Thai VI

ในภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ เริ่มเป็นเงิน ฝืดแล้ว , การมีสาขาที่มากและขยายมากย่อมเสี่ยงกับ fixed cost ที่ต้องจ่ายตลอดในขณะที่ รายรับมีแต่ทรงกับทรุด  ความอ่อนไหวของราคา big c น่าจะกระพือง่ายกว่า อีกตัว เวลามีข่าวต่างๆมากระทบครับ............

 ปล. เชียร์ทั้งสองตัวนะครับ

ขายอาหารสดของ Makro ยังไม่รู้ลูกผีลูกคนน่า
เพราะ ตลาดใหญ่มาก แต่คนทำมันน้อยเลยดูไม่ออกสำเร็จหรือล้มเหลว

Makro เป็นบริษัทที่รับเงินสด อย่างเดียว บัตรเครดิตไม่ค่อยรับ
ลูกค้าที่เดินเข้าไปซื้อต้องเป็นสมาชิกอย่างเดียวเท่านั้นคนนอกแถบไม่เอา

miracle เขียน:ขายอาหารสดของ Makro ยังไม่รู้ลูกผีลูกคนน่า
เพราะ ตลาดใหญ่มาก แต่คนทำมันน้อยเลยดูไม่ออกสำเร็จหรือล้มเหลว

Makro เป็นบริษัทที่รับเงินสด อย่างเดียว บัตรเครดิตไม่ค่อยรับ
ลูกค้าที่เดินเข้าไปซื้อต้องเป็นสมาชิกอย่างเดียวเท่านั้นคนนอกแถบไม่เอา

เด๋วนี้เค้าเปี๋ยนไปแล้วครับ ไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ซื้อได้ครับ สมัยก่อนผมก็หงุดหงิดเหมือนกัน ผู้บริหารคงทราบจึงเปลี่ยนนโยบายตรงนี้ครับ

แถวบ้านผม(บางประแก้ว บางประกอก) ยังไม่มีแม็คโคร มาตั้ง
ถ้าแม็คโครมาเปิดสาขาที่นี่ ตลาดบางประแก้ว บางประกอก คงกลายสภาพเป็นเมืองร้างเลยทีเดียว

ยกตัวอย่าง BIG C สาขาดาวคะนอง เมื่อก่อนนี้ ตลาดดาวคะนองเป็นตลาดที่มีศักยภาพมาก มีมูลค่าที่ดินสูง คนมาเดินตลาดเดินกันแบบยั้วเยี๊ยยุบยับ  แต่พอ BIG C มาตั้งสาขาที่นี้ ทำให้ตลาดดาวคะนองกลายเป็นตลาดร้างผู้คนเลยทีเดียว นึกถึงในวันนี้ ตลาดนั้นหดตัวเหลือไม่ถึง 1 ใน 5 เลยทีเดียว กล่าวคือ "วงแตก" กระเจิดกระเจิงไปหาที่ทำกินใหม่ หรือหาอาชีพใหม่ ถึง 4 ใน 5 เลยทีเดียว

แต่นี่โลกทุนนิยม น้ำตาของผู้พ่าย ผู้ไร้แรงแกร่งแย่งแข่งขัน ไม่อาจเรียกหาความต้องการทั้งร้อยให้กับตัวเองได้
...
รู้สึกว่าปีนี้(51) MAKRO ไม่มีโครงการขยายสาขาเพิ่มใช่ไหมครับ เห็นตั้งเป้าสนับสนุนสาขาใหม่ทั้ง 12 สาขา ที่ก่อตั้งขึ้นในปี50 ให้มีศักยภาพในการแข่งขันด้วยตัวมันเองอยู่ และจะเสริมสร้างโครงสร้างภายใน ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

[quote="poppo"]ลองเทียบตัวเลขสำคัญๆดู ( 9 mo)

ผมว่าตลาดดาวคะนองกะบางปะกอกก็ยังเหมือนเดิม แม้จะมีbig c lotus อยุ่ใกล้ๆ
ส่วนตลาดบางประแก้ว เจ๊งเพราะไอ่สะพานข้ามแยกที่สร้างมาทำไม?

[quote="Coca-Cola"][quote="poppo"]ลองเทียบตัวเลขสำคัญๆดู ( 9 mo)

ROA = EBIT/Total asset

รบกวนถามคุณ poppo ว่า EBIT หาได้อย่างไรครับ

ในตารางงบการเงินของ BIG C ที่พี่นำเสนอมานะครับ
ผมลองหา NM = NetProfit / Revenue = 1931/58007 = 3.33% อันนี้ก็ตรงครับ แต่พอเป็น ROE กับ ROA กลับกลายเป็นว่าไม่ตรงเลย อย่างนี้ครับ
ROE = NetProfit / Equity = 1931/16431 = 11.75%
ROA = NetProfit / Total Asset = 1931/36204 = 5.33%
*** ผมงงมากเลยครับ อยากศึกษาแนว VI ให้ถ่องแท้ แต่เจอตัวเลขแตกต่างจากวิธิการที่ศึกษามา งานนี้ผมปึกเลยครับ      

ขอรบกวนท่านอาจารย์ทั้งหลาย ช่วยทำให้นักเรียนคนนี้ สอบได้เกรด A ในวิชา VI. ด้วยเถอะครับ

[quote="Coca-Cola"]ROA = EBIT/Total asset

รบกวนถามคุณ poppo ว่า EBIT หาได้อย่างไรครับ

ในตารางงบการเงินของ BIG C ที่พี่นำเสนอมานะครับ
ผมลองหา NM = NetProfit / Revenue = 1931/58007 = 3.33% อันนี้ก็ตรงครับ แต่พอเป็น ROE กับ ROA กลับกลายเป็นว่าไม่ตรงเลย อย่างนี้ครับ
ROE = NetProfit / Equity = 1931/16431 = 11.75%
ROA = NetProfit / Total Asset = 1931/36204 = 5.33%
*** ผมงงมากเลยครับ อยากศึกษาแนว VI ให้ถ่องแท้ แต่เจอตัวเลขแตกต่างจากวิธิการที่ศึกษามา งานนี้ผมปึกเลยครับ

ROA เป็นค่าที่สะท้อนกับ Asset ทั้งหมดดังนั้นจึงควรใช้ R = EBIT เนื่องจากเป็นรายได้สำหรับทั้งส่วนทุนและส่วนเจ้าหนี้จริงๆ

กลับกัน ROE เป็นค่าที่สะท้อนกับส่วนทุนเท่านั้น ดังนั้น R จึงควรเป็นค่า Net Profit ซึ่งได้หักภาระทางส่วนหนี้ออกไปแล้ว

แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตำราอ้างอิง Ratio เดียวกันแต่สูตรที่ใช้หาต่างกันก็มีให้เห็นมากมาย

จุดสำคัญอยู่ตรงที่เราเข้าใจที่มาที่ไปและความหมายของ Ratio นั้นๆ มากน้อยแค่ไหนมากกว่าครับ

งบการเงินที่เป็น 50Q3  และ  50Q4 หาดูได้จากไหนครับ(ถ้าเราต้องการหาดูเอง) ผมไม่รู้วิธีตามไปดูจริงๆ

เดิม มีแต่ bigc
แต่ตอนนี้ มีทั้ง bigc และ makro

แดงแล้ว ทั้งสองตัว

BIG C ผมเล็งไว้ที่ 26 ถ้า 26 ไม่ได้ก็จะเป็น 31 ซึ่งจังหวะนี้เกณพ์เข้าสู่ช่วง 31 โดยตั้งใจซื้อที่ 30% ของเงินที่กำไว้ และมองว่าในอีก2-3 เดือนข้างหน้า อาจจะมีโอกาสได้ที่ 26 ถึงตอนนั้นก็ไม่แน่ใจว่าจะลงเงินอีก 70% หรือไม่ แต่แน่ๆ ยังไงก็ปันส่วนซื้อเก็บแน่นอน

ผมมองว่าวิกฤตสุวรรณภูมิ/ดอนเมือง เป็นวิกฤตร้ายแรง ต่างประเทศที่เป็นผู้จ้างผลิต ขาดความเชื่อมั่นโดยสิ้นเชิง การสั่งออเดอร์มายังภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม จะน้อยลงอย่างน่าใจหาย ทำให้เงินไหลเข้าต่ำ จำนวนงานหดตัวลง พนักงานเริ่มไม่ได้ OT ในระยะยาว การ Layoff จะเห็นได้ถี่มากขึ้น อำนาจการซื้อลดน้อยลง การจับจ่ายอย่างระมัดระวังจะมีอัตราส่วนที่มากขึ้น

ซึ่งมีผลให้รายได้ของ BIG C ลดลง และผลตอบแทนย่อมลดลง(ในระยะยาว)

ซึมลึกครับ วิกฤตนี้ซึมลึก เจ็บลึกครับ หนาวกันทั่วหน้า(หนาวนี้ยาวนานอีกหลายปี คาดหวังว่าอย่าหนาวถึงขั้นหิมะตกเลย)

[quote="Coca-Cola"]งบการเงินที่เป็น 50Q3

ตกงานมากๆ โจรก็เต็มเมือง

ขอบคุณคำแนะนำของทุกๆท่านคร้าบบ

ก่อนหน้านี้หลายq ตัวพี่บิ๊กยังไม่มีอาการสะทกสะท้านกับสภาวะแปรปรวนที่เกิดขึ้น แต่qที่ผ่านมาเริ่มมีให้เห็นครับ เดี๋ยวต้องดูq4นี้ประกอบอีกรอบว่าจะเป็นอย่างไร เพราะค่าตัวเลขค่าใช้จ่ายบางอย่างน่าจะเกิดจากการขยายสาขามาก แต่q4นี้น่าจะชัดเจนขึ้นครับ

naris เขียน:ก่อนหน้านี้หลายq ตัวพี่บิ๊กยังไม่มีอาการสะทกสะท้านกับสภาวะแปรปรวนที่เกิดขึ้น แต่qที่ผ่านมาเริ่มมีให้เห็นครับ เดี๋ยวต้องดูq4นี้ประกอบอีกรอบว่าจะเป็นอย่างไร เพราะค่าตัวเลขค่าใช้จ่ายบางอย่างน่าจะเกิดจากการขยายสาขามาก แต่q4นี้น่าจะชัดเจนขึ้นครับ

พี่นริศเริ่มเห็นอะไรครับ ผมยังไม่เห็นเลยพี่ (ซึ่งก็ไม่แปลกสำหรับชั่วโมงบินน้อยอย่างผม) จะเห็นก็แต่รายได้ค่าเช่าเพิ่มอย่างมีนัยบ้างแล้ว แต่ก็คิดว่า SG&A คงพุ่งจากการทำโปรโมชั่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ NPM อาจจะตกลงไปบ้าง

et al. เขียน: พี่นริศเริ่มเห็นอะไรครับ ผมยังไม่เห็นเลยพี่ (ซึ่งก็ไม่แปลกสำหรับชั่วโมงบินน้อยอย่างผม) จะเห็นก็แต่รายได้ค่าเช่าเพิ่มอย่างมีนัยบ้างแล้ว แต่ก็คิดว่า SG&A คงพุ่งจากการทำโปรโมชั่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ NPM อาจจะตกลงไปบ้าง

ปกติการทำโปรโมชั่นลดราคาตัวที่ลดคือ GPM
แต่ NPM มักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเพราะได้คืนจากซัปพลายเออร์ที่ส่วนของรายได้อื่นๆครับ
กรณีที่ยอดขายโตเรื่อยๆนะครับ

แต่ผมเข้าใจว่าที่เจ้าสัวเมืองเลยพูดถึงคงมาจากผลกระทบจากการขยายสาขามากในปีนี้
ซึ่งดันมาตรงกับช่วงเศรษฐกิจตกต่ำพอดี
ถ้ารายได้ลดหรือทรงๆ ก็คงหนักพอดูครับเพราะรายจ่ายเพิ่มมากพอควร

atsu เขียน:ปกติการทำโปรโมชั่นลดราคาตัวที่ลดคือ GPM
แต่ NPM มักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเพราะได้คืนจากซัปพลายเออร์ที่ส่วนของรายได้อื่นๆครับ
กรณีที่ยอดขายโตเรื่อยๆนะครับ

ถ้าใช้ COGS/Total rev.   GPM ก็ไม่น่าจะลดลงนะครับ
แต่ถ้าซีเรียสใช้ COGS/Sales แบบนี้ก็ลงแน่นอน
รายได้อื่นๆ นี่เอามารวมหลังจาก SG&A เลยหรือครับ
คือปกติผมจะให้พวกที่มารวมหลังจาก SG&A เป็นพวก extraordinary จริงๆมากกว่า เช่น รายได้จากรับจากประกันอัคคีภัย
เพราะผมมองว่า trade income ที่รับจาก supplier เป็นรายได้ที่ recurring ไปแล้ว

โดยปกติทั่วไป กรอส เค้าจะหาเทีบยกับ รายได้จากการขายครับ
ซึ่งถ้าใช้กับพี่บิ๊ก จะทำให้มองภาพเพี้ยนไป
แต่คุณ et al. ทราบตรงนี้อยู่แล้ว แล้วใช้เทียบกับรายได้รวม ก็โอเคอยู่แล้วครับเพราะมันรวมรายได้จากซัปพลายเออร์ไปแล้ว
ซึ่งปกติลดราคายังไงเค้าก็พยายามไม่ให้ เนทโปรฟิตมาร์จิ้นลดลง

แต่ปัญหาของพี่บิ๊กปีหน้าคือยอดขายอาจไม่มากตามเป้าครับเพราะภาวะเศรษฐกิจไม่ปกติ
แต่ค่าเสื่อมกับค่าโอเปอร์เรทเพิ่มมากแน่จากสาขาใหม่ที่เพิ่มปีนี้
ดังนั้น เนทโปรฟิตมาร์จิ้นน่าจะลดลงจาเหตุนี้ครับ

ราคาจะลงไงนี่

ทำไม ราคา 32 ม่ายมีคนขาย

อืม ขายที่เดียวหมดเลย อิอิ 425000 เท่าไรหว่า 13.60 ล้าน อ๋อ ไม่มากนี่