Thai VI

ตอบคุณ hongvalue...

จริงๆ แล้ว... สาเหตุที่ผมตัดสินใจตีแตก SVI ไม่ใช่เพราะความสามารถครับ แต่มาจากข้อจำกัดมากกว่า...

1. ข้อจำกัดเรื่องเวลา
- ผมทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงสร้างเนื้อสร้างตัว ทำให้บางช่วง บางจังหวะผมต้องทุ่มกับธุรกิจแทบจะทั้ง 24 ช.ม. เวลานอน เวลากิน ก็ต้องคิดถึงโปรเจ็คใหม่ การปรับโครงสร้างธุรกิจ ระบบงาน สร้างสำนักงานใหม่ ซึ่งมันทำให้ผมแทบไม่มีเวลาศึกษาหุ้นเท่าไหร่

2. Circle of Competence แคบ
- ผลจากข้อจำกัดเรื่องเวลา ทำให้ผมขยายขอบข่ายของผมได้ยาก เวลาในการติดตามข่าวสาร ราคาวัตถุดิบ หรือ demand/supply มีน้อย ทำให้ผมต้องหลีกเลี่ยงหุ้นที่ business model มีเสถียรภาพของกำไรต่ำ หรือถ้ามีเสถียรภาพของกำไรต่ำ ราคาที่ซื้อก็ต้องมี MOS ที่เยอะกว่าปกติ

3. การควบคุมความโลภ
- ผมเป็นคนโลภมากครับ... เวลาทำโปรเจ็คอะไร จะตั้งเป้าและหวังเอาไว้สูง... ยิ่งเห็นเซียนบางคนที่เข้าหุ้นทีเข้าตัวเดียวทั้งพอร์ต แถมอัดมาร์จิ้นด้วย... ผมว่ามันเท่ห์มากๆ... เป็นอะไรที่อยากทำบ้าง แต่ไม่กล้าทำ เพราะ ผมเสียว... กลัวความผิดพลาด จากข้อจำกัดข้อ 1 และ 2 ทำให้ผมไม่สามารถทำได้... แต่ผมอยากทำนะ ถ้ามีโอกาส ขอทำบ้างสักครั้งในชีวิต...


อันนี้เป็นปัจจัยหลักนะครับ... เดี๋ยวมาพิมพ์ต่อว่าผลจากข้อจำกัดทั้ง 3 ข้อ มาเกี่ยวอะไรกับ SVI

มาด้าน skill ที่ hong ถามบ้าง...

จริงๆ แล้วผมไม่ค่อยมี skill ด้าน finance นะ... ที่รู้ๆ อยู่นี่ก็งูๆ ปลาๆ เพราะ ในชีวิตผมเคยเรียน finance แค่ตัวเดียว ไม่เคย take course อะไรเลย... ที่พอจะมีความรู้อยู่บ้าง เพราะ สมัยทำงานผมทำงานทางด้าน Derivatives ต้องรู้จักผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในระดับนึง เลยเหมือนถูกบีบให้ต้องไปอ่านๆ ๆ...

คุณรู้ไหมว่า... ห้องสมุดตลาดหลักทรัพย์นี่มีหนังสือดีๆ เกี่ยวกับ Derivatives มากกว่าที่คุณคิด... มีตั้งแต่จะ Valuation พวก Option แปลกๆ ยังไง บริหารความเสี่ยงยังไง จนกระทั่ง Trader Option เวลาเค้าเทรด ตื่นเช้ามาเค้านั่งรถไฟไป CBOE ยังไง  :lol:

สรุป... ความรู้ทางด้านการเงินกระแสหลักของผมมีน้อยมากครับ มีแต่ความรู้งูๆ ปลาๆ ทางด้าน Quantitative Finance ซึ่งเอามาใช้ในโลกแห่งความจริงไม่ค่อยได้เท่าไหร่

ผลจากข้อจำกัด + ความโลภ...

ทำให้ผมคิดว่า ถ้าผมจะตีแตก ผมคงถูกจำกัด Scope อยู่ที่หุ้นภายใต้สถานการณ์พิเศษ ที่เราเห็นผลตอบแทน ระยะเวลา และความเสี่ยงที่ค่อนข้างชัด... ถ้าไม่อย่างงั้น ก็กระจายการลงทุนไปตามปกติดีกว่า

ทั้งนี้เพราะ ดีลพวกนี้ ใช้เวลาิวิเคราะห์ไม่นาน วิเคราะห์จบแล้วจบเลย ไม่ต้องมาตามดูผลประกอบการในอนาคต ไม่ต้องมานั่งดู Demand/Supply ไม่เหมือนกับซื้อหุ้นปกติ ซึ่ง match พอดีกับข้อจำกัดของผม

ดังนั้น เวลามีดีลแปลกๆ ผมจะให้ความสำคัญกับมันเป็นพิเศษ เผื่อว่าจะเอามาใช้ตีแตกได้...

ถ้านับดีลล่าๆ ที่ผมเข้าไปเล่นนี่ก็มีดีล SCAN แล้วก็ดีล SVI...

SCAN นี่ผลตอบแทน 25% ระยะเวลา 2 เดือน มีความเสี่ยงที่ดีลจะล้มน้อยมาก เพราะ คนซื้อคนขายนี่คนกันเองทั้งนั้น... แต่ 25% มันน้อยไป ยังไม่เหมาะจะไปตีแตก

SVI ตอนซื้อผมมองว่า ปันผล 1 บาทจากราคา 1.7 แึ้ค่ปันผลอย่างเดียวตั้ง 60% แถมยังอาจได้ของแถมเป็น Capital Gain จากการที่โครงสร้างผู้ถือหุ้นเปลี่ยนไป + Sentiment ของตลาดด้วย กรณี Worst Case ถ้าตลาดไม่ตอบรับ ยังกดราคา SVI ต่อไปเรื่อยๆ ก็เท่ากับผมซื้อ SVI ที่ 0.7 บาท P/E ยังไม่ถึง 2 เท่าเลย ดีไม่ดีได้เครดิตเงินปันผลมาอีก ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนอาจเหลือ P/E แค่ 1 เท่า

เลยได้โอกาสในฝัน... ตีแตก อัดมาร์จิ้น เลียนแบบเซียนเค้าบ้าง...  :lol:


ตอนตรงประเด็นไหมเนี่ย ฮง?

สรุปละกัน... บริหารความโลภให้สมดุลกับความรู้ (ข้อจำกัด)

 
โหพี่โตส.. สุดยอดเลย รู้ว่าเล่นตัวนี้ แต่ไม่รู้ว่าถึงกับอัดตัวเดียวแล้วลุย Margin ไปด้วย งี้ผลตอบแทนปีนี้ไม่พุ่งไป 300% แล้วเหรอเนี่ย  :lol:  ยินดีด้วยจริงๆคับ

PICATOS เท่ห์มาก  

ให้1เท่ห์เลยครับ ผมว่าเล่นหุ้นมันต้องโหดมันเท่ห์

เอาเวลามาศึกษาหุ้นเป็นรายตัว ดีกว่ามานั่งคิดเรื่องฟันโฟว์เยอะ  :lol:

ไม่รู้กระทบใคร  :lol:

ก่อนอื่นขอขอบพระคุณพี่ picatos มากนะครับ
ผมก็ได้จากหุ้นตัวนี้มาไม่ใช่น้อย
และก็คงคิดว่าถือต่อไปอีกสักพัก ดูฝีมือคุณโพธิ์ซะหน่อยว่าจะ เอาออเดอร์จาก amplex จากไหน

แต่ๆๆๆๆๆ

ผมอยากจะขอแย้งนิดนึงนะครับ...เรื่องอัด margin

ผมว่าไม่ว่าการที่เราจะเซียนขนาดไหนก็ตาม ควรจะระวังเรื่องนี้มากๆๆๆนะครับ
โดยเฉพาะกับ อัด มาร์จิ้นกับหุ้นตัวเดียว
ผมกลัวมือใหม่จะเห็นแบบอย่างที่สำเร็จมากๆ จากพี่...และอาจเกิด bias...ซึ่งอาจส่งผลเสียภายหลังได้นะครับ (ผมก็มือใหม่นะครับ)
ผมเชื่อว่าโอกาสดีๆ จะเกิดขึ้นอยู่เสมอครับ...แต่ข้อสำคัญคือ...ต้องรักษาเงินต้นให้นานที่สุด
หนึ่งในกลยุทธ์ที่ผมใช้ นั้นคือ หลีกเลี่ยงการใช้มาร์จิ้นครับ

ขอบคุณมากนะครับ
และขอโทษที่แย้งด้วยนะครับ

การเล่นหุ้นแบบตัวเดียวทั้งพอร์ตก็คล้ายๆ กับการเล่นไพ่โป๊กเกอร์แบบตาเดียววางเงินหมดหน้าตักครับ  :8)

อ่านแล้วสุดยอดมากๆๆๆ
แค่มาขอคารวะด้วยคนครับ ยินดีด้วยครับ  :cheers:  

tanapol เขียน:ผมอยากจะขอแย้งนิดนึงนะครับ...เรื่องอัด margin

ผมคิดว่าถ้าเรา limit ความเสียหายของ margin ได้น่าจะ ok นะครับ
เพราะปกติที่เรากลัวเรื่อง margin เพราะมักจะทำความเสียหายที่คาดไม่ถึง
มาให้กับเรา แต่อย่างกรณีของคุณ picatos จะมีการ tender offer ที่ 1.40
มารองรับ ทำให้ limit downside risk อยู่ที่ราวๆ 5-10%
(เทียบกับราคาที่คุณ picatos ซื้อ)

ไม่รู้ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ?

[quote="pavilion"]การเล่นหุ้นแบบตัวเดียวทั้งพอร์ตก็คล้ายๆ กับการเล่นไพ่โป๊กเกอร์แบบตาเดียววางเงินหมดหน้าตักครับ

[quote="nanchan"]เอาเวลามาศึกษาหุ้นเป็นรายตัว ดีกว่ามานั่งคิดเรื่องฟันโฟว์เยอะ

[quote="yoyo"]

อ้อ... จะว่าไปต้องขอบคุณ yoyo ด้วยนะ...

ตอนเข้า SVI เห็น SVI อยู่ใน Margin List ของ CNS ด้วย... คิดว่าน่าจะเป็นฝีมือโยขอเอาไว้ เลยได้ใช้ประโยชน์รอบนี้แหละ... ยังไงก็ขอบคุณนะครับ...  

คุณ เห็บตี่นี่สุดยอดจริงๆ

อุตส่าห์ช่วยใบ้หุ้นผมตั้งนานและแต่ไม่กล้าตามเลยเศร้าเรย :lol:

มองย้อนไปถ้าเป็นมือใหม่ไม่เคยเห็น พวกดีลแบบนี้มาก่อนก็งงๆนะ ขอดูอยู่ขอบสนามไปก่อนดีกว่า

รอบนี้ได้เห็นทั้ง SCAN และ SVI

น่าสนใจทั้งนั้น

หวังว่าอีก 5-10 ปีผมจะเก่งอย่างคุณ picatos ได้นะคับ

:lol:

picatos เขียน:
ตอนตรงประเด็นไหมเนี่ย ฮง?

สรุปละกัน... บริหารความโลภให้สมดุลกับความรู้ (ข้อจำกัด)

อืม เท่าที่อ่านแล้วก็คิอรู้เขารู้เรา รู้ว่าเรามีข้อจำกัดอย่างไร
มีเวลาศึกษาแค่ไหน ถนัดอะไร และเลือกแข่งในสนามที่ตัวเองถนัด ก็ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีอย่างให้หลายๆคนได้เห็น ว่าคนเรานั้นสามารถ cool ได้ ได้โดยที่ไม่ต้องเลียนแบบใครเพราะเขารู้จักตัวเอง รู้จักตลาด รู้จักเล่นใน zone ที่ตัวเองคุมเกมส์ได้


ยังไงก็ขอบคุณครับที่แชร์ให้ฟัง ขอพักเบรกไปก่อน
เพราะเดี่ยวผมมีเรื่องจะมาคุยต่อครับ

[quote="nanchan"]เอาเวลามาศึกษาหุ้นเป็นรายตัว ดีกว่ามานั่งคิดเรื่องฟันโฟว์เยอะ

[quote="sai"][quote="pavilion"]การเล่นหุ้นแบบตัวเดียวทั้งพอร์ตก็คล้ายๆ กับการเล่นไพ่โป๊กเกอร์แบบตาเดียววางเงินหมดหน้าตักครับ

พักยกจบแล้วขอถามเฮีย tos ต่อหน่อยครับ

เพราะทราบมาว่ามีความรู้ค่าเงิน

1.usd index ที่เราใช้ๆกันทุกวันนี้มันเป็นการเปรียบเทียบกับเงินกี่สกุลเหรอครับ

2.การขึ้นลงของ usdindex มักจะเกิดจากเงินไหลเข้าไหลออกในแง่การซื้อสินทรัพย์เมกาหรือว่าเกิดจากการขาดดุลหรือเกินดุลมากกว่ากันครับ

เข้ามายินดีด้วย พร้อม ขอบคุณ คุณ Picatos ด้วยคนครับ


หลังจากซื้อตาม (ตามมาจากกระทู้ของคุณลูกอิสาณ แล้วไปต่อในกระทู้ SVI)


แต่ผมลงรถไปก่อน เลยได้แค่ค่าขนมเด็ก ๆ ครับ  :D

ผมว่ามันก็เหมือนหนังสือตีแตกของ ด.ร.นั้นแหละครับ
ถ้าเกิดว่าเราได้ a4 ตัวเท่ากับไร้พ่าย(ถูกเปล่าว้าไม่เคยเล่นซะด้วย)เราก็คงจะ bet หนัก

a ยังแพ้ 2 อยู่คับ... ในโลกการลงทุนไม่มีอะไร 100% หรอกครับ... ไพ่ดีโคตร เจอ 2 มาหงายหลังครับ

yoyo เขียน: a ยังแพ้ 2 อยู่คับ... ในโลกการลงทุนไม่มีอะไร 100% หรอกครับ... ไพ่ดีโคตร เจอ 2 มาหงายหลังครับ

ไม่รู้คิดเหมือนผมไหม

การเล่นหุ้นกับไพ่ตีแตกเหมือนกันหลายอย่าง

คนอาจจะคิดว่าอยู่ที่ไพ่เราดีไหมแล้วดูความน่าจะเป็น

ว่าโอกาศชนะเยอะก็ bet เยอะ

แต่ผมมองเพิ่มเติมว่าบางทีเราอาจจะชนะก็ได้ถึงไพ่เราไม่ดีมาก แค่กลางๆ

ชนะโดยพยายามอ่านว่าคนอื่นๆมีไพ่ในมือดีไหม

สีหน้าเป็นไง ตีแตกอาจจะไม่ชัด

ลองยกตัวอย่าง โปรกเกอร์ดู

เล่นโปรกเกอร์เราต้องดูว่าคนอื่นทิ้งไพ่อะไรลงมา

สมมุติคนอื่นทิ้ง 3 ใบ แสดงว่าเขามีคู่อยู่ในมือ

ถ้าเราไพ่ดูระดับนึงเช่นมีตองโอกาศแพ้น่าจะน้อยลง

ถ้าเขาทิ้งใบเดียวน่าจะหวัง สเตรท หรือ ฟรัช หรือเสตรทฟรัช

อะไรต่างๆ ผมว่าบางทีเราก็กินเงินชาวบ้านได้โดยที่
เราอ่านความน่าจะเป็นต่างๆของฝ่ายตรงข้ามให้ได้มากที่สุด

ก็เหมือนอ่านน่าตักผู้บริหารว่าน่าจะทำอะไร

สรุป ความเห็นผมคือ ควรดูความน่าจะเป็นทั้งของเรา
และของคนอื่น ดีกว่าดูความน่าจะเป็นของเราคนเดียว

พี่ tos พี่โจ พี่เว็บ

ยังไม่มาผมขอฝอยคั่นไปก่อน

ผมมีญาติคนนึงนะไม่รู้เรื่องหุ้นเลยนะ

เขาไม่รู้จัก roa roe   pe ยังไม่รู้เลย

แต่เขาเล่นหุ้นได้ตังค์นะ

เวลาไปเช็งเม้ง ผมคุยกับเขา เขาก็บอกว่าเขาดูโทรทัศน์

อ่านข่าวว่ามีประเด็นอะไรบ้าง แล้วเขาก็บอกว่าเนี้ย

ช่วงนี้ซื้อได้ เพราะมีข่าวแบบนี้ๆ หุ้นไม่ลงหรอก

คนที่ตกรถน่าจะรอซื้อ

พอขาลงก็บอกว่ายังไม่ซื้อหรอกเพราะมีข่าวแบบนี้ๆ

คนน่าจะขายต่อ



ผมก็เห็นเขาไม่ค่อยรู้อะไรนะแต่ก็อาศัยคิดว่ากองทุนน่าจะทำอะไร รายย่อยคนอื่นน่าจะคิดยังไง ฝรั่งน่าจะทำยังไง  มันดูมวยวัดมากนะ

แต่ผลตอบแทนตลอด 7 ปีของเขาก็ได้ปีละ 13% นะ

ผมว่าสำหรับคนไม่รู้เรื่องงบการเงินเรื่องมูลค่าหุ้นเลย



ถึงขนาดเคยมีคนพูดให้ผมฟัง(ความเห็นของเขานะ)ว่า
จิตวิทยาถือเป็นเกือบครึ่งนึงของการลงทุน

ส่วนตัวผมว่ามันมากไปหน่อยนะตั้งครึ่งนึง

ไม่รู้ท่านอื่นเห็นว่าไงกัน

hongvalue เขียน:...
ถึงขนาดเคยมีคนพูดให้ผมฟัง(ความเห็นของเขานะ)ว่า
จิตวิทยาถือเป็นเกือบครึ่งนึงของการลงทุน

ส่วนตัวผมว่ามันมากไปหน่อยนะตั้งครึ่งนึง

ไม่รู้ท่านอื่นเห็นว่าไงกัน

ผมว่า... ฝีมือ 50 จิตวิทยา 30 แล้วก็ ดวงอีก 20 ครับ...  :lol:  :lol:  :lol:

ตัวผมเองกลับคิดว่า จิตวิทยา เป็นมากกว่าครึ่ง ของการลงทุนซะอีก (ไม่ใช่แค่จิตวิทยาเกี่ยวกับบุคคลที่สามนะ จิตวิทยาของตัวเราเองด้วย)

ปล. แค่ความคิดผมนะ อาจจะถูกผิดก็ได้

hongvalue เขียน:พักยกจบแล้วขอถามเฮีย tos ต่อหน่อยครับ

เพราะทราบมาว่ามีความรู้ค่าเงิน

ผมออกจากวงการมาแล้ว แถมยังไม่มีความสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ... ฮงไปถามพวกที่อยู่ในวงการน่าจะได้คำตอบที่ดีกว่า... คราวนี้ผมตอบเท่าที่พอจำได้ละกัน... แต่ถ้าถามคราวหน้า ผมจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นไม่ตอบเรื่องเกี่ยวกับ fund flow ละกันนะ...

hongvalue เขียน:1.usd index ที่เราใช้ๆกันทุกวันนี้มันเป็นการเปรียบเทียบกับเงินกี่สกุลเหรอครับ

ถ้าจำไม่ผิด... ผมจำได้ว่าวิธีคิดจะ weight ตาม trading partner ของ US ซึ่งมันจะสะท้อนแค่ Current Account (CA)

hongvalue เขียน:2.การขึ้นลงของ usdindex มักจะเกิดจากเงินไหลเข้าไหลออกในแง่การซื้อสินทรัพย์เมกาหรือว่าเกิดจากการขาดดุลหรือเกินดุลมากกว่ากันครับ

เข้าใจว่าความหมายของ ขาดดุล หรือ เกินดุลนี่หมายถึง ดุลการค้า ใช่ไหมครับ? ถ้าใช่

การขึ้นลงของ usdindex น่าจะเป็นผลจาก Capital Account (KA) หรือที่ฮงบอกว่าเป็นผลมาจากการไหลเข้าออกในแง่การซื้อสินทรัพย์เมกา มากกว่าการซื้อขายสินค้าและบริการ

ไม่อย่างงั้น... Twin Deficit ไม่มีทางเกิดขึ้นได้นานขนาดนี้หรอกครับ... มันเกิดจาก KA ทั้งนั้น....

picatos เขียน:

ผมว่า... ฝีมือ 50 จิตวิทยา 30 แล้วก็ ดวงอีก 20 ครับ...

[quote="picatos"]อ้อ... แต่มีเพื่อนผมคนนึงเป็นผีพนัน... ใช้ดวง กับการอ่านสีหน้าของคนที่มาเชียร์หุ้น...

ปีที่แล้วได้ไป 50% ปีนี้ได้ไปอีก 150%...

ผมเห็นแล้วอิจฉาจริงๆ...

[quote="hongvalue"][quote="picatos"]อ้อ... แต่มีเพื่อนผมคนนึงเป็นผีพนัน... ใช้ดวง กับการอ่านสีหน้าของคนที่มาเชียร์หุ้น...

ปีที่แล้วได้ไป 50% ปีนี้ได้ไปอีก 150%...

ผมเห็นแล้วอิจฉาจริงๆ...

picatos เขียน:แต่ถ้าถามคราวหน้า ผมจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นไม่ตอบเรื่องเกี่ยวกับ fund flow ละกันนะ...

 ผมแค่อยากถามเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเอง