คุณ sukum อาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนไปนิดนึง เรือง RICH DAD POOR DAD ของ kiyosaki ..ครับ
การซื้อบ้าน เค้าเน้นมองแง่ลงทุน คือ ถ้ามันทำรายได้เข้ากระเป๋าเราทุกเดือน(ค่าเช่า)
จะ นับว่า สินทรัพย์ ...ถ้าอย่างรถ ซื้อมา ขับแท๊กซี่ ก็นับเป็นสินทรัพย์ได้
แต่ถ้าซื้อแล้ว มันไม่ทำรายได้ ก็นับเป็นหนี้สิน (หรือ คนไม่เช่า หรือ ได้ค่าเช่า5พัน แต่ผ่อน หมึ่น สรุปขาดทุนก็เป็นหนี้สิน)
ส่วนถ้าซื้อเพื่ออยู่เอง นั้น..ไม่อยากให้ยึดติดกับการนับแบบลงทุนมากนักครับ เอาว่า ซื้อให้เหมือนจะเพื่อลงทุน แล้วอยู่เเอง อนาคตปล่อยเช่าก็ได้ขายก็ดี ...ก็พอครับ (ประมาณคุณ O_CHAY)
เรื่องการงาน การก้าวหน้าด้านรายได้
...หากเป็นผมๆจะตั้งเป้าหมายก่อน "เขียนให้ชัดเจน"คุณ sukum ลองไปหาหนังสือแนว ทำงานให้ success/สร้างแรงบันดาลใจดูนะครับ
http://www.google.co.th/search?hl=th&q= ... =&gs_rfai=
ตั้งเป้าแล้ว....มาเรียงลำดับ
เรียนโทก็ใช้เงินเยอะ คุณจ่ายปีละ110,000 (90k+ค่าอื่นๆมีแน่นอน) แต่ เก็บปีละ 30000 ...เอา อย่างเดียว ไม่พอแล้ว แม้มีเงิน8หมื่นก็ตาม ปีหน้าไม่พอ
คุณเอาทีละอย่าง แล้วแต่ว่าเราจัดอะไรสำคัญก่อน ...เน้นว่ามองภาพรวมๆ
สมมติ
1.คุณอยากมีความสุขในชีวิต
2.อยากเรียนโท
3.อยากมีบ้าน
เขียน excel ธรรมดาๆ เขียน รายรับรายจ่ายเป็นยังไง
บวกเข้าไปว่า เดือนนึงต้องใช้อะไร จ่ายอะไร ถ้ากู้ซื้อบ้าน พอไหม , ถ้าเรียนโท
ทำออกมาให้เห็นเลขจริงๆ เห็นภาพ อย่าคิดในใจ
ถ้าเรียนโท หรือ ซื้อบ้าน มันทำให้การเงินมีปัญหา=คุณทุกข์..ภาพรวมก็เสีย ก็ไม่น่าทำ ...ถูกไหมครับ
ลองดู เรียนโืท..แล้วงานไม่เข้า เงินไม่พอ เครียดว่า ค่าเทอมๆหลังๆ ไม่พอ จะได้จบมั้ยเนี่ย...ก็ไม่มีความสุข..หมดกำลังใจอีก...เห็นด้วยใช่ไหมครับ
ลองดู บ้าน.....แล้วดอกเบี้ยขึ้น เศรษฐกิจแย่ งานไม่เข้า เงินเดือนไม่พอผ่อน...ทำโอถึงห้าทุ่ม...ขายหุ้นมาโปะ...กลัวโดนยึด...เครียดอีก...อุตส่าห์มีวิมาน
ที่นี้ ทำไงจะ ได้เิงินมาเพิ่ม เดือนละ 10,000บาท ให้ไวที่สุด
ก็ต้อง หารายได้เพิ่ม จะย้ายงาน หรือ เพิ่มรายได้อีกทาง ทำอะไรแล้วแต่ถนัด
แต่ต้อง"ทำ"
....ไม่งั้นหากคุณ คิดแบบเดิมๆ พูดแบบเดิม "ทำ"แบบเดิมๆ ผลออกมา ก็เดิมๆ
คือ ปีหน้า ยังไม่ชัวร์ว่าจะมีเงินเรียนโท ได้จบอย่างแน่นอน สบายใจ
หรือ รออีก 5ปี ถึง มีบ้าน อย่างมั่นคง.
คุณ"ทำ"ได้ครับ :D