อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 28, 2010 11:14 pm
อสังหาฯ โค้งแรกไฉไล
*QH - AP - PS - SPALI เจ๋ง
หุ้นอสังหาฯ เสน่ห์เย้ายวน เซียนหุ้นพร้อมใจฟันธงโค้งแรกปีนี้อวดกำไรสวย หลังลูกค้าเร่งทำธุรกรรมด้านที่อยู่อาศัย ก่อนมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอน และค่าจดจำนองหมดอายุ
31 พ.ค.นี้ ระบุผลงานโดดเด่นทั้งกลุ่ม ยกนิ้ว QH - AP - PS - SPALI เยี่ยม ทำนาย QH โชว์กำไร Q1/53 แข็งแกร่งแตะ 784.8 ลบ. พุ่งเกือบ 169% ขณะที่ AP เติบโตก้าวกระโดดแตะ 1.07 พันล้านบาท ฟากผู้บริหาร LPN มั่นใจผลงานทั้งปียังสุดยอด ปั๊มยอดขายแตะ 1.3 หมื่นลบ. พร้อมเดินหน้าเปิด 6 โครงการใหม่ ส่วน LH มั่นใจรายได้ทั้งปีโต 15% จากปีก่อน
จับตาผลประกอบการกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เตรียมประกาศงบไตรมาส 1/2553 มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นเป็นประวัติการณ์ หลังได้อานิสงส์จากมาตรการสนับสนุนทางภาษี โดยลูกค้าเร่งทำธุรกรรมการโอนที่อยู่อาศัย เพื่อให้ได้ทันกับมาตรการการจัดเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค.53 ซึ่งในส่วนของการลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์ เหลือ 0.01% จาก 2% และลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองเหลือ 0.01% จาก 1% ขณะที่ส่วนการลดภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3.3% เหลือ 0.11% ไม่มีการต่ออายุออกไป
อย่างไรก็ดี หลังจากสิ้นสุดมาตรการอสังหาฯ ดังกล่าวในเดือน พ.ค.นี้ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในเรื่องของการปรับขึ้นราคาขายที่อยู่อาศัย ทั้งในส่วนของบ้านและคอนโดมิเนียม ตามต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ขยับสูงขึ้นว่าเป็นเช่นใด
สำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์วานนี้ (28 เม.ย.53) ราคาหุ้น QH ปิดที่ 2.08 บาท ลดลง 0.06 บาท หรือ 2.80% มูลค่าการซื้อขาย 188.24 ล้านบาท, ราคาหุ้น AP ปิดที่ 4.96 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 89.68 ล้านบาท, ราคาหุ้น PS ปิดที่ 14.50 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ 2.68% มูลค่าการซื้อขาย 51.02 ล้านบาท, ราคาหุ้น SPALI ปิดที่ 7.65 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ 0.65% มูลค่าการซื้อขาย 59.83 ล้านบาท และราคาหุ้น LPN ปิดที่ 6.35 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 1.55% มูลค่าการซื้อขาย 43.98 ล้านบาท และราคาหุ้น LH ปิดที่ 5.05 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 1.94% มูลค่าการซื้อขาย 247.79 ล้านบาท
SET Index ปิดที่ 749.49 จุด ลดลง 12.51 จุด หรือ 1.64% มูลค่าการซื้อขาย 18,531.97 ล้านบาท
****พัฒนสิน เผยผลงาน Q1/53 กลุ่มอสังหาฯ โชว์กำไรสูง หลังได้อานิสงส์มาตรการภาษีรัฐ เด่นทั้ง QH - AP - PS - LPN - SPALI - LH
บทวิเคราะห์ บล.พัฒนสิน ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/2553 กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยมีกำไรสุทธิเติบโตสูงจากไตรมาสก่อนหน้า จากโค้งสุดท้ายของมาตรการสนับสนุนทางภาษีของภาครัฐบาล
ทั้งนี้ หากเทียบกับผลประกอบการไตรมาส 1/2552 ขยายตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่น โดยคาดการณ์ QH มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 168.7%,AP มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 122%, PS มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 79.4%, LPN มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 53.6%, LH มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 39.2% และ SPALI มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 24.4%
****QH โชว์กำไร Q1/53 แข็งแกร่งแตะ 784.8 ลบ. พุ่งเกือบ 169% จากปีก่อน หลังรับรู้คิวเฮ้าส์คอนโดฯ สาทร - กำไรขาย QCON
บทวิเคราะห์ บล.พัฒนสิน ระบุว่า คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 1/2553 ของ QH แข็งแกร่งจากโครงการคอนโดคิวเฮาส์คอนโด สาทร โดยคาดว่ามีกำไรสุทธิ 784.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.5% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 168.7% จากปีก่อน หลังเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ คิวเฮาส์ คอนโด สาทร และกำไรจากการขาย QCON ที่มีการบันทึกเพียงครั้งเดียวจำนวน 83 ล้านบาท
อนึ่ง คาดว่า QH จะมีการโอนกรรมสิทธิ์โครงการคิวเฮาส์คอนโด สาทร ประมาณ 80% หรือคิดเป็นมูลค่า1.84 พันล้านบาทในไตรมาส 1/2553 นอกจากนี้อัตรากำไรของ QH ในไตรมาสนี้คาดว่าจะยังคงทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
****AP เติบโตก้าวกระโดดในโค้งแรกปีนี้ มีกำไร 1.07 พันล้านบาท หลังโอนคอนโดฯ 7 โครงการ
AP คาดการณ์รายได้ไตรมาส 1/2553 เติบโตก้าวกระโดดจากการโอนโครงการคอนโดฯ 7 โครงการ โดย AP ประเมินกำไรสุทธิจำนวน 1.07 พันล้านบาทสำหรับช่วงไตรมาส 1/2553 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 53.4% จากไตรมาสก่อน และ 122% จากงวดเดียวกันปีก่อน จากปัจจัยสำคัญคือการโอนห้องในโครงการคอนโดในโครงการ Life 5 โครงการ ที่สาทร ซ.10, สุทธิสาร, สุขุมวิท 65, รัชดา-ห้วยขวาง และ สุขุมวิท 67 รวมทั้งจากโครงการ The Address ชิดลม และ The Address ปทุมวัน ในขณะที่รายได้จากโครงการบ้านแนวราบน่าจะทรงตัวที่ประมาณ 1.5 พันล้านบาท
อนึ่ง บริษัทได้ขายหุ้น 15% ใน Q-CON ให้กับ SCG Building Materials โดดยคาดว่าจะมีกำไรจากการขายในครั้งนี้จำนวน 104.3 ล้านบาท ซึ่งจะมีการบันทึกในช่วง1Q10
****PS ได้โครงการไอวี่ รีเวอร์ - ไอวี่ สาทร ดันผลงาน Q1/53 สวย
PS มีการโอนโครงการไอวี่ รีเวอร์ และ ไอวี่ สาทร ซอย 10 เป็นปัจจัยผลักดันสำคัญสำหรับกำไรช่วงไตรมาส 1/2553 โดย PS น่าจะสามารถรายงานกำไรสุทธิจำนวน 1.23 พันล้านบาท สำหรับช่วงไตรมาส 1/2553 ลดลง 25% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 79.4% จากงวดปีก่อน ซึ่งคาดว่ารายได้จะอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญประมาณ 70.7% จากปีก่อน ซึ่งจะได้รับการผลักดันจากห้องที่เหลือของไอวี่ รีเวอร์ จำนวน 710 ล้านบาท และไอวี่ สาทร ซอย 10 จำนวน 848 ล้านบาท ก่อนที่จะสิทธิประโยชน์ทางภาษีจะหมดอายุลง
แต่อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรของ PS คาดว่าจะลดลงเป็น 38% ในช่วงไตรมาส 1/2553 เนื่องจากประมาณ 75% ของโครงการไอวี่ รีเวอร์ที่ทำให้อัตรากำไรเพิ่มสูงขึ้นนั้น ได้มีการโอนไปแล้วในช่วงไตรมาส 4/2552
****LPN อวด Presales Q1/53 สูงเป็นประวัติการณ์แตะ 6.65 พันล้านบาท แต่รับรู้กำไรลดลง หลังจำนวนเปิดโครงการใหม่ลดจากครึ่งหลังปีก่อนหน้า
LPN คาดกำไรช่วงไตรมาส 1/2553 อ่อนตัวลง เนื่องจากมีการโอนลดลง โดยคาดกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1/2553 เป็นจำนวน 169.2 ล้านบาท ลดลง 10.8% จากไตรมาสก่อน และ 53.6% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากรายได้อ่อนตัวลงจากการลดจำนวนการเปิดโครงการใหม่ลงจากช่วงครึ่งหลังปี 2551 ถึงครึ่งหลังปี 2552
ปัจจัยผลักดันสำคัญน่าจะมาจากโครงการลุมพินี สวีท พระราม 8 และ ลุมพินี เพลส รามอินทรา-หลักสี่ ที่คาดว่าจะมีการโอนในช่วงไตรมาส 1/2553 ทั้งนี้ คาดว่า อัตรากำไรของ LPN จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเป็น 30.5%จาก 29.6% ในช่วงไตรมาส 4/2552 เนื่องจากรายได้จากโครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ ที่มีอัตรากำไรอยู่ในระดับต่ำกว่าแบรนด์อื่นๆของบริษัทมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย
แต่อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของ LPN ถือว่ามีความแข็งแกร่ง จากยอด presales ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์จำนวน 6.65 พันล้านบาท ในช่วงไตรมาส 1/2553 ซึ่งมาจากการออกโครงการ ลุมพินี เพลส พระราม 4- กล้วยน้ำไท, ลุมพินีเพลส รัชโยธิน และ ลุมพินี คอนดดทาวน์ บางแค เทียบกับ presales 1.6 พัน
ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
****SPALI เจ๋ง รายได้พุ่งพรวดทั้งจากโครงการแนวราบและแนวสูง ประเมิน Q1/53 อวดกำไร 673.3 ล้านบาท
SPALI รายได้ยังเติบโตแข็งแกร่งจากทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม โดยคาดว่า SPALI จะรายงานกำไรสุทธิ 673.3 ล้านบาทในช่วง ไตรมาส 1/2553 เพิ่มขึ้น 1.8% จากไตรมาสก่อน และ 24.4% จากปีก่อนหน้า จากรายได้ที่เติบโตแข็งแกร่ง รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 34% เป็น 2.8 พันล้านบาท โดยครึ่งหนึ่งมากจากโครงการแนวราบและอีกครึ่งหนึ่งมาจากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดมิเนียม ได้แก่ โครงการซิตี้โฮม รัชดา-ปิ่นเกล้า โครงการศุภาลัยคาซ่า ริว่า โครงการศุภาลัยพาร์ค ศรีนครินทร์และโครงการศุภาลัย คาซ่า ริว่า วิสต้า II ในขณะเดียวกัน คาดว่าอัตรากำไรขึ้นต้นของ SPALI ในช่วงไตรมาส 1/2553 จะลดลงเหลือ 41% เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมลดลง
****รายได้ - กำไร LH ใน Q1/53 ลดลง หลังการเติบโตรายได้อ่อนตัวลงเทียบ Q4/52 เหตุรับรู้รายได้จากโครงการ เดอะรูม รัชดา-ลาดพร้าวแค่เล็กน้อย
LH คาดรายได้ลดลงในช่วงไตรมาส 1/2553 จากการรับรู้รายได้ที่ลดลงของโครงการ เดอะรูม รัชดา-ลาดพร้าว โดยคาดว่า LH จะรายงานกำไรสุทธิช่วงไตรมาส 1/2553 เป็นจำนวน 896 ล้านบาท ลดลง 10.6% จากไตรมาสก่อน และ เพิ่มขึ้น 39.2% จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตรายได้ที่อ่อนตัวลง เทียบกับในช่วงไตรมาส 4/2552 ซึ่งหลักๆเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ที่ลดลง จากโครงการ เดอะรูม รัชดา-ลาดพร้าว ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่จำนวน 248 ล้านบาท จาก 667 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 4/2552 อัตรากำไรคากว่าจะลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เป็น 30.2% เนื่องจากกำไรจากโครงการคอนโดลดลง เช่นเดียวกับ AP และ QH, LH จะบันทึกกำไรจากรายการพิเศษจำนวนประมาณ 32.9 ล้านบาท จากการขายหุ้น10.25% ใน Q-CON ในช่วงไตรมาส1/2553 แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังถือหุ้นที่เหลืออีก 21.16%ใน Q-CON
****นครหลวงไทย ชี้ผลงาน LPN โค้งแรกต่ำสุดของปีแล้ว ไตรมาสที่เหลือกลับมาผงาดเต็มภาคภูมิ หลังมีหลายโครงการรอรับรู้ แนะเก็งกำไร พื้นฐาน 7.40 บ.
บทวิเคราะห์ สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ระบุว่า LPN ประสบความสำเร็จจากการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม 2 แห่งใน Q1/53 รวมมูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท คือ โครงการลุมพินีเพลส รัชโยธิน มูลค่า 3,000 ล้านบาทและโครงการลุมพินีเพลส พระราม 4 มูลค่า 1,550 ล้านบาท ทำให้มียอด Presale ของไตรมาสเติบโต 250% yoy และ 3% qoq ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ต่อยอดความแข็งแกร่งของ Backlog ในปีหน้าเป็นต้นไป ขณะที่การรับรู้รายได้ใน Q1/53 ส่วนมากเป็นโครงการขนาดเล็กจึงทำให้คาดรายได้จะลดลง 28.9% yoy และ 29.7% qoq และคาดกำไรสุทธิที่ 216 ล้านบาท ลดลง 40.7% yoy แต่เพิ่มขึ้น 13.7% qoq
จากแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ที่ประมาณ 6 8 โครงการ มูลค่า 13,000 16,000 ล้านบาท LPN จึงคงเป้ายอด Presale ของปี 2553 ที่ 13,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 20% yoy และยอด Presale ใน Q1/53 คิดเป็นสัดส่วน 44.4% ของเป้าทั้งหมดในปีนี้ ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์ฯ คาดว่า LPN จะสามารถทำยอดขายได้ถึงเป้าหากไม่มีความล่าช้าของการเปิดโครงการใหม่
สำหรับผลประเมินกำไรสุทธิของ Q1/53 ที่เท่ากับ 216 ล้านบาทลดลง 40.7% yoy แต่เพิ่มขึ้น 13.7% qoq ถึงแม้ว่าประมาณการรายได้ของ LPN ใน Q1/53 จะลดลง แต่กำไรสุทธิที่คาดว่าเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเป็นผลมาจากสัดส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่คาดว่าน้อยลงโดย เฉพาะการลดลงของการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงาน ขณะที่อัตราการทำกำไรขั้นต้นคาดที่ 30.8% เปรียบเทียบกับ Q4/52 ที่ 29.6% และ Q1/53 ที่ 30.6% ส่งผลให้คาดว่ากำไรสุทธิจะเท่ากับ 216 ล้านบาท ลดลง 40.7% yoy แต่เพิ่มขึ้น 13.7% qoq
ขณะที่ตารางการรับรู้รายได้ของโครงการที่คาดว่าจะสร้างเสร็จใน 3 ไตรมาสที่เหลือของปี ซึ่งหลายโครงการมีมูลค่าโครงการในระดับสูง เช่น โครงการลุมพินี เพลส พระราม 9 เฟส 1 มูลค่า 2,600 ล้านบาทจะรับรู้ใน Q2/53 โครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา-นวมินทร์ มูลค่าโครงการ 2,250 ล้านบาทรับรู้ใน Q3/53 โครงการ ลุมพนี วิลล์ ลาดพร้าว โชคชัย 4 มูลค่าโครงการ 1,360 ล้านบาทรับรู้ใน Q4/53 และโครงการลุมพินี วิลล์ ราษฎร์บูรณะ ริเวอร์วิว มูลค่า 1,200 ล้านบาทรับรู้ใน Q4/53 ดังนั้น จึงคงประมาณการรายได้ในปี 2553 ที่เท่ากับ 9,683 ล้านบาทเติบโต 13.7% yoy ขณะที่กำไรสุทธิคาดเท่ากับ 1,449 ล้านบาทเติบโต 6.6% yoy
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ประเมินว่าโครงการขนาดใหญ่ที่จะรับรู้ในปีนี้จะทำให้ 3 ไตรมาสที่เหลือของ LPN มีผลประกอบการโดดเด่นกว่า Q1/53 แนะนำเก็งกำไร จากประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ LPN ด้วยวิธี DDM ได้ราคาที่เหมาะสมเท่ากับในปี 2553 เท่ากับ 7.40 บาทต่อหุ้น
****ทรีนีตี้ ฟันธง AP อวดกำไร Q1/53 แตะ 1.01 พันล้านบาท สูงสุดของปีนี้ แถมมีปันผลหุ้นละ 32 สตางค์ เชียร์ซื้อ เป้าหมาย 7.6 บาท
บทวิเคราะห์ บล.ทรีนิตี้ แนะนำซื้อ AP ราคาเป้าหมาย 7.6 บาท โดยมีประเด็นพิจารณาดังนี้ ระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากผลประกอบการไตรมาส 1/53 ที่เติบโตดีสุดในปี 2553 คาดมีรายได้ 5,913 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110% YoY และมีกำไรสุทธิ 1,013 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111% YoY รวมถึงเงินปันผลอีก 0.32 บาท/หุ้น Yield 6.5% (XD 6 พ.ค. 2553) อีกทั้งราคาหุ้นในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ จึงมองว่าน่าเข้าซื้อในช่วงนี้ แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง แนะนำทยอยขายเนื่องจากผลประกอบการที่จะอ่อนตัวลงหลังไตรมาส 1/53 เป็นต้นไป
****คันทรี่ กรุ๊ป ชี้อสังหาฯ Q1/53 เริงร่า หลังลูกค้าเร่งทำธุรกรรมโอนที่อยู่อาศัยก่อนหมดเวลา 31 พ.ค.นี้ ยกนิ้ว PS - AP เจ๋ง
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการของธุรกิจอสังหาฯ ไตรมาส 1 ปี 2553 ขยายตัวได้ดีอย่างโดดเด่น หลังจากลูกค้าเร่งทำธุรกรรมการโอนที่อยู่อาศัย เพื่อให้ได้ทันกับมาตรการการจัดเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ ที่ขยายระยะเวลาไปถึง 31 พ.ค. 2553
โดยขณะนี้ได้ประเมินผลผประกอบการไตรมาสแรกไปแล้วบางบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯที่จะออกมาโดดเด่น ได้แก่ PS ที่ขยายตัว 70% เมื่อเทียบปีก่อน หรือคิดเป็น 1,200 ล้านบาท และ AP ขยายตัว 70% หรือคิดมูลค่า 830 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากนักลงทุนจะเข้าเก็งกำไรหุ้นกลุ่มอสังหาฯ แนะนำพิจารณาจากค่า P/E ต่ำ และการจ่ายเงินปันผลสูง ได้แก่ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (SPALI) ราคาเป้าหมาย 8.80 บาท โดย SPALI มีค่า P/E อยู่ที่ 6 เท่า และเงินจ่ายปันผล 8% ขณะที่บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท มีค่า P/E อยู่ที่ 4.4 เท่า และเงินจ่าย
ปันผล 9%
สำหรับแนวโน้มช่วงไตรมาส 2/2553 ผลประกอบการอสังหาฯ อาจจะขยายตัวได้ไม่มาก เพราะมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ รัฐหมดลง และจะทำให้ราคาบ้านปรับตัวเพิ่มขึ้น 2-3% หลังจากไตรมาส 2 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม จากการประเมินราคาวัสดุก่อสร้างจะยังปรับขึ้นไม่มาก ซึ่งเป็นไปตามทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับทรงตัว จึงเชื่อว่าแนวโน้มผลประกอบการของธุรกิจอสังหาฯ ในปีนี้ยังคงเติบโตได้ดี ส่วนปัจจัยการเมืองนั้นกระทบไม่มาก เพราะหากเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วการบริโภคจะเพิ่มขึ้น
****กสิกรไทย เชื่อหุ้นอสังหาฯ ไตรมาสแรกปีนี้เติบโตเป็นประวัติการณ์ QH - AP - SPALI น่าสนสุด
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า แนวโน้มการขยายตัวผลประกอบการของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสแรกปีนี้ เชื่อว่าจะเติบโตอย่างเป็นประวัติการณ์ เพราะแต่ละบริษัทฯ จะทยอยให้ลูกค้าเร่งโอนที่อยู่อาศัยให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2553 เพื่อที่จะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์จากรัฐบาลที่จะหมดอายุ 31 พฤษภาคมนี้ ทำให้แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่ 2 /2553 จะไม่ค่อยโดดเด่นเท่าใดนัก เนื่องจากประชาชนยังไม่เข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยช่วงนี้แต่อย่างใด หลังจากที่มีวันหยุดมาก นอกจากนี้ ยังไม่มีมาตรการจูงใจในการตัดสินใจการซื้อที่อยู่อาศัยด้วย รวมทั้งยังมีปัจจัยที่เข้ามากระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาบ้านอจปรับเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจที่สุดจากการประกาศผลประกอบการดังกล่าว ได้แก่ QH ราคาเป้าหมาย 3 บาท ส่วน AP ราคาเป้าหมาย 6.50บาท และ SPALI ราคาเป้าหมาย 10 บาท
****บิ๊ก LPN คาดยอดขาย Q1/53 เกิน 6 พันลบ.ส่วนทั้งปีคาดยอดขายแตะ 1.3 หมื่นลบ.พร้อมเดินหน้าเปิด 6 โครงการใหม่
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวว่า บริษัทฯ คาดว่ายอดขายในไตรมาส 1/53 จะสูงกว่า 6,000 ล้านบาท ขณะที่ทั้งปีนี้คาดว่าจะมียอดขายราว 13,000 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ ในกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอยู่จำนวนมาก อีกทั้งทำเลของโครงการอยู่ในบริเวณที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
โดยในปีนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่จำนวน 6 โครงการมูลค่ารวมประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการคอนโด ลุมพินี เพลส พระราม 4 - กล้วยน้ำไท และ คอนโด ลุมพินี เพลส รัชโยธิน ที่เปิดขายระหว่างวันที่ 20-21 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้มีการปิดโครงการแล้วโดยมียอดขายจาก 2 โครงการดังกล่าวที่ 4,700 ล้านบาท
****บิ๊ก PS ฟุ้งผลงานโค้งแรกปีนี้เยี่ยม หลังยอดขายทุบสถิติสูงสุดแตะ 8550 ลบ. พุ่ง 112% จากงวดปีก่อน ส่วนกำไรงามไม่แพ้กัน
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า บริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2553 จะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก เนื่องจากในไตรมาสนี้บริษัทฯ มียอดขาย (พรีเซลล์) อยู่ที่ประมาณ 8,550 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้น 112% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนและเพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาส 4/2552 รวมทั้งถือเป็นการทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีก่อน โดยสาเหตุหลักเกิดจากภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจต่างๆ ในประเทศที่มีการฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ยอดโอนมีมูลค่าประมาณ 6,700 ล้านบาท ดังนั้นมองว่าผลกำไรในไตรมาสดังกล่าวจะสามารถเติบโตไปในทิศทางเดียวกันได้
สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 2/53 มองว่ายังมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 1/53 ตามพื้นฐานทางเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้อยากให้ภาวะทางการเมืองซึ่งรวมถึงการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ไม่ยืดเยื้อมากนัก
แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้บริษัทฯ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองแต่อย่างใด ด้านแนวโน้มของราคาที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2 มองว่าจะอยู่ในลักษณะทรงตัว เนื่องจากเมื่อพิจารณาภาวะการแข่งขันและจากปัจจัยที่ไม่ดีนัก อาจทำให้บริษัทอสังหาฯ แต่ละแห่งไม่กล้าที่จะปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อลูกค้าเป้าหมาย แต่อย่างไรก็ตามในช่วงเดือนเม.ย.ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอาจเบาบางลงเล็กน้อย แต่ถือเป็นปกติของในช่วงเดือนนี้ ซึ่งในเดือนเม.ย.เพียงเดือนเดียวบริษัทฯ มียอดขายสูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนประมาณ 70-80% แล้ว
****บิ๊ก LH ส่งซิกอวดยอดขาย - รายได้ Q1/53 เยี่ยม หลังได้รับปัจจัยบวกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ มั่นใจรายได้ทั้งปีโต 15% จากปีก่อน
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH กล่าวว่า แนวโน้มรายได้และยอดขายในไตรมาส 1/53 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งถือเป็นช่วงที่แย่ของบริษัทฯ จากผลกระทบภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ส่งผลให้ผู้บริโภคเร่งซื้อบ้านเพื่อได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีก่อนจะหมดอายุลง ซึ่งการที่รัฐบาลมีการตัดสินใจต่ออายุมาตรการดังกล่าวถึงเดือน พ.ค. 2553 น่าจะเป็นปัจจัยบวกจูงใจให้ลูกค้ามียอดการโอนมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะโต 15% จากปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ พร้อมทั้งในปีนี้มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่จำนวน 17 โครงการ มูลค่ารวม 30,495 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 10 โครงการ โครงการทาวน์เฮ้าส์ 3 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ
อย่างไรก็ดี พิจารณาจากปัจจัยเสี่ยงหลักที่มีต่อการดำเนินธุรกิจในขณะนี้คือสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังมีการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยกังวลว่าหากสถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างยืดเยื้อและเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคให้ลดลง และกำลังซื้อให้ชะลอตัวลง
http://www.efinancethai.com/hotnews/fra ... &release=y
*QH - AP - PS - SPALI เจ๋ง
หุ้นอสังหาฯ เสน่ห์เย้ายวน เซียนหุ้นพร้อมใจฟันธงโค้งแรกปีนี้อวดกำไรสวย หลังลูกค้าเร่งทำธุรกรรมด้านที่อยู่อาศัย ก่อนมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอน และค่าจดจำนองหมดอายุ
31 พ.ค.นี้ ระบุผลงานโดดเด่นทั้งกลุ่ม ยกนิ้ว QH - AP - PS - SPALI เยี่ยม ทำนาย QH โชว์กำไร Q1/53 แข็งแกร่งแตะ 784.8 ลบ. พุ่งเกือบ 169% ขณะที่ AP เติบโตก้าวกระโดดแตะ 1.07 พันล้านบาท ฟากผู้บริหาร LPN มั่นใจผลงานทั้งปียังสุดยอด ปั๊มยอดขายแตะ 1.3 หมื่นลบ. พร้อมเดินหน้าเปิด 6 โครงการใหม่ ส่วน LH มั่นใจรายได้ทั้งปีโต 15% จากปีก่อน
จับตาผลประกอบการกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เตรียมประกาศงบไตรมาส 1/2553 มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นเป็นประวัติการณ์ หลังได้อานิสงส์จากมาตรการสนับสนุนทางภาษี โดยลูกค้าเร่งทำธุรกรรมการโอนที่อยู่อาศัย เพื่อให้ได้ทันกับมาตรการการจัดเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค.53 ซึ่งในส่วนของการลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์ เหลือ 0.01% จาก 2% และลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองเหลือ 0.01% จาก 1% ขณะที่ส่วนการลดภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3.3% เหลือ 0.11% ไม่มีการต่ออายุออกไป
อย่างไรก็ดี หลังจากสิ้นสุดมาตรการอสังหาฯ ดังกล่าวในเดือน พ.ค.นี้ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในเรื่องของการปรับขึ้นราคาขายที่อยู่อาศัย ทั้งในส่วนของบ้านและคอนโดมิเนียม ตามต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ขยับสูงขึ้นว่าเป็นเช่นใด
สำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์วานนี้ (28 เม.ย.53) ราคาหุ้น QH ปิดที่ 2.08 บาท ลดลง 0.06 บาท หรือ 2.80% มูลค่าการซื้อขาย 188.24 ล้านบาท, ราคาหุ้น AP ปิดที่ 4.96 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 89.68 ล้านบาท, ราคาหุ้น PS ปิดที่ 14.50 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ 2.68% มูลค่าการซื้อขาย 51.02 ล้านบาท, ราคาหุ้น SPALI ปิดที่ 7.65 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ 0.65% มูลค่าการซื้อขาย 59.83 ล้านบาท และราคาหุ้น LPN ปิดที่ 6.35 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 1.55% มูลค่าการซื้อขาย 43.98 ล้านบาท และราคาหุ้น LH ปิดที่ 5.05 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 1.94% มูลค่าการซื้อขาย 247.79 ล้านบาท
SET Index ปิดที่ 749.49 จุด ลดลง 12.51 จุด หรือ 1.64% มูลค่าการซื้อขาย 18,531.97 ล้านบาท
****พัฒนสิน เผยผลงาน Q1/53 กลุ่มอสังหาฯ โชว์กำไรสูง หลังได้อานิสงส์มาตรการภาษีรัฐ เด่นทั้ง QH - AP - PS - LPN - SPALI - LH
บทวิเคราะห์ บล.พัฒนสิน ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/2553 กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยมีกำไรสุทธิเติบโตสูงจากไตรมาสก่อนหน้า จากโค้งสุดท้ายของมาตรการสนับสนุนทางภาษีของภาครัฐบาล
ทั้งนี้ หากเทียบกับผลประกอบการไตรมาส 1/2552 ขยายตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่น โดยคาดการณ์ QH มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 168.7%,AP มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 122%, PS มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 79.4%, LPN มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 53.6%, LH มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 39.2% และ SPALI มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 24.4%
****QH โชว์กำไร Q1/53 แข็งแกร่งแตะ 784.8 ลบ. พุ่งเกือบ 169% จากปีก่อน หลังรับรู้คิวเฮ้าส์คอนโดฯ สาทร - กำไรขาย QCON
บทวิเคราะห์ บล.พัฒนสิน ระบุว่า คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 1/2553 ของ QH แข็งแกร่งจากโครงการคอนโดคิวเฮาส์คอนโด สาทร โดยคาดว่ามีกำไรสุทธิ 784.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.5% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 168.7% จากปีก่อน หลังเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ คิวเฮาส์ คอนโด สาทร และกำไรจากการขาย QCON ที่มีการบันทึกเพียงครั้งเดียวจำนวน 83 ล้านบาท
อนึ่ง คาดว่า QH จะมีการโอนกรรมสิทธิ์โครงการคิวเฮาส์คอนโด สาทร ประมาณ 80% หรือคิดเป็นมูลค่า1.84 พันล้านบาทในไตรมาส 1/2553 นอกจากนี้อัตรากำไรของ QH ในไตรมาสนี้คาดว่าจะยังคงทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
****AP เติบโตก้าวกระโดดในโค้งแรกปีนี้ มีกำไร 1.07 พันล้านบาท หลังโอนคอนโดฯ 7 โครงการ
AP คาดการณ์รายได้ไตรมาส 1/2553 เติบโตก้าวกระโดดจากการโอนโครงการคอนโดฯ 7 โครงการ โดย AP ประเมินกำไรสุทธิจำนวน 1.07 พันล้านบาทสำหรับช่วงไตรมาส 1/2553 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 53.4% จากไตรมาสก่อน และ 122% จากงวดเดียวกันปีก่อน จากปัจจัยสำคัญคือการโอนห้องในโครงการคอนโดในโครงการ Life 5 โครงการ ที่สาทร ซ.10, สุทธิสาร, สุขุมวิท 65, รัชดา-ห้วยขวาง และ สุขุมวิท 67 รวมทั้งจากโครงการ The Address ชิดลม และ The Address ปทุมวัน ในขณะที่รายได้จากโครงการบ้านแนวราบน่าจะทรงตัวที่ประมาณ 1.5 พันล้านบาท
อนึ่ง บริษัทได้ขายหุ้น 15% ใน Q-CON ให้กับ SCG Building Materials โดดยคาดว่าจะมีกำไรจากการขายในครั้งนี้จำนวน 104.3 ล้านบาท ซึ่งจะมีการบันทึกในช่วง1Q10
****PS ได้โครงการไอวี่ รีเวอร์ - ไอวี่ สาทร ดันผลงาน Q1/53 สวย
PS มีการโอนโครงการไอวี่ รีเวอร์ และ ไอวี่ สาทร ซอย 10 เป็นปัจจัยผลักดันสำคัญสำหรับกำไรช่วงไตรมาส 1/2553 โดย PS น่าจะสามารถรายงานกำไรสุทธิจำนวน 1.23 พันล้านบาท สำหรับช่วงไตรมาส 1/2553 ลดลง 25% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 79.4% จากงวดปีก่อน ซึ่งคาดว่ารายได้จะอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญประมาณ 70.7% จากปีก่อน ซึ่งจะได้รับการผลักดันจากห้องที่เหลือของไอวี่ รีเวอร์ จำนวน 710 ล้านบาท และไอวี่ สาทร ซอย 10 จำนวน 848 ล้านบาท ก่อนที่จะสิทธิประโยชน์ทางภาษีจะหมดอายุลง
แต่อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรของ PS คาดว่าจะลดลงเป็น 38% ในช่วงไตรมาส 1/2553 เนื่องจากประมาณ 75% ของโครงการไอวี่ รีเวอร์ที่ทำให้อัตรากำไรเพิ่มสูงขึ้นนั้น ได้มีการโอนไปแล้วในช่วงไตรมาส 4/2552
****LPN อวด Presales Q1/53 สูงเป็นประวัติการณ์แตะ 6.65 พันล้านบาท แต่รับรู้กำไรลดลง หลังจำนวนเปิดโครงการใหม่ลดจากครึ่งหลังปีก่อนหน้า
LPN คาดกำไรช่วงไตรมาส 1/2553 อ่อนตัวลง เนื่องจากมีการโอนลดลง โดยคาดกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1/2553 เป็นจำนวน 169.2 ล้านบาท ลดลง 10.8% จากไตรมาสก่อน และ 53.6% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากรายได้อ่อนตัวลงจากการลดจำนวนการเปิดโครงการใหม่ลงจากช่วงครึ่งหลังปี 2551 ถึงครึ่งหลังปี 2552
ปัจจัยผลักดันสำคัญน่าจะมาจากโครงการลุมพินี สวีท พระราม 8 และ ลุมพินี เพลส รามอินทรา-หลักสี่ ที่คาดว่าจะมีการโอนในช่วงไตรมาส 1/2553 ทั้งนี้ คาดว่า อัตรากำไรของ LPN จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเป็น 30.5%จาก 29.6% ในช่วงไตรมาส 4/2552 เนื่องจากรายได้จากโครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ ที่มีอัตรากำไรอยู่ในระดับต่ำกว่าแบรนด์อื่นๆของบริษัทมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย
แต่อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของ LPN ถือว่ามีความแข็งแกร่ง จากยอด presales ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์จำนวน 6.65 พันล้านบาท ในช่วงไตรมาส 1/2553 ซึ่งมาจากการออกโครงการ ลุมพินี เพลส พระราม 4- กล้วยน้ำไท, ลุมพินีเพลส รัชโยธิน และ ลุมพินี คอนดดทาวน์ บางแค เทียบกับ presales 1.6 พัน
ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
****SPALI เจ๋ง รายได้พุ่งพรวดทั้งจากโครงการแนวราบและแนวสูง ประเมิน Q1/53 อวดกำไร 673.3 ล้านบาท
SPALI รายได้ยังเติบโตแข็งแกร่งจากทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม โดยคาดว่า SPALI จะรายงานกำไรสุทธิ 673.3 ล้านบาทในช่วง ไตรมาส 1/2553 เพิ่มขึ้น 1.8% จากไตรมาสก่อน และ 24.4% จากปีก่อนหน้า จากรายได้ที่เติบโตแข็งแกร่ง รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 34% เป็น 2.8 พันล้านบาท โดยครึ่งหนึ่งมากจากโครงการแนวราบและอีกครึ่งหนึ่งมาจากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดมิเนียม ได้แก่ โครงการซิตี้โฮม รัชดา-ปิ่นเกล้า โครงการศุภาลัยคาซ่า ริว่า โครงการศุภาลัยพาร์ค ศรีนครินทร์และโครงการศุภาลัย คาซ่า ริว่า วิสต้า II ในขณะเดียวกัน คาดว่าอัตรากำไรขึ้นต้นของ SPALI ในช่วงไตรมาส 1/2553 จะลดลงเหลือ 41% เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมลดลง
****รายได้ - กำไร LH ใน Q1/53 ลดลง หลังการเติบโตรายได้อ่อนตัวลงเทียบ Q4/52 เหตุรับรู้รายได้จากโครงการ เดอะรูม รัชดา-ลาดพร้าวแค่เล็กน้อย
LH คาดรายได้ลดลงในช่วงไตรมาส 1/2553 จากการรับรู้รายได้ที่ลดลงของโครงการ เดอะรูม รัชดา-ลาดพร้าว โดยคาดว่า LH จะรายงานกำไรสุทธิช่วงไตรมาส 1/2553 เป็นจำนวน 896 ล้านบาท ลดลง 10.6% จากไตรมาสก่อน และ เพิ่มขึ้น 39.2% จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตรายได้ที่อ่อนตัวลง เทียบกับในช่วงไตรมาส 4/2552 ซึ่งหลักๆเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ที่ลดลง จากโครงการ เดอะรูม รัชดา-ลาดพร้าว ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่จำนวน 248 ล้านบาท จาก 667 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 4/2552 อัตรากำไรคากว่าจะลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เป็น 30.2% เนื่องจากกำไรจากโครงการคอนโดลดลง เช่นเดียวกับ AP และ QH, LH จะบันทึกกำไรจากรายการพิเศษจำนวนประมาณ 32.9 ล้านบาท จากการขายหุ้น10.25% ใน Q-CON ในช่วงไตรมาส1/2553 แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังถือหุ้นที่เหลืออีก 21.16%ใน Q-CON
****นครหลวงไทย ชี้ผลงาน LPN โค้งแรกต่ำสุดของปีแล้ว ไตรมาสที่เหลือกลับมาผงาดเต็มภาคภูมิ หลังมีหลายโครงการรอรับรู้ แนะเก็งกำไร พื้นฐาน 7.40 บ.
บทวิเคราะห์ สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ระบุว่า LPN ประสบความสำเร็จจากการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม 2 แห่งใน Q1/53 รวมมูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท คือ โครงการลุมพินีเพลส รัชโยธิน มูลค่า 3,000 ล้านบาทและโครงการลุมพินีเพลส พระราม 4 มูลค่า 1,550 ล้านบาท ทำให้มียอด Presale ของไตรมาสเติบโต 250% yoy และ 3% qoq ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ต่อยอดความแข็งแกร่งของ Backlog ในปีหน้าเป็นต้นไป ขณะที่การรับรู้รายได้ใน Q1/53 ส่วนมากเป็นโครงการขนาดเล็กจึงทำให้คาดรายได้จะลดลง 28.9% yoy และ 29.7% qoq และคาดกำไรสุทธิที่ 216 ล้านบาท ลดลง 40.7% yoy แต่เพิ่มขึ้น 13.7% qoq
จากแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ที่ประมาณ 6 8 โครงการ มูลค่า 13,000 16,000 ล้านบาท LPN จึงคงเป้ายอด Presale ของปี 2553 ที่ 13,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 20% yoy และยอด Presale ใน Q1/53 คิดเป็นสัดส่วน 44.4% ของเป้าทั้งหมดในปีนี้ ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์ฯ คาดว่า LPN จะสามารถทำยอดขายได้ถึงเป้าหากไม่มีความล่าช้าของการเปิดโครงการใหม่
สำหรับผลประเมินกำไรสุทธิของ Q1/53 ที่เท่ากับ 216 ล้านบาทลดลง 40.7% yoy แต่เพิ่มขึ้น 13.7% qoq ถึงแม้ว่าประมาณการรายได้ของ LPN ใน Q1/53 จะลดลง แต่กำไรสุทธิที่คาดว่าเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเป็นผลมาจากสัดส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่คาดว่าน้อยลงโดย เฉพาะการลดลงของการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงาน ขณะที่อัตราการทำกำไรขั้นต้นคาดที่ 30.8% เปรียบเทียบกับ Q4/52 ที่ 29.6% และ Q1/53 ที่ 30.6% ส่งผลให้คาดว่ากำไรสุทธิจะเท่ากับ 216 ล้านบาท ลดลง 40.7% yoy แต่เพิ่มขึ้น 13.7% qoq
ขณะที่ตารางการรับรู้รายได้ของโครงการที่คาดว่าจะสร้างเสร็จใน 3 ไตรมาสที่เหลือของปี ซึ่งหลายโครงการมีมูลค่าโครงการในระดับสูง เช่น โครงการลุมพินี เพลส พระราม 9 เฟส 1 มูลค่า 2,600 ล้านบาทจะรับรู้ใน Q2/53 โครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา-นวมินทร์ มูลค่าโครงการ 2,250 ล้านบาทรับรู้ใน Q3/53 โครงการ ลุมพนี วิลล์ ลาดพร้าว โชคชัย 4 มูลค่าโครงการ 1,360 ล้านบาทรับรู้ใน Q4/53 และโครงการลุมพินี วิลล์ ราษฎร์บูรณะ ริเวอร์วิว มูลค่า 1,200 ล้านบาทรับรู้ใน Q4/53 ดังนั้น จึงคงประมาณการรายได้ในปี 2553 ที่เท่ากับ 9,683 ล้านบาทเติบโต 13.7% yoy ขณะที่กำไรสุทธิคาดเท่ากับ 1,449 ล้านบาทเติบโต 6.6% yoy
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ประเมินว่าโครงการขนาดใหญ่ที่จะรับรู้ในปีนี้จะทำให้ 3 ไตรมาสที่เหลือของ LPN มีผลประกอบการโดดเด่นกว่า Q1/53 แนะนำเก็งกำไร จากประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ LPN ด้วยวิธี DDM ได้ราคาที่เหมาะสมเท่ากับในปี 2553 เท่ากับ 7.40 บาทต่อหุ้น
****ทรีนีตี้ ฟันธง AP อวดกำไร Q1/53 แตะ 1.01 พันล้านบาท สูงสุดของปีนี้ แถมมีปันผลหุ้นละ 32 สตางค์ เชียร์ซื้อ เป้าหมาย 7.6 บาท
บทวิเคราะห์ บล.ทรีนิตี้ แนะนำซื้อ AP ราคาเป้าหมาย 7.6 บาท โดยมีประเด็นพิจารณาดังนี้ ระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากผลประกอบการไตรมาส 1/53 ที่เติบโตดีสุดในปี 2553 คาดมีรายได้ 5,913 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110% YoY และมีกำไรสุทธิ 1,013 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111% YoY รวมถึงเงินปันผลอีก 0.32 บาท/หุ้น Yield 6.5% (XD 6 พ.ค. 2553) อีกทั้งราคาหุ้นในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ จึงมองว่าน่าเข้าซื้อในช่วงนี้ แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง แนะนำทยอยขายเนื่องจากผลประกอบการที่จะอ่อนตัวลงหลังไตรมาส 1/53 เป็นต้นไป
****คันทรี่ กรุ๊ป ชี้อสังหาฯ Q1/53 เริงร่า หลังลูกค้าเร่งทำธุรกรรมโอนที่อยู่อาศัยก่อนหมดเวลา 31 พ.ค.นี้ ยกนิ้ว PS - AP เจ๋ง
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการของธุรกิจอสังหาฯ ไตรมาส 1 ปี 2553 ขยายตัวได้ดีอย่างโดดเด่น หลังจากลูกค้าเร่งทำธุรกรรมการโอนที่อยู่อาศัย เพื่อให้ได้ทันกับมาตรการการจัดเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ ที่ขยายระยะเวลาไปถึง 31 พ.ค. 2553
โดยขณะนี้ได้ประเมินผลผประกอบการไตรมาสแรกไปแล้วบางบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯที่จะออกมาโดดเด่น ได้แก่ PS ที่ขยายตัว 70% เมื่อเทียบปีก่อน หรือคิดเป็น 1,200 ล้านบาท และ AP ขยายตัว 70% หรือคิดมูลค่า 830 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากนักลงทุนจะเข้าเก็งกำไรหุ้นกลุ่มอสังหาฯ แนะนำพิจารณาจากค่า P/E ต่ำ และการจ่ายเงินปันผลสูง ได้แก่ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (SPALI) ราคาเป้าหมาย 8.80 บาท โดย SPALI มีค่า P/E อยู่ที่ 6 เท่า และเงินจ่ายปันผล 8% ขณะที่บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท มีค่า P/E อยู่ที่ 4.4 เท่า และเงินจ่าย
ปันผล 9%
สำหรับแนวโน้มช่วงไตรมาส 2/2553 ผลประกอบการอสังหาฯ อาจจะขยายตัวได้ไม่มาก เพราะมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ รัฐหมดลง และจะทำให้ราคาบ้านปรับตัวเพิ่มขึ้น 2-3% หลังจากไตรมาส 2 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม จากการประเมินราคาวัสดุก่อสร้างจะยังปรับขึ้นไม่มาก ซึ่งเป็นไปตามทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับทรงตัว จึงเชื่อว่าแนวโน้มผลประกอบการของธุรกิจอสังหาฯ ในปีนี้ยังคงเติบโตได้ดี ส่วนปัจจัยการเมืองนั้นกระทบไม่มาก เพราะหากเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วการบริโภคจะเพิ่มขึ้น
****กสิกรไทย เชื่อหุ้นอสังหาฯ ไตรมาสแรกปีนี้เติบโตเป็นประวัติการณ์ QH - AP - SPALI น่าสนสุด
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า แนวโน้มการขยายตัวผลประกอบการของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสแรกปีนี้ เชื่อว่าจะเติบโตอย่างเป็นประวัติการณ์ เพราะแต่ละบริษัทฯ จะทยอยให้ลูกค้าเร่งโอนที่อยู่อาศัยให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2553 เพื่อที่จะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์จากรัฐบาลที่จะหมดอายุ 31 พฤษภาคมนี้ ทำให้แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่ 2 /2553 จะไม่ค่อยโดดเด่นเท่าใดนัก เนื่องจากประชาชนยังไม่เข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยช่วงนี้แต่อย่างใด หลังจากที่มีวันหยุดมาก นอกจากนี้ ยังไม่มีมาตรการจูงใจในการตัดสินใจการซื้อที่อยู่อาศัยด้วย รวมทั้งยังมีปัจจัยที่เข้ามากระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาบ้านอจปรับเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจที่สุดจากการประกาศผลประกอบการดังกล่าว ได้แก่ QH ราคาเป้าหมาย 3 บาท ส่วน AP ราคาเป้าหมาย 6.50บาท และ SPALI ราคาเป้าหมาย 10 บาท
****บิ๊ก LPN คาดยอดขาย Q1/53 เกิน 6 พันลบ.ส่วนทั้งปีคาดยอดขายแตะ 1.3 หมื่นลบ.พร้อมเดินหน้าเปิด 6 โครงการใหม่
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวว่า บริษัทฯ คาดว่ายอดขายในไตรมาส 1/53 จะสูงกว่า 6,000 ล้านบาท ขณะที่ทั้งปีนี้คาดว่าจะมียอดขายราว 13,000 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ ในกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอยู่จำนวนมาก อีกทั้งทำเลของโครงการอยู่ในบริเวณที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
โดยในปีนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่จำนวน 6 โครงการมูลค่ารวมประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการคอนโด ลุมพินี เพลส พระราม 4 - กล้วยน้ำไท และ คอนโด ลุมพินี เพลส รัชโยธิน ที่เปิดขายระหว่างวันที่ 20-21 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้มีการปิดโครงการแล้วโดยมียอดขายจาก 2 โครงการดังกล่าวที่ 4,700 ล้านบาท
****บิ๊ก PS ฟุ้งผลงานโค้งแรกปีนี้เยี่ยม หลังยอดขายทุบสถิติสูงสุดแตะ 8550 ลบ. พุ่ง 112% จากงวดปีก่อน ส่วนกำไรงามไม่แพ้กัน
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า บริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2553 จะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก เนื่องจากในไตรมาสนี้บริษัทฯ มียอดขาย (พรีเซลล์) อยู่ที่ประมาณ 8,550 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้น 112% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนและเพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาส 4/2552 รวมทั้งถือเป็นการทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีก่อน โดยสาเหตุหลักเกิดจากภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจต่างๆ ในประเทศที่มีการฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ยอดโอนมีมูลค่าประมาณ 6,700 ล้านบาท ดังนั้นมองว่าผลกำไรในไตรมาสดังกล่าวจะสามารถเติบโตไปในทิศทางเดียวกันได้
สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 2/53 มองว่ายังมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 1/53 ตามพื้นฐานทางเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้อยากให้ภาวะทางการเมืองซึ่งรวมถึงการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ไม่ยืดเยื้อมากนัก
แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้บริษัทฯ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองแต่อย่างใด ด้านแนวโน้มของราคาที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2 มองว่าจะอยู่ในลักษณะทรงตัว เนื่องจากเมื่อพิจารณาภาวะการแข่งขันและจากปัจจัยที่ไม่ดีนัก อาจทำให้บริษัทอสังหาฯ แต่ละแห่งไม่กล้าที่จะปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อลูกค้าเป้าหมาย แต่อย่างไรก็ตามในช่วงเดือนเม.ย.ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอาจเบาบางลงเล็กน้อย แต่ถือเป็นปกติของในช่วงเดือนนี้ ซึ่งในเดือนเม.ย.เพียงเดือนเดียวบริษัทฯ มียอดขายสูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนประมาณ 70-80% แล้ว
****บิ๊ก LH ส่งซิกอวดยอดขาย - รายได้ Q1/53 เยี่ยม หลังได้รับปัจจัยบวกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ มั่นใจรายได้ทั้งปีโต 15% จากปีก่อน
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH กล่าวว่า แนวโน้มรายได้และยอดขายในไตรมาส 1/53 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งถือเป็นช่วงที่แย่ของบริษัทฯ จากผลกระทบภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ส่งผลให้ผู้บริโภคเร่งซื้อบ้านเพื่อได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีก่อนจะหมดอายุลง ซึ่งการที่รัฐบาลมีการตัดสินใจต่ออายุมาตรการดังกล่าวถึงเดือน พ.ค. 2553 น่าจะเป็นปัจจัยบวกจูงใจให้ลูกค้ามียอดการโอนมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะโต 15% จากปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ พร้อมทั้งในปีนี้มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่จำนวน 17 โครงการ มูลค่ารวม 30,495 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 10 โครงการ โครงการทาวน์เฮ้าส์ 3 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ
อย่างไรก็ดี พิจารณาจากปัจจัยเสี่ยงหลักที่มีต่อการดำเนินธุรกิจในขณะนี้คือสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังมีการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยกังวลว่าหากสถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างยืดเยื้อและเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคให้ลดลง และกำลังซื้อให้ชะลอตัวลง
http://www.efinancethai.com/hotnews/fra ... &release=y