น.พ.ประกิตเผ่า
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
น.พ.ประกิตเผ่า
โพสต์ที่ 32
[quote="oaaa19"]สงสัยนิดนึง
อ่านจากpantip แล้วรู้สึกว่า วัดนี้เค้าแปลกๆ
อ้างอิงจาก
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/ ... 80592.html
อืม.....ไม่พูดเรื่องคุณหมอประกิตเผ่า
อ่านจากpantip แล้วรู้สึกว่า วัดนี้เค้าแปลกๆ
อ้างอิงจาก
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/ ... 80592.html
อืม.....ไม่พูดเรื่องคุณหมอประกิตเผ่า
"Winners never quit, and quitters never win."
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
น.พ.ประกิตเผ่า
โพสต์ที่ 33
เวลาขับรถไปอุดรฯ ถ้ามุ่งมั่นตั้งใจ สติพละกำลังพร้อม 5-6 ช.ม.ก็น่าจะถึงแล้ว
บางที มีหลายสิ่งหลายอย่างไม่พร้อม แต่จุดหมายเราอยู่ที่อุดรฯ
ขับไปบ้าง แวะปั๊มข้างทางบ้าง แวะโคราชทานข้าวบ้าง
จะแปลกอะไร ในเมื่อเราตั้งใจไปอุดรฯอยู่ดี ช้าหน่อยค่อยๆชัวร์
มโนมยิทธิเป็นแนวทางหนึ่งในหลายๆในแนวทาง ตามแต่จริตของแต่ละคน
หนทางมีมากมาย ตามแต่ถนัด ตามแต่พื้นฐาน ตามแต่ประสบการณ์
จะไปอุดรฯ ต้องไปทางสายหลักมิตรภาพทางเดียวเช่นนั้นหรือ..
แผนที่ พาหนะมี สปอนเซอร์มีบริการพร้อมอยู่แล้ว
อยู่ที่คนขับ คนเดินทาง คนโดยสาร
เท่านั้น..
บางที มีหลายสิ่งหลายอย่างไม่พร้อม แต่จุดหมายเราอยู่ที่อุดรฯ
ขับไปบ้าง แวะปั๊มข้างทางบ้าง แวะโคราชทานข้าวบ้าง
จะแปลกอะไร ในเมื่อเราตั้งใจไปอุดรฯอยู่ดี ช้าหน่อยค่อยๆชัวร์
มโนมยิทธิเป็นแนวทางหนึ่งในหลายๆในแนวทาง ตามแต่จริตของแต่ละคน
หนทางมีมากมาย ตามแต่ถนัด ตามแต่พื้นฐาน ตามแต่ประสบการณ์
จะไปอุดรฯ ต้องไปทางสายหลักมิตรภาพทางเดียวเช่นนั้นหรือ..
แผนที่ พาหนะมี สปอนเซอร์มีบริการพร้อมอยู่แล้ว
อยู่ที่คนขับ คนเดินทาง คนโดยสาร
เท่านั้น..
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
น.พ.ประกิตเผ่า
โพสต์ที่ 34
ผมห่วงแต่ว่าจะไป "อุดร"
แต่นึกว่า "ยะลา" เป็น "อุดร"
จึงบึ่งรถไป "ยะลา" เต็มที่
ระหว่างทาง หรือ พอถึงแล้ว บางคนก็ยังดี
รู้ตัวว่า เอ๊ะ นี่มันไม่ใช่ "อุดร"
เรามาผิดทางแล้ว
แต่บางคนพอถึง "ยะลา" แล้ว
เชื่อและลำพองตัวเต็มที่ว่า ที่นี่หนอคือ "อุดร"
แผนที่มีไว้ให้ดู
พระธรมมคำสั่งสอน
พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยปัญญา
ท่านทรงชี้ทางไว้ให้ปฏิบัติตามแล้ว
จะขับยอกย้อนออกนอกเส้นทาง
ให้หลงทางหรือแม้กระทั่งเกิดอันตรายทำไมครับ
ไม่ขอวิจารณ์เรื่องมโนยิทธิหรือวัดดังกล่าว เพราะผมไม่ทราบ
แต่ถ้าสอนให้ปฏิบัติอย่าง comment ที่เอามาจากพันธุ์ทิพย์
ผมเชื่อว่า พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบทั้งหลาย คงส่ายหัวกันเป็นแถว
ด้วยความเคารพครับพี่บี ... :D
แต่นึกว่า "ยะลา" เป็น "อุดร"
จึงบึ่งรถไป "ยะลา" เต็มที่
ระหว่างทาง หรือ พอถึงแล้ว บางคนก็ยังดี
รู้ตัวว่า เอ๊ะ นี่มันไม่ใช่ "อุดร"
เรามาผิดทางแล้ว
แต่บางคนพอถึง "ยะลา" แล้ว
เชื่อและลำพองตัวเต็มที่ว่า ที่นี่หนอคือ "อุดร"
แผนที่มีไว้ให้ดู
พระธรมมคำสั่งสอน
พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยปัญญา
ท่านทรงชี้ทางไว้ให้ปฏิบัติตามแล้ว
จะขับยอกย้อนออกนอกเส้นทาง
ให้หลงทางหรือแม้กระทั่งเกิดอันตรายทำไมครับ
ไม่ขอวิจารณ์เรื่องมโนยิทธิหรือวัดดังกล่าว เพราะผมไม่ทราบ
แต่ถ้าสอนให้ปฏิบัติอย่าง comment ที่เอามาจากพันธุ์ทิพย์
ผมเชื่อว่า พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบทั้งหลาย คงส่ายหัวกันเป็นแถว
ด้วยความเคารพครับพี่บี ... :D
"Winners never quit, and quitters never win."
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
น.พ.ประกิตเผ่า
โพสต์ที่ 35
สงสัยผมจะสื่อออกไปผิดพลาดทั้งที่สาระสำคัญที่ต้องการบอกก็คล้ายกัน
ขออภัยผมพลาดเองคับ
แต่ตอนนี้คงไม่อธิบายถ้อยความต่อ
เพราะผมมาวมาแย้วอ่ะ..
(คืนนั้นก็มาว ที่คิดกับเขียนมีเพี้ยนไป ขออภัยจริงๆ)...
สาระสำคัญคือจริตของผู้ปฏิบัติ
วิธีการมีมากมายหลายสำนัก
ปลายทางเดียวกัน..(มีครูบาอาจารย์คอยขัดเกลา)
เข้าใจคับ เข้าใจพี่หวี...
ขออภัยผมพลาดเองคับ
แต่ตอนนี้คงไม่อธิบายถ้อยความต่อ
เพราะผมมาวมาแย้วอ่ะ..
(คืนนั้นก็มาว ที่คิดกับเขียนมีเพี้ยนไป ขออภัยจริงๆ)...
สาระสำคัญคือจริตของผู้ปฏิบัติ
วิธีการมีมากมายหลายสำนัก
ปลายทางเดียวกัน..(มีครูบาอาจารย์คอยขัดเกลา)
เข้าใจคับ เข้าใจพี่หวี...
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
น.พ.ประกิตเผ่า
โพสต์ที่ 36
โค้ด: เลือกทั้งหมด
วิธีการมีมากมายหลายสำนัก
ปลายทางเดียวกัน..(มีครูบาอาจารย์คอยขัดเกลา)
เข้าใจคับ เข้าใจพี่หวี...
ในสมัยพุทธกาล ก็มีหลายทาง มักๆ ในการที่จะพยายามพ้นทุกข์ เช่น โยคี ยืนเหนี่ยวกิ่งไม้ เป็นต้น
พระพุทธเจ้าก็เลย สรุปเลยว่า มีทางเดียวครับ คือ สติปัฐฐาน 4 คือทางสายเอก ที่จะพา คนหมู่มากไปสู่นิพพาน
เพราะฉะนั้น หากฝึกอะไรก็แล้ว แต่ เช่น มโนมยิทธิ หรือ ธรรมกาย หรืออะไรก็แล้วแต่ ถ้าไม่ทิ้ง สติปัฐฐาน 4
ถือว่าถูกต้อง ตามที่พระพุทธเจ้าสอนไว้
แต่หาก คนที่ฝึกอะไรก็แล้วแต่ แล้วคิดว่า สิ่งที่ฝึก ที่ได้นั้น เป็นทางที่จะพ้นทุกข์เหมือนกัน
อันนี้ ก็ไม่เข้าหลักที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ครับ
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
น.พ.ประกิตเผ่า
โพสต์ที่ 37
อ่า..ได้ผู้สันทัดกรณีมาช่วยชี้แจงขัดเกลาผมอีกที..
สติปัฐฐาน 4 สายนี้เป็นหลักยึดเหนี่ยว
ขอบคุณคับพี่เจ๋ง..

สติปัฐฐาน 4 สายนี้เป็นหลักยึดเหนี่ยว
ขอบคุณคับพี่เจ๋ง..

- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
น.พ.ประกิตเผ่า
โพสต์ที่ 39
ทำให้นึกถึงเรื่อง พระมหาชนก ตอนที่กล่าวถึง ต้นมะม่วงสองต้นข้างประตูพระราชอุทยาน นะครับ ให้บทเรียนสอนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ดีทีเดียว
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
น.พ.ประกิตเผ่า
โพสต์ที่ 40
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ทำให้นึกถึงเรื่อง พระมหาชนก ตอนที่กล่าวถึง ต้นมะม่วงสองต้นข้างประตูพระราชอุทยาน นะครับ ให้บทเรียนสอนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ดีทีเดียว
-
- Verified User
- โพสต์: 1468
- ผู้ติดตาม: 0
น.พ.ประกิตเผ่า
โพสต์ที่ 41
การแสดง มหานาฏกรรมเฉลิมพระเกียรติพระมหาชนก แบ่งออกเป็น 9 องก์คือ...สุมาอี้ เขียน:ทำให้นึกถึงเรื่อง พระมหาชนก ตอนที่กล่าวถึง ต้นมะม่วงสองต้นข้างประตูพระราชอุทยาน นะครับ ให้บทเรียนสอนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ดีทีเดียว
* องก์ที่ 1 เจ็ดร้อยโยชน์
พระมหาชนกออกเดินทางสู่มิถิลานคร โดยหวังไปกอบกู้นครกลับคืน เรือแล่นไปในมหาสมุทร ก็ประสบกับพายุโหมกระหน่ำจนอับปางลง ผู้คนในเรือต่างคร่ำครวญด้วยภัยมรณะและตกลงกลางมหาสมุทรเป็นอาหารของปลาและเต่า หากแต่พระมหาชนกทรงมีสติ และเตรียมกาย ปีนสู่ยอดเสากระโดงแล้วกระโดดลงสู่ท้องน้ำ พ้นฝูงปลาและเต่าเบื้องล่าง
* องก์ที่ 2 ความเพียร
พระมหาชนกว่ายน้ำในมหาสมุทรด้วยความเพียรพยายาม ตลอด 7 วัน 7 คืน
* องก์ที่ 3 มณีเมขลา
ณ เทวสมาคม เหล่าเทพธิดาและนางมณีเมขลาพากันเกษมสำราญ เมื่อนางมณีเมขลาส่องกล้องตรวจตรามหาสมุทร ก็เห็นพระมหาชนกว่ายน้ำอยู่ จึงเหาะลงมาลอยอยู่เหนือมหาสมุทร
* องก์ที่ 4 กลางสมุทร
นางมณีเมขลากล่าวเจรจาเพื่อลองใจ พระมหาชนกกล่าวถึงความมุ่งมั่นและความเพียร แม้ว่าจะมองไม่เห็นฝั่งก็ต้องเพียรพยายาม นางมณีเมขลาสรรเสริญในความเพียร แล้วเหาะพาพระมหาชนกไปมิถิลานคร
* องก์ที่ 5 มิถิลา
ณ มิถิลานคร พระโปลชนกราชเสด็จสวรรคต เหล่าปุโรหิตปล่อยผุสสรถเสี่ยงทาย ผุสสรถหยุดใกล้พระมหาชนกที่บรรทมหลับอยู่ในอุทยาน ปุโรหิตอภิเษกให้เสด็จขึ้นครองราชย์ พระมหาชนกทรงบำเพ็ญทศพิธราชธรรม ปวงประชาอยู่เย็นเป็นสุข
* องก์ที่ 6 มรรคา
ณ ทางเข้าพระราชอุทยาน ต้นมะม่วง 2 ต้น ต้นหนึ่งมีผลอีกต้นหนึ่งไม่มีผล พระมหาชนกทรงเก็บมะม่วงเสวย ประชาชนและข้าราชบริพารทั้งปวงต่างยื้อแย่งผลมะม่วงกันชุลมุน ทำลายกิ่งทำลายต้นจนต้นมะม่วงหักโค่น พระมหาชนกทอดพระเนตรเห็น เกิดความสังเวช ปรารถนาจะออกบวช แต่ทรงนึกถึงคำของนางมณีเมขลาที่กล่าวว่า พระมหาชนกจะยังเข้ามรรคาแห่งความสุขไม่ได้ หากไม่ได้กล่าวธรรมให้สาธุชนได้สดับ พระมหาชนกทรงดำริว่า ทุกคนต้องกระทำหน้าที่ของตนก่อนสิ่งอื่นใด
* องก์ที่ 7 ฟื้นฟูต้นมะม่วง
พระมหาชนกพระราชทานการแก้ปัญหาในการฟื้นฟูต้นมะม่วง 9 วิธี ประชาชนร่วมแรงร่วมใจปฏิบัติตาม ต้นมะม่วงที่ถูกโค่นก็กลับฟื้นคืนงาม
* องก์ที่ 8 ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย
พระมหาชนกตรัสว่า บุคคลล้วนจาริกในโมหภูมิ ขาดทั้งความรู้วิชาการ ความรู้ทั่วไป ไม่รู้แม้แต่ประโยชน์ส่วนตน ดังนั้น จึงถึงกาลอันควรในการตั้งสถาบันชื่อว่า ทะเลย์มหาวิชชาลัย เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนในการดำเนินชีวิต
* องก์ที่ 9 ปัจฉิมบท
ข้าราชบริพาร ประชาชน นางมณีเมขลาและเหล่าเทพธิดา ต่างสรรเสริญพระบารมีและความเพียรอันบริสุทธิ์ พระมหาชนกเสด็จสู่มรรคาแห่งบรมสุข
มีคนเคยวิเคราะห์ไว้ แต่ไม่ใช่ในแง่ของคุณหมอประกิตเผ่าค่ะ
คงต้องให้คุณสุมาอี้มาเฉลยเอง
ปริศนาธรรมจากต้นมะม่วงในพระราชนิพนธ์

ต้นมะม่วงอันปรากฏในพระมหาชนกชาดก เป็นปริศนาธรรมซึ่งตีความได้หลายนัย ประกอบด้วยต้นมะม่วง หนึ่งมีผลอันโอชะ กับ อีกหนึ่งซึ่งไร้ผล ยังแต่ใบเขียวสดเต็มต้น
มะม่วงซึ่งออกผลอันโอชะ ภายหลังพระราชา คือพระมหาชนกเสวย บรรดามหาชนต่างยื้อแย่ง หวังจะเชยชิมบ้าง แต่ทว่า กระทำด้วยความละโมบและเขลาต่อผลอันจะบังเกิด จึงฉกฉวยกอบโกย จนมะม่วงนั้นแทบสิ้นไป
มะม่วงมันให้ประโยชน์ ให้ผลไม้ให้กินแล้ว ก็น่าจะมีบุญคุณต่อคนที่กินผลมะม่วง แล้วทำไมต้องทำลาย เมื่อทำลายแล้ว แทนที่จะได้กินต่อไป ก็ไม่ได้กินเพราะหมดไปแล้ว เพราะฉะนั้นวิธีการที่ถูกต้องที่สุดคือ ต้องถนอมต้นมะม่วงนั้นไว้ ให้มันมีผลเหมือนเดิม หรือพัฒนาให้มันมีผลมากขึ้นไปกว่านั้น โดยวิธีใดก็ตามที่จะให้ผลิตผลได้มาก เพื่อจะได้แจกจ่ายให้ประชากรในเมืองได้กินมากๆ โดยทั่วถึงกัน.
ต้นมะม่วง ในบทพระราชนิพนธ์ หากจะเปรียบกับแผ่นดินไทยก็คงเป็นเช่นกัน ด้วยผู้คนสนใจแสวงประโยชน์ใส่ตน จนละเลยการรักษาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่า นั่นคือการทำลายตนเอง ด้วยแม้นแผ่นดินสิ้นประโยชน์ให้แสวงหา คนไทยจะอยู่ได้อย่างไร
เพื่อที่ว่าหลังจากที่เราเก็บแล้ว ต้นมะม่วงก็ยังอยู่ และยังสามารถให้เป็นผลิตผลต่อคนอื่นๆต่อไปได้ด้วย อันนี้เป็นตัวอย่างที่ดีมาก ที่ให้สังคมไทยหันมามอง และก็มาใช้แนวทางในการบริโภคที่ยั่งยืน ในการมีชีวิตอยู่ต่อไปในวันข้างหน้า
..สักวันจะเก่งเหมือนพี่บ้าง..
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
น.พ.ประกิตเผ่า
โพสต์ที่ 42
ต้นมะม่วงที่มีผลดก เป็นที่หมายปองของทุกคนในเมือง มันจึงถูกโค่น
ส่วนต้นมะม่วงที่ไร้ผลนั้นไม่มีผลประโยชน์เลยรอดจากการถูกโค่น ไงครับ
ส่วนต้นมะม่วงที่ไร้ผลนั้นไม่มีผลประโยชน์เลยรอดจากการถูกโค่น ไงครับ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ