หน้า 2 จากทั้งหมด 4

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 8:20 am
โดย key
ผมคิดว่าตัวนี้คงไม่ถึงกับเป็นโรคเอดส์หรอกครับ  คิดว่าอาจจะเป็นแค่โรคหวัด 1-2 วันเดี๋ยวก็หายละครับ  ตอนนี้อาการเพิ่งกำเริบแต่นอนพักพ่อนมากหน่อยเดี๋ยวก็หายครับ  
ขอบคุณคุณสามัญชนที่ช่วยวิเคราะห์ให้ครับ  จะถือต่อไปครับถ้าวันนี้ลงมากมากก็จะรับเพิ่มเผื่อถัวราคาได้ บางครั้งราคาหุ้นก็ไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงสุขภาพของบริษัทนะครับ  เพียงแต่พวกเราเอามันมาเป็นบรรทัดฐานเองว่ามันจะสะท้อนสุขภาพ  บางครั้งหุ้นที่ดีดีหลายตัวราคาก็ไม่ค่อยสะท้อนว่าดีหรือไม่ดี  อย่างเช่นหลายหลายตัวที่ในเวบนี้เชียร์กันนะครับ  คิดว่าถ้าหุ้นเขียวเมื่อไหร่ความกังวลต่างต่างก็จะหายไปเองนะครับ หุ้นทุกตัวคงไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบเสมอไปหรอกครับ  ต้องมีอุปสรรคบ้างเป็นบางครั้งครับ

เป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 9:05 am
โดย sunrise
ผมมีคำถามเกี่ยวกับงบกระแสเงินสดเหมือนกันครับ

ซึ่งผมงงมาก

ทำไมมีการบวก 120 ล้าน หนึ่งครั้งตอนก่อนปรับทรัพย์สิน
และ ลบ 120 ล้านอีกครั้งตอนปรับมูลค่าทรัพย์สินครับ

อยู่ๆ เงินสด 120 ล้านก็หายวับไปครับทั้งๆที่ควรอยู่ในส่วนของ operation cashflow ครับ

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 9:15 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ผมมีคำถามเกี่ยวกับงบกระแสเงินสดเหมือนกันครับ 

ซึ่งผมงงมาก 

ทำไมมีการบวก 120 ล้าน หนึ่งครั้งตอนก่อนปรับทรัพย์สิน 
และ ลบ 120 ล้านอีกครั้งตอนปรับมูลค่าทรัพย์สินครับ 

อยู่ๆ เงินสด 120 ล้านก็หายวับไปครับทั้งๆที่ควรอยู่ในส่วนของ operation cashflow ครับ
ความรู้บัญชีน้อยขอตอบก่อน

เงินสด 120 ล้านกลายเป็นค่าใช้จ่าย 120 ล้าน แต่เนื่องจากยังไม่ได้จ่ายจริง

ก็ต้องเก็บเป็นรูปสำรองหนี้สินที่อาจจะเกิดขึ้น 120 ล้าน

เข้าใจแค่นี้อะครับ

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 9:17 am
โดย กระทิงแดง
sunrise เขียน:ผมมีคำถามเกี่ยวกับงบกระแสเงินสดเหมือนกันครับ

ซึ่งผมงงมาก

ทำไมมีการบวก 120 ล้าน หนึ่งครั้งตอนก่อนปรับทรัพย์สิน
และ ลบ 120 ล้านอีกครั้งตอนปรับมูลค่าทรัพย์สินครับ

อยู่ๆ เงินสด 120 ล้านก็หายวับไปครับทั้งๆที่ควรอยู่ในส่วนของ operation cashflow ครับ
ผมว่าจะถามเค้าเหมือนกัน แล้วจะมาโพสตอบให้ครับ

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:17 am
โดย beammy
พี่หมอศรรามครับ ผมมีความเห็นเรื่องคดีความของ STPI ดังนี้ ครับ

1) STPI ทิ้งงาน ผมว่าอย่างไรก้อโดนเรื่องผิดสัญญา แน่นอน ครับ จะมากถึง 6.8 ล้านเหรียญหรือไม่นั้น ต้องสืบพยาน ครับ (ใช้เวลานานโคตรๆ ครับ มีเห็น 2-3 ปี ฮะ / สู้ถึงศาลฎีกาเหมือน CK ชัวร์ครับ)

2) สัญญาจ้างทำของ ผมว่า STPI มีสิทธิ์ "ไม่ได้รับ" เงินค่าจ้างที่ทำไปแล้ว ครับ เพราะงานไม่เสร็จสมบูรณ์

คดีความนี้ เป็นคดีที่มาจากการอยู่ในระหว่างบริหารของผู้บริหารชุดเก่า ครับ
การฟ้องแย้งนั้น ผมว่าไม่มีน้ำหนักเลย ครับ เหมือนฟ้องแก้เกี้ยวมากกว่า

ฉะนั้น ผมมองว่า ที่ฝ่ายกฎหมายของ STPI มีความเห็นให้กันเงิน 120 ล้านบาทไว้เผื่อคดีนี้ เป็นสิ่งที่มีน้ำหนัก ครับ ผมเห็นด้วย ครับ  :wink:
มองคร่าวๆ แบบทั่วไปนั้น
โอกาสที่ STPI จะชนะคดีนั้น มีน้อยมาก ครับ / เว้นเสียแต่ว่า จะตั้งอนุญาโตตุลาการเพื่อไกล่เกลี่ยข้อพิพาทดังกล่าว จึงอาจไม่ต้องจ่ายเงินจำนวนมากๆ ก้อเป็นได้ ครับ

ฉะนั้น วันนี้หุ้นตก เราควรทำอย่างไรดี ...  :lol:  :lol:  :lol:

รอดูไปก่อน ครับ ...

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:20 am
โดย สามัญชน
ขอบคุณน้องบีมมากครับ   :lol:
:lol:  :lol:


เจ๋ง wrote
ตรงนี้ดูอย่างไรในงบดุล ถ้าลด 120 ล้าน แล้ว หนี้สินทำไมเหลือ 404 ล้าน

และ รายรับล่วงหน้าค่าก่อสร้าง มันอยู่ตรงไหน

อ่านสองรอบ มองไม่เห็นครับ
ไม่ใช่ลดลงแล้วเหลือหนี้ 404 ลบ.ครับ  แต่ว่าลดลง 404 ลบ.ถ้าเทียบกับปี48   นี่ไง.....
7. เอาล่ะ  เรายังพิสูจน์ไม่ได้เสียที  งั้นมาดูเนื้อหาในงบกันหน่อย  เริ่มต้นที่ งบดุล  ก็พบว่าสินทรัพย์ลดลงแฮะ  จาก 1,545 ลบ. มาเหลือ 1,523 ลบ.  แต่หนี้สินก็ลดลงด้วยนะ  ลดลงจาก964 ลบ.เหลือ 680 ลบ.  และถ้าดูดีๆ  ปี2549 มีการตั้งสำรองหนี้สินที่อาจจะเกิดขึ้น  ตั้ง 120 ลบ.ด้วยสิ  ถ้าไม่ตั้งตัวนี้ หนี้สินก็จะลดลงถึง 404 ลบ.ทีเดียว  และนี่ขนาดเอารายรับล่วงหน้าค่าก่อสร้าง 130ลบ.  มาลงเป็นลูกหนี้ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วถึง 70 ลบ.ด้วยนะ
เอาล่ะ เอาใหม่นะครับ

หนี้ทั้งหมดปี 48 มีอยู่ 964 ลบ. ปี49 มีหนี้ 680ลบ. ก็ลดลง 284 ลบ.
แตว่ายอดหนี้ 680 ลบ.นี้ได้รวมหนี้จากการตั้งสำรอง 120 ลบ.ไปด้วย

ซึ่งถ้าไม่คิดรายการตั้งสำรองนี้(เพราะปี48ไม่ได้คิด) หนี้จะลดลง 284+120= 404 ลบ.ไงครับ

ส่วนหนี้ทีเกิดจากเงินรับล่วงหน้าค่าก่อสร้าง  ก็อยู่ที่ตำแหน่ง E71และ G71 ในexel อ่ะครับ

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:21 am
โดย Jeng
beammy ครับเป็นไปได้หรือไม่ ว่าปลายปี 2550 จะมีการตั้งสำรองเพิ่มอีก

6.8*33 เท่ากับ 224.40 -120 = 104.40 ล้านบาท

เพื่อให้ครบตามจำนวนฟ้องครับ

เห็นบอกว่า น้องเป็นทนายความ ก็เลยถาม แต่จริงๆไม่ได้ซีเรียสอะไรตรงนี้

คราวๆๆ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:23 am
โดย path2544
sunrise เขียน:ผมมีคำถามเกี่ยวกับงบกระแสเงินสดเหมือนกันครับ

ซึ่งผมงงมาก

ทำไมมีการบวก 120 ล้าน หนึ่งครั้งตอนก่อนปรับทรัพย์สิน
และ ลบ 120 ล้านอีกครั้งตอนปรับมูลค่าทรัพย์สินครับ

อยู่ๆ เงินสด 120 ล้านก็หายวับไปครับทั้งๆที่ควรอยู่ในส่วนของ operation cashflow ครับ
อาจไม่ 100% ครับ เพราะไม่ได้ดูงบกระแส

เงินไม่ได้หายไปไหนครับ มันไปอยู่ในเงินลงทุนในหลักทรัพย์ครับ

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:25 am
โดย Mon money
แปลกครับ

ในOPCF บวกกลับก็ถูกแล้ว

พอลงมาดูบอกว่าหนี้สินลดลงแล้วหักกลับ จริงๆแล้วหนี้สินมันเพิ่มขึ้นจากการตั้งสำรองนี่หว่า

รายการนี้เพิ่มที่หนี้สิน และไปเพิ่มที่ค่าใช้จ่าย กระทบไปที่กำไรลดลง และจะกระทบไปที่กำไรสะสมในส่วนทุนทำให้งบดุลส่วนหนี้สินกับส่วนทุนดุลกัน ไม่น่ากระทบกับเงินสด

ฉนั้นการบวกกลับที่กำไรในOPCFก็OKแล้ว แต่ดันมาหักออกจากการเพิ่มขึ้นของหนี้สินไม่น่าจะถูก

ทั้งหมดทั้งปวง ต้องถามผู้บริหาร และถ้าผิดก็เจาะกะโหลกผู้สอบบัญชีได้เลย

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:25 am
โดย สามัญชน
อา.....เห็นราคาหุ้นแล้วครับ

หุ้นลงน้อยกว่าที่คิดเยอะครับ........

ถ้าเจ้ามีจริง  เจ้าก็คงเก็บหุ้นได้ไม่เท่าไหร่   ถ้าเก็บได้น้อยแล้วเขาจะลากไหมเนี่ย......

วัยรุ่นยุคนี้ยิ่งไม่ค่อยกลัวเอดส์กันหรือไร  

ดูท่าน้องเขาก็ไม่ได้เป็นเอดส์อย่างพี่ key ว่าเสียด้วยสิ

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:29 am
โดย Mr.T
ขอเสียงคุณ Roger หน่อยครับ

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:29 am
โดย beammy
Jeng เขียน:beammy ครับเป็นไปได้หรือไม่ ว่าปลายปี 2550 จะมีการตั้งสำรองเพิ่มอีก

6.8*33 เท่ากับ 224.40 -120 = 104.40 ล้านบาท

เพื่อให้ครบตามจำนวนฟ้องครับ

เห็นบอกว่า น้องเป็นทนายความ ก็เลยถาม แต่จริงๆไม่ได้ซีเรียสอะไรตรงนี้
เป็นไปได้สูงทีเดียว ครับ

เพราะธรรมชาติของธุรกิจที่อยู่ในช่วงขาขึ้นนั้น หากมีอะไรที่ต้องเคลียร์ เค้าก้อต้องใช้เงินสดที่เค้าหามาได้เยอะๆ ในระหว่างนั้น เป็นทุนสำรอง เพื่อเอาไว้ใช้เผื่ออะไรต่อมิอะไรที่มันต้องเคลียร์ ครับ

อย่างปี 2549 ที่มีเงินสดเยอะ ก้อต้องกันเงินไว้ เพื่อคดีนี้ นั่นเอง ครับ

** แต่โจทก์ในคดีนี้ (คู่ความของ STPI) ก้อต้องนำสืบพยานหลักฐานในคดีให้เห็นอย่างประจักษ์ชัดด้วยครับ ว่า คุณเสียหายถึง 6.8 ล้านเหรียญดังที่ร้องขอมาในคดี หรือไม่ ถ้าเสียหายไม่ถึงขั้นนั้น ก้อเรียก 6.8 ล้านเหรียญนี้ไม่ได้ ครับ (คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณา และขั้นตอนไต่สวนต่างๆ -- ผมยังไม่เห็นข้อมูลเหมือนกัน ครับ / ถ้าเห็นข้อมูลแล้ว อาจจะมีความเห็นเพิ่มเติมในภายหลัง ครับ)

ป.ล. ผมไม่ใช่ทนายความ ครับพี่ Jeng / เป็นเพียงลูกเจ้าของกิจการธรรมดาๆ ที่จบกฎหมายมา ครับ  :wink:  ...

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:30 am
โดย Mr.T
ขอเสียงคุณ roger หน่อยครับยังอยู่เปล่า

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:32 am
โดย burengnong
งั้นก็มาลุ้นปันผลก็แล้วกัน ใครไปประชุมผู้ถือหุ้นผมฝากด้วยและมอบอำนาจให้ด้วยครับ

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:38 am
โดย burengnong

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ขอเสียงคุณ roger หน่อยครับยังอยู่เปล่า

ทำไมเงียบเหมือนเป่าสากเลย

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:39 am
โดย fantasia
120 ล้านที่หายไป ไปโผล่ที่ลูกหนี้การค้าที่ลดลงครับ
งง เหมือนกัน แต่เงินไม่ได้หายไปไหนแน่ครับ

สรุป

บวกกลับตั้งสำรอง 120 ล้าน ถูกต้องแล้ว
หัก 120 ล้านจากหนี้สินจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น (ไม่น่าจะถูก)
บวกกลับ ลูกหนี้ลดลง 494 ล้าน (เกินมา 120 ล้าน ในงบดุลลดลงแค่ 374 ล้าน)

รวมความเบ็ดเสร็จเงินสดไม่ได้หายไปไหนครับ

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:51 am
โดย edd
[quote="Jeng"]คุณฉัตรชัย กรุณาสอนหมอสามัญชน ดูงบเงินสดหน่อยครับ

ส่วนหมอก็สอนพี่หน่อยว่า

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ปี2549 มีการตั้งสำรองหนี้สินที่อาจจะเกิดขึ้น

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:57 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ที่คุณหมอพูดถึงการตั้งสำรองหนี้สิน 120 ล้าน ไม่ใช่ทำให้หนี้สินเหลือ 404 ล้าน แต่หมายถึงจะทำให้หนี้สินลดลง  404 ล้านคับ (986-681-120) 

ส่วนที่คุณหมอพูดถึงรายรับล่วงหน้าค่าก่อสร้าง 130 ล้าน นั้น คุณหมอคงพิมพ์ผิด ที่จริงจะพิมพ์ว่าเจ้าหนี้แต่ไปพิมพ์เป็นลูกหนี้
_________________
ขอบคุณครับ แต่ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

986-681-120 = 185 ไม่ใช่หรือ

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:59 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

เอาล่ะ เอาใหม่นะครับ 

หนี้ทั้งหมดปี 48 มีอยู่ 964 ลบ. ปี49 มีหนี้ 680ลบ. ก็ลดลง 284 ลบ. 
แตว่ายอดหนี้ 680 ลบ.นี้ได้รวมหนี้จากการตั้งสำรอง 120 ลบ.ไปด้วย 

ซึ่งถ้าไม่คิดรายการตั้งสำรองนี้(เพราะปี48ไม่ได้คิด) หนี้จะลดลง 284+120= 404 ลบ.ไงครับ 
อ๋อเข้าใจแล้วครับคุณหมอสามัญชน แหม พี่ดูในงบการเงิน หนี้ปี 48 มัน 946

โอเคครับ เข้าใจแล้วครับ

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:01 pm
โดย beammy
มาต่อเรื่องคดีความอีกซักนิด นะครับ พอดีผมได้คุยกับฝ่ายกฎหมายของ STPI เมื่อสักครู่นี้เอง

คดีนี้ เริ่มแรกนั้น STPI เป็นโจทก์ ฟ้องคู่ความ (จำเลย/บริษัทลูกค้า) ในส่วนของสัญญาจ้างทำของ ว่า ทำงานให้เสร็จบางส่วนแล้ว แต่อีกส่วนไม่ได้ทำให้ (เพราะ STPI ทิ้งงานไป เพราะเหตุผลเรื่องต้นทุน) จึงเรียกร้องเงินค่าใช้จ่ายในส่วนที่ทำให้เสร็จไปแล้ว

ฟ้องได้หรอแบบนี้ เพราะปกตินั้น สัญญาจ้างทำของ ผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องชำระราคา จนกว่างานจะเสร็จสมบูรณ์ เพราะถือว่าความสมบูรณ์ของงานเป็นสาระสำคัญของสัญญา / นั่นสิ ผมงงเลย ???

ฝ่ายกฎหมายบอกผมว่า โดยหลักทั่วไปของสัญญาจ้างทำของ มันมีลักษณะเช่นนั้น แต่สัญญาที่ทางบริษัทได้ลงชื่อไว้กับคู่ความนั้น เป็นสัญญาที่ตกลงกันไว้อีกอย่างหนึ่ง ที่แม้งานจะไม่สำเร็จ ก้อมีสิทธิเรียกค่าใช้จ่ายในส่วนที่เกิดขึ้นไปแล้ว ได้ ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชน สามารถตกลงกันเป็นอย่างอื่นได้ตามมาตรา 151 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

เออ ใช่นี่นา อืมม

ผมจึงเรียนถามไปว่า ตัวสัญญาที่ทาง STPI ได้เซ็นไปนั้น ยังอยู่ที่บริษัทใช่ไหม
ทางนั้นตอบว่า ใช่ และเชื่อมั่นว่าจะไม่แพ้ในคดีนี้ด้วย เพราะข้อความในสัญญามันทำให้ STPI ได้เปรียบในคดี

ถ้าเป็นแบบนี้ ผมมีมุมมองที่เปลี่ยนไปเลยครับ ว่า STPI มีสิทธิชนะคดีได้ โดยสัญญาที่เซ็นไปนั้น คือหลักฐานที่สำคัญที่สุด / โดยที่หากมีคำพิพากษาให้ชนะคดี จะสามารถบังคับคดีได้จำนวน 18 ล้านบาท ด้วย ครับ / ส่วนเรื่องฟ้องแย้งมาว่า คู่ความเสียหาย จึงเรียกค่าเสียหายมา 6.8 ล้านเหรียญ น่าจะเป็นการฟ้องแย้งแก้เกี้ยวมากกว่า เพราะตามที่ผมลองดูประมวลกฎหมายแพ่งฯ ในลักษณะหนี้ มาตรา 222 ตะกี้นี้เองครับ ดังนี้

"การเรียกเอาค่าเสียหายนั้น ได้แก่การเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่การปรกติ ย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น"
"เจ้าหนี้จะเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ แม้กระทั่งเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ หากว่าคู่กรณีที่เกี่ยวข้องได้คาดเห็น หรือควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าก่อนแล้ว"

นี่แหละครับจุดสำคัญของคดี

ผมวางใจกับเงิน 120 ล้านที่กันไว้แล้วละแบบนี้ มีสิทธิบันทึกเป็นกำไรได้แล้วละครับ (ในอนาคต)  :wink:

แวะมาเพิ่มเติมให้ครับ ...

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:04 pm
โดย Little Boy
ขอบคุณครับคุณ beammy

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:06 pm
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ผมวางใจกับเงิน 120 ล้านที่กันไว้แล้วละแบบนี้ มีสิทธิบันทึกเป็นกำไรได้แล้วละครับ (ในอนาคต)   

แวะมาเพิ่มเติมให้ครับ ...
ขออนุญาติมองลบไว้ก่อน

เรื่องสัญญา ไม่ทราว่าเซ็นต์กะใคร

คือขอมองร้ายไว้ก่อน ว่า ถ้าเซ็นต์กะพรรคพวกกันเอง ก็ผ่องถ่ายเงิน 120 ล้าน เข้ากระเป่าตัวเองได้

เรื่องจริง คงไม่ใช่แบบนั้นนะครับ

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:10 pm
โดย sunrise
ขอบคุณคุณ beammy ครับ
แต่มีคำถามต่อ

ต้องถามว่าสัญญาทำที่ไหนครับ
แล้วกฏหมายประเทศไหน apply

เพราะว่ากฏหมายชนิดต่อให้มีสัญญา แต่กฏหมายในประเทศที่กิจกรรมนั้นเกิดขึ้นจะถูกใช้เป็นหลัก

เช่นกฏหมายเรือ ต่อให้มีสัญญา ระหว่างเรือกับลูกค้า
แต่สัญญาที่เกิดขึ้นจะโฆษะ เพราะเวลาฟ้องร้องต้องใช้กฏหมายไทยเป็นหลัก
ถ้ากิจกรรมนั้นๆ เกิดขึ้นในประเทศไทย

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:12 pm
โดย beammy
นั่นแหละครับพี่ Jeng เป็นสิ่งที่ผมไม่อยากเห็นเลย กับ STPI

"ธรรมมาภิบาล" จะเป็นสิ่งสำคัญกับผมที่มองต่อบริษัทในลำดับแรกเลยครับ ...

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:17 pm
โดย beammy
สัญญานี้ ได้ทำขึ้น ในประเทศไทย ครับ ลืมบอก
และมีคู่สัญญาฝ่ายหนึ่ง ที่มีสัญชาติไทย นั่นคือ STPI
แต่ลูกค้าเป็นนิติบุคคลต่างชาติ ครับ

นั่นคือ คดีนี้ สามารถ apply จากกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล นั่นคือ ต้องใช้กฎหมายของไทย ครับ เพราะสัญญาดังกล่าว มีคู่สัญญาเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย และหลักดินแดน คือ ตัวสัญญาได้ทำขึ้นในประเทศไทย

หลักใหญ่ใจความเป็นอย่างไร ผมอยากก๊อปปี้สัญญานี้มาดูจัง 555 เผื่อจะเก่งกฎหมายขึ้น

สรุป ตัวคดีนั้น ถ้าเป็นแบบนี้จริง ผมลดความกังวลลงไปเยอะเลย ครับพี่ๆ ทุกท่าน  8)  ...

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:38 pm
โดย Accidental Hero
key เขียน:ถ้าวันนี้ลงมากมากก็จะรับเพิ่มเผื่อถัวราคาได้
แนวคิดแบบนี้ เป็นแนวทาง Value Investing หรือไม่ครับ

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:47 pm
โดย phobenius
มาเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆต่อไปครับผม

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:52 pm
โดย GTA
อย่าพึ่งไปคิดเรื่องคดีเลยครับ   ดู Q4 ถึงจะไม่มีกันสำรอง ก็แนวโน้มไม่ค่อยดีแล้วนะ

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 1:27 pm
โดย Ryuga
ตอนที่ผมมองโลกในแง่ร้ายเกี่ยวกับ stpi เมื่อหลายวันก่อนในกระทู้แรกของผมในเว็บนี้นั้น ผมยังไม่ทราบเลยครับว่าบริษัทเค้ามีแฟนานุแฟนเยอะขนาดนี้ ขอบคุณสำหรับข้อมูลทางกฎหมายครับคุณ beam

ย้อนรอย stpi

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 9:24 pm
โดย น้ำครึ่งแก้ว
คุณ beam เป็นนักกฏหมายหรือครับ

ได้ความรู้ดีจังครับ