ทำดีไม่มีผิดถูกหรอกค่ะsaichon เขียน:ผมทำโดยการตามดูกายดูจิตตัวเองเอาครับ
เช่น ผมเป็นคนชอบเผลอแล้วก็คิดฟุ้งซ่านครับ
พอผมเผลอหรือคิดผมก็พยายามกลับมารู้ตัว
พอโกรธก็รู้ทันมันตามที่มันเป็น โดยไม่ไปปรุงแต่งมัน(ไม่ไปร่วมใส่อารมณ์กับมัน)
ประมาณนี้แหละครับ ผมชอบที่วิธีนี้ทำได้ตลอดเวลา
พอมีกิเลสตัวไหนมาผมก็แค่ตามรู้ทันมันแค่นั้นเองครับ
ทำง่ายๆแบบนี้แหละครับ ผิดถูกยังไงรบกวนชี้แนะด้วยน๊ะครับ
ถือเป็นการแลกเปลี่ยนก็แล้วกันนะคะ ของหนูนี่ก็จะเป็นวิธีที่ทำได้ตลอดเวลาเหมือนกันค่ะ พูดตามตรงหนูไม่ได้นั่ง(แบบนั่งสมาธิ)สักเท่าไหร่เลยด้วย
หนูใช้จับลมหายใจค่ะ เข้าออกควบกับคำภาวนาหรือบทสวดยาวพอสมควร
ที่ใช้เป็นบทสวดเพราะว่าจะนับจำนวนรอบค่ะ
ลองดูว่าวันหนึ่ง ใส่แบบเต็ม ๆ เลยจะได้กี่รอบ (แบบเว้นเฉพาะตอนคุยกับชาวบ้าน) แล้วก็กำหนดจำนวนรอบนั้นเอาไว้ ทำไปทุกวันให้รอบเท่า ๆ กับจำนวนที่ว่า เพื่อให้ใจเราอยู่กับลมหายใจทั้งวัน มีสมาธิไม่ฟุ้งซ่านออกไป
มีที่มาด้วยค่ะ มันเกิดจากว่ามีช่วงหนึ่งมีเหตุด่วนเหตุร้ายกับชีวิต ก็คิดฟุ้งซ่านมาก ทั้งวันเต็มไปด้วยความทุกข์ค่ะ ห้ามไม่ได้ยั้งไม่อยู่ บางทีคิดไปเป็นหลายชั่วโมง จนต้องหาทางเอาตัวรอด ประยุกต์วิธีนี้มาใช้อย่างจริงจัง
ได้ผลดีมากค่ะ จากฟุ้งซ่านทีเป็นหลายชั่วโมง ก็ค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ เป็นแค่ไม่กี่ชั่วโมง จนเหลือแค่หน่วยนาที จนเกือบหายไปเลยค่ะ
เพราะระหว่างนั้น จิตมันมีสมาธิประกอบกับอ่านและฟังที่ครูอาจารย์สอน ได้คิดพิจารณาระหว่างที่มีสมาธิอยู่ด้วย มันก็ทำให้เกิดปัญญาขึ้น สามารถล่วงผ่านดับความทุกข์นั้นได้ จากที่ดับได้แค่ ๔-๕ นาที ก็ยืดเป็นวัน เป็นเดือน จนปัจจุบันนาน ๆ ไอ้เรื่องเน่า ๆ เก่า ๆ นั้นจะโผล่มากวนใจค่ะ
วิธีแบบดูจิตหนูไม่ได้ศึกษาละเอียดค่ะ เคยได้ยินผ่านบ้าง เข้าใจว่าน่าจะเป็นแนวเดียวกับมหาสติปัฏฐานถูกหรือไม่คะ แต่ถ้าเป็นมหาสติจะมีหมวดอานาปาบรรพ ซึ่งก็จับลมหายใจเหมือนกัน คุณ saichon จับลมหายใจด้วยหรือเปล่าคะ