Thai VI

[quote="picatos"]พอดีอ่านที่พี่หมอโพสในกระทู้ ทฤษฎี ปลูกพืช ตามที่ขอครับ ครับ แล้วผมก็คิดถึงกระทู้ที่ขึ้นมา... ขอร่วมแชร์หน่อยนะครับ

[quote="สามัญชน"]อ้อ.......มีเรื่องแปลกๆเรื่องหนึ่ง

สมมติว่ามี 100 คน

ช่วงปีที่ผ่านมา ที่ผ่านมาได้เพราะยึดหลัก VI เต็มที่เลยครับ

หลัก VI ที่ผมว่าอาจจะไม่ได้ให้ผลตอบแทนสูงสุด แต่มันดีที่สุดสำหรับผมก็คือมันทำให้อย่างน้อยก็ยังสบายอยู่บ้าง นอนหลับได้

ผมยึดหลักลงทุนในกิจการที่ดี สามารถเข้าใจได้ สามารถเห็นกิจการได้โดยทั่วไป แล้วไม่สนใจตลาดมากนัก เมื่อผมยึดหลักนี้ เวลาหุ้นตกลงไปมากๆ ก็ยังมีอะไรให้พอชุ่มชื่นหัวใจได้บ้าง เวลายังเห็นร้านที่เราถือหุ้นอยู่ยังขายของได้เหมือนเดิม โรงพยาบาลคนก็ยังเข้าอยู่เหมือนเดิม บ้านจัดสรรก็ยิ่งขายดีเข้าไปอีก

พอเห็นแบบนี้แล้วก็ปิดจอ ไม่ดูราคามันมาก โดยคิดว่าหุ้นมันก็มีขึ้น มีลง วันนี้มันลง สักวันมันก็ขึ้น ให้เรา focus งานที่เราทำดีกว่า จะได้มีเงินมาลงทุนในหุ้นเพิ่มขึ้น

สุดท้ายแล้วเมื่อสิ้นปี port ผมติดลบไป เกือบ 35% แต่ได้การอดทนถือหุ้นกิจการที่เราวิเคราะห์แล้วว่าดี สุดท้ายหุ้นพวกนี้ก็ทำ new high ได้เกือบทุกตัว

จนสิ้นปีนี้ ผมกลับมีกำไรประมาณ 120%

ปล วิธีของผมไม่ได้เป็นวิธีลงทุนที่ให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดนะครับ แต่เป็นวิธีเยียวยาจิตใจในขณะที่สภาพตลาดไม่อำนวยมากกว่า

ส.สลึง เขียน:
'49 +78.06%
'50 +29.24%
'51 -51.99%
'52 +77.12%

ตัวเลขชัดเจนดีครับ

แต่อย่าลืมนะครับ ปีไหนที่เรา-50
เราจะเอาสิ่งที่เราเสียไปคืนกลับมาหมด
เราต้อง +100 นะครับ
เพราะฉะนั้นกฎการลงทุนที่สำคัญที่สุดก็คือ อย่าขาดทุน

คือเราต้องลงทุนในจังหวะที่เราไม่มีโอกาสขาดทุนแล้ว
ถ้ายังมีโอกาสขาดทุนอยู่ เราก็ยังไม่ควรลงทุน

ตัวเลขใกล้เคียงกับพี่ newbie_12 ครับ
หลักการก็ไม่มีอะไรมาก ซื้อของดีราคาถูกเข้าพอร์ต
กระจายความเสี่ยงตามสมควร ซื้อแล้วไม่ค่อยจะขายเท่าไหร่ เพราขายหมูไปเยอะแล้ว(หลายตัวขายไปที่ 30-50% ตอนนี้ราคามันไปถึง 100-170%)

ส.สลึง เขียน: '49 +78.06%
'50 +29.24%
'51 -51.99%
'52 +77.12%

สรุป +95.69% เฉลี่ย +18% กว่าๆ ทบต้นต่อปี
จวบจนปัจจุบัน ยังชนะสงครามอยู่เยอะนะครับ ถึงจะแพ้ไปบางศึกก็ตาม
ที่สำคัญผมว่าใจคงจะสงบกว่าผมเยอะ เพราะใจไปวางอยู่นอกตลาด

ผมเองกำลังถูกความโลภครอบงำอย่างหนัก จนพักหลังนี้ต้องหัดทำสมาธิ

kmphol เขียน: ตัวเลขชัดเจนดีครับ

แต่อย่าลืมนะครับ ปีไหนที่เรา-50
เราจะเอาสิ่งที่เราเสียไปคืนกลับมาหมด
เราต้อง +100 นะครับ
เพราะฉะนั้นกฎการลงทุนที่สำคัญที่สุดก็คือ อย่าขาดทุน

คือเราต้องลงทุนในจังหวะที่เราไม่มีโอกาสขาดทุนแล้ว
ถ้ายังมีโอกาสขาดทุนอยู่ เราก็ยังไม่ควรลงทุน

ขอบคุณครับพี่ kmphol

ผมใช้ Exel เก็บ Record ไว้น่ะครับ
ตัวเลขยังไม่นิ่ง เพราะ Record เก่าๆ ช่วง 2 ปีแรกไม่ค่อยได้เก็บ

สูตรคำนวณคิดผลตอบแทนก็เพิ่งแก้ให้ดูถูกต้องมากยิ่งขึ้น
โดยศึกษาจากกระทู้เก่าๆ ที่เคยคุยกันไปแล้วครับ

McDull เขียน:สรุป +95.69% เฉลี่ย +18% กว่าๆ ทบต้นต่อปี

ทีแรกงงๆ ว่าพี่ McDull คิดทบต้นให้ผมยังไง
ตอนนี้คิดได้แล้วครับ
เอามาใส่ไว้ใน Exel ของผมซะเลย
ขอบคุณครับพี่ McDull

ทำให้ผลตอบแทนของผมเป็นดังนี้ครับ
'49  +59.17%
'50  +25.95%
'51  -48.69%
'52  +79.44%

ผลตอบแทนทบต้น 4 ปี ของผม = +16.56 %

kmphol เขียน:เพราะฉะนั้นกฎการลงทุนที่สำคัญที่สุดก็คือ อย่าขาดทุน

คือเราต้องลงทุนในจังหวะที่เราไม่มีโอกาสขาดทุนแล้ว
ถ้ายังมีโอกาสขาดทุนอยู่ เราก็ยังไม่ควรลงทุน

พี่ต้าเจอจังหวะนั้นเมื่อไร บอกผมด้วยนะครับ
จะขายบ้าน(ที่ยังไม่มี) ขายรถ(ก็ยังไม่มี) มาซื้อเลย :lol:  :lol:  :lol:

พี่ sorawut ยึดถือสูตรเศรษฐี ของ ดร.นิเวศน์ เหมือนกับผมเลยครับ

peacedev เขียน:พี่ sorawut ยึดถือสูตรเศรษฐี ของ ดร.นิเวศน์ เหมือนกับผมเลยครับ

จริงๆก็ไม่ได้ตั้งใจประหยัดหรอกครับ
แต่ใช้รถไฟฟ้าจันทร์ถึงศุกร์ เสาร์อาทิตย์ก็ใช้รถพี่ชาย แล้วเราจะซื้อไปทำไม :lol:  :lol:  :lol:

ตอนนี้ก็อาศัยอยู่บ้านแม่ (ลูกยาย)