Thai VI

ผมเห็นว่าขึ้นอยู่กับอายุ และ จำนวนเงินในพอร์ต และ บัญชี

ผมไม่เห็นด้วยกับการลงทุนอย่างเดียวสำหรับนักลงทุนที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี โดยเฉพาะพวกที่เรียนจบแล้วไม่ทำงานเลย  เพราะว่าคุณจะมีประสบการณ์ และ สังคมที่แคบมาก  ด้วยประสบการณ์ที่แคบ คุณจะวิเคราะห์ธุรกิจต่าง ๆ ให้ดีได้อย่างไร

ด้วยความรู้ที่คุณเรียนมา แล้วไม่ทำงาน หากหลาย ๆ คนคิดเหมือนกัน จะเป็นการเสียทรัพยากรมนุษย์ของประเทศชาติอย่างมาก ซึ่งอันนี้อาจจะจับต้องไม่ได้ แต่ผมเชื่ออย่างนี้

แม้ว่าคุณจะทำงาน คุณก็ยังสามารถลงทุนได้  และรายได้ทั้งสองทาง จะทำให้คุณมีพอร์ตที่เติบโตเร็วกว่า และ มีอิสระทางการเงินได้ไวกว่า ถึงเวลานั้น ค่อยมาลงทุนเพียงอย่างเดียว ก็ยังไม่สายเกินไป

ผมทั้งทำงาน และ ลงทุนจนอายุเกือบ 50 แล้วก็ยังทำทั้งสองอย่าง ผมพูดจากประสบการณ์ และ ผลตอบแทน ทั้งด้านการเงิน และ การใช้ชีวิตครับ

แม้ว่าการทำงานวันนี้ ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเลย แต่เพราะมีลูกน้องหลายสิบชีวิตที่ร่วมงานกับเราอยู่ หากเราเลิก พวกนี้ก็ต้องไปหางานใหม่ ซึ่งอาจจะไม่ง่ายนัก  รายได้หลักของผมมาจากการลงทุนในตลาดครับ

เวลาเราสามารถทำกำไร 4-5 ปี ติด เราก็มักจะคิดว่าเราแน่ มีความรู้ ผมว่าเรายังไม่เคยเจอวิกฤติแบบปี 40 ยังไม่รุ้หรอกว่าเรารู้จริงหรือไม่ ผมได้ผลตอบแทน 4-5 ปีนี้ค่อนข้างดี แต่ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าเมื่อวิกฤตมาถึงผมจะรอดหรือไม่
จากที่อ่านใน web นี้ผมว่าตอนหลังๆนี่มีแต่คนมั่นใจมาก ถึงมากที่สุด ว่าเขาแน่เขาชนะตลาด ชนะเกมตลอด บรรยากาศมันก็เลยค่อนข้าง happy และคิดว่าเอาละไม่เห็นต้องทำงานที่ไม่ชอบเลย ถ้าเราได้ผลตอบแทนเท่านั้น เท่านี้
เราก็ไม่ต้องทำงานก็ได้ ผมว่าพ่อ แม่ ท่านเตือนนะดีแล้ว การไม่ทำงานเลยผมว่าบางทีอาจจะทำผลตอบแทนได้ไม่ดีก็ได้ เพราะมัวแต่อยู่กับตลาดมากไป ทางที่ดีน่าจะหางานที่ทำให้มีเวลาลงทุนด้วยจะดีกว่า ได้ทั้งเงินทุกเดือนและได้ทั้งผลตอบแทนจากการลงทุน

[quote="shinnozuke"]ผมเล่นหุ้นแบบ full time แต่เวลาใครถามเรื่องงาน ผมจะบอกว่าว่างงาน ตกงาน อยู่เฉยๆ ประมาณนี้อะ
คิดว่าแบบนี้ไม่เรื่องมากดี

tt เขียน:เวลาเราสามารถทำกำไร 4-5 ปี ติด เราก็มักจะคิดว่าเราแน่ มีความรู้ ผมว่าเรายังไม่เคยเจอวิกฤติแบบปี 40 ยังไม่รุ้หรอกว่าเรารู้จริงหรือไม่ ผมได้ผลตอบแทน 4-5 ปีนี้ค่อนข้างดี แต่ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าเมื่อวิกฤตมาถึงผมจะรอดหรือไม่
จากที่อ่านใน web นี้ผมว่าตอนหลังๆนี่มีแต่คนมั่นใจมาก ถึงมากที่สุด ว่าเขาแน่เขาชนะตลาด ชนะเกมตลอด บรรยากาศมันก็เลยค่อนข้าง happy และคิดว่าเอาละไม่เห็นต้องทำงานที่ไม่ชอบเลย ถ้าเราได้ผลตอบแทนเท่านั้น เท่านี้
เราก็ไม่ต้องทำงานก็ได้ ผมว่าพ่อ แม่ ท่านเตือนนะดีแล้ว การไม่ทำงานเลยผมว่าบางทีอาจจะทำผลตอบแทนได้ไม่ดีก็ได้ เพราะมัวแต่อยู่กับตลาดมากไป ทางที่ดีน่าจะหางานที่ทำให้มีเวลาลงทุนด้วยจะดีกว่า ได้ทั้งเงินทุกเดือนและได้ทั้งผลตอบแทนจากการลงทุน

เห็นด้วยครับ ผมว่าหลาย ๆ ท่านอาจจะมองเป้าหมายเคลื่อนไปนิดนึง (หรือไม่ก็เป็นผมที่มองผิดไปจากส่วนรวม)

ผมไม่มองที่ราคาหุ้น ว่ามันจะให้เพิ่มมูลค่าพอร์ตผมได้เท่าไหร่ แต่ผมมองว่า หุ้นที่ผมซื้อ จะให้ "ผลตอบแทน" ในรูปเงินปันผลได้เท่าไหร่ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ผมลงทุนในกิจการ ตราบใดที่กิจการมันดี และมีผลตอบแทนให้คุ้มกับที่ผมลงทุนไว้ ราคามันจะเท่าไหร่ก็ได้ครับ

ผมเลยไม่ค่อยชอบให้ราคาหุ้นมันขึ้นเอา ๆ เพราะทำให้ผมซื้อต่อไม่ได้ ยิ่งหุ้นตก ผมยิ่งชอบ ยิ่งซื้อ ตราบใดที่พื้นฐานกิจการมันไม่เปลี่ยนแปลง

เป้าหมายผมคือ เงินปันผลที่ได้จากการลงทุน จะทำให้ผมมีอิสรภาพทางการเงินได้หรือเปล่า เท่านั้นเอง มูลค่าพอร์ตจะเป็นเท่าไหร่ก็ได้

ผมเชื่อว่า ไม่ว่าจะยังไง คนทุกคนมีหน้าที่ และความสามารถที่แตกต่างกัน ไม่มีทางที่จะเล่นหุ้นเป็นอาชีพกันได้หมด ไม่งั้นใครจะมาปลูกข้าวให้เรากิน ใครจะมาปลูกตึกให้เราอยู่

wazzu เขียน:ถ้าคุณมีลูกชาย อายุราวๆ คุณ และลูกคุณขอไม่ทำงาน และเล่นหุ้นอย่างเดียว คุณจะมีวิธีอธิบายยังไง

ลูกคุณจะคิดยังไงถ้าคุณห้ามในสิ่งที่เค้าเชื่อ

คนที่ปราม บางครั้งก็ไม่ใช่ความไม่รู้ ไม่เข้าใจ เพียงแต่ความหวังดี ถูกมองเป็นความไม่เข้าใจ

จริงด้วยครับ คุณพูดถูกคนเราต้องเปิดใจให้มากขึ้น

โอ@ เขียน:เวลาจะบอกคำตอบให้กับทุกคนเองครับ

แรกๆก็ต้องทนไปหน่อย

คุณ โอ๑ อายุพอๆกับผม น่าจะเข้าใจความรู้สึกผมได้ดี

Saran เขียน:ที่ผมมาลงทุนในหุ้น เพราะอยากมีอิสรภาพทางการเงินในระดับหนึ่งครับ
จะได้มีเวลา+ทำงานในสิ่งที่ชอบ(ซึ่งมันเป็นงานที่ไม่ค่อยทำเงินเท่าไร)

ส่วนเรื่องจะเป็นนักลงทุน full time ถ้าไปคุยกับคนที่ไม่เคยศึกษาหุ้นมาก่อน
ก็จะเป็นยังงี้แหละครับ ผมเองยังเอามาบ่นในห้องนั่งเล่นเลย เหอๆ

แต่อย่าไปคิดมากเลยครับ ต้องคิดว่าคนที่เค้าไม่เห็นด้วย นั้นคือเค้าหวังดีกับเรานะครับ
อยากเป็น VI ต้องรู้จักอดทน แล้วให้เวลาเป็นบทพิสูจน์ครับ  8)

พี่สรัน ผมยังคิดเลยว่าอีกหน่อยเวลาจะแต่งงานไปเจอพ่อ แม่ ผู้หญิงเค้าถามว่า แฟนลื้อทำอะไร
สงสัยอีกหน่อยต้องขับรถเบนซ์ไปโชว์ แล้วเอาธุรกิจอะไรสักอย่างมาบังหน้า เค้าเห็นรถแพงๆ จะได้คิดว่า สงสัยไอ้นี้มั่นคงจริง

สามัญชน เขียน:
เราควรที่จะ "วินิจฉัยโรค"ให้ได้เสียก่อน

[quote="chut"]ฮง กำไร SE-EDกับ CP7-11มาเยอะ ก็ไม่อยากทำงานแล้วเหรอ
แซวเล่นนะ

[quote="lychee"]

ผมไม่เห็นด้วยกับการลงทุนอย่างเดียวสำหรับนักลงทุนที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี โดยเฉพาะพวกที่เรียนจบแล้วไม่ทำงานเลย

[quote="LOSO"]
" กรูเตือนมรึงแล้ว

hongvalue เขียน: คือว่า ถ้าคุณลงทุน คุณก็เอาเวลาไปอ่านหนังสือที่มีค่า

ไปอบรมดีๆ

แต่ว่า ถ้าผมไปทำงานกินเงินเดือน

ข้อเสียคือบางที

ผมต้องทำงานที่ไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ แต่ต้องเอาเวลา เข้าแลกมากไป

งานนักลงทุนจริงๆ แล้วผมว่าหนักนะครับ อ่านเยอะมาก

แต่คนนอกคงดูแล้วเหมือนว่าจะสบายน่ะครับ

8) นักลงทุนต้องการหัวใจที่แข็งแกร่งตัดโลภตัดกลัวเก่งๆ
    ด้วยนะครับพี่ฮง

    แต่ผมเห็นด้วยเรื่องที่มองเผินๆว่าสบาย
    น้องๆบางคนในเวบที่ผมรู้จัก
    เขาว่าทุกวันนี้ผมหนักกว่าตอนทำงานซะอีก
    ต้องอัพเดตตัวเองบ่อยๆ
    บางทีแกะงบเพลินๆ อ้าวตีสองแล้ว

    ผมว่าอะไรเหมาะกับใครแค่ไหน ตัวเองก็แสวงหาเอาครับ
    บอกน้องฮง อย่างนึงว่า อย่าทำให้พ่อแม่เป็นห่วงครับ
    ในทางพุทธ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
    เดินสายกลางก็ไม่เลวนะครับ

[quote="por_jai"]

8) บอกน้องฮง อย่างนึงว่า อย่าทำให้พ่อแม่เป็นห่วงครับ

ช่วงนี้ หุ้นมันขึ้นดี หลายๆ คน คงได้รอบนี้กันเป็น หลายตังค์

(ขนาดผมโง่ๆ เซ่อๆ ยังได้กะเขามาบ้างเลย)

ต้องดูระยะยาวๆ หากเยี่ยมยุทธ์
จนสามารถทำกำไรได้ในทุกสภาวะตลาด
ค่อยออกมา full time ก็ไม่เสียหาย

[quote="lychee"]ผมเห็นว่าขึ้นอยู่กับอายุ และ จำนวนเงินในพอร์ต และ บัญชี

ผมไม่เห็นด้วยกับการลงทุนอย่างเดียวสำหรับนักลงทุนที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี โดยเฉพาะพวกที่เรียนจบแล้วไม่ทำงานเลย

kvi เขียน:I quit from the job so I don't have a good record for work experience.
That's why I can't find the job easily. Now I'm a full time investor and I'm facing the same situation as this message. My dad and my mom don't agree to see me investing in the stocks as a carrer. They think it's too risky. It's very difficult for me to explain them. I always explain them that I invest in the stocks not speculate but they still don't beleive. What should I do?

The time n your performance will tell .

ผมว่า VI ไม่จำเป็นต้องใช้เวลา fulltime นะครับ
ระหว่างวัน หรือหลังเลิกงานสำหรับการค้นคว้าก็น่า
จะพอมั้งครับ

ผมศึกษาการลงทุนแนว vi เพราะว่า ไม่มีเวลาในการติดตามหุ้น จึงคิดว่า
เหมาะสมสำหรับการลงทุนในระยะยาว ที่เราไม่ต้องเข้ามาติดตามตลาด
มากเกินไป

เวลาที่เหลื่อต้องทำงาน หาเงินมาลงทุนต่อ เพราะผมไม่ได้มีทุนมากตั้งแต่ต้น

ผมคิดว่าคนที่สามารถเป็นนักลงทุน Full Time คงต้องมี ความรู้และ เงินทุนพสมควร เพราะถ้าฐานะทางบ้านไม่ดี คงไม่สามารถมีเงินมาลงทุนได้นะครับ

เพราะเงินที่ลงทุนยังคงมีภาระ ซึ่งไม่สามารถนำมาลงทุนได้

ถ้ามีพอร์ตใหญ่พอที่จะมีอิสรภาพทางการเงิน (จริงๆ) ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าอย่างน้อยต้องประกอบด้วย
1. เงินฝาก หรือ พันธบัตรรัฐบาล หรือ หุ้นในบริษัทที่เป็นพื้นฐานเศรษฐกิจประเทศมากๆ ที่จ่ายปันผลรายปี cover ค่าใช้จ่ายชีวิตประจำวันทั้งหมด
+
2. พอร์ตหุ้นดีๆ ที่จะเติบโตไปข้างหน้าเพื่อให้มี ปันผล cover ค่าใช้จ่ายขาจร / รางวัลชีวิตต่างๆ / เงินลงทุนเพิ่ม

ถ้าถึงตอนนั้น เป็นนักลงทุนฟูลไทม์ไม่น่าเกลียดหรอกครับ และควรจะเลิกทำงานประจำด้วย  แต่หันมาทำงานเพื่อสังคมแทน

-----------

ถ้าพอร์ตยังเล็กอยู่ แต่ดู growth ดี + ได้ top record มาหลายรอบ + เจ้าตัวเบื่องานและเริ่มอหังการเล็กๆ

 นิ..อาจจะเสี่ยงมากๆ

หุ้นมีขึ้น..มีลงนะครับ

earnfinal เขียน:ความเห็นไม่ตรงกันก็ถูกแล้ว ถ้ามาเล่นหุ้นกันหมดแล้วใครจะทำงานอะ จิงมั้ย อิอิ

แหมชอบจัง
ทุกคนมีทางที่เลือกเดินในฉบับของตน มันไม่มีทางให้ใครมาเห็นด้วยอย่างหมดจดได้
ทั้งนี้แม้พบเจอ การแสดงออกว่าเห็นด้วยอย่างหมดจด ก็ไม่ได้หมายถึงสิ่งที่ใช่ แน่แท้แล้วเสมอไป

สิ่งที่ทำให้เป็นสุขที่สุดในชีวิตตามแบบดิฉัน
คือได้ทำในสิ่งที่ตนรักและพึงพอใจจะทำ โห ได้ใจสุดๆแล้ว ผลจะเป็นไปไงไม่รู้ แต่เนี่ย แฮ๊ปปี้สุดๆ คนเราจะตายเมื่อไหร่คาดไม่ได้

อย่าไปคาดหวังอะไรมาก ไม่ใช่แต่กะตัวเอง แต่โดยเฉพาะกะผู้อื่นยิ่งหนักเลย
คาดเดาได้ แต่อย่าเอามาปนกะคาดหวัง สับสนเปล่าๆ

ชอบทุกความเห็นแฮะ  8)  ...

ผมเห็นว่าขึ้นอยู่จำนวนเงินในพอร์ต
สมมุตินะครับ 5% ของพอร์ท คุณ สามารถ
ใช้จ่ายได้ทั้งตลอดปี+ค่าต่างที่จะตามมาไม่ว่าจะเป็นค่าผ่อนบ้าน+ผ่อนรถ +ค่ารักษาพยาบาลทั้งตัวเองและครอบครัว+อื่นๆ หรือเปล่า
ถ้าคิดว่าพอเมื่อไร เมื่อนั้นละครับน่าจะเป็นเวลาที่หมาะสมที่จะเป็นอาชีพนักลงทุนอย่างเต็มตัวอย่างแท้จริง

เมื่อไรเราจะเป็นได้หน้อ สู้ๆ

อ้อ 5 % ที่ว่าก็คือเงินปันผลของหุ้นที่เราถือต่อปีนะครับ
เอาแค่ปันผลมาใช้ ส่วนหุ้นก็โตเอาโตเอา โอ้ความฝันที่เป็นจริง สู้ๆ

007-s เขียน: สิ่งที่ทำให้เป็นสุขที่สุดในชีวิตตามแบบดิฉัน
คือได้ทำในสิ่งที่ตนรักและพึงพอใจจะทำ โห ได้ใจสุดๆแล้ว ผลจะเป็นไปไงไม่รู้ แต่เนี่ย แฮ๊ปปี้สุดๆ คนเราจะตายเมื่อไหร่คาดไม่ได้

8) Live each day as if there was no tomorrow!

พี่พอใจครับ  พระพุทธเจ้าสอนวิธีการเจริญมรณัสสติว่า

เราอาจมีชีวิตอยู่เพียงชั่วขณะลมหายใจเข้าลมหายใจออก  ดังนั้นจึงควรรีบศึกษาคำสอนของพระองค์ให้เข้าใจ  แล้วตั้งใจนำมาปฎิบัติ

[quote="chatchai"]พี่พอใจครับ

สะสมทรัพย์ทางโลกแล้ว ไม่ว่าทางใด

ก็อย่าลืมสะสมอริยทรัพย์ด้วยครับ

kvi เขียน:I quit from the job so I don't have a good record for work experience.
That's why I can't find the job easily. Now I'm a full time investor and I'm facing the same situation as this message. My dad and my mom don't agree to see me investing in the stocks as a carrer. They think it's too risky. It's very difficult for me to explain them. I always explain them that I invest in the stocks not speculate but they still don't beleive. What should I do?

Believe in yourself.  Be an expert in investment.

Then if you want to run a business, then set up an investment consultant company, or become fund manager.

^.^

ถ้าเงินปันผลมากกว่าค่าใช้จ่ายต่อปีเมื่อไร ใครที่รักจะเอาดีทางนี้จริงๆ ผมว่าก็น่าจะทำได้นะครับ

แต่ต้องเตรียม "ใจ" เป็นเสบียงเอาไว้ด้วยนะครับ หลายคนที่ยังไม่เคยลงทุนในตลาดหมีมาก่อนในชีวิตอาจจะยังรู้จักตลาดหุ้นน้อยไป

ส่วนผมนั้นไม่เคยคิดจะเป็นนักลงทุน full time เลยครับ ผมเป็นพวก "เจ้าโปรเจ็ค" มีอะไรอีกตั้งหลายอย่างมากที่อยากทำ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำเลยครับ

[quote="por_jai"]
8) อ่า...ครับ

[quote="por_jai"] 8) อ่า...ครับ

hongvalue เขียน: พี่พอใจจำเรื่อง clip ญี่ปุ้นที่พี่เล่าให้ฟังที่มารวยได้ไหม

ผมยังขำไม่หาย

ไม่รู้ว่าพี่ดู clip ไหน ถ้าให้ดีวันหลังมาแลก file กันดีกว่า

8) ตอนopp day ต้นสิงหา