Thai VI

อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

แต่ผมว่า จริงๆแล้ว ตัวเลข ว่า ROE ROA มีผลมากพอสมควร

แต่ถ้าไม่สูงปรี๊ด จนน้ำลายหก  ก็คงไม่มีใครเข้ามาแจมด้วย

ความสำคัญมันอยู่  barrier to entry มากกว่าครับ

เช่น  ถ้าอะไรมันดู ยุ่งยากมากๆ

มี know how , มีเทคโนโลยี ที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้

คนก็คงไม่โดดเข้ามาในน่านน้ำเดียวกันเท่าไหร่นัก



ลองคิดถึง ชาไข่มุก กับ ขนมปังกาแฟ สุดอร่อยดูสิคับ

เอาฟะ ไม่ถกกันต่อดีกว่า...

[quote="crazyrisk"]อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

แต่ผมว่า จริงๆแล้ว ตัวเลข ว่า ROE ROA มีผลมากพอสมควร

แต่ถ้าไม่สูงปรี๊ด จนน้ำลายหก

รอ พี่ฉัตร มาสอนด้วยอ่าครับ

ถ้าจำไม่ผิด Buffettology บอกว่า ธุรกิจที่ดีคือมี Net Profit Margin สูง หรือไม่ก็ Turn Over สูงครับ

ดังนั้น ถ้ามองเห็นชัดๆว่าขายดีมากๆ(คือ Market size　ไปได้อีกมาก) NPM　น้อยหน่อยก็โอเค หรือถ้าขายได้ปีละไม่กี่ชิ้น แต่ราคาดีมากๆ มันก็น่าสนอีก

ที่เห็นในปัจจุบันจะเป็นเึคสแรกมากกว่าที่เกิดแรงจูงใจให้คนอื่นแห่เข้าไปทำ เพราะ ตลาดใหญ่ๆ นั้นมีอยู่แล้ว NPM ในช่วงเริ่มแรกก็คงสูงพอประมาณ แต่ละคนก็คงคิดว่า เฉือนลดราคานิดหน่อยก็คงโอเคน่ะ

ส่วนเคสหลัง ถ้าโวลุ่มน้อย คนโดยมากน่าจะมองไม่ค่อยเห็น และถ้ามันต่ำๆ แต่กำไรดี แปลว่างานต้องเฉพาะเจาะจงมาก และน่าจะใช้ Know　how เยอะเป็นพิเศษ

ไม่รู้นะครับ นี่ตอบแบบลูกจ้าง ไม่เคยทำเอง

Pn3um0n1a เขียน:ถ้ามีธุรกิจประเภทหนึ่ง เช่นโรงงานผลิตอะไรสักอย่าง
มีผู้ผลิตอยู่แล้ว และ ธุรกิจกำลังไปได้ดี
คู่แข่งอยากจะเข้ามาร่วมวงแบ่งเค้กด้วย

คู่แข่งรายนั้น จะพิจารณา อะไรเป็นหลักครับ
โดยเฉพาะ ตัวเลขทางการเงิน (ขอไม่นับรวมพวก ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ เงินลงทุน อัตราดอกเบี้ย)
เช่น ROA ROE NPM หรือ ต่างๆ นาๆ

อะไรจะเป็นตัว บ่งบอก หรือ ช่วยตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมวงครับ?
หรือ ถ้ามีปัจจัยอื่นๆ ก็ช่วยเสริมได้นะครับ

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับความรู้ครับ

ถ้าหมอต้องการรู้ว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่แล้วมีคนอื่นเห็นแล้ว "น้ำลายหก" อยากมาแบ่งเค้กการตลาดด้วย ไม่นับปัจจัยที่ว่าคนๆนั้นมีความสามารถพอไหม หรือมี know how ไหมนะครับ

ถ้าผมตอบจากประสบการณ์ที่อยู่ในครอบครัวที่มีธุรกิจ SME อยู่นะครับ ผมว่า  ROA ที่คิดจากกระแสเงินสดสุทธิ สำคัญที่สุด คือ ผมจะดูว่าถ้าผมเอาเงินมาลงทุน กี่ล้านๆก็ว่าไป ปีนึงจะกำไรเป็น"เงินสด" เท่าไหร่ นี่แหละสำคัญที่สุด
ถ้าทำธุรกิจ ขายของขายบริการ แต่ตัวเลขทางบัญชีกำไร แต่เวลาแบ่งเงินจะไปถอนเงินจากธนาคาร ปรากฏว่าไม่มี อย่างนี้ไม่รู้จะทำไปทำไมครับ

ส่วนการวิเคราะห์บริษัทในตลาดหุ้นนั้นบางท่านอาจมีความเห็นแตกต่าง แต่ผมมองในฐานะว่าถ้าผมต้องเอาเงินผมไปลงทุนเอง กู้เงินเอง ลงมือทำด้วยตัวเอง สุดท้ายแล้วครอบครัวผมจะมี "เงินสด" เท่าไหร่ คิดแค่นี้เองครับ

กลับมาที่ FCF แหะ

1 IRR Internal rate of return
2 NPV net present value

Pn3um0n1a เขียน:

ขอบคุณครับ

ผมสนใจตรงนี้อ่ะครับ
เพราะเคยมี คนบอกว่า ธุรกิจนี้ ถ้า npm ขึ้นมาสูง ..... นี้ จะทำให้มีคนสนใจเข้ามาทำเพิ่มขึ้น

ผมก็เลยเกิดข้อสงสัย
สมมติ สินค้า A (หรือส้มก็ได้) ราคาขาย 30 บาท ต้นทุน 20 (สมมติรวมค่าต่างๆ นาๆ แล้ว) net margin ได้ 10 บาท/30 บาท ได้ 33%
สมมติต้องลงทุนเริ่มแรก 1000 บาท ขายได้ 10ชิ้นต่อปี คิดเป็น ROE (หรือ ROA) 10%

ถ้าสินค้า A นั้น มีความต้องการสูงมาก จนดันราคาไปถึง 60 บาท แต่ต้นทุนซื้อส้มเรามา เป็น 50 บาท (ขึ้นเหมือนกัน) กำไร 10 บาทอยู่ดี npm ได้

ขอให้ความเห็นตามประสามือใหม่

ผมว่าน่าจะดูที่ ROI นะ ถ้าตามเฮียหมอกำหนดไว้ตอนแรกคือพิจารณาแค่งบการเงินเท่านั้น ถ้าธุรกิจใดมีการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงๆ ก็จะมีคนแห่ตามมาทำมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดค่า ROI ที่ได้ก็จะลดต่ำลงจนหมดความน่าสนใจ ส่วนเรื่องคนที่จะแห่เข้ามาทำได้มากน้อยขนาดไหนอาจวิเคราะห์ด้วย 5 Forces อีกทีครับ

sattaya เขียน:ผมว่ากรณีนี้ถ้ารายใหม่จะเข้ามาเงินลงทุนเริ่มแรกของเค้าคงไม่ใช่ 1000 บาทแน่นอน เนื่องจากต้นทุนต่อหน่วยมันเพิ่มขึ้นดังนั้น ROI หรื ROA ของรายใหม่ต้องต่ำกว่า 10% แน่นอน ถ้า npm ลดลงในขณะที่รายใหม่ต้องลงทุนมากกว่าเดิม ทีนี้ก็อยู่ที่แต่ละคนจะคิดกันละครับว่าคุ้มพอที่จะลงทุนไหม

ทีนี้ลองมองถึงคู่แข่งที่อยู่ในตลาดเดียวกันคืออาจขายสินค้าคล้ายๆกัน หรือเปรียบได้กับคนที่มีแผงขายมะม่วงอยู่ข้างๆ ถ้ามะม่วงที่เค้าขายอยู่กำไรไม่ดีและคนซื้อน้อย ถ้าเขาจะเปลี่ยนมาขายส้มคงไม่ต้องคิดถึงค่าใช้จ่ายคงที่ที่มีอยู่(ค่าแผง) หรือก็คือต้นทุนที่ใช้จะต่ำกว่าหน้าใหม่ที่เข้ามา รายนี้ก็จะคิดแต่เพียงว่า GPM คุ้มค่าหรือไม่และเทียบกับมะม่วงแล้ว NPM ตัวไหนดีกว่ากัน สุดท้ายคือ ROI จะคุ้มกับเงินที่ต้องลงเพิ่มไหม

อืม สุดยอดครับ พอจะเข้าใจแล้ว  :D

GFM
NFM
DCF
FCF
และก็ลางสังหรณ์ (ไม่ได้กวน แต่สิ่งนี้สำคัญที่สุดในความคิดของผมครับ)

ผมว่า Break Even นะ ว่านานแค่ไหน
ตัวอื่นเป็นแค่ตัวแปร ดูแค่บรรทัดนี้แหละ

แล้วค่อยดูตัวอื่นต่อ