Thai VI

ผมว่า พี่น่าจำได้รับการเชิญ จาก โอบามา ให้ไปเป็นที่ปรึกษา  จีนควรเชิญ พี่ไปช่วยบริหาร
เวียดนาม ควรเชิญพี่ไป เป็นที่ปรึกษา
พี่ควรได้รับโนเลบ
สรุปอีกที่เท่าที่อ่าน ของพี่มา
ผมว่า โอบา มาร์ก น่าจะเชิญพี่ไป ช่วย
โดยการให้คุณ กรณ์ ออกไป ให้พี่ไปทำหน้าที่แทน คุณกรณ์ ครับ

[quote="matee"]ผมว่า พี่น่าจำได้รับการเชิญ จาก โอบามา ให้ไปเป็นที่ปรึกษา

พี่เฟยเยี่ยมจริง ไปเอาความรู้ ไปเอามุมมองเหล่านี้มาจากไหนเนี่ย...

แต่อ่านเรื่องเศรษฐศารสตร์ทีไร ผม งง จริงๆ ม่ายรู้เรื่องงง เลย....  

ผมชอบแนวคิดพี่เฟยนะครับ แม้อาจจะหลุดๆบ้าง
ตอนก่อนแฮมเบอร์เกอร์เกิดก็เคยฟัง แต่ฟังแล้วก็ยังซื้อหุ้นอยู่ดี

แต่ส่วนลึกๆผมว่าถ้าเวียดนามเกิดวิกฤติจริง ไม่น่าจะกระทบไทยเท่าไหร่

ถ้าจะให้แน่ชัด ต้องเอาสัดส่วนที่ไทยขายของให้เวียดนามมาประเมิน
และน่าจะลดเท่าไหร่

ส่วนเรื่องสินค้าเกษตร ที่จะมาดั้มราคากัน ผมว่ายากส์

แต่เรื่องเงินเฟ้อ คิดว่าเวียดนามคงคุมยาก เพราะจากนี้ไปไม่ว่าจะเกษตร
น้ำมัน โลหะ อะไรที่มันมาจากดิน คงจะทำได้ยากขึ้น มีจำกัด แรงงานหายากขึ้น ภัยธรรมชาติมากขึ้น  มันก็คงแพงขึ้น

อ่านแล้วได้ความรู้ดีครับ

มายกมือด้วยคนว่าได้ความรู้ได้คิดตามครับ สมองผมจะได้มีรอยหยักบ้าง ขอบคุณครับพี่ๆ  

ได้มีโอกาสอ่าน "ประชาชาติธุรกิจ" ที่ ดร.วีรพงษ์ว่าไว้
ท่านก็เป็นห่วง "เวียดนาม" อาจเกิด "วิกฤติแหนมเนือง" เช่นกัน
โดยให้ความเห็นว่าสถานการณ์คล้ายๆ กับ ก่อนเกิดวิกฤติ "ต้มยำกุ้ง"
คือ ขาดดุลการค้าอย่างหนัก  และ ลงทุนเกินตัว
ท่านคิดว่าค่าเงินด่องมีโอกาสลดค่าได้กว่านี้อีกไม่น้อยราว 20%  
แนะนำให้เวียดนามปรับค่าเงินให้เหมาะสม และ ลดการขาดดุลการคลังลง

ผมคิดว่า ท่านเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่เก่งทีเดียว
เพราะโดยปกติแล้ว  หน้าที่ที่พึงกระทำของนักเศรษฐศาสตร์ก็คือ  
1. เตือนภัยเพื่อป้องกันการเกิดวิกฤติศก.
2. เมื่อเกิดวิกฤติแล้ว  ต้องเสนอทางเพื่อฟื้นฟูแก้ไข

ผมก็เห็นด้วยกับแนวทางของท่าน ดร.โกร่ง
แต่มีส่วนเพิ่มคือ "จีน" ควรปรับค่าเงินหยวน  เพื่อช่วยเหลือเพื่อนบ้านครับ

เห็นคุยกันเรื่องเวียตนามกันผมขอแจมด้วยแล้วกัน

เมื่อปีก่อนผมได้ไปเรียนหลักสูตรของสมาคมศูนย์การค้าโลก ICSC ร่วมกับเพื่อนๆจากบริษัทต่างๆ มีคนนึงมาจากบริษัทของไต้หวันแห่งหนึ่งที่ไปทำการก่อสร้างโครงการร่วมกับรัฐบาลเวียตนาม

เมื่อผมเห็นโครงการเขาผมก็ต้องช็อคครับ เพราะโครงการต้องบอกว่าใหญ่มากๆ น้องๆดูไบเลยคือเขาสร้างเองตั้งแต่ ห้าง, โรงไฟฟ้า, โรงเรียน, คอนโด, ออฟฟิศ, โรงพยาบาล ฯลฯ พูดได้ว่าสร้างมันทั้งเมือง แล้วตึกทุกตึกเขาสามารถควบคุมระบบไฟ น้ำอะไรได้หมด
ถ้าถามว่าผมจะไปอยู่เมืองนี้ไหมผมคงกลัวๆครับเหมือนกันครับเพราะเหมือนทั้งเมืองอยู่ใต้การควบคุมของคนกลุ่มเดียว

จิ๊กซอว์ชิ้นต่อไปที่ได้ข้อมูลมาคือมีบริษัทพยายามขยายตลาดไปในเวียตนาม แต่ว่าก็ต้องยกเลิกโครงการไป เพราะว่า จากการศึกษาเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่ากำลังซื้อในประเทศยังต่ำมากแต่ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์แพงลิ่ว ทำให้การทำธุรกิจไม่คุ้มทุน อันนี้ผมว่าน่าจะเป็น sign แล้วว่าประเทศนั้น over built ครับ

เข้ามาแสดงความชื่นชมครับ
แม้ว่าบางความเห็นผมจะไม่เห็นด้วยเท่าไหร่
แต่บางมุมมองของคุณอะไรดีล่ะก็ถือว่าน่าติดตามครับ

จู่ ๆ ถ้าระเบิดที่เวียดนามประทุอย่างรวดเร็ว ไทยและเพื่อนบ้านก็คงกระเทือนไปด้วยไม่น้อยครับ เพราะสมดุลมันถูกถ่วงให้เปลี่ยนไปในเวลาอันสั้น

ขอรอชม เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก ด้วยคนครับ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ

ผมคิดว่า FDI ของเวียดนามจะไม่ฟื้นกลับไปเหมือนยุคบูมอีกแล้ว
เพราะ กำลังการผลิตล้นโลกอยู่ทั้งในจีน ญี่ปุ่น อเมริกา และ ยุโรป
และ การที่เวียดนามขาดดุลการค้าราวเดือนละ 2 พันล้านเหรียญ นั้น ต้องหากเงินทุนเพื่ออุดรูรั่วนี้....จะหาเงินจากไหน ??
ในขณะที่ความเชื่อมั่นในค่าเงินด่องก็แทบไม่มี  ตลาดมืดจึงสะท้อนค่าเงินที่ต่ำกว่าทางการราว 10%   จึงมีแต่คนเก็บดอลลาร์  ไม่ยอมแลกเป็นด่อง
อย่าว่าแต่เงินไหลออกเลย...แค่หยุดไหลเข้า  ประเทศเวียดนามก็วินาศแล้ว ....  เพราะ ขาดดุลการค้าอย่างหนัก  ระดับ 2 หมื่นล้านเหรียญต่อปี  หรือราวๆ 22% GDP  

แม้ในยามที่ดอลลาร์อ่อนมาเกือบปี
...เงินด่องของเวียดนามยังเกาะตามด้วยไปไม่ไหว
แล้วในยามที่ดอลลาร์ตีกลับแข็งค่าขึ้นยามนี้.... เงินด่องจะมีสภาพเช่นใด
คงหนีไม่พ้นต้องลดค่าอีกหลายครั้งเป็นแน่แท้
แล้วถ้าใครบอกว่าไม่กระทบการส่งออกสินค้าเกษตร และ สิ่งทอ ของไทย ก็คงต้องกลับไปทบทวนอีกรอบนะครับ

จากอดีตที่ผมเคยคาดจะเห็น "หยวนเข้มแข็ง"  กลับเห็นเป็น "ด่องอ่อนแอ" เสียก่อน
งานนี้ถ้า  จีน  ซึ่งเป็นประเทศที่เวียดนามนำเข้ามากสุด  ไม่ยอมรีบช่วยขึ้นค่าเงินหยวน  .....  เวียดนาม อาจหายนะ  ต้อนรับการเป็น "ประธานอาเซียน" ในปีหน้านี้ครับ

[quote="อะไรดีละ"]
กับคำพูดประชดประชันแบบนี้...ไม่เป็นไรครับ
ขอให้มาเร่งสร้างความดีกันเถอะ

ที่ web นี้น่าจะ สับหุ้น สับเศรษฐฏิจ สับ กลต. สับ ฯลฯ ได้ แต่อย่าสับสมาชิกก็ดีนะครับ ผมจะได้รอดตัวไปด้วย :lol:

[quote="อะไรดีละ"]ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ

ผมคิดว่า FDI ของเวียดนามจะไม่ฟื้นกลับไปเหมือนยุคบูมอีกแล้ว
เพราะ กำลังการผลิตล้นโลกอยู่ทั้งในจีน ญี่ปุ่น อเมริกา และ ยุโรป
และ การที่เวียดนามขาดดุลการค้าราวเดือนละ 2 พันล้านเหรียญ นั้น ต้องหากเงินทุนเพื่ออุดรูรั่วนี้....จะหาเงินจากไหน ??
ในขณะที่ความเชื่อมั่นในค่าเงินด่องก็แทบไม่มี

ถามเป็นความรู้หน่อยครับ พี่เฟย
พอดีเพื่อนผมได้ไปลงทุนกับเวียดนามในธุระกิจรับจ้างฉีดพลาสติก
ซึ่งต้นทุนส่วนใหญ่คือ
1. เม็ดพลาสติก (ปกติซื้อขายกันตามราคาน้ำมันและแปรผันตาม USD)
2. เครื่องจักร (ลงทุนเป็น USD)
3. ค่าแรง (จ่ายเป็น ดอง)
4. ค่าไฟฟ้า (จ่ายเป็น ดอง)

ซึ่งหากไม่มีหนี้ที่เป็น USD ก็คงไม่ค่อยมีปัญหา
หากว่ารับค่าจ้างเป็น USD ก็น่าจะดีใช่ไหมครับเพราาะว่าต้นทุนส่วนทีเป็น ดองก็ลดลงอีก
แสดงว่าธุระกิจที่เป้นมือปืนรับจ้างก็จะสามารถทำกำไรได้มากขึ้นหรือแช่งชันได้ง่ายขึ้นหากบริหารเงินกู้ให้ดี

Qคุง เขียน:ถามเป็นความรู้หน่อยครับ พี่เฟย
พอดีเพื่อนผมได้ไปลงทุนกับเวียดนามในธุระกิจรับจ้างฉีดพลาสติก
ซึ่งต้นทุนส่วนใหญ่คือ
1. เม็ดพลาสติก (ปกติซื้อขายกันตามราคาน้ำมันและแปรผันตาม USD)
2. เครื่องจักร (ลงทุนเป็น USD)
3. ค่าแรง (จ่ายเป็น ดอง)
4. ค่าไฟฟ้า (จ่ายเป็น ดอง)

ซึ่งหากไม่มีหนี้ที่เป็น USD ก็คงไม่ค่อยมีปัญหา
หากว่ารับค่าจ้างเป็น USD ก็น่าจะดีใช่ไหมครับเพราาะว่าต้นทุนส่วนทีเป็น ดองก็ลดลงอีก
แสดงว่าธุระกิจที่เป้นมือปืนรับจ้างก็จะสามารถทำกำไรได้มากขึ้นหรือแช่งชันได้ง่ายขึ้นหากบริหารเงินกู้ให้ดี

ผมว่าคงต้องระวังการเบี้ยวหนี้ของลูกค้าด้วยนะครับ

หลักการง่ายๆ ก็คือ  พยายามทำให้รายได้ และ สินทรัพย์เป็นดอลลาร์  
นอกจากนี้
ก็คือ พยายามทำให้รายจ่าย และ หนี้สิน เป็นเงินด่อง...
เผลอๆ ก็อาจ รวยได้  ภายใต้ภาวะวิกฤติเงินด่องครับ