เก็บตกจากพระอาจารย์

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
อ่องอ๋า
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 31

โพสต์

saichon เขียน:ผมทำโดยการตามดูกายดูจิตตัวเองเอาครับ

เช่น ผมเป็นคนชอบเผลอแล้วก็คิดฟุ้งซ่านครับ
พอผมเผลอหรือคิดผมก็พยายามกลับมารู้ตัว
พอโกรธก็รู้ทันมันตามที่มันเป็น โดยไม่ไปปรุงแต่งมัน(ไม่ไปร่วมใส่อารมณ์กับมัน)
ประมาณนี้แหละครับ ผมชอบที่วิธีนี้ทำได้ตลอดเวลา
พอมีกิเลสตัวไหนมาผมก็แค่ตามรู้ทันมันแค่นั้นเองครับ
ทำง่ายๆแบบนี้แหละครับ ผิดถูกยังไงรบกวนชี้แนะด้วยน๊ะครับ :D
ทำดีไม่มีผิดถูกหรอกค่ะ

ถือเป็นการแลกเปลี่ยนก็แล้วกันนะคะ ของหนูนี่ก็จะเป็นวิธีที่ทำได้ตลอดเวลาเหมือนกันค่ะ พูดตามตรงหนูไม่ได้นั่ง(แบบนั่งสมาธิ)สักเท่าไหร่เลยด้วย

หนูใช้จับลมหายใจค่ะ เข้าออกควบกับคำภาวนาหรือบทสวดยาวพอสมควร
ที่ใช้เป็นบทสวดเพราะว่าจะนับจำนวนรอบค่ะ

ลองดูว่าวันหนึ่ง ใส่แบบเต็ม ๆ เลยจะได้กี่รอบ (แบบเว้นเฉพาะตอนคุยกับชาวบ้าน) แล้วก็กำหนดจำนวนรอบนั้นเอาไว้ ทำไปทุกวันให้รอบเท่า ๆ กับจำนวนที่ว่า เพื่อให้ใจเราอยู่กับลมหายใจทั้งวัน มีสมาธิไม่ฟุ้งซ่านออกไป

มีที่มาด้วยค่ะ มันเกิดจากว่ามีช่วงหนึ่งมีเหตุด่วนเหตุร้ายกับชีวิต ก็คิดฟุ้งซ่านมาก ทั้งวันเต็มไปด้วยความทุกข์ค่ะ ห้ามไม่ได้ยั้งไม่อยู่ บางทีคิดไปเป็นหลายชั่วโมง จนต้องหาทางเอาตัวรอด ประยุกต์วิธีนี้มาใช้อย่างจริงจัง

ได้ผลดีมากค่ะ จากฟุ้งซ่านทีเป็นหลายชั่วโมง ก็ค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ เป็นแค่ไม่กี่ชั่วโมง จนเหลือแค่หน่วยนาที จนเกือบหายไปเลยค่ะ

เพราะระหว่างนั้น จิตมันมีสมาธิประกอบกับอ่านและฟังที่ครูอาจารย์สอน ได้คิดพิจารณาระหว่างที่มีสมาธิอยู่ด้วย มันก็ทำให้เกิดปัญญาขึ้น สามารถล่วงผ่านดับความทุกข์นั้นได้ จากที่ดับได้แค่ ๔-๕ นาที ก็ยืดเป็นวัน เป็นเดือน จนปัจจุบันนาน ๆ ไอ้เรื่องเน่า ๆ เก่า ๆ นั้นจะโผล่มากวนใจค่ะ

วิธีแบบดูจิตหนูไม่ได้ศึกษาละเอียดค่ะ เคยได้ยินผ่านบ้าง เข้าใจว่าน่าจะเป็นแนวเดียวกับมหาสติปัฏฐานถูกหรือไม่คะ แต่ถ้าเป็นมหาสติจะมีหมวดอานาปาบรรพ ซึ่งก็จับลมหายใจเหมือนกัน คุณ saichon จับลมหายใจด้วยหรือเปล่าคะ
อีหนูตีแตก
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 32

โพสต์

ขอบคุณมากๆนะครับผม
บุญรักษาครับ :D
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
สถาปนิกต่างดาว
Verified User
โพสต์: 463
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 33

โพสต์

i am not my thoughts, emotions,sense perceptions,
and experience.

i am not the content of my life.

i am life.

i am the space in which all things happen.
i am consciousness.

i am the now.
i am

เก็บตก(ๆ หล่นๆ)จาก stillness speaks
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
saichon
Verified User
โพสต์: 1219
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 34

โพสต์

วิธีแบบดูจิตหนูไม่ได้ศึกษาละเอียดค่ะ เคยได้ยินผ่านบ้าง เข้าใจว่าน่าจะเป็นแนวเดียวกับมหาสติปัฏฐานถูกหรือไม่คะ แต่ถ้าเป็นมหาสติจะมีหมวดอานาปาบรรพ
ซึ่งก็จับลมหายใจเหมือนกัน คุณ saichon จับลมหายใจด้วยหรือเปล่าคะ

เอ...ผมก็ไม่ทราบว่าเรียกอะไรหรอกครับ
(ไว้มีโอกาสผมค่อยถามพระอาจารย์พี่ป้อมของผมดูครับ
พูดไปก็อาย...พระอาจารย์พี่ผมใจดีมากครับ นอกจากจะคอยสอนเมื่อได้คุยกันแล้ว
แกยังส่งทั้งซีดีและหนังสือมาให้อ่านตลอด
แต่ผมหัวไม่ค่อยดี ทำตามที่แกสอนได้แค่พื้นๆแค่นี้แหละครับ :oops: )

อ้อ...แต่ที่รู้อย่างหนึ่งคือผมไม่ได้จับลมหายใจครับ
ผมทำแค่ตามดูมันแค่นั้นครับ ทำไปก็ไม่รู้ว่าถูกหรือผิดด้วยซ้ำ
แค่รู้สึกว่าทำแล้วมันรู้สึกดี...ก็เลยทำมาเรื่อยๆหน่ะครับ
มีอยู่2-3ครั้งที่ผมมีอาการปวดท้อง ไม่รู้ว่าผมอุปปมาไปเองหรือเปล่า
ผมลองใช้วิธีดูกายเอา คิดว่าอืม...ปวดท้องน๊ะ
ปวดก็ส่วนร่างกาย เราไม่ต้องไปร่วมใส่อารมณ์ใส่ความรู้สึกผสมโรงกับเค้าหรอก
เกือบทุกครั้ง อาการปวดจะหายไปอย่างน่าอัศจรรย์เชียวครับ
(ยกเว้นปวดมากหรือหิวจนหงุดหงิดมาก เคยลองใช้วิธีนี้ด้วยแต่ไม่ได้ผลครับ)
อ่องอ๋า
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 35

โพสต์

ยกข้อความเกี่ยวกับมหาสติมาให้อ่านค่ะ


เมื่อครั้งที่มีการทำปฐมสังคายนากันครั้งแรกมีพระมหากัสสปเป็นประธาน แล้วก็มีพระอานนท์เป็นผู้ว่าการฝ่ายพระสูตรและพระอภิธรรม พระอานนท์ท่านได้กล่าวไว้ว่า
           ข้าพเจ้าผู้ชื่อว่าอานนท์ ได้สดับมาเฉพาะพระพักตร์ของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ฟังมาแล้วอย่างนี้ กล่าวคือ ครั้งหนึ่ง สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่นิคมของชาวกุรุ ซึ่งมีชื่อว่ากัมมาสกัมมะนิคม ในแคว้นกุรุ ในที่นั้นสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตักเตือนภิกษุทั้งหลายให้ตั้งใจฟังพระธรรมเทศนาว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แล้วภิกษุทั้งหลายนั้นทูลรับคำว่า พระเจ้าข้า สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้โปรดประทานพระธรรมเทศนาแก่ภิกษุเหล่านั้นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทางนี้เป็นทางเอก เป็นทางให้เกิดความบริสุทธิ์แก่สัตว์ทั้งหลาย เป็นทางระงับเสียซึ่งความเศร้าโศกและเสียใจ และความพิไรรำพัน เป็นทางให้เข้าถึงซึ่งความสิ้นทุกข์และโทมนัส เป็นทางให้ได้ซึ่งอรรถธรรมและความรู้ เป็นทางให้สำเร็จซึ่งพระนิิพพาน ทางเอกนี้คือ สติปัฏฐาน ๔ สติปัฏฐาน ๔ คืออะไรบ้าง คือภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลาย พิจารณาเห็นจิตในจิต พิจารณาเห็นธรรมในธรรม ภิกษุในธรรมวินัยนี้ต้องเป็นผู้มีความเพียร เป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ จึงจะกำจัดอภิชฌาและโทมนัสเสียได้
สติปัฏฐาน ๔ นี้มีอะไรบ้าง

ให้พิจารณากายในกาย
พิจารณาเวทนาในเวทนา
พิจารณาจิตในจิต
พิจารณาธรรมในธรรม


           "พิจารณาเห็นกายในกายนั้น คือ ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ไปอยู่ในป่าหรือว่า อยู่ที่โคนต้นไม้ หรือไปอยู่ที่ว่างบ้านเรือน แล้วก็นั่งตั้งกายให้ตรง ดำรงสติอันเป็นเครื่องกำหนดไว้ ภิกษุนั้นหายใจออกก็มีสติ หายใจเข้าก็มีสติ เมื่อหายใจออกยาวก็รู้ว่าหายใจยาว เมื่อหายใจเข้ายาวก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกสั้นก็รู้ว่าหายใจออกสั้น เมื่อหายใจเข้าสั้นก็รู้ว่าหายใจเข้าสั้น จะกำหนดกองลมทั้งปวง แล้วจึงหายใจออก เราจะกำหนดกองลมทั้งปวงแล้วจึงจะหายใจเข้า เราจะระงับกองลมแล้วจึงจะหายใจออก เราจะระงับกองลมแล้วจึงจะหายใจเข้า ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ช่างกลึงผู้ฉลาดหรือว่าลูกมือช่างกลึง เมื่อชักเชือกกลึงยาว ก็รู้ว่าชักเชือกกลึงยาว เมื่อชักเชือกกลึงสัน ก็รู้ว่าเราชักเชือกกลึงสั้น ฉันใด ข้อนี้ก็ฉันนั้น เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ว่าเราหายใจออกยาว หายใจเข้ายาวก็รู้ว่าเราหายใจเข้ายาว หายใจออกสั้นก็รู้ว่าหายใจออกสั้น เมื่อหายใจเข้าสั้นก็รู้ว่าเราหายใจเข้าสั้น ภิกษุนั้นย่อมศึกษาว่า เราจะกำนหดรู้กองลมทั้งปวงแล้วจึงจะหายใจออก เราจะกำหนดรู้กองลมทั้งปวงแล้วจึงจะหายใจเข้า เราจะระงับกองลมแล้วจึงจะหายใจออก จะระงับกองลมแล้วจึงหายใจเข้า"
           การพิจารณากายในกาย ในขั้นแรก ท่านถือเอากองลมเป็นสำคัญ อันนี้เขาเรียกว่า อานาปานบรรพ หรือว่า อานาปานสติกรรมฐาน ซึ่งมีความสำคัญมาก สามารถทรงฌาน ๔ ได้แล้ว ถ้าเจริญตามแบบนี้ ท่านจะมีความสุขแบบสุขวิปัสสโก และมหาสติปัฏฐานสูตรนี้ จะดัดแปลงขึ้นไปสู่วิชชาสาม อภิญญาหก ปฏิสัมภิทาญาณก็ทำได้
           อานาปานาสติกรรมฐานตอนต้น ว่าเมื่อเราหายใจเข้าก็มีสติ หายใจออกก็มีสติ สตินีี่่แปลว่านึกได้รู้อยู่ คำว่ามีสตินี่ ตัวนึกเข้าไว้ ตัวไม่ลืม หมายถึง จงกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกเอาไว้ เวลาจะหายใจเข้าก็ตาม เวลาจะหายใจออกก็ตาม ต้องรู้เข้าไว้ รู้ลมเข้าไว้ เวลาลมเข้าให้รู็ว่าลมเข้า ลมออกก็ให้รู้ว่าลมออก เดินไปก็ในรู้ว่าลมเข้าลมออก นั่งอยู่รู้ลมเข้าลมออก นอนอยู่รู้ลมเข้าลมออก ยืนอยู่รู้ลมเข้าลมออก ทำได้ตลอดทุกอิริยาบท ทำอย่างนี้ให้ชินจนกระทั่งจิตไม่ต้องระวังเรื่องลมเข้าลมออก รู้ได้เป็นปกติ อย่าไปดัดแปลงลมหายใจ ร่างกายมันต้องการหายใจสั้นหรือยาวปล่อยมัน หายใจแรงหรือหายใจเบาเปล่อยมัน ไม่ต้องฝืน
           จำไว้ว่าท่านจะเจริญมหาสติปฏิฐานสูตรในกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ในบทว่าอานาปานาบรรพเราจะรู้ลมหายใจเข้า รู้ลมหายใจออกอยู่เสมอ จะนั่ง จะนอน จะยืน จะเดิน จะอาบน้ำ จะดูหนังสือ จะเดินไปไหน ทำงานอย่างใดก็ตาม รู้ลมเข้ารู้ลมออก

http://webcache.googleusercontent.com/s ... clnk&gl=th
อีหนูตีแตก
อ่องอ๋า
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 36

โพสต์

saichon เขียน:อ้อ...แต่ที่รู้อย่างหนึ่งคือผมไม่ได้จับลมหายใจครับ
ผมทำแค่ตามดูมันแค่นั้นครับ ทำไปก็ไม่รู้ว่าถูกหรือผิดด้วยซ้ำ
แค่รู้สึกว่าทำแล้วมันรู้สึกดี...ก็เลยทำมาเรื่อยๆหน่ะครับ
มีอยู่2-3ครั้งที่ผมมีอาการปวดท้อง ไม่รู้ว่าผมอุปปมาไปเองหรือเปล่า
ผมลองใช้วิธีดูกายเอา คิดว่าอืม...ปวดท้องน๊ะ
ปวดก็ส่วนร่างกาย เราไม่ต้องไปร่วมใส่อารมณ์ใส่ความรู้สึกผสมโรงกับเค้าหรอก
เกือบทุกครั้ง อาการปวดจะหายไปอย่างน่าอัศจรรย์เชียวครับ
(ยกเว้นปวดมากหรือหิวจนหงุดหงิดมาก เคยลองใช้วิธีนี้ด้วยแต่ไม่ได้ผลครับ)[/color]
มีอยู่ช่วงหนึ่งหนูศึกษามหาสติปัฏฐานค่ะ เท่าที่เคยอ่านวิธีดูกายดูจิตจะคล้ายกับมหาสติมาก แต่ก็พบว่าไม่ได้มีการรู้ลมหายใจซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการพิจารณากายในกาย อันเป็นลำดับขั้นแรกของการฝึกแนวมหาสติฯ

ในช่วงที่หนูกำลังศึกษามหาสติปัฏฐานฯ มีอยู่ครั้งหนึ่งหนูถามหลวงพ่อว่า การดูอิริยาบถสามารถแทนการรู้ลมได้เลยหรือไม่(อยู่ในขั้นพิจารณากายในกาย)
หลวงพ่อท่านเมตตาบอกว่า ให้ฝึกรู้ลมหายใจให้ชำนาญเสียก่อนแล้วค่อยเพิ่มไปดูอิริยาบถจะได้ครบ ๆ

ดังนั้น หนูคิดว่าการรู้ลมหายใจเพิ่มเข้าไปด้วย น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าโทษค่ะ เพราะในกรรมฐานทั้ง ๔๐ กองและในมหาสติปัฏฐานสูตรก็ต้องมีการรู้ลมหายใจเป็นพื้นฐานสำคัญ

อันนี้แล้วแต่วิจารณญาณนะคะ หนูให้ความเห็นตามที่ได้รับการสั่งสอนจากครูบาอาจารย์มาอีกทีค่ะ

ส่วนการระงับความเจ็บปวดทางร่างกาย หนูก็ใช้วิธีรู้ลมหายใจนี่แหละค่ะ จดจ่ออยู่กับลมหายใจจะระงับอาการปวดหัวได้ เพียงแต่ถ้าปวดแบบหนักมาก ๆ ก็ไม่ไหวเหมือนกันค่ะ ยังไม่เจ๋งจริง  :)
อีหนูตีแตก
saichon
Verified User
โพสต์: 1219
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 37

โพสต์

ในช่วงที่หนูกำลังศึกษามหาสติปัฏฐานฯ มีอยู่ครั้งหนึ่งหนูถามหลวงพ่อว่า การดูอิริยาบถสามารถแทนการรู้ลมได้เลยหรือไม่(อยู่ในขั้นพิจารณากายในกาย)
หลวงพ่อท่านเมตตาบอกว่า ให้ฝึกรู้ลมหายใจให้ชำนาญเสียก่อนแล้วค่อยเพิ่มไปดูอิริยาบถจะได้ครบ ๆ

ดังนั้น หนูคิดว่าการรู้ลมหายใจเพิ่มเข้าไปด้วย น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าโทษค่ะ เพราะในกรรมฐานทั้ง ๔๐ กองและในมหาสติปัฏฐานสูตรก็ต้องมีการรู้ลมหายใจเป็นพื้นฐานสำคัญ

อันนี้แล้วแต่วิจารณญาณนะคะ หนูให้ความเห็นตามที่ได้รับการสั่งสอนจากครูบาอาจารย์มาอีกทีค่ะ

ผมลองทำดูแล้วครับ
รู้สึกจะมีสมาธิ(สติ)อยู่กับตัวตลอดเวลาที่ทำ
(แฮ่...แต่ทำได้ไม่นานนัก ซักพักจะแว๊บไปแว๊บมาเหมือนเดิมครับ)
แต่ยังไงจะลองฝึกประยุกต์ใช้ร่วมกับวิธีเดิมดูครับ
ขอบคุณครับ :D
อ่องอ๋า
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 38

โพสต์

ยาขมมันจะขมถ้วยแรก ๆ ค่ะ พอกินไปเยอะ ๆ มันจะชิน เพราะลิ้นมันจะชา ๕๕๕

แต่รักษาโรคฟุ้งซ่านชะงัดนักค่ะ (จากประสบการณ์ส่วนตัว)
อีหนูตีแตก
อ่องอ๋า
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 39

โพสต์

ทำดีเพราะอยากทำ หรือ ทำดีเพราะอยากดี

พวกเราปฏิบัติแบบใจร้อนกัน หวังจะให้ได้เลยในทันที ขนาดหลวงปู่ปานท่านยังใช้เวลาในการศึกษาปฏิบัติเป็นเวลากว่า ๘ ปี จึงจะเป็นที่ยอมรับแบบนี้ เราลองถามใจตัวเองก่อนว่า เวลาทำความดี เราทำเพราะเราพอใจที่จะทำความดีนั้นจริง ๆ หรือทำเพราะอยากให้คนอื่นเห็นว่าเราดี ว่าเราเก่ง ถ้าคิดแบบนี้พอทำ ๆ ไปแล้วไม่ได้อย่างใจหวัง จะรู้สึกไม่พอใจในการปฏิบัติ จะท้อ ใจร้อนกระวนกระวายว่าทำเท่าไรก็ไม่ได้สักที แต่ในขณะที่เราทำความดีเพราะเราพอใจในความดี ไม่ว่าจะเร็วหรือช้าอย่างไรเราก็ไม่รู้สึกกระวนกระวายใจหรือใจร้อน อยากจะได้ดีแบบท่านอื่น เพราะเรามีความสุข พอใจที่ได้ทำความดีนั้นไปเรื่อย ๆ

ถ้าต้องการทำความดีในแบบที่ว่าคนอื่นเห็นได้จริง ๆ ก็ต้องแบบว่า ความดีนั้นเต็มจนล้นออกมา เปรียบได้กับถัง ถ้าเราเอาน้ำใส่ลงไป ถ้าใส่น้ำได้แค่ครึ่งหนึ่งของถัง เราจะมองเห็นน้ำในถังไหม ? เราก็จะเห็นแต่ถังอย่างเดียว แต่ถ้าเราเอาน้ำนั้นใส่ให้เต็มจนล้นออกมา เราจึงจะสามารถเห็นน้ำในถังนั้นได้

ส่วนพวกเราละทำความดีจนถึงขนาดที่ว่าล้นออกมาได้กันหรือยัง ? ถ้ายังก็มีหน้าที่ทำไปเรื่อย ๆ ถ้าเมื่อไรที่ล้นออกมาคนอื่นเขาก็จะเห็นเอง และถึงตอนนั้นไม่ว่าเราพูดอะไรคนก็จะเชื่อ
อีหนูตีแตก
อ่องอ๋า
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 40

โพสต์

เวลาที่หนูปฏิบัติใหม่ ๆ ก็จะมีความก้าวหน้าชัดเจน ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็จะเป็นอย่างนั้นด้วย
แต่พอผ่านไปสักระยะ จะรู้สึกว่ามันเริ่มตันค่ะ เริ่มจะมองไม่เห็นความก้าวหน้า แล้วก็จะเริ่มใจร้อนกระวนกระวาย กลายเป็นฟุ้งซ่านไป

รู้สึกแบบนี้เมื่อไร ต้องย้อนกลับไปทวนที่หลวงพ่อสอนข้างบนค่ะ ต้องทำดีเพราะอยากทำ

เคยอ่านที่หลวงพ่อชา สุภทฺโทท่านสอน เห็นภาพชัดมาก ๆ ค่ะ
คือท่านบอกว่า เวลาปฏิบัติธรรมให้เหมือนกับเราหุงข้าว

หน้าที่ของเราคือ ใส่ข้าวใส่น้ำ ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ แล้วรอ
หน้าที่มีแค่นี้เอง
ไม่ต้องไปนั่งลุ้น คอยเปิดฝากดูว่าข้าวสุกหรือยัง

จะว่าไปเอาไปใช้กับการลงทุนได้เหมือนกันนะคะนี่  :wink:
อีหนูตีแตก
saichon
Verified User
โพสต์: 1219
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 41

โพสต์

เคยอ่านที่หลวงพ่อชา สุภทฺโทท่านสอน เห็นภาพชัดมาก ๆ ค่ะ
คือท่านบอกว่า เวลาปฏิบัติธรรมให้เหมือนกับเราหุงข้าว

หน้าที่ของเราคือ ใส่ข้าวใส่น้ำ ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ แล้วรอ
หน้าที่มีแค่นี้เอง
ไม่ต้องไปนั่งลุ้น คอยเปิดฝากดูว่าข้าวสุกหรือยัง

จะว่าไปเอาไปใช้กับการลงทุนได้เหมือนกันนะคะนี่  

อืม...ไม่เลวครับ
ผมขอลองใช้ด้วยคนน๊ะครับ
ก่อนนี้ถึงผมจะซื้อแล้วไม่ค่อยขาย
(ถ้าราคายังไม่ถึงราคาที่ประเมินไว้หรือเจอตัวอื่นที่ราคาอันเดอร์แวลู่กว่า)
แต่จะชอบดูราคาและลุ้นให้ราคาหุ้นวิ่งอยู่บ่อยๆ
บางทีนั่งลุ้นนานๆ จนเครียดไปเลยก็มีครับ :(
อ่องอ๋า
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 42

โพสต์

saichon เขียน:อืม...ไม่เลวครับ
ผมขอลองใช้ด้วยคนน๊ะครับ
ก่อนนี้ถึงผมจะซื้อแล้วไม่ค่อยขาย
(ถ้าราคายังไม่ถึงราคาที่ประเมินไว้หรือเจอตัวอื่นที่ราคาอันเดอร์แวลู่กว่า)
แต่จะชอบดูราคาและลุ้นให้ราคาหุ้นวิ่งอยู่บ่อยๆ
บางทีนั่งลุ้นนานๆ จนเครียดไปเลยก็มีครับ :(
ยินดีอย่างยิ่งค่ะ
ก็พยายามนึกให้เข้ากับการลงทุน เพราะเป็นเว็บเกี่ยวกับการลงทุนค่ะ

คิดขึ้นได้ว่า ตั้งข้าวทิ้งไว้เลยก็เดี๋ยวจะไหม้ได้เหมือนกัน ไม่ทราบว่าคนโบราณเขาดูสัญญาณจากอะไรว่าข้าวจะสุก

เอาเป็นว่าเราใช้หม้อไฟฟ้านะคะ
อีหนูตีแตก
saichon
Verified User
โพสต์: 1219
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 43

โพสต์

คิดขึ้นได้ว่า ตั้งข้าวทิ้งไว้เลยก็เดี๋ยวจะไหม้ได้เหมือนกัน ไม่ทราบว่าคนโบราณเขาดูสัญญาณจากอะไรว่าข้าวจะสุก


รู้สึกกล้าๆกลัวๆที่จะลองตอบคำถามนี้
เพราะเดี๋ยวจะถูกหาว่าเป็นคนโบราณเอา ฮ่า... :lol:  :lol:

ตอนเด็กบ้านผมลำบากครับ(ตอนนี้ก็ยังลำบากอยู่)
นอกจากผมต้องเลี้ยงควายแล้ว
ผมยังต้องหุ้งข้าวไว้ให้พ่อแม่ที่ออกไปทำงานนอกบ้านทาน โดยใช้เตาถ่านด้วย
ซึ่งวิธีหุงที่ทำจะมี2แบบคือ
แบบรินน้ำข้าวที่เดือดทิ้งแล้วเอาข้าวที่มีน้ำหมาดๆมาวางบนไปอ่อนๆจนน้ำแห้ง
แล้วลองเปิดหม้อข้าวหยิบข้าวกินดูถ้าสุกก็โอเค ถ้าข้าวดิบก็พร่มน้ำนิดหน่อย
แล้ววางบนไฟอ่อนๆซ้ำอีกครั้ง
(ใช้ทัพพีกวนเพื่อพลิกข้าวในหม้อด้วย)
สำหรับการดูว่าควรรินน้ำข้าวที่เดือดทิ้งหรือยังจะใช้วิธีเอาช้อนตักเมล็ดข้าว
ขึ้นมาดูถ้าเม็ดข้าวเริ่มแตก ในเมล็ดข้าวมีรอยร้าวเป็นปล้องๆ
ชิมดูรู้สึกหนึบๆ ก็เป็นสัญญาณว่าเรารินน้ำได้แล้ว

ส่วนการหุงอีกวิธีคือการใส่น้ำให้พอดีโดยไม่ต้องรินน้ำทิ้ง วิธีนี้น่าจะคล้ายๆกับ
หม้อไฟฟ้าในปัจจุบัน

พิมพ์มายาวเลย จริงๆแค่อยากจะสื่อว่าการลงทุนถ้าเทียบกับการหุงข้าว
เราคงจะเอาหม้อทิ้งไว้บนเตาแล้วไม่คอยดูเลยคงไม่ได้ครับ
การลงทุนก็คงต้องคอยติดตามข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับธุระกิจที่เราลงทุนบ้าง
หากเกิดเหตุการณ์ที่กระทบกับกิจการที่เราลงทุนจะได้แก้ไขได้ทัน
หรือไม่ให้เกิดความเสียหายมากนัก
ครับ :D
อ่องอ๋า
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 44

โพสต์

saichon เขียน:พิมพ์มายาวเลย จริงๆแค่อยากจะสื่อว่าการลงทุนถ้าเทียบกับการหุงข้าว
เราคงจะเอาหม้อทิ้งไว้บนเตาแล้วไม่คอยดูเลยคงไม่ได้ครับ
การลงทุนก็คงต้องคอยติดตามข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับธุระกิจที่เราลงทุนบ้าง
หากเกิดเหตุการณ์ที่กระทบกับกิจการที่เราลงทุนจะได้แก้ไขได้ทัน
หรือไม่ให้เกิดความเสียหายมากนัก
ครับ :D[/color]
เป็นจริงดังที่กล่าวมาค่ะ

ซึ่งหากวิเคราะห์ดูก็ได้คำตอบว่า น่าจะเป็นเพราะในการปฏิบัติธรรมนั้นโดยส่วนใหญ่เราจะมีครูอาจารย์ที่เป็นตัวอย่างที่ดี สามารถดำเนินตามคำสั่งสอนได้โดยไม่จำเป็นต้องคอยมาดูผลกันบ่อยนัก

แต่กรณีการลงทุน ไม่มีใครบอกใครได้ ๑๐๐% ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะปัจจัยมันเยอะเหลือเกิน

ขอบคุณที่อุตส่าห์แนะนำและเล่ามาเสียยาวด้วยค่ะ  :D
อีหนูตีแตก
saichon
Verified User
โพสต์: 1219
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 45

โพสต์

ขอบคุณที่อุตส่าห์แนะนำและเล่ามาเสียยาวด้วยค่ะ  

ด้วยความยินดีและขอบคุณเช่นกันที่อุตสาห์อ่านจนจบครับ

ว่าแต่ลูกคนที่นอนถือไพ่ของพี่อ่องอ๋านี่ผู้หญิงหรือผู้ชายครับ น่ารักดี
(เมื่อก่อนผมไม่ค่อยชอบเด็กหรอกครับ เพราะรู้สึกว่าเด็กจะซนแล้วก็วุ่นวาย
แต่ตอนหลังพอคิดจะมีลูกเองเข้าบ้าง เห็นเด็กๆแล้วรู้สึกว่าน่ารักไปทุกคนเชียวครับ :D
)

(เอ...เราคุยเรื่องทั่วไปแบบนี้พี่ๆม๊อดเค้าจะว่าเอาหรือเปล่าครับเนี๊ย :roll: )
อ่องอ๋า
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 46

โพสต์

saichon เขียน:ด้วยความยินดีและขอบคุณเช่นกันที่อุตสาห์อ่านจนจบครับ

ว่าแต่ลูกคนที่นอนถือไพ่ของพี่อ่องอ๋านี่ผู้หญิงหรือผู้ชายครับ น่ารักดี
(เมื่อก่อนผมไม่ค่อยชอบเด็กหรอกครับ เพราะรู้สึกว่าเด็กจะซนแล้วก็วุ่นวาย
แต่ตอนหลังพอคิดจะมีลูกเองเข้าบ้าง เห็นเด็กๆแล้วรู้สึกว่าน่ารักไปทุกคนเชียวครับ :D
)

(เอ...เราคุยเรื่องทั่วไปแบบนี้พี่ๆม๊อดเค้าจะว่าเอาหรือเปล่าครับเนี๊ย :roll: )
หนูน้อยเป็นผู้หญิงค่ะ ตอนนี้ ๔ ขวบแล้ว น่ารักจริง ๆ นั่นแหละค่ะ เลี้ยงง่ายมากด้วย แต่ก่อนก็เกลียดเด็กค่ะ เหตุผลคล้ายคุณ saichon แต่พอต้องมาเลี้ยงเองก็พบว่าเด็กมีแง่มุมที่น่ารักและน่าสงสารอยู่เยอะมากค่ะ

เว็บนีห้ามคุยอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ ช่วยแนะนำด้วยค่ะ

จริง ๆ เมื่อ ๖ ปีก่อนก็เข้ามาเป็นสมาชิกเว็บแล้วค่ะ (ตอนนั้นคิดว่าคุณโจลูกอีสานอายุประมาณดร.นิเวศน์) แต่หายไปพักใหญ่เลยไม่ค่อยรู้กฏระเบียบในเว็บนัก
อีหนูตีแตก
saichon
Verified User
โพสต์: 1219
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 47

โพสต์

เว็บนีห้ามคุยอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ ช่วยแนะนำด้วยค่ะ

จริง ๆ เมื่อ ๖ ปีก่อนก็เข้ามาเป็นสมาชิกเว็บแล้วค่ะ (ตอนนั้นคิดว่าคุณโจลูกอีสานอายุประมาณดร.นิเวศน์) แต่หายไปพักใหญ่เลยไม่ค่อยรู้กฏระเบียบในเว็บนัก

เท่าที่ผมทราบ ส่วนที่เค้าห้ามคุยในบอร์ดน่าจะมีเรื่องการเมือง แล้วก็การใช้เวปเพื่อหาประโยชน์ส่วนตัว เช่น การโฆษณา ครับ
อย่างอื่นผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน
แต่ผมว่าที่นี่สังคมเค้าดีมาก ถ้าเราทำอะไรผิดพี่ๆเค้าคงออกมาบอกเองมั้งครับ :mrgreen:

อ้อ...ถ้าพี่เข้าเวปเมื่อ6ปีที่แล้วแสดงว่าพี่ก็เป็นสมาชิกรุ่นแรกๆเลยซิครับ
มิน่าล่ะผมถึงว่าทำไมพี่มองโลกได้กว้างนัก
:D
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 48

โพสต์

:8) ถ้าไม่คุยการเมือง
     moderatorเขาก็เฉยๆไม่ค่อยมายุ่ง
     
รูปภาพ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
อ่องอ๋า
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 49

โพสต์

saichon เขียน:อ้อ...ถ้าพี่เข้าเวปเมื่อ6ปีที่แล้วแสดงว่าพี่ก็เป็นสมาชิกรุ่นแรกๆเลยซิครับ
มิน่าล่ะผมถึงว่าทำไมพี่มองโลกได้กว้างนัก :D
ขอบคุณที่ชมค่ะ แต่เราไม่เคยเห็นตัวเองมองโลกกว้างเลยล่ะ รู้สึกตัวเองคิดผิดบ่อย ๆ บางทีคิดว่าถูกแล้ว พอมองย้อนกลับไป ผิดอีกละ

จริง ๆ จะบอกว่าแก่ใช่ไหมล่ะ  :roll:
por_jai เขียน::8) ถ้าไม่คุยการเมือง
อีหนูตีแตก
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 50

โพสต์

:8) ตั้งหลายปีแล้วเนอะ
     ตอนนั้นถือ2ใน3ทหารเสือ ก็เลยดัง คนคิดว่าเก่ง เป็นฉลาม
     แต่หลังจากนั้น
     คนเริ่มรู้ความจริง...ฮ่า...ว่าลอกเขามา
     ก้เลยกลายเป็นเหาฉลามไป....ฮ่า...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
อ่องอ๋า
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 51

โพสต์

เอ่อ...บังเอิญไม่รู้จักเหาฉลาม..เอ๊ย!.. ๓ ทหารเสือค่ะ  :oops:
เหาฉลามรู้จักดี หนูก็เป็นอยู่   :D
อีหนูตีแตก
saichon
Verified User
โพสต์: 1219
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 52

โพสต์

อ่องอ๋า เขียน:
ขอบคุณที่ชมค่ะ แต่เราไม่เคยเห็นตัวเองมองโลกกว้างเลยล่ะ รู้สึกตัวเองคิดผิดบ่อย ๆ บางทีคิดว่าถูกแล้ว พอมองย้อนกลับไป ผิดอีกละ

จริง ๆ จะบอกว่าแก่ใช่ไหมล่ะ
saichon
Verified User
โพสต์: 1219
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 53

โพสต์

[quote="อ่องอ๋า"]เอ่อ...บังเอิญไม่รู้จักเหาฉลาม..เอ๊ย!.. ๓ ทหารเสือค่ะ
อ่องอ๋า
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 54

โพสต์

saichon เขียน:คนนี้แหละครับพระอาจารย์พี่ของผม
ผมเอาแนวคิดแกมาใช้หลายอย่างทั้งเรื่องการใช้ชีวิต การลงทุน
การครองเรือน การศึกษาธรรมะ
(แฮ่...แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมไม่ได้บอกพี่แกว่าผมไม่ค่อยได้ทำตาม
คือการลงทุนแนวเทคนิคครับ ที่ผมแค่ศึกษาแต่ผมชอบแนวคิดแบบวีไอมากกว่า :oops: )

อ้อ...ถ้าพี่อ่องอ๋าได้สัมผัสตัวเป็นๆจะรู้ถึงความเป็นคนน่าคบของพี่แกอีกเยอะเชียวครับ :o
ตกลงคุณพี่พอใจ=คุณพี่ป้อม ถูกไหมคะ ในที่สุดก็รู้จักจนได้   :8)  

ขนาดยังไม่ได้เคยเจอตัวพี่เขาก็พอจะทราบแล้วค่ะ เพราะได้ยินว่าจริงพี่ป้อมนับถือศาสนาคริสต์ แต่เข้าใจศาสนาพุทธมากกว่าแถมปรับใช้กับตนเองได้อย่างดี เป็นตัวอย่างแนะนำสั่งสอนให้น้อง ๆ ได้อีก ถ้ามีโอกาสต้องขอเสนอหน้าเข้าไปแนะนำตัวแล้วค่ะ

แต่เรื่องแก่น่ะแก่จริง ตอนนี้ก็ ๓๑ แล้วค่ะ
อีหนูตีแตก
อ่องอ๋า
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 55

โพสต์

ไม่รู้จะไปโอดที่ไหน ขอครวญในนี้ก็แล้วกัน
พี่ ๆ ไม่คิดจะเปลี่ยนงานจิบเบียร์ เป็น จิบน้ำส้มกลางวันแสก ๆ บ้างหรือคะ
เด็ก(โข่ง) สตรี และคนชราจะได้ไปได้สะดวก ๆ
สามีไม่ยอมให้อยู่ดึก ๆ อดไปเลย ฮือ ..... :cry:
อีหนูตีแตก
อ่องอ๋า
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 56

โพสต์

การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด อยู่ในโลกมันก็ต้องเจอกับโลกธรรม คือธรรมะประจำโลก ได้ลาภ ได้ยศ ได้รับการสรรเสริญ ได้รับความสุข ถึงวาระมันเสื่อมลาภ เสื่อมยศ โดนนินทา มีความทุกข์ ก็ต้องระวังมันอยู่ตลอด ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมาเราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว
................
หนูเจอประจำ เวลาโดนคนตำหนิ จะจิตตกค่ะ แต่หลัง ๆ ดีขึ้นตกไม่นานก็ฟื้น
อีหนูตีแตก
อ่องอ๋า
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 57

โพสต์

หลวงพ่อเทศน์สอนพระเณรช่วงทำวัตรเช้าค่ะ

ใจหรือจิตของคนเรา จะเสวยกุศลหรืออกุศลได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าจิตเป็นกุศล...อกุศลก็จะแทรกไม่ได้ หรือถ้าจิตเป็นอกุศลอยู่...ความเป็นกุศลมันก็เข้าไม่ถึงเช่นกัน นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมต้องตื่นแต่เช้า...เพราะสำหรับ นักปฏิบัติแล้ว...ตื่นยิ่งเช้ายิ่งดี

ผมเองตอนฝึกกรรมฐานผมตื่นตี ๒.๕๕ ใช้เวลาทำธุระส่วนตัว ๕ นาที แล้วตั้งแต่ตี ๓ ถึง ตี ๕ จะภาวนา ใช้หนังสือ ๔ เล่ม คือ คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน กรรมฐาน๔๐ ปฏิปทาของท่านผู้เฒ่า และมหาสติปัฏฐานสูตร ผมเอาคำสอนในหนังสือเป็นคำภาวนา จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมจำเนื้อหาในหนังสือได้หมดทุุกคำว่าอยู่ตรงไหนหน้าไหน เมื่อครบเวลาแล้ว ก็จะพยายามทรงอารมณ์นั้นไว้ให้ได้ตลอดวัน ถ้าทำดังนี้ได้...ดวงจิตจะชินกับอารมณ์ที่เป็นกุศล ต่อให้มีความชั่วเจริญงอกงามอยู่แล้ว...มันก็จะเจริญต่อไปไม่ได้ การปฏิบัติก็จะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

.......................
เรื่องที่หลวงพ่อจำได้หมดว่าอะไรอยู่ตรงไหนในหนังสือเล่มไหนนี่ เจอมากับตัวค่ะ เข้าไปถามแล้วหลวงพ่อก็บอกเลย อยู่ในหนังสือเล่มนี้ หน้านี้ ๆ ย่อหน้านี้ ๆ อึ้งไปเลยค่ะ
อีหนูตีแตก
saichon
Verified User
โพสต์: 1219
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 58

โพสต์

อ่องอ๋า เขียน:ไม่รู้จะไปโอดที่ไหน ขอครวญในนี้ก็แล้วกัน
พี่ ๆ ไม่คิดจะเปลี่ยนงานจิบเบียร์ เป็น จิบน้ำส้มกลางวันแสก ๆ บ้างหรือคะ
เด็ก(โข่ง) สตรี และคนชราจะได้ไปได้สะดวก ๆ
สามีไม่ยอมให้อยู่ดึก ๆ อดไปเลย ฮือ ..... :cry:
555+
พี่อ่องอ๋าลองโพสในกระทู้จิบเบียร์เพิ่มดูซิครับ เผื่อพี่ๆเค้าจะได้รวบรวมไว้
หากมีคนเสนอหลายๆคน สิ่งปฏิหาริย์ อาจจะเกิดเหมือนตอนที่พวกเราช่วยกันส่งเมล์เซพมันนี่ทอร์คก็ได้น๊ะครับ

ว่าแต่พี่ไม่ลองชวนสามีไปด้วยเลยล่ะครับ
เมื่อก่อนไปไหนผมก็ไปคนเดียวตลอด แต่ตอนนี้จะพยายามชวนแฟนไปด้วย
2หัวดีกว่าหัวเดียวครับ

อ้อ...ส่วนงานที่จัดกลางวันผมว่าก็น่าจะมีน๊ะครับ
อย่างที่พี่โจจัดงาน จิบกาแฟแลสาว ที่หาดใหญ่แกก็จัดกลางวันตลอดเลยครับ มีโอกาสลองไปร่วมดูซิครับ
พี่ๆทางโน้นเค้าก็ใจดีมากเหมือนกันครับ :D
อ่องอ๋า
Verified User
โพสต์: 174
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 59

โพสต์

กายหลับแต่ใจไม่หลับ

หลวงพ่อเคยเล่าว่า สมัยก่อนท่านฟังเทปของพระอาจารย์ของท่านจนเคลิ้มจะหลับ วินาทีนั้นเองที่ท่านพยายามกระชากและดึงความรู้สึกของท่านให้ตื่นขึ้นมา ไม่ยอมให้หลับ ใหม่ ๆ ท่านว่า มันหลับไปก่อนทุกที เมื่อพยายามฝึกเข้าบ่อย ๆ สติมันก็เริ่มตามทัน ในที่สุดก็ไม่หลับ แต่ความจริงร่างกายมันหลับไปแล้ว จิตที่ประกอบไปด้วยสติสัมปชัญญะต่างหากที่ไม่หลับ กลายเป็นผู้ตื่นตลอดเวลา

ช่วงนี้เองท่านว่าเราจะได้ยินธรรมะที่เราไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน บางทีก็เป็นธรรมะเฉพาะกิจ คือ สอนเฉพาะเราเท่านั้นก็มี

แต่ท่านกระซิบบอกว่า คุณเอ๋ย วิธีนี้ฝึกยากมากเพราะคุณจะต้องหาจุดที่มันกำลังจะหลับให้ได้พอดี ๆ แล้วพยายามกระชากหรือฝืนความรู้สึกไม่ให้หลับไป พยายามประคองสติให้ทันช่วงนั้น ต้องยอมรับว่ายากจริง ๆ เพราะบางครั้งเราอาจเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้ากับงานในระหว่างวัน ขนาดผมยังใช้เวลาฝึกถึง ๓ ปี ฟังเทปหลวงพ่อขาดเป็นม้วน ๆ ไปแล้ว
.................
การตื่นทั้ง ๆ ที่หลับนี่หนูก็ฝึกอยู่
เพราะสังเกตว่าอารมณ์ใจของตัวเองเวลาที่ตื่น มันเริ่มจะคุมได้แล้วให้ไม่ไปคิดชั่ว คืออย่างน้อยถ้าคิดมีสติดึงกลับได้
แต่เวลาหลับนี่สิคะ โดยเฉพาะถ้าฝันด้วยนี่ โอ๊ย.. ไปไหนไปกันเลย ไหลไปเรื่อย
เคยทำได้บ้างเหมือนกัน ๑-๒ ครั้ง คือหลับไปแล้วรู้ตัวว่าหลับแล้ว แต่ใจมันยังตื่น แต่ก็ทรงไว้ไม่ได้นานค่ะ วูบไปตอนไหนก็ไม่รู้
ยิ่งหลวงพ่อบอกว่าท่านฝึกตั้ง ๓ ปีกว่าจะได้ เลยไม่กล้าคิดเลยค่ะ ขนาดหลวงพ่อใช้ตั้ง ๓ ปี ๓๐ ปีหนูจะสำเร็จได้ไหมนี่
อีหนูตีแตก
saichon
Verified User
โพสต์: 1219
ผู้ติดตาม: 0

เก็บตกจากพระอาจารย์

โพสต์ที่ 60

โพสต์

ตกลงคุณพี่พอใจ=คุณพี่ป้อม ถูกไหมคะ ในที่สุดก็รู้จักจนได้    

ยินดีด้วยครับ
ผมว่าคนดีย่อมเจอคนดีและสิ่งดีๆอยู่เสมอๆแบบนี้แหละครับ :wink: