Thai VI

ผมเกือบล้านละครับ เครียดจนหัวล้าน

สงสัยผมจะเข้าใจคำว่าล้านผิด ถ้างั้นยังไม่ล้านครับ แต่ด้านหน้าก็ประมาณ300,000 ตรงกลางๆประมาณ50,000ครับ

สงสัยคุณมนจะคิดมาก อย่าไปคิดมากครับ
หุ้นมีขึ้นก็มีลง มีลงก็มีขึ้น เป็นเรื่องธรรมชาติ
แต่เส้นผมร่วงแล้วร่วงเลย ฮ่า ฮ่า (อย่าซีเรียศ)

เล่าให้เป็นอุทาหรณ์น้องๆแล้วกันครับ

ผมไม่มีมรดกทางการเงินใดๆ
ที่พ่อแม่ผู้ปกครองให้มาก็มีแค่มรดกทางการศึกษา กับสองมือ

ผมใช้เวลา 3 ปี สำหรับเงิน 1 ล้านบาทแรก
และใช้เวลาน้อยกว่าเดิมเท่าตัว สำหรับล้านที่ 2
หลังจากนั้น เงินเหล่านี้ก็ทำงานให้ผมอย่างหนักมาตลอด

สำหรับผม 1 ล้านบาทแรกเป็นสิ่งที่ยากที่สุด
ถ้าเรารู้ว่าทำอย่างไรได้ล้านแรกแล้ว
เงินล้านต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องยากครับ

แต่สิ่งที่สำคัญ ผมว่า

หาเงินได้เท่าไหร่ไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าเรารักษามันไว้ได้เท่าไหร่
ผมเห็นคนเงินเดือนหลายแสนบาทแต่ไม่มีเงินเก็บเลยก็มี

รักษาเงินได้เท่าไหร่ไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าเราทำให้มันงอกเงยได้เท่าไหร่
ผมเห็นคนมีเงินหลายล้านเก็บไว้ในแบงค์ ทนเห็นดอกเบี้ยต่ำไม่ไหว
เอามาซื้อบ้าน ซื้อรถหมดก็มี

แต่ที่แน่ๆ
"ความคิดทำให้เกิดเงิน ไม่ใช่เงินทำให้เกิดความคิด" ครับ

สวัสดีครับ

"ความคิดทำให้เกิดเงิน ไม่ใช่เงินทำให้เกิดความคิด"

ชอบจังเลยครับ คมดี

แต่ผมว่าคนส่วนใหญ่จะคิดตรงกันข้ามนะครับ[/quote]

(แต่สิ่งที่สำคัญ ผมว่า

หาเงินได้เท่าไหร่ไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าเรารักษามันไว้ได้เท่าไหร่
ผมเห็นคนเงินเดือนหลายแสนบาทแต่ไม่มีเงินเก็บเลยก็มี

รักษาเงินได้เท่าไหร่ไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าเราทำให้มันงอกเงยได้เท่าไหร่
ผมเห็นคนมีเงินหลายล้านเก็บไว้ในแบงค์ ทนเห็นดอกเบี้ยต่ำไม่ไหว
เอามาซื้อบ้าน ซื้อรถหมดก็มี

แต่ที่แน่ๆ
"ความคิดทำให้เกิดเงิน ไม่ใช่เงินทำให้เกิดความคิด" ครับ)

ชอบประโยคนี้มากครับมันเหมือนบอก step การมีตังค์เลยครับ

สำหรับผมตอนก่อนแต่งงานมีเงินอยู่ แต่งเสร็จเหลือ 3 แสนกว่า
ปีนั้นลงทุนเปิดบริษัทส่งออกได้เงินมาคงเป็นล้านแรกหละครับ
ปีแรกเงินก้อนไม่มีครับต้องกู้ bank มาส่วนหนึ่ง ใช้ที่ดินที่เก็บเงินซื้อนั่นแหละครับค้ำประกัน อย่างที่รู้อยู่ ไม่มีอะไรค้ำมีแต่ project ิทาง bank ไทยเขาไม่ค่อยปล่อยเงินโดยเฉพาะช่วง NPL เยอะๆ

ปีที่สอง ที่สาม ล้านต่อมาก็ง่ายขึ้นมาแล้วครับ

ที่จริงผมก็ทำงานบริษัทอยู่ ทำให้ประกันความเสี่ยงว่ายังมีรายได้ที่แน่นอนเข้ามาให้ครอบครัวครับ ส่วนบริษัทส่วนตัวให้ภรรยาดูแล แต่ผมหาตลาด
จนกว่าไม่ไหวจริงๆคงต้องออกไปช่วยดูแลหรือ บริษัทที่ตั้งขึ้นมามีรายได้เกิน และ cover รายได้ประจำที่มีอยู่ บอกตามตรงเสียดายเงินเดือนและใจไม่กล้าพอที่จะโดดออกไปเล่น 100 %

พูดถึงหุ้นเมื่อก่อน ก่อนเกิดวิกฤต ก็มีเงินเหลืออยู่บ้าง ก็เอาไปซื้อ หวังฝันหวานว่ามันจะดีตลอด ที่จริงไม่ใช่ครับ ไม่มีเวลา ไม่รู้จริง อย่าไปทุ่มกับมันมาก
เมื่อก่อนไม่มี Internet หาข้อมูลก็ยาก เลยสูญไปกับ SITCA ครับ แสนกว่าบาท แต่ผมว่าก็คุ้มครับสำหรับบทเรียน ยังมีแผ่นกระดาษปริญญาเอาไว้ให้ดูต่างหน้าด้วยนะครับ

บาทแผลจาก SITCA นี่ทำให้แฟนไม่เชื่อเครดิตเราเรื่องหุ้นเท่าไหร่ขอตังค์ มาลงคงไม่มีทางได้

เผอิญทางบริษัทที่ทำงานอยู่เขามีหุ้นให้ก็เอาตรงนั้นแหละครับมาแอบลงทุน แฟนไม่ถามเราก็จะบอกไปทำไม มันก็เติบโตมาหละครับ จัดเป็นกองทุนส่วนตัวหารายได้เก็บไว้อีกทาง โชคดีปีก่อน set ขึ้นมามากก็พอทำเนาครับ

แต่งวดนี้ด้วยวัยวุฒิ ด้วยประสบการณ์ คงมองโลกของตลาดได้ดีกว่าเดิมครับ แต่ก็คงประมาทไม่ได้ ตลาดหุ้นมันเป็นเหรียญสองด้าน ไม่มีใครสามารถประเมินปัจจัยได้ครบหมดครับ ดูอย่าง 911 หรือ หวัดนก หรือ SARS ไม่มีใครคาดคิดหรอกครับ งวดต่อไปอาจจะเป็น จีน down หรือ dallar crisis มาเคาะประตูบ้านใครบ้างจะรู้

แต่ต้องขอบใจหลายท่านที่ post ใน TVI นะครับให้ความรู้และข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากๆเลย

จริงๆล้านแรก(ไม่ใช่หัวล้าน) ของผมนั้นมันได้มายากจริงๆ อดทนมากกว่าจะได้มา ล้านต่อมาไม่ยากมากนัก เพราะมันทำงานให้ผม ตอนนี้ที่ผมร่วงนี่เกิดจากกรรมพันธุ์ ไม่ได้เกิดจากความเครียดอันใดเลย

ผมเองเกิดจากครอบครัวกรรมกรครับ พ่อผมจบป.4 ขับรถเมล์ส่งผมเรียน มีแต่ความรู้ที่เรียนมาและหาเพิ่มเติมมาตลอด สองมือสองเท้า หนึ่งสมองน้อยๆ ไม่ต้องฉลาดมากแต่

1) ต้องขยัน อดทน
2) มีสติตั้งมั่น ไม่วอกแวก นอกลู่นอกทาง
3) ขวยขายหาความรู้ตลอดเวลา
4) มีเป้าหมายที่ชัดเจน
5) สำคัญมาก ต้องรู้จักใช้เงินให้คุ้มค่า มัธยัสธ์ อดออม

มีเท่านี้ก็มีเงินล้านได้ครับ

คุณมนคงจบต่างประเทศครับ ภาษาไทยไม่แข็งแรง

มัธยัสถ์ ไม่ใช่ มัทยัส
พิสูจน์ ไม่ใช่ พิสูทธิ์

แถมให้หนึ่งเว็บครับ http://rirs3.royin.go.th/ridictionary/lookup.html
ผมใช้เว็บนี้เช็คคำภาษาไทย เพราะผิดเยอะเหมือนกัน

ส่วนภาษาอังกฤษใช้เว็บนี้ครับ http://www.m-w.com

จบไทยครับป๋า แต่ภาษาไทยก็ยังยากสำหรับผมอยู่ดีแหละ เอาเป็นว่าพ้องเสียงก็ได้แล้วน่า

เล่าเรื่องจริง บ้างแล้วกัน (แต่เรื่องของเส้นผม กลัวว่าจะเป็นเรื่องจริงละครับ)

ตอนผมจบมาใหม่ ผมเขียนในสมุดบันทึกว่าก่อนอายุ 30 ปีจะต้องมีเงิน ล้านให้ได้ พออายุก่อน 30 สักหน่อยก็เริ่มสงสัยว่าทำไมเราตั้งเป้าไว้น้อยไปหน่อยนะเนี่ย

ส่วนนึงต้องให้เครดิตภรรยาผมครับ เธอเป็นคนที่เก็บเงินและวางแผนอะไรๆ ได้ดี และเป็นคนที่อ่านดร นิเวศน์ก่อนผมเสียอีก และก็ชักนำผมเข้าสู่วงการเล่นหุ้นอีกครั้งครับ

ปีนี้จะได้เป็นตัวเลข 8 หลักครับ แต่ยังไม่พอจะเป็นอิสระทางการเงินอยู่ดี ต้องรอทำงาน เป็น cow เป็น buffalo ไปก่อนครับ

ล้านแรกสำหรับคนที่ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองนี่ยากมาก
ล้านแรกเป็นเหมือนความฝันอันสูงสุดเลยค่ะ
แต่พอได้มาแล้ว ล้านอื่นๆก็ตามมา
ล้านแรก ยากส์มากที่สุด
10 ล้านต่อมาก็ลุ้นพอสมควร
หลังจากนั้น เงินก็จะเริ่มทำงานให้กับเรา
มันจะเริ่มหมุนไปตามทิศทาง+ แบบทบต้น
เสียดายอยู่นิดเดียว
อ่านหนังสือพ่อรวยสอนลูกช้าไป
แต่อย่างที่เค้าว่า
"ไม่นับหนึ่ง ไม่ถึง2"

ผมจบอายุ 21 เงินเดือน 3xxxx แต่ช่วงแรกไม่ได้เก็บเลยครับ
เสียดายที่ได้อ่านพ่อรวยสอนลูกช้าไปเหมือนกัน ไม่งั้นก็คงได้ล้านแรกเร็วกว่านี้

Dr.T เขียน:ผมจบอายุ 21 เงินเดือน 3xxxx แต่ช่วงแรกไม่ได้เก็บเลยครับ
เสียดายที่ได้อ่านพ่อรวยสอนลูกช้าไปเหมือนกัน ไม่งั้นก็คงได้ล้านแรกเร็วกว่านี้

พี่ทำอะไรครับ จบมาเงินเดือน 3 หมื่นกว่า สุดยอดเลย

ช่ายครับ
พี่จบไรมาครับ21เงินเดือน3xxxx
เก่งจังครับ เพราะผมอ่ะ22แล้วนะนี่ยังเรียนม่ะจบเลย คิคิ
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:

หมอครับ

เป็นหมอต้องเรียน6ปี
แปลว่าพี่เข้ามหาลัยตอนอายุ15สิครับ
โห :lol: :lol: :lol:
เก่งสุดยอดจริงๆครับ
ข้าน้อยขอนับถือ

รุ้สึกว่าพี่ๆ แถวนี้เีิ่ริ่มสะสมเงินกันเมื่ออายุยังน้อยทั้งนั้นเลยนะครับเนี่ย อิจฉาจริงๆ

ผมเห็นกระท้นี้พดกันถึงเรื่องเงิน

สิ่งที่ผมคิดว่าการลงทนแบบ VI นั้นดีกว่า VS อาจจะไม่ใช่เรื่องเงินเป็นส่วนใหญ่ เพราะบางคนอาจจะเล่นแนว VS ก็รวยได้เหมือนกัน

แต่ผมว่าการลงทนแนว VI นั้นสามารถให้อะไรบางอย่างแก่เราได้ ซึ่ง VS ไม่สามารถให้ได้

นั้นคือการนอนหลับฝันดี และมีเวลาอิสระ ไม่ต้องคอยพะวง เฝ้ากระดานห้นตลอดทั้งวัน ตลาดปิดแล้ว ยังต้องตาม Dow Jone อีก

เห็นด้วยกะพี่ chatchai ครับ

ผมนอนหลับสนิทดีทุกคืน แต่หุ้นผมตอนนี้ปรับลงไปตามกระแส เรียบร้อยแล้วครับ รอหมด XD ก่อน จะปรับใหม่ แต่ผลคาดว่าพรุ่งนี้น่าหุ้นน่าจะ rebound ได้หลังจากการประชุมของคุณสมคิด

เห็นด้วยกับพี่ฉีตรชัยครับ

ล้านแรกได้ง่ายรึเปล่านั้นไม่รู้หรอกครับ ไม่เคยจับเงินที่หามาได้แม้กระทั่งตอนนี้ ให้ที่บ้านหมด

เริ่มงานตอน 21 กว่าๆ กับเงินเดือน 45,000 บาท ได้ล้านแรกก็คงจะราวๆ เกือบ 23 น่ะครับ ไม่ได้มีเฉพาะเงินเดือนแต่ได้ค่าโบนัสรายวันอีกต่างหาก

จากนั้นล้านต่อไปก็ได้มาไม่ยากน่ะครับ ยิ่งตอนนี้ทำงานอยู่ต่างประเทศด้วยปีนึงแค่เงินเดือนก็ 2 ล้านกว่าแล้วครับยิ่งถ้าบวกกับโบนัสด้วยก็คงพุ่งถึง 3 ล้านกว่าน่ะครับ... 10 ล้านน่ะถึงแล้วเมื่อปีที่แล้วแต่อย่างที่บอกไม่เคยจับเงิน ตอนนี้เพิ่งครบ 27 น่ะครับ

ไม่ได้คุยให้หมั่นไส้ แต่ก็อยากให้รู้ว่าคนเราถึงไม่มีอะไรมาตั้งแต่เกิดก็สร้างเนื้อสร้างตัวได้เหมือนกัน ผมเองก็เริ่มจากติดลบซะด้วยซ้ำ ที่บ้านมีหนี้ประมาณ 3 ล้านกว่าก่อนผมจบน่ะ

ล้านแรกได้มาจากทำงานเก็บเงิน
ทำได้เท่าไหร่เก็บเกือบหมดครับ
เอาเงินที่เก็บมาซื้อหุ้นพื้นฐานดีครับ
ได้ล้านแรกเมื่อกลางปีที่แล้ว ตอนอายุ 22
ล้านต่อๆมาก็ได้ Mr.Market ช่วยครับ
แต่ยังไม่คิดว่าเป็ยฝีมือตัวเองมากเท่าไหร่ครับ
ต้องพิสูจน์กันยาวๆว่าได้มาแล้วจะรักภาษาได้นานแค่ไหน

ล้านแรกนี่ยังไม่เห็นวี่แววเลยครับ
แต่ก็จะตั้งใจเดินทางไปกับเงินทุนอันน้อยนิดของเรา
สักวันนึง พอร์ตจะโต๊ พอร์ตจะโต
:lol:

ถ้าคุณ Fungko ไม่รังเกียจ ช่วยบอกได้ไหมครับว่า ทำงาน อาชีพอะไรน่ะครับ แล้วมีโอกาสได้ไปทำงานต่างประเทศได้อย่างไรครับผม ขอบคุณล่วงหน้านะครับ

เรื่องงานเหรอครับ...

ใน Oil Field น่ะครับ...ไม่ค่อยมีคนรู้จักเท่าไหร่ แต่ไม่เหมือน Amargedon นะครับ นั่นน่ะเว่อร์สุดๆ

หน้าที่คือ คนนำการขุดเจาะตามแผนให้ถึงเป้าหมายน่ะครับ ค่าตอบแทนก็สูงเป็นธรรมดา ตอนนี้รับอยู่ก็ 2-4 แสนน่ะครับ แล้วแต่ว่าจะทำงานบนแท่นเจาะกี่วันต่อเดือน

ไม่ต้องอิจฉาหรอกครับ...ผมเองก็ไม่อยากอยู่นานหรอกครับ ถ้าไม่จำเป็น แต่นี่เพราะเงินยังเป็นปัจจัยหลักบวกกับอายุยังอยู่ในเกณฑ์ที่ผมยังรับได้ คิดว่าถ้ารายได้รองที่กำลังลงทุนอยู่ใกล้ๆ รายได้หลักเมื่อไหร่ก็คงออกน่ะครับ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า เช่น เป็นนักลงทุนเต็มตัว แล้วก็เริ่มธุรกิจขนาดเล็กที่อยากจะทำ

ตอนนี้ก็ลงทุน เอ...แต่อย่าเรียกว่าลงทุนเลยครับ ที่ผ่านมาน่าจะเป็นการเล่นมากกว่า เพราะอยากลองน่ะครับ ให้รู้ว่าเล่นวันต่อวัน ระยะกลางนั้นเป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร ลงทุนทางเทคนิคเป็นยังไง ตามปัจจัยพื้นฐานเป็นยังไง ที่ผ่านมาเลยมีกำไรนิดหน่อยไม่ได้พุ่งหลายเท่าเหมือนหุ้นบางตัวในตลาด พอร์ตผมก็ไม่ใหญ่ไม่โต 2 ล้านต้นๆน่ะครับ

ยังไงซะ...ผมเชื่อว่ามีโอกาสที่จะทำเงินในตลาดหุ้นน่ะ...เพียงแต่ต้องรอจังหวะ บวกกับประสบการณ์ และจิตใจที่เข้มแข็งน่ะครับ

ล้านแรก ไม่สิสามล้านแรกได้ตอนเข้ามหาลัยปีหนึ่งค่ะ แม่ให้ลูกที่เข้ามหาลัยคนละสามล้านบริหารกันเองจนกว่าจะจบ จำได้ว่าแทบไม่ได้แตะตอดขอแม่เป็นค่าหน่วยกิตค่าขนมตลอด พออยู่ปีสามเอาเงินไปซื้อที่ที่ระยอง ขายไปได้กำไรมาล้านกว่าๆ เอามาซื้อคอนโดที่พระราม 4 ได้กำไรไม่มาก แล้วก็ไปซื้อคอนโดที่หัวหินขายให้ฝรั่งไปได้กำไรสองล้านกว่ารวบรวมมาซื้อคอนโดกลางสุขุมวิทราคาแปดล้านตกแต่งไปล้านกว่า ราคาปัจจุบันบอกขายอยู่ที่ สิบแปดล้านค่ะ (มีใครสนใจซื้อบอกนะคะ) มาเริ่มเล่นหุ้นปีที่แล้วตอนแรกๆพอได้กำไรดีพอสมควร ตอนนี้......เศร้าค่ะ กะว่ากลับไปซื้อมาขายไปดีก่ะ

อย่าว่าแต่ล้านแรกเลย เงินบาทแรกที่หาด้วยน้ำพักน้ำแรงยังไม่ได้เลยค่ะ เหะ ๆ เพราะเพิ่งจบ... ตั้งเป้าไว้เหมือนกันว่าจะให้ได้ล้านแรกภายใน 3 ปีเพราะต้องไปเรียนต่อ ใช้เงินเยอะ แต่ไม่รู้จะได้รึป่าว

MedIEviL เขียน:อย่าว่าแต่ล้านแรกเลย เงินบาทแรกที่หาด้วยน้ำพักน้ำแรงยังไม่ได้เลยค่ะ เหะ ๆ เพราะเพิ่งจบ... ตั้งเป้าไว้เหมือนกันว่าจะให้ได้ล้านแรกภายใน 3 ปีเพราะต้องไปเรียนต่อ ใช้เงินเยอะ แต่ไม่รู้จะได้รึป่าว

จะไปเรียนต่อ ใช้เงินเยอะ นี่ หมายถึงสอบ USMLE ไปอเมริกาหรือเปล่า
ถ้าใช่ ขอแนะนำว่าอย่าเล่นหุ้นเลย ฝากเงินในธนาคารอย่างเดียวดีกว่าครับ
เพราะถ้าเราเลือกหุ้นพลาด มันจะเก็บมาเป็นอารมณ์ทำให้เสียสมาธิในการอ่านหนังสือสอบได้
ลำพังแค่สอบให้ผ่าน 75 คะแนนนั้นไม่พอที่จะสมัครได้
ต้องได้สัก 90 คะแนนเป็นอย่างน้อย ถ้าไม่แน่ใจว่าจะได้ recommend ที่ strong พอ
นั่นคือต้องทุ่มเวลาเต็มที่กับการอ่านหนังสือสอบ ไม่มีเวลาจะหาข่าวบริษัทจดทะเบียนหรอก

แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ขอให้สนุกกับการลงทุนครับ 8)

อย่าว่าแต่ล้านแรกเลย เงินบาทแรกที่หาด้วยน้ำพักน้ำแรงยังไม่ได้เลยค่ะ เหะ ๆ เพราะเพิ่งจบ... ตั้งเป้าไว้เหมือนกันว่าจะให้ได้ล้านแรกภายใน 3 ปีเพราะต้องไปเรียนต่อ ใช้เงินเยอะ แต่ไม่รู้จะได้รึป่าว

หุหุ ยากนะครับ น้อง MedIEvil 3 ปี 1 ล้านบาท

ถ้าทำงานใน รพ รัฐบาลอย่างเดียว ผมว่ายากนะ

ไม่งั้นก็ต้องทำ เอกชน หรือ ไม่ก็เปิดคลีนิกอ่ะ

คณ Fungko จบวิศวะ เครื่องกลหรือเปล่าครับ

ร่นผมก็มีที่ไปทำงานที่แท่นขดเจาะน้ำมันเหมือนกันครับ เงินเดือนเยอะเชียว แต่ก็เหนื่อยนะครับ พอกลับบ้านที่ไรเที่ยวแหลกเลยครับ อดมานานนิ

จบวิศวะอะไรนั้น ขอสงวนไว้แล้วกันนะครับ

เรื่องงานหนักน่ะเหรอ ผมว่าไม่เลยนะ จะเรียกว่า easy money ก็ไม่เชิง แต่ความรับผิดชอบเยอะน่ะครับ เพราะถ้าเจาะพลาดก็หมายถึงชื่อเสียงแล้วก็ cost ที่ต้องถม ก็เป็นร้อยล้านน่ะครับ

คนส่วนใหญ่จะเห็นว่าผลตอบแทนสูง แต่ผมว่าแค่ช่วงแรกของชีวิตการทำงานน่ะครับ ถ้าเปรียบเทียบกับงานประเภทอื่น ดังจะเห็นได้ว่าเพิ่งจบมาก็มีรายได้เท่าหรือมากกว่าคนที่ทำงานมาเป็นสิบปี แต่ในระยะยาวนั้นไม่คุ้มกันหรอกครับ อีกอย่างพวกที่เพิ่งจบใหม่หรือทำงานมาสักระยะจะหยิ่งผยองกับรายได้ที่ตัวเองหาได้ ถ้าสังเกตดูจากเพื่อนของคุณที่กลับมาจากงานก็เที่ยวแหละเนี่ยถ้าดูภาพรวมก็คงไม่ต่างจากคนที่ทำงานอื่นที่รายได้ต่ำกว่า เพราะเงินที่หาได้ก็มาใช้สุรุ่ยสุร่าย

สำหรับผมคิดว่าการที่ได้ทำงานนี้ ผมถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของชีวิตการทำงานทั้งด้านประสบการณ์ที่หาในประเทศได้ไม่ง่ายนัก ภาษา แล้วก็รายได้ งานนี้เป็นแค่งานทำเงิน ถ้าอยู่แต่บริษัทนี้จนเกษียณก็คงมี 60-70 ล้าน ซึ่งนั่นก็หมายถึงอายุ 50 กว่าๆแต่ต้องทำงานตลอดไป...ผมเอาข้อได้เปรียบนี้มาสร้าง เงินทำงาน น่ะครับ ก็คงไม่หนีจาก หุ้น อสังหา ประกันชีวิต ธนาคาร แล้วก็ธุรกิจเล็กๆ

ชีวิตแต่ละคนก็มีทางเดินเฉพาะรายแล้วแต่ว่าคนๆนั้นจะเลือกและจัดการกับชีวิตตัวเองอย่างไรที่คิดว่าดีที่สุดกับตนเองภายใต้สภาวะและเวลานั้นๆ

ไม่จำเป็นต้องคาบช้อนเงินช้อนทอง ช้อนพลาสติกหรือสแตนเลสก็สร้างเนื้อสร้างตัวได้