Thai VI

Backpackers a key market, hoteliers say
CHADAMAS CHINMANEEVONG

While Thai tourism authorities are increasingly focusing on wealthy tourists, the backpacker segment continues to grow strongly and should not be ignored, according to Victor Pang, vice-president for development of hotel chain Accor.

The number of low-cost, young backpacker tourists was rising worldwide, particularly from countries such as Japan, Hong Kong, Singapore and even Thailand, he said.

Mr Pang, speaking on Friday at a Bangkok Bank seminar on tourism trends, noted that low-cost airline traffic in the region was rising 20% per year, signalling the strength of the backpacker market.

Asia is a prime destination for many Western backpackers due to low costs and interesting cultural attractions in countries like Burma, Laos, Vietnam and Thailand.

''Backpackers today don't necessarily have long, unkempt hair, dirty clothes and little money. Now they are mostly smart, well educated, and have greater resources to purchase goods at a reasonable price,'' Mr Pang said.

Studies in various countries have also shown that backpackers stay in a country for much longer than other tourists and that more of their money ends up in the hands of local small businesses rather than big hotel chains, not all of them locally owned.

Mr Pang pointed to changing trends on Bangkok's Khao San Road, a world-famous destination for young tourists.

Room rates have now risen to as much as 2,000 baht per night in the area, compared with only 400 to 500 baht per night in the past. But business operators needed to distinguish between the low-end backpacker and the high-end when considering their market position and brand, Mr Pang said.

Location was also critical, and would-be hoteliers had to consider not just the surrounding tourist attractions, but also the potential to draw locals from the community.

William Heinecke, chairman of the hotel and food operator Minor International Plc, said he believed Thailand's tourism market would continue to grow strongly over the next five to 10 years.Asian inbound tourism in particular was projected to grow, thanks to rapid economic growth in the region.

''Thailand is located in one of the best locations within reach of China, Japan, India and Indonesia. Tourists are able to reach the country within a six-hour flight. This is a good advantage,'' Mr Heinecke said.

He noted that revenues per available room continued to grow, given relatively limited supply. But hotel rates in Bangkok now lagged behind those at comparable hotels in Hanoi and Ho Chi Minh.

Mr Pang agreed that Vietnam was developing quickly into a key competitor to Thailand for foreign tourists.

Investment in Vietnam had skyrocketed in recent years, thanks to market liberalisation and the country's favourable location in the region.

รอลุ้นข่าวดีหลัง ERAWAN ปรับแผนธุรกิจรับท่องเที่ยวสดใส
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Wednesday, June 13, 2007
นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กสิกรไทย กล่าวผ่านรายการ Stock in Focus ว่า กลุ่มธุรกิจโรงแรมมีทิศทางที่ดีมากในไตรมาส 1 และไตรมาส 4 ของทุกปี และจะชะลอตัวลงในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 แต่ในระยะนี้ยังคงมีมุมมองที่ดีต่อกลุ่มโรงแรม เพราะเชื่อว่านักลงทุนได้รับรู้ปัจจัยลบต่าง ๆ ไปแล้ว

กลุ่มโรงแรมมีความเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของไทยนอกเหนือจากเกษตรกรรม ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาประเทศไทยยังคงเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวใหม่ที่เกิดขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจากจีนและอินเดีย และการเพิ่มขึ้นของสายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost Airline) จะทำให้การท่องเที่ยวของไทยเติบโตได้ในระยะยาวและจะส่งผลให้กลุ่มธุรกิจโรงแรมเติบโตไปด้วย อย่างไรก็ตาม นายกวีมองว่า ภาครัฐควรส่งเสริมและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและบุคลากรให้มีคุณภาพเพื่อแข่งกับกับประเทศท่องเที่ยวอื่นด้วย เพื่อให้การท่องเที่ยวของไทยเติบโตได้โดยไม่สะดุด

นายกวีกล่าวว่า ก่อนหน้านี้บมจ. ดิเอราวัณ กรุ๊ป (ERAWAN) มีแผนธุรกิจที่ไม่ชัดเจน เนื่องจากมีรายได้จากธุรกิจโรงแรมและธุรกิจให้เช่าอาคารสำนักงานในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ธุรกิจอาคารสำนักงานฉุดรายได้รวมของ ERAWAN ลดลงไปมาก และส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาด้วย แต่หลังจากที่ ERAWAN เปลี่ยนรูปแบบการบริหารงานใหม่ โดยกำหนดทิศทางการดำเนินงานว่าจะเน้นธุรกิจโรงแรมมากขึ้น และไม่ขยายสัดส่วนรายได้จากธุรกิจสำนักงานแล้ว จึงทำให้มีทิศทางธุรกิจที่ดีขึ้นได้

สำหรับแผนการรุกตลาดโรงแรมของ ERAWAN จะใช้กลยุทธ์เจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่มและใช้แบรนด์แตกต่างกัน เช่น การรุกตลาดในเมืองท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต พัทยา ด้วยแบรนด์คอร์ทยาร์ด และ เรอเนสซองคซ์ และการรุกธุรกิจโรงแรม 2 ดาว ด้วยแบรนด์ ไอบริดจ์ ซึ่งมีชื่อเสียงและเครือข่ายมากในต่างประเทศ เน้นกลุ่มลูกค้าระดับล่าง-ปานกลางหรือนักท่องเที่ยวจีน แต่มีที่ตั้งของโรงแรมในทำเลดีเช่นเดียวกับโรงแรม 5-6 ดาว

ทั้งนี้ นายกวีมองว่า การที่ ERAWAN รุกธุรกิจโรงแรมมากขึ้นเป็นแนวคิดที่ดี ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้นเป็น 80% ได้ในอนาคต และแม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากธุรกิจบ้าง แต่การที่ ERAWAN สร้างโรงแรมในทำเลที่กระจายตัวในต่างจังหวัด จึงเชื่อว่าจะลดความเสี่ยงได้

ERAWAN ได้ก่อสร้างโรงแรมใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2549 ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ในหลายแบรนด์และสำหรับลูกค้าหลายระดับ ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้จนถึงปี 2552 ERAWAN จะเปิดโรงแรมเพิ่มอีก 8 แห่ง แบ่งเป็นโรงแรมระดับ 2 ดาว 5 แห่ง ซึ่งใช้เงินลงทุนไม่สูงมากนัก จึงไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน เพราะยังคงมีสภาพคล่องเพียงพอจากโรงแรมเจดับบลิวแมริออท และโรงแรมแกรนด์ไฮเอท เอราวัณ ที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงถึง 80% และยังสามารถกู้ได้เพิ่มเติมเพราะมีระดับหนี้สินต่อทุนที่ต่ำกว่า 1 เท่า อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การลงทุนเพิ่มของบริษัทฯ อาจส่งผลกระทบต่อกำไรได้ เนื่องจาก ERAWAN จะต้องบันทึกค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายเข้ามาเป็นจำนวนมากขณะที่ยังไม่สามารถบันทึกรายได้เข้ามาได้ จึงได้เป็นแรงกดดันต่อราคาหุ้น ERAWAN ในช่วงที่ผ่านมา

นายกวียังแนะนำให้นักลงทุนมองผลดีที่จะเกิดขึ้นหลังใช้แผนธุรกิจใหม่ โดยแนะนำว่า ในเวลานี้เป็นช่วงที่เหมาะสมในการเข้าซื้อ เพราะราคาหุ้นได้ปรับลดลงมากในช่วงที่ผ่านมา โดยเชื่อว่า เมื่อ ERAWAN สามารถรับรู้รายได้จากโรงแรมที่สร้างเสร็จภายในปี 2551-2552 จะทำให้ ERAWAN มีรายได้เติบโตขึ้นกว่า 20% ต่อปี และไม่จำเป็นต้องลงทุนเป็นจำนวนมากอีกแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต

บล. กสิกรไทย ประเมินราคาที่เหมาะสมของหุ้น ERAWAN ไว้ที่ 4.60 บาท ซึ่งทำให้คาดหวังส่วนต่างราคาได้ถึง 30% แต่ไม่แนะนำให้เก็งกำไร เพราะมองว่ายังคงมีปัจจัยลบเข้ามามีผลให้ราคาหุ้นผันผวนได้อีก แต่หากราคาหุ้นกลุ่มโรงแรมลดลง จะถือเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เพราะราคาจะสามารถกลับมาเป็นปกติได้ในที่สุด นอกจากนี้ หุ้น ERAWAN ยังไม่เหมาะลงทุนเพื่อรับปันผลอีกด้วย เนื่องจากจ่ายเงินปันผลให้นักลงทุนค่อนข้างน้อย แต่ก็ไม่แตกต่างจากหุ้นอื่นในธุรกิจเดียวกัน

บริษัทสมาชิกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์คาดการณ์ว่า ERAWAN จะมีกำไรสุทธิในปีนี้เฉลี่ยที่ 485 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นเฉลี่ยที่ 0.22 บาท มีมูลค่าที่เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานเฉลี่ยที่ 4.87 บาท และคาดว่าจะสามารถจ่ายปันผลให้กับนักลงทุนได้คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 1.3%

บริษัทสมาชิกสมาคมฯคาดการณ์ว่า ERAWAN มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมที่โดดเด่นมาก โดยเฉพาะหลังจากที่ ERAWAN เน้นให้บริการห้องสัมมนาและงานประชุมมากขึ้น ทำให้มีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การทยอยเปิดโรงแรมใหม่ ๆ ในกรุงเทพและต่างจังหวัด จะหนุนให้รายได้เติบโตขึ้นอีกแม้ว่ารายได้จากค่าเช่าพื้นที่ในอมรินทร์พลาซ่าจะลดลงก็ตาม

นอกจากนี้ การที่ ERAWAN ขยายธุรกิจโรงแรมด้วยการจับตลาดโรงแรม 2 ดาว ก็เป็นอีกปัจจัยที่น่าจับตามอง เพราะมีทิศทางที่สดใสขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทสมาชิกฯบางแห่งก็มองว่า ราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยบวกไปมากแล้ว และอาจส่งผลให้ราคาหุ้นในอนาคตปรับเพิ่มขึ้นได้น้อยกว่าตลาด (Under Perform) ได้

Mon money เขียน:หุ้นขึ้นรอบนี้ไล่ตามไม่ทันแล้วมังครับ

แต่ข่าวดีมาบอก!!!!

ที่ขึ้นนั้นขึ้นเฉพาะBlue Chipประมาณ 10กว่าบริษัท ขนาดใน SET50ยังขึ้นไม่ครบเลย

ฉนั้น
1) ถ้าหุ้นตก ใครมีหุ้นที่ไม่ใช่BChipคงไม่กระทบมากนัก
2) ถ้าหุ้นยังขึ้นต่อ ผมว่าหุ้นพื้นฐานดีๆจะตามมา เพราะหุ้นใหญ่ไปเต็มที่แล้ว คนจะเริ่มหาหุ้นเกร็งกำไรกันใหม่ ทีนี้ก็เวลาของหุ้นพื้นฐานแล้ว
3) ถ้าหุ้นตกหรือนิ่งๆ หุ้นพื้นฐานดีๆก็จะกลับมาโดดเด่น

มันเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ไม่ต้องรีบร้อน หาหุ้นดีๆ รอเอาไว้ได้เลย

Central hotels switch to Centara
ARANEE JAIIMSIN

Central Hotels & Resorts, a leading hotel chain and core business unit of the Central Group of Companies, yesterday officially rebranded itself Centara Hotels & Resorts to strengthen its business and attract more European customers. The rebranding is expected to help drive the company's revenue growth by 35% to 3.5 billion baht this year, according to executives.

Suthikiati Chirathivat, chairman of the executive board of Central Plaza Hotel Plc, said that although Central was well-known in Thailand, especially for its retail business, for international hotel customers, the name did not really reflect Thai-ness or the depth and quality of the group's products and services.

In addition, he said, while the Central brand was well-known in regional countries and in Asia, it was not so prominent in Europe.

''Most European beach-passionate tourists [believe mistakenly] that Central hotels and resorts must be situated downtown despite the fact that a lot of our facilities are located on prime tourist-attraction beaches,'' he said.

He said that the new brand, Centara, would not only get rid of the misunderstanding, but also sounded more Thai and exotic, while still maintaining a link with the group. ''Cen'' stands for Central, which has a reputation built over 60 years, and ''tara'' comes from a Thai word meaning water.

The group's spa business has also been rebranded as Spa Cenvaree.
The group has created three different sub-brands under Centara Hotels & Resorts to clearly identify their positions and market them more properly.

Five-star properties will have ''grand'' in their titles. For instance, the group's new hotel in Bangkok will open as the Centara Grand & Bangkok Convention Centre at CentralWorld, while its Krabi property will be renamed Centara Grand Beach Resort & Villas, Krabi.
Centara Hotels and Centara Resorts will be the names for the group's four-star properties while the village products will be renamed Centara Villas.

For hotels and resorts in Hua Hin and Bangkok, the word ''Central'' will be changed to ''Centara''. They are Sofitel Centara Grand Resort and Villas, Hua Hin, and Sofitel Centara Grand Bangkok.

Gerd Steeb, president of Centara Hotels & Resorts, said the rebranding would help drive the company's hotel and resort business's revenue by 35% from a forecast 2.6 billion baht this year.
''We'd thought about the rebranding for nine years before we felt confident that the move would really benefit our business. That's because Central is a brand that has lasted for 60 years already,'' he said.

Mr Steeb said the company had set aside a 57-million-baht budget to promote its hotel business and support the rebranding this year.
One of the main focuses this year is the opening of the convention centre at the Centara Grand & Bangkok Convention Centre at CentralWorld. The 17,000- square-metre facility will begin operations in mid-July. With 16 additional meeting rooms, a grand ballroom of nearly 1,000 sq m and self-contained food and beverage operations, it can accommodate 6,000 delegates.

The Central Group has invested 4.4 billion baht in building the 505-room hotel, of which 1.4 billion was allocated to the convention centre. The convention centre is expected to generate 200 million baht for the company this year and break even within five or six years.

Mr Suthikiati said that the Centara Grand & Bangkok Convention Centre was forecast to generate revenue of one billion baht in 2009, as much as that of the Sofitel Central Plaza hotel and its adjacent convention centre now

Belffet เขียน:ถ้าเป็นโมเดลธุรกิจที่ไม่ได้อยู่ในตลาดล่ะครับ จะเอาไปเสนอได้ไหม

เช่นสมมติผมมีแนวคิดธุรกิจที่ผมว่าน่าสนใจอยากเอาไปถกกับทุกๆคนเพื่อหาจุดอ่อนจุดแข็ง แบบนี้ได้หรือไม่ึครับ หรือว่าผิด concept?

Wang yun fat เขียน:ไม่เคยไปร่วมงาน meeting เลยครับ เพราะติดงานประจำทุกที และพื้นฐานการดูงบการรเงินก็อ่อน แต่กำลังพยายาม ถ้าขอไปนั่งฟังได้มั้ยครับ waiting list ยินดีครับ