๓ เมื่อไรที่ความสามารถที่แท้จริงของผม
มันร่วมทางกันเดินอย่างสร้างสรรค์กับอนาคตของหุ้นตัวไหนเข้าพอดี
ผมก็จะได้กำไรจากหุ้นตัวนั้น
ตั้งแต่หนึ่งร้อยเปอร์เซนต์ไปจนถึงห้าร้อยเปอร์เซนต์
๔ แต่พอรวมหุ้นที่อนาคตมันไม่ได้ดีกว่าปัจจุบัน
แถมบางทียังแย่กว่าปัจจุบันเข้าไปด้วย
พอร์ตโดยรวมก็ไม่สามารถจะโตแบบก้าวกระโดดปีละเป็นร้อยๆเปอร์เซนต์
มันเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันนี้
ผิดกับเมื่อยี่สิบห้าปีก่อน
ต่อให้ถือหุ้นทีเดียวสิบตัวในพอร์ต
พอร์ตก็สามารถโตหลายร้อยเปอร์เซนต์ต่อปี
เพราะเมื่อก่อน เงินที่มีอำนาจซื้อนำในตลาด
สามารถจะเข้ามาทำราคาหุ้นที่ยังมีบริษัทไม่มาก
ให้ขึ้นพร้อมกันทั้งกระดานไปเลย
แทง เอ๊ยลงทุนตัวไหน
ขอให้กล้าถือนานๆ มันก็จะขึ้นไปเอง
ช่วงที่ดีทีสุดในชีวิตการลงทุนของผม
เมื่อเทียบเป็นเปอร์เซนต์การเติบโตก็คือ
๒๕๒๗ - ๒๕๓๐ สี่ปีพอร์ตโตได้สามสิบเท่า
หลังจากนั้นก็ไม่เคยทำได้อีกเลยจนปัจจุบันนี้
ก็เป็นไปตามเหตุผลที่บอกไว้ข้างต้น
เจ้ามือในปัจจุบัน
ไม่มีอำนาจเงินมากพอจะปั่นหุ้นทุกตัวในกระดาน
ดังนั้น ในปัจจุบันนี้
ใครกล้าซื้อแค่ตัวสองตัว แล้วเจอแจ็คพอตแตก
พอร์ตก็จะกำไรแบบก้าวกระโดดหลายเท่าตัวในทันที
ซึ่งมันเป็นความสามารถที่เกินความรู้แค่อดีตกับปัจจุบันของผม
ก็เลยทำผลงานแบบอดีต ในตลาดหุ้นทุกวันนี้ไม่ได้
คำตอบนี้คงอธิบายให้คุณโอ๊ตตี้ คุณหมู คุณแม่แฝดสามว่า
ทำไมผมจึงถือ
PB จากยี่สิบแปดบาทมาจนถึงทุกวันนี้
MCS จากบาทแปดสิบสตางค์มาจนถึงทุกวันนี้เช่นกัน
ในตอนที่ซื้อ ผมดูเป็นแค่อดีตกับปัจจุบันของหุ้นสองตัวนั้นเท่านั้นเอง
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
:twisted: :twisted: :twisted: :twisted: 
:roll: :roll: :roll: :roll:
:D
) จะเป็นยังไง