หน้า 2 จากทั้งหมด 2

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 8:13 pm
โดย Dekfaifah
Anti-Aircraft เขียน: หลังจากเรียนจบทำงานมาได้ 2 - 3 ปีผมได้ยินคำพูดนี้บ่อยมาก จากคนรอบข้างหลายๆ คน ทั้งที่ทำงาน และที่บ้าน เพื่อสมัย ม.ปลาย หรือแม้แต่คนทีเคยบอกผมว่าชีวิตนี้ไม่ต้องการเงินทอง ขอเพียงได้ทำสิ่งที่เรารัก

สังคมเปลี่ยน คนเปลี่ยน วัยเปลี่ยน โลกเปลี่ยน เพื่อนเปลี่ยน ค่านิยมก็เปลี่ยน หลายคนละทิ้งเงินเพื่อความฝัน หลายคนละทิ้งความฝันเพื่อเงิน ขณะหลายคนละทิ้งความฝันเพื่อที่จะเป็นหนี้ เราบูชาคนที่มีบ้าน มีรถ ได้ตั้งแต่อายุยังน้อยอย่างนั้นหรือ หรือมันคือการสร้างอนาคตแก่ครอบครัว และใช้ชีวิตกับปัจจุบันอย่างคุ้มค่า

ขอเชิญชาว VI ทั้งมือใหม่และมือเก่าร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ อย่างไม่มีถูกผิดได้ที่นี่ครับ

ผมเชื่อว่าเราจะได้แนวทางอะไรดีๆ จากการเปิดเผยและรับฟังความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาและไม่มีอคติครับ

ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามา
"ต่อต้านอากาศยาน"

ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยละกันนะครับ

ผมเป็นคนนึงที่รายได้น้อยครับ ทำงานอยู่โรงงาน ภายใต้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นพนักงานสายการผลิต  รายได้น้อยค่าแรงก็ขั้นต่ำทั้งนั้นครับ แค่รายได้เอามาใช้ชีวิตประจำวันก็ยังจะยากเลย เพื่อนๆผมเหล่านี้ให้ความเห็นว่า " ถ้าไม่เป็นหนี้ ชีวิตจะไม่ขยันทำงาน"  อืมซึ่งผมฟังแล้วก็แอบ งง ๆ มานั่งสงสัยเราไม่เป็นหนี้มั้ง เราก็เลยไม่ขยัน  อีกอย่างคนที่ผมเจอส่วนใหญ่เค้ามีค่านิยมในการซื้อรถยนต์กัน  เหมือนเค้าหวังว่ามาทำงานต่างจังหวัดๆ ไกล ชีวิตนี้ต้องมีรถยนต์ให้ได้ แต่ลำพังการจะทำงานเก็บเงินไปเรื่อยๆนั้น ก็คงจะหมดกำลังใจไปก่อนกว่าจะเก็บเงินซื้อรถยนต์ซักคันได้ ก็คงจะแก่ตายกันไปก่อนพอดี  

ที่เล่ามาเป็นเพียงเสี้ยวส่วนนึงในความคิดผมนะครับ แล้วก็จากการพูดคุยกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่โรงงาน

ดังนั้นการที่ผมไม่เป็นหนี้ การที่ผมลงทุน กลายเป็นเรื่องแปลกประหลาดไป เหอะๆ

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 9:14 pm
โดย nun08
:D  :D   ทำอะไรให้พอดีกับสถานะตัวเราเองครับ....ไม่มากไป ไม่น้อยไป
:roll:

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 9:46 pm
โดย Anti-Aircraft
kurapica เขียน:ผมอยู่กับพ่อแม่ รถก็ใช้ของที่บ้าน บ้านก็ของพ่อแม่ วันๆแทบไม่ต้องใช้เงิน
มีรถให้ใช้ แต่ส่วนใหญ่ขี้เกียจขับ ชอบอยู่กับบ้านมากกว่า ออกไปข้างนอกร้อน
ผมคิดง่ายๆว่าระหว่าง การที่ต้องดิ้นรนหาเงินให้พอใช้ กับ การใช้เงินอย่างพอดีกับที่เราหาได้
อย่างแรกดูท่าจะต้องเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานหนักแต่อย่างหลังเราต้องควบคุมตัวเอง
เปรียบเทียบดูแล้ว ผมว่าควบคุมการใช้จ่ายน่าจะดีกว่าต้องดิ้นรนทำงานหนักเพื่อให้พอใช้
ผมเลยไม่คิดอะไรมาก ขอแค่มีกินมีใช้ ได้ทำสิ่งที่ชอบ มีความสุขทุกวัน อย่างมั่นคง นั่นแหละสุดยอดแล้ว
ผมเลยชอบคิดว่าทำไมต้องไปสนองอารมณ์ อารมณ์ต่างหากที่ต้องสนองความเหมาะสมของเรา
อ่า วิธีเดียวกับผมอะ ผมเพิ่ม FCF ได้เกือบเท่าตัวจากการควบคุมรายจ่ายครับเหตุผลเพราะผมไม่ค่อยมีหัวด้านการเพิ่มรายได้ด้วยแหละ เลยต้องใช้วิธีนี้

ความสุขของผมตอนนี้คือการนั่งจิบเบียร์ วิเคราะห์ธุรกิจกับเพื่อนครับ ต้นทุนต่ำ (ลีโอ คนละ 2 - 3 ขวด) แถมมีประโยชน์ด้วยนะ 555

ใครมีไอเดียดีๆ เกี่ยวกับการบริหารหนี้สิน มาแชร์กันนะครับ เอานอกหนือจากบ้านกับรถก็ได้นะ

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 10:54 pm
โดย แสนยานุภาพ
เป็นมนุษย์เงินเดือนเครดิตดี สามารถกู้เงินซื้อที่อยู่อาศัยได้ 100% ของราคาขาย และตอนนี้ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อที่อยู่อาศัยต่ำมาก เราก็ไปหาคอนโดทำเลดีๆ ที่สามารถให้ค่าเช่ากับเราได้มากกว่าเงินผ่อนและค่าส่วนกลาง (เผลอๆ อาจจะได้ค่าขนมด้วย) เมื่อเวลาผ่านไปเงินต้นจะลดลงและราคาห้องจะสูงขึ้น เราสามารถขายทำกำไรได้ทันทีเมื่อถึงเวลาเหมาะสม แต่ด้วยวิธีนี้เราสามารถกู้เงินได้จำกัด 100% ของราคาขาย ทำให้เราต้องมีต้นทุนในการจ่ายค่าใช้จ่ายจิปาฐะและตกแต่งห้องครับ  :D

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 10, 2010 2:14 am
โดย dome@perth
เมื่อก่อน มี 10 จะขอกู้ 90 เลยเป็นหนี้มาตลอด

พอเล่นหุ้นได้ปีหนึง มีเงินพอจะซื้อคอนโดได้
กำลังมองหา
อยาก...แค่อยากได้สิ่งที่ไม่เคยมี ทั้งที่ยังไม่จำเป็น
ความอยาก.....ไม่เข้าใครออกใคร
โชคดีโทรปรึกษาเพื่อน เลยโดนห้ามไว้

เลยคิดได้ เงินลงทุนเริ่มต้น
เหมือนไม้ต้นพึงได้กินผลปีแรก
จะตัดราก กิ่งก้าน ไปทำฟืน
ต้นไม้มันจะโตได้อย่างไร

หลังจากนั้นก็เห็นคุณค่าของเงินลงทุนเริ่มต้น
รอให้มันโตก่อน
อดเปรี้ยวไว้กินหวาน

รถก็ใช้รถบริษัท ไม่หรูหรา ก็ใช้ไปก่อน
บ้านก็เช่าไปก่อน ถูกกว่าต้องไปจ่ายดอกเบี้ย
ธนาคารหลายเท่าตัว

ตั้งเป้าไว้เหมือนพี่โต๊ด น้องโย
ครับจะไม่้ซื้อสินทรัพย์ เกิน 10% ของพอร์ต
สักวันหนึงมันต้องเป็นของเราครับ
:D

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 10, 2010 9:27 am
โดย SunShine@Night
[quote="แสนยานุภาพ"]เป็นมนุษย์เงินเดือนเครดิตดี สามารถกู้เงินซื้อที่อยู่อาศัยได้ 100% ของราคาขาย และตอนนี้ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อที่อยู่อาศัยต่ำมาก เราก็ไปหาคอนโดทำเลดีๆ ที่สามารถให้ค่าเช่ากับเราได้มากกว่าเงินผ่อนและค่าส่วนกลาง (เผลอๆ อาจจะได้ค่าขนมด้วย) เมื่อเวลาผ่านไปเงินต้นจะลดลงและราคาห้องจะสูงขึ้น เราสามารถขายทำกำไรได้ทันทีเมื่อถึงเวลาเหมาะสม แต่ด้วยวิธีนี้เราสามารถกู้เงินได้จำกัด 100% ของราคาขาย ทำให้เราต้องมีต้นทุนในการจ่ายค่าใช้จ่ายจิปาฐะและตกแต่งห้องครับ

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 10, 2010 11:51 am
โดย Paul VI
Anti-Aircraft เขียน:
เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยในช่วงจบมหาลัยอะครับ เพื่อนๆคนโน้นคนนี้มาเล่าให้ฟังจนเบื่อ เพื่อนคนนึงเด็ดที่สุดเลย คือมีแฟนสวยมาก หลังเรียนจบก็คุยกันเรื่องอนาคต แฟนก็บอกอยากได้นั่นได้นี่ ต้องมีบ้านอย่างงั้นมีรถอย่างงี้ ถึงจะแต่งงานด้วย แล้วก็บอกอยากแต่งก่อนอายุ 27 ด้วย เพื่อนผมด้วยความที่เป็นวิศวกร ก็เลยไปนั่งคำนวณงบประมาณตาม requirement ของเจ้าหล่อน

ประมาณ 8 ล้านครับ... ก็เลยเลิกกันไป

ยังไม่จบครับ

หลังจากนั้น 2 ปี









ผมก็โดนมั่งไงครับ 555

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 10, 2010 12:34 pm
โดย nun08
v

v
v


       :roll:  :roll:  โชคดีมากเลย พี่ pual  แต่สาวๆๆสมัยนี้มีความรู้สูง ขึ้น หาเลี้ยงตัวเองได้  ก็ต้องเลือกมากขึ้นเป็นธรรมดา.......เหออออ แล้วจะเจอมั๊ยๆๆใครสักคนนนนนั้นน  :lol:  :lol:

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 10, 2010 1:00 pm
โดย ซากคน
Anti-Aircraft เขียน: อ่า วิธีเดียวกับผมอะ ผมเพิ่ม FCF ได้เกือบเท่าตัวจากการควบคุมรายจ่ายครับเหตุผลเพราะผมไม่ค่อยมีหัวด้านการเพิ่มรายได้ด้วยแหละ เลยต้องใช้วิธีนี้

ความสุขของผมตอนนี้คือการนั่งจิบเบียร์ วิเคราะห์ธุรกิจกับเพื่อนครับ ต้นทุนต่ำ (ลีโอ คนละ 2 - 3 ขวด) แถมมีประโยชน์ด้วยนะ 555

ใครมีไอเดียดีๆ เกี่ยวกับการบริหารหนี้สิน มาแชร์กันนะครับ เอานอกหนือจากบ้านกับรถก็ได้นะ
ผมคิดว่าทุกอย่างเริ่มต้นที่  การมองคุณค่าสูงสุดในใจของแต่ละคน
สำหรับผมนั้น   ผมให้คุณค่าของการมีเงิน มั่งคั่ง เป็นอันดับ 1
หลังจากการถูกคุณแม่ปฏิเสธไม่ซื้อของเล่นมูลค่า 4 พันบาทตอนอายุ 9 ขวบ
(ประมาณ 2-3 ครั้งได้มั้งครับ)

ความผิดหวังที่เกิดขึ้น ทำให้มองว่า เงินซื้อของได้เกือบทุกอย่างที่อยากได้
และคิดว่าไม่น่าเกิน 2 ปี ของเล่น 4 พันบาทต้องตกเป็นของผมให้ได้
เลยเป็นที่มาของ การบริหารหนี้สินโดยไม่รู้ตัว ผมแค่คิดว่า  ผมอยากได้เท่าไหร่ ผมก็เอาส่วนนั้นหยอดกระปุก ส่วนที่เหลือ เป็นค่าขนมเท่านั้น

เวลาผ่านไป 2 ปี ผมกลับมาดูที่ชั้นวาง  ของเล่นชิ้นนั้นก็ยังอยู่
ลดราคาลงนิดหน่อยแต่พอผมไปเปิด catalog ของเล่น มันออก model
ที่สวยกว่า ราคาแพงกว่าเล็กน้อย

กลับมาถามใจตัวเองว่า
1.  เราอยากได้ของเล่น 4 พันบาทนี้อยู่เหรอ...ก็รู้สึกว่า รุ่นใหม่ สวยกว่า
2.  แล้ว model ใหม่นี้ล่ะ เอาไหม...ก็คิดว่า คงไม่มีโอกาสได้เล่นเยอะ
    เหมือนตอนอยุ่ ป.1-3 + เสียดายตังค์ที่เก็บมา

นำไปสู่ข้อสรุปอย่างรวดเร็วว่า

1. ในวันข้างหน้า ยังมีสิ่งที่เราอยากได้จริงๆหลายอย่าง  ไม่มีอะไรต้องรีบ
2. สุขของเราส่วนใหญ่อยุ่กับอะไร....ก็ได้กินอาหารอร่อยๆ ดูการ์ตูน เล่นเกมส์
   วิดีโอรุ่นเก่าๆ ไม่ต้องใช้เงินอะไรมากมาย
3. การเป็นเด็กที่มีเงินเก็บเยอะๆ + ตั้งใจเรียนขอทุนเรียนดีได้หลายๆปี
   มันดูเท่ห์กว่า เพื่อนรุ่นเดียวกันทั้งหมด

จนมาถึงวันนี้  ข้อ 3 ของผมนำไปสู่ข้อ 4 ที่ว่า การมุ่งมั่นสะสมเงินทุนเยอะ+มุ่งมั่นศึกษาหาความรู้และลงทุนอย่างต่อเนื่อง จนเป็นเศรษฐีก่อนอายุ 40 ปี  มันดูเหนือชั้นกว่า เพื่อนๆทีขอแค่ ความสุขทางใจ กับสุขขาจรที่ต้องใช้เงิน
เยอะ

ตั้งแต่เริ่มทำงาน ระดับการออมผมเฉลี่ยอยู่ที่ 65%  จนมาปีนี้ การออมผมขยับ
ขึ้นมาที่ 70 %  เพียงเพราะผมตัดค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งเป็น เงินให้คุณแม่ทุกเดือน + ทำบุญทุกเดือน   โดยที่ผมไม่ไปพะวงกับการลดค่าใช้จ่ายเลย
เพราะผมใช้หลัก  อยากได้เท่าไหร่  ก็หยิบเข้าหาตัวเท่านั้นครับ...

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 10, 2010 1:10 pm
โดย ซากคน
Anti-Aircraft เขียน:
เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยในช่วงจบมหาลัยอะครับ เพื่อนๆคนโน้นคนนี้มาเล่าให้ฟังจนเบื่อ เพื่อนคนนึงเด็ดที่สุดเลย คือมีแฟนสวยมาก หลังเรียนจบก็คุยกันเรื่องอนาคต แฟนก็บอกอยากได้นั่นได้นี่ ต้องมีบ้านอย่างงั้นมีรถอย่างงี้ ถึงจะแต่งงานด้วย แล้วก็บอกอยากแต่งก่อนอายุ 27 ด้วย เพื่อนผมด้วยความที่เป็นวิศวกร ก็เลยไปนั่งคำนวณงบประมาณตาม requirement ของเจ้าหล่อน

ประมาณ 8 ล้านครับ... ก็เลยเลิกกันไป

ยังไม่จบครับ

หลังจากนั้น 2 ปี

ผมก็โดนมั่งไงครับ 555

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 10, 2010 1:13 pm
โดย yoyo
Anti-Aircraft เขียน:
เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยในช่วงจบมหาลัยอะครับ เพื่อนๆคนโน้นคนนี้มาเล่าให้ฟังจนเบื่อ เพื่อนคนนึงเด็ดที่สุดเลย คือมีแฟนสวยมาก หลังเรียนจบก็คุยกันเรื่องอนาคต แฟนก็บอกอยากได้นั่นได้นี่ ต้องมีบ้านอย่างงั้นมีรถอย่างงี้ ถึงจะแต่งงานด้วย แล้วก็บอกอยากแต่งก่อนอายุ 27 ด้วย เพื่อนผมด้วยความที่เป็นวิศวกร ก็เลยไปนั่งคำนวณงบประมาณตาม requirement ของเจ้าหล่อน

ประมาณ 8 ล้านครับ... ก็เลยเลิกกันไป

ยังไม่จบครับ

หลังจากนั้น 2 ปี
ผมก็โดนมั่งไงครับ 555

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 10, 2010 2:17 pm
โดย zesar
จริง ๆ ผมว่าการเป็นหนี้ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรนะครับ แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน

ผมคิดว่าถ้าทำผลตอบแทนต่อปีได้มากกว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายหนี้ ก็ไม่น่าจะต้องซีเรียสอะไรกับการเป็นหนี้ก้อนใหญ่

การเป็นหนี้ซื้อบ้านก่อน เหมือนได้เริ่มใช้ชีวิตก่อนน่ะครับ อันนี้ก็แล้วแต่สไตล์ของแต่ละคน

คิดว่าจะต้องสำเร็จเท่านั้นเท่านี้ก่อน แล้วค่อยใช้ชีวิต
หรือใช้ชีวิตควบคู่ไปกับสร้างความสำเร็จ แต่ยอมสำเร็จช้าหน่อย มันก็แล้วแต่สไตล์ความต้องการในการใช้ชีวิตของแต่ละคนครับ

ไอ้การที่บอกว่ามีอิสรภาพทางการเงินแล้ว ไม่ต้องทำงาน อยู่เฉย ๆ ใช้ชีวิต สำหรับบางคนก็คงไม่ต้องการแบบนั้น

เพราะการทำงานที่ชอบของคนบางคนมันก็เป็นการใช้ชีึวิตของเค้าน่ะครับ ก็เหมือนกับว่า เค้าได้ใช้ชีวิตพร้อม ๆ กับสร้างอิสรภาพทางการเงินควบคู่กันไป

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 10, 2010 7:10 pm
โดย กุหลาบงามหลังฝน
เราเป็นเจ้ารถ หรือรถเป็นเจ้าของเรา :?:  :?:

หลายๆ ครั้ง การได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ให้ความสุข
กลับนำมาซึ่งความทุกข์

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 11, 2010 7:04 am
โดย vivitawin
yoyo เขียน:
เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยในช่วงจบมหาลัยอะครับ เพื่อนๆคนโน้นคนนี้มาเล่าให้ฟังจนเบื่อ เพื่อนคนนึงเด็ดที่สุดเลย คือมีแฟนสวยมาก หลังเรียนจบก็คุยกันเรื่องอนาคต แฟนก็บอกอยากได้นั่นได้นี่ ต้องมีบ้านอย่างงั้นมีรถอย่างงี้ ถึงจะแต่งงานด้วย แล้วก็บอกอยากแต่งก่อนอายุ 27 ด้วย เพื่อนผมด้วยความที่เป็นวิศวกร ก็เลยไปนั่งคำนวณงบประมาณตาม requirement ของเจ้าหล่อน

ประมาณ 8 ล้านครับ... ก็เลยเลิกกันไป

ยังไม่จบครับ

หลังจากนั้น 2 ปี
ผมก็โดนมั่งไงครับ 555

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 12, 2010 12:56 am
โดย แสนยานุภาพ
SunShine@Night เขียน:
ขอยกตัวอย่าง LPN สะพานควาย เปิดตัว 1.3ล้าน ตอนนี้ 2.1ล้านครับ :)

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 12, 2010 5:40 pm
โดย rerkit
babyface เขียน: เท่าที่รู้มานะครับ พวกฟรีแลนซ์นี่เค้าจะอ้างอิงจาก ภงด.3 รึเปล่าครับ เป็นเหมือนใบหักภาษีณ.ที่จ่ายจากการรับงาน เพื่อใช้ในการยืนยันการมีรายได้จริง
ขออนุญาติแชร์นะคับ
ฟรีแลนซ์ ขอทำบัตรเครดิตปรกติแล้วจะไม่ผ่าน
แต่ถ้าเป็นขอกู้ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ส่วนใหญ่ดันผ่านหนะครับ
*อ้างอิงจากประสบการณ์ตนเองและเพื่อนๆครับ