Thai VI

Q3 รับรู้รายได้จากสนามบินสุวรรณภูมิครับ(ส่งมอบงาน) ไตรมาสต่อๆอดอยากปากแห้งแน่ครับ

รู้สึกว่ารายได้จาก q3 เป็นรายได้ที่มาจากโครงการเก่าที่ออสเตรเลียไม่ใช่หรือครับคุณ buddy  รายได้จากสุวรรณภูมิเยอะขนาดนี้เลยหรือครับ   :lol:

buddy เขียน:Q3 รับรู้รายได้จากสนามบินสุวรรณภูมิครับ(ส่งมอบงาน) ไตรมาสต่อๆอดอยากปากแห้งแน่ครับ

:lol:  :lol:  :lol:

จริงๆ แล้วงานนี้เสร็จไปนาน แล้วครับไม่เกี่ยวอะไรกับงบหรือนนะครับมาเกือบ 2 ปีแล้ว  ทั้งที่ดูจากคุณ ชำนิให้สัมภาษณ์ แล้วดูแล้ว stpi  น่าจะหางานไม่ยากครับ ถ้าไม่ดีจริง ก็คงให้ mcs เข้ามาแล้วนะครับ ดูแล้วผมว่า stpi น่าจะมีอะไร ที่เป็นเครื่องพิสูจน์ ถึงความพอ และ ความเป็นผู้นำ ของงานโครงสร้างเหล็ก ( ในแต่ละปี STPI ใช้เหล็กมากกว่า 50000 ตันครับ )
อย่าลืมนะครับ stpi ไม่ใช่ ขายแต่ ชิ้นงานให้เค้าไม่ประกอบแล้วนะครับ แต่ stpi ทำงานในระดับ world class  คือ ประกอบ ชิ้นงาน ทาสี แล้ว process ทุกอย่าง งานพวกนี้ ใหญ่มากนะครับ คือ ต้องเหมาเรือทั้งลำส่งให้ลูกค้าครับ

จากข้อมูล ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อต้นปี ผู้บริหาร( คุณมาศถวิน ) กล่าวว่า งานที่จะส่งปีหน้า คือสะพานที่ดูไบ มูลค่าสูงมาก คือเกือบ พันล้าน จะส่งมอบเดือนหน้า สะพานนี้คือ สะพานที่สวยมาก และเป็นโครงสร้างเหล็กที่ยากที่สุด ตั้งแต่มีประเทศไทยมา นะครับ ลองติดตามดูครับ
สะพานนี้เป็นงานช้างนะครับ และเป็นงาน เฉลิมระดับประเทศเค้าด้วยครับ เราคงได้เห็นจากสื่อต่างประเทศแน่นอน นี่นะครับ ฝีมือคนไทย จาก ทีม stpi

ขอบคุณมากครับ ข้อมูลแน่นจริงๆครับผม

วันที่ 16 พฤศจิกายน  2549

เรื่อง       แจ้งเกี่ยวกับการขายหุ้นทั้งหมดของ STPI ที่บริษัทฯถือครอง
เรียน       กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

     ตามที่บริษัทฯได้รายงานมติที่ปะชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ ไปแล้วตามเอกสาร
MCS 028/2549 เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2549 นั้น บริษัทฯขอเรียนให้ทราบว่าขณะนี้บริษัทฯ
ได้ทำการขายหุ้นทั้งหมดของ STPI ที่บริษัทฯถือครองอยู่แล้ว รายละเอียดด้านล่าง

1. วันที่เกิดรายการ : 15 พฤศจิกายน 2549
2. จำนวนหลักทรัพย์ที่ถือก่อนขาย : 19.01 ล้านหุ้น หรือ 7.6%
3. จำนวนที่ขาย : 19.01 ล้านหุ้น หรือ 7.6%
4. ราคาเฉลี่ย : 3.65 บาท ต่อ หุ้น
5. จำนวนหลักทรัพย์ที่ถือหลังการขาย : -
6. วิธีการขาย : ขายในตลาดหลักทรัพย์

ที่มา : ทันหุ้น
         STPI สยบข่าวMCS ขายหุ้นทิ้ง เดินสายลุยงานต่างประเทศต่อเนื่อง คาดปลายเดือนพฤศจิกายนสรุปผลการประมูล1-2 โครงการ เชื่อไตรมาส 4/2549 รายได้ยังโตใกล้เคียงไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้ที่ 307 ล้านบาท กำไร 134 ล้านบาท ด้านบล.เอเซีย พลัส  แนะนำ ถือให้ราคาเป้าหมาย 3.89 บาท
         นางสาวเปรมภาว์ หิตะพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI เปิดเผยว่า ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้บริษัทจะสามารถทราบผลการประมูลงานในต่างประเทศได้ประมาณ 1-2 โครงการ ส่วนมูลค่าโครงการนั้นยังอยู่ระหว่างการสรุปรายละเอียด โดยคาดว่าโครงการดังกล่าวจะทยอยรับรู้ได้ในปีหน้า
         ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะรุกตลาดในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเซีย เพราะมองว่าประเทศดังกล่าวยังมีการขยายตัวได้สูง จากการเติบโตของเศรษฐกิจ ส่งผลให้มีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในอนาคต
         ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2549 คาดว่ารายได้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาส 3/2549 ที่มีรายได้ที่ 307 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 134 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาสนี้บริษัทจะทยอยรับรู้รายได้จากมูลค่างานในมือที่เหลืออยู่ประมาณ 500-600 ล้านบาท
         สำหรับการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นบริษัทในวานนี้ (15 พ.ย.) ไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน เพราะผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3/2549 ที่ผ่านมาก็ถือว่าปรับตัวลดลงเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า อีกทั้งได้ยกเลิกการรวมทุนทางธุรกิจกับ บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีส จำกัด (มหาชน) MCS ไป ดังนั้นในช่วงนี้ยังไม่มีข่าวดีอะไรที่จะทำให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นได้
         อย่างไรก็ตามแม้ว่าบริษัทจะยกเลิกการร่วมทุนทางธุรกิจไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าบริษัทจะปิดกันตัวเองไม่ร่วมทุนกับบริษัทอื่น โดยขณะนี้บริษัทก็ยังคงมีการเจรจาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากร่วมทุนแล้วเอื้อประโยชน์ต่อกันทั้ง 2 ฝ่ายบริษัทก็ยินดี
         นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น STPI มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในวานนี้ เนื่องจากการประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2549 ที่ออกมาดี ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนยังคงแนะนำ ถือ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 3.89 บาท
         นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หุ้น SPTI ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรงระวังแรงขายในระยะสั้น ซึ่งสามารถเก็งกำไรได้ในกรอบแนวรับ และแนวต้านที่กำหนด โดยให้กรอบแนวรับที่ 3.40-3.30 บาท และแนวต้านที่ 4.00 บาท
         ราคาหุ้น STPI ( 15 พ.ย.49) ปิดซื้อขายที่ 3.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.48 บาท มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 171.10 ล้านบาท

อืม

  134/250 ~ 0.5
  (0.5 + 1.31) X 0.3 = 0.54

ถ้าปันผล.54ได้ ผลตอบแทนแถวราคานี้ก็แถว14%

ว่าแต่เครดิตภาษีได้ไหมคับ

คุณROGERRABBIT007 โพสซะจนผมอยากถือ stpi ตัวเดียวทั้งพอร์ทเลยครับ

แต่ยังไม่มีซักหุ้นเลยอะ

ทำไมมีหนี้สงสัยจะสูญเยอะจังครับ ร้อยกว่าล้านแน่ะ

ลองดูงบซิคับ ไพล์ที่3 คงเกี่ยวกับเรื่องนั้นมั่งคับ

hot เขียน:ลองดูงบซิคับ ไพล์ที่3 คงเกี่ยวกับเรื่องนั้นมั่งคับ

ครับ แต่ในอนาคตจะมีอีกรึเปล่าครับ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับอันนี้ด้วยรึเปล่า

12. คดีฟ้องร้อง
ในระหว่างปี 2547 บริษัทฯได้ตกลงรับงานก่อสร้างจากคู่สัญญาซึ่งเป็นบริษัทแห่งหนึ่งในต่างประเทศ  (“บริษัทคู่สัญญา”) โดยบริษัทฯได้เริ่มดำเนินงานก่อสร้างแล้วบางส่วน ต่อมาในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2548 บริษัทฯได้ตกลงกับคู่สัญญาในการคืนงานดังกล่าว และบริษัทฯได้เรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับงานที่บริษัทฯได้ดำเนินการไปแล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังไม่ได้รับชำระหนี้จากคู่สัญญา ในไตรมาสที่สองของปี 2548 บริษัทฯได้ยื่นฟ้องคู่สัญญาเพื่อให้ชำระหนี้ค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นจำนวนเงินประมาณ 17.3 ล้านบาท และในไตรมาสที่สามของปี 2548 บริษัทคู่สัญญาได้เรียกร้องเงินค้ำประกันการปฏิบัติงานและเงินค้ำประกันการจ่ายเงินล่วงหน้าตามหนังสือค้ำประกันธนาคารซึ่งคิดเป็นจำนวนรวมประมาณ 0.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และยื่นฟ้องบริษัทฯให้จ่ายชดเชยค่าเสียหายที่เกิดจากการคืนงานดังกล่าว คิดเป็นจำนวนรวมประมาณ 6.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ณ วันที่ในงบดุล คดีดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล ซึ่งฝ่ายบริหารและที่ปรึกษากฎหมายของบริษัทฯ ยังไม่สามารถคาดการณ์ถึงแนวโน้มของผลคดีได้

คิดเป็นจำนวนรวมประมาณ 6.8 ล้านเหรียญ

แค่เดานะคับไม่แน่ใจว่าใช่เปล่า

ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ช่วงปีนี้ถึงปีหน้า
เงินสดท่วมกระจายเลยนะคับ

น่าสนใจครับ แต่รายได้ในอนาคตยังไม่แน่นอนเท่าไหร่ คงคาดการณ์ค่อนข้างยากนะครับ อีกทั้ง margin ก็แปลกๆ เดี๋ยวลองหาข้อมูลเพิ่มอีกหน่อยดีกว่า

STPI เชียร์ซื้อลงทุนมีปัจจัยหนุนเทรนขาขึ้น

              “เอสทีพี แอนด์ ไอ” มีแรงจูงใจให้เข้าลงทุน ประเมินสัญญาณเทคนิคขาขึ้น ผู้บริหารลั่น
รายได้เฉพาะบริษัทปีนี้ทะลุ 1 พันล.แน่  ยังเน้นรับงานภาคเอกชน 100% โอดค่าเงินบาทแข็งค่า
กระทบธุรกิจ เหตุส่งออกมาก เร่งสรุปแผนรุกปี 50 เหตุตัวเลขงานในมือยังไม่นิ่ง แต่มั่นใจเติบโต
ต่อเนื่อง ด้านนักวิเคราะห์แนะนำซื้อหุ้น STPI  มีแนวต้านสำคัญที่ 4.30 บาท
น.ส.เปรมภา หิตะพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด
(มหาชน) หรือ STPI เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2549 เฉพาะของ STPI น่าจะเป็นไปตามเป้า
หมายที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยงวด 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำ
รายได้แล้วจำนวน 965.8 ล้านบาท กำไรสุทธิ 327 ล้านบาท เทียบกับปี 48 ถือเป็นกำไรที่เติบโต
เท่าตัว เนื่องจากงวด 9 เดือนปี 48 บริษัทมีกำไรสุทธิเพียงกว่า 100 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนรายได้
ที่รวมกับบริษัทย่อย และการร่วมทุนกับพันธมิตรงวด 9 เดือนมีรายได้จำนวน 1,705 ล้านบาท ทั้ง
นี้ บริษัทยังคงจะรับงานของภาคเอกชนทั้งหมด แม้ภาครัฐบาลจะมีการดำเนินการในเรื่อง
โครงการเมกะโปรเจกต์ต่อไป เนื่องจากเห็นว่างานภาครัฐบาลมีขั้นตอนในการเสนองานมาก รวม
ทั้งเงื่อนไขในสัญญาที่ค่อนข้างมาก  ประกอบกับ Margin ของงานภาคเอกชนมีมากกว่ารัฐบาล
อยู่มาก
ขณะที่บริษัทยอมรับว่า ได้รับผลกระทบในเรื่องของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เนื่องจาก
งานของบริษัทส่วนมากเป็นการส่งออก แต่ทั้งนี้บริษัทได้มีการตรวจสอบในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน
อยู่เสมอ ถ้ามีจังหวะก็จะมีการ Forward และอาจจะดูในเรื่องของ Matching Fund รวมทั้งดูใน
ด้านอื่นเพื่อบริหารความเสี่ยงอีกด้วย ส่วนเรื่องของราคาน้ำมันตอนนี้น่าจะทรงตัวไปถึงปี 50 ส่งผล
ให้ราคาต้นทุนของบริษัทลดลงตามไปด้วย

เร่งสรุปแผนปี50-มั่นใจเติบโตเพิ่ม
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2550 บริษัทยังขอไม่เปิดเผยถึงรายละเอียดเกี่ยวกับ
ตัวเลข Backlog เนื่องจากตัวเลขยังไม่นิ่ง จากการเจรจาตกลงกันระหว่างบริษัทกับผู้ว่าจ้างยัง
สรุปไม่เรียบร้อย แต่เชื่อว่า จะสามารถสรุปได้ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ โดยเบื้องต้นบริษัทจะพยายาม
รักษาระดับรายได้ให้ใกล้เคียงกับปี 49 ขณะเดียวกันยังพยายามหาโครงการใหม่เข้ามาเพิ่มอยู่
ตลอดเวลา
“ตอนนี้เรายังไม่ขอบอกตัวเลข Backlog เพราะยังไม่นิ่ง เนื่องจากมีบางรายการที่ยัง
ไม่สรุป แต่เราจะพยายามรักษาให้ใกล้เคียงกับปีนี้ไว้ก่อน แต่อยากให้เข้าใจว่า การเติบโตของ
บริษัทในแต่ละปีนั้น อาจจะไม่มีการเติบโตขึ้นๆเรื่อย เพราะต้องแล้วแต่งานที่เข้ามา ถ้าโชคดีปี
ไหนได้โครงการใหญ่มูลค่าสูงๆก็จะทำให้บริษัทมีการเติบโตในปีนั้นๆมาก แต่ถ้าไม่มีโครงการ
ใหญ่ๆ บริษัทก็พยายามหาโครงการอื่นเข้ามา จะทำให้บริษัทมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

ประเมินราคาเป้าหมาย 3.89 บาท
นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการสายงายการตลาด บริษัท หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส
จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ประเมินหุ้น STPI  ว่า แนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาเป้าหมายที่ 3.89
บาท จากผลประกอบการในไตรมาส 3 ที่โตขึ้น 69% เป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากการ
ควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดี และการโอนกลับภาษีของบริษัทย่อย ขณะที่ระยะสั้นถ้าหุ้นราคาปรับตัวขึ้น
แรง น่าจะมีการขายทำกำไรออกมาจากผู้ถือหุ้นของ MCS ประมาณการรายได้รวมของบริษัทจาก
การผลิตในปี 49 ไว้ที่ 1,745 ล้านบาท การขาย 331 ล้านบาท กำไร 348 ล้านบาท ส่วนปี 50
รายได้จากการผลิตน่าจะอยู่ที่ 1,355 ล้านบาท การขาย 257 ล้านบาท กำไร 130 ล้านบาท
สาเหตุที่รายได้และกำไรในปี 50 ลดลง เนื่องจากแผนร่วมมือกับ MCS ถูกยกเลิกไป
หุ้น STPI มีปัจจัยจูงใจนักลงทุนในเรื่องของเงินปันผลที่มีนโยบายจ่าย 13% ของกำไร
สุทธิ รวมทั้งผลประกอบการที่ออกมาดีต่อเนื่องกันทำให้หุ้นมีความน่าสนใจลงทุน โดยเป็นเทรน
ขาขึ้น ระวังแค่การขายทำกำไรออกมาเท่านั้น  ให้แนวรับไว้ที่ 3.70 บาท แนวต้านที่ 4 บาท

มองแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 4.30 บาท
นักวิเคราะห์ทางเทคนิค บริษัท หลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด หรือ SYRUS กล่าวว่า ก่อน
หน้าราคาหุ้นลดลงมามาก เนื่องจากข่าวแผนร่วมกับ MCS ล้มไป แต่การที่ราคาปรับตัวขึ้นมา
เนื่องจากตัวเลขประกอบการในไตรมาส 3  ที่ออกมาเติบโตมาก  แต่เนื่องจากเป็นหุ้นที่เล่นเร็ว
ดังนั้น นักลงทุนควรระวังแรงขายทำกำไรถ้าหุ้นผ่านแนวต้านที่ 4 บาทมาที่ 4.30 บาท โดยมีแนว
รับอยู่ที่ 3.6-3.5 บาท

ที่มา : น.ส.พ. กระแสหุ้น

ราคาปัจจุบันอยู่แถวp/e  3.50 หรือเปล่าคับ

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญมากๆที่มองเห็นตอนนี้คือเรื่อง margin ที่เราไม่สามารถประมาณได้ และความต่อเนื่องของงานที่ได้รับครับ ปีนี้กำไรเยอะ ปีหน้าล่ะจะเยอะอย่างนี้มั๊ย แล้วปีนู้นอีก แม้แต่ผู้บริหารเองยังไม่มั่นใจเลย

ผมลงทุนหุ้นมาเป็นเวลาปีเศษ ๆ และมาตั้งแต่ก่อน mcs เข้ามา และในส่วนตัวตอนแรกก็อยากได้ครับ แต่มี เหตุผลทีเกิดการเปรียบเทียบคือ และในความคิดส่วนตัวยังไม่เห็นความสำคัญ ของความพยายามของ mcs ที่จะเข้ามา ด้วยเหตุผลที่สำคัญดังนี้
1. ใน mcs เองความเสี่ยงสูงมากในแง่การตลาด กว่า 80 % ผูกขาดเพียง ลูกค้าเจ้าเดียว
2. mcs เป็นเพียงบริษัท ผลิต ชิ้นส่วนไปให้เค้า ประกอบ
ซึ่งเป็นชิ้นส่วน เหมือนๆ กัน ( เหมือนเป็น oem ครับ )
คู่ อีกหน่อยน่าจะเป็นจีน เหมือนที่ ดร. ท่านกลัว
3. mcs เองอยู่ด้วย ดร. เพียงท่านเดียว ถ้าไม่มีท่านคงลำบาก และท่านก็ อายุมากกว่า 50 แล้วครับ
4. mcs มีอายุแค่ 10 กว่าปี ไม่มีประสบการณ์ วิกฤตการณ์อะไรให้แก้ไข STPI ผ่านวิกฤตที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ ยกเลิกorder และถอนหุ้น ออกเมื่อ 3 ปีที่แล้วมาแล้ว
5. ขนาดนี้ mcs เดินกำลังผลิต 100 % แล้ว จะขยายกำลังผลิตอย่างไร ผมกังวลว่า เงินที่สะสมมา จะถูกในไป ใช้ในเรื่องนี้

ณ ขณะนี้ stpi มีลูกค้า ไม่ใช่แค่ในญี่ปุ่นแล้วครับ stpi มีลูกค้า ทั้ง ยุโรป และ ตะวันออกกลาง และที่สำคัญ stpi ไม่ใช่แค่บริษัท ผลิตอุปกรณ์ ก่อสร้างแล้วนะครับ แต่เป็นบริษัท รับเหมาดีๆ นั่นเองครับ ผมคิดว่า mcs คงจะลำบาก ใน deal กับฝรั่งครับ เนื่อง ดร. เป็นคน ไต้หวัน

balance sheet ปัจจุบัน solid มากครับ ผมรู้สึกเลยครับว่า หนึ่งปีที่ผ่านมาลงทุน ได้หุ้นที่ เป็น Turnaround  จริง  ๆ และแข็งแรงมาก เนื่องจาก ดูจาก cashในปัจจุบัน
stpi มีสูงเกือบ 300 ล้าน และ ยังเงิน ลงทุนระยะสั้น ที่จะถูกเปลี่ยนเป็นเงินทันที เกือบ 390 ล้าน หรือ มีเงินสด กว่า 2.75 บาท ต่อหุ้น ครับ แล้วค่า goodwill ที่ดิน เครื่องจักร ยังไม่ได้คิดนะครับ ทุกอย่างน่าจะยังไม่มีการปรับเป็นราคาตลาดด้วยซ้ำ และที่สำคัญ ที่ดิน ยังอยู่ใกล้กับ สุวรรณภูมิครับ แต่ผมไม่ทราบจริงว่ามีกี่ไร่ แต่คงจะหลายสิบไร่นะครับ

ฐานะทางการเงิน และ ความสามารถในการแข่งขันปัจจุบัน ต่างจาก อดีตมากครับ จึงน่าจะเป็น หุ้นที่ลงทุนระยะยาว ที่จ่ายปันผลได้สบาย ไปอีกนานครับ

ผมว่าการเปรียบเทียบ  stpi  กับ  mcs

ดูเหมือนไม่เข้ากันเท่าไร

น่าจะเปรียบเทียบกับ


stpi  vs   siam


เอ หรือผมมองกันคนละมุมหว๋า

ยังไม่เข้าใจในงบของ stpi หลายอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องภาษี และทิศทางการหารายได้
หากคิดว่าเป็นผู้รับเหมา ก็ต้องเปรียบเทียบกับผู้รับเหมาด้วยกัน และรายได้จะขึ้นอยู่กับงานที่จะได้รับจากการประมูล
การรอความชัดเจน แน่นอนว่าอาจจะพลาดการซื้อในราคาที่ต่ำ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ที่มั่นใจในข้อมูล และการตัดสินใจของตนเองเป็นสำคัญ

คุณhot คิดเหมือนผมเลย ผมก็เคยเล่น siam มารอบหนึ่งตอน 2.3 เหมือนๆกับ stpi ส่วนแพทเทินลักษณะเดียวกัน
ปล นี้ไม่อาจไม่ใช่หลัก vi นะครับ

เห็นด้วยครับ ด้าน technical และ การฟี้นตัวอย่างชัดเจน

ขอบคุณมากๆสำหรับข้อมูลครับ

ดูจาก cashในปัจจุบัน stpi มีสูงเกือบ 300 ล้าน และ ยังเงิน ลงทุนระยะสั้น ที่จะถูกเปลี่ยนเป็นเงินทันที เกือบ 390 ล้าน หรือ มีเงินสด กว่า 2.75 บาท ต่อหุ้น  

tanapol เขียน:คุณROGERRABBIT007 โพสซะจนผมอยากถือ stpi ตัวเดียวทั้งพอร์ทเลยครับ

แต่ยังไม่มีซักหุ้นเลยอะ

คุณ tanapol  ซื้อสัก 100 หุ้น แล้วเข้าไปประชุมผู้ถือหุ้นจะได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริง แล้วค่อยเข้ามาตัดสินใจลงทุนเยอะๆ    การลงหุ้นมีความเสี่ยง  โปรดใช้วิจารณาญในการตัดสินใจ   ไม่ต้องเชื่อผมมากหรอก

ROGERRABBIT007 เขียน:ผมลงทุนหุ้นมาเป็นเวลาปีเศษ ๆ และมาตั้งแต่ก่อน mcs เข้ามา และในส่วนตัวตอนแรกก็อยากได้ครับ แต่มี เหตุผลทีเกิดการเปรียบเทียบคือ และในความคิดส่วนตัวยังไม่เห็นความสำคัญ ของความพยายามของ mcs ที่จะเข้ามา ด้วยเหตุผลที่สำคัญดังนี้
1. ใน mcs เองความเสี่ยงสูงมากในแง่การตลาด กว่า 80 % ผูกขาดเพียง ลูกค้าเจ้าเดียว
2. mcs เป็นเพียงบริษัท ผลิต ชิ้นส่วนไปให้เค้า ประกอบ
ซึ่งเป็นชิ้นส่วน เหมือนๆ กัน ( เหมือนเป็น oem ครับ )
คู่ อีกหน่อยน่าจะเป็นจีน เหมือนที่ ดร. ท่านกลัว
3. mcs เองอยู่ด้วย ดร. เพียงท่านเดียว ถ้าไม่มีท่านคงลำบาก และท่านก็ อายุมากกว่า 50 แล้วครับ
4. mcs มีอายุแค่ 10 กว่าปี ไม่มีประสบการณ์ วิกฤตการณ์อะไรให้แก้ไข STPI ผ่านวิกฤตที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ ยกเลิกorder และถอนหุ้น ออกเมื่อ 3 ปีที่แล้วมาแล้ว
5. ขนาดนี้ mcs เดินกำลังผลิต 100 % แล้ว จะขยายกำลังผลิตอย่างไร ผมกังวลว่า เงินที่สะสมมา จะถูกในไป ใช้ในเรื่องนี้

ณ ขณะนี้ stpi มีลูกค้า ไม่ใช่แค่ในญี่ปุ่นแล้วครับ stpi มีลูกค้า ทั้ง ยุโรป และ ตะวันออกกลาง และที่สำคัญ stpi ไม่ใช่แค่บริษัท ผลิตอุปกรณ์ ก่อสร้างแล้วนะครับ แต่เป็นบริษัท รับเหมาดีๆ นั่นเองครับ ผมคิดว่า mcs คงจะลำบาก ใน deal กับฝรั่งครับ เนื่อง ดร. เป็นคน ไต้หวัน

balance sheet ปัจจุบัน solid มากครับ ผมรู้สึกเลยครับว่า หนึ่งปีที่ผ่านมาลงทุน ได้หุ้นที่ เป็น Turnaround  จริง  ๆ และแข็งแรงมาก เนื่องจาก ดูจาก cashในปัจจุบัน
stpi มีสูงเกือบ 300 ล้าน และ ยังเงิน ลงทุนระยะสั้น ที่จะถูกเปลี่ยนเป็นเงินทันที เกือบ 390 ล้าน หรือ มีเงินสด กว่า 2.75 บาท ต่อหุ้น ครับ แล้วค่า goodwill ที่ดิน เครื่องจักร ยังไม่ได้คิดนะครับ ทุกอย่างน่าจะยังไม่มีการปรับเป็นราคาตลาดด้วยซ้ำ และที่สำคัญ ที่ดิน ยังอยู่ใกล้กับ สุวรรณภูมิครับ แต่ผมไม่ทราบจริงว่ามีกี่ไร่ แต่คงจะหลายสิบไร่นะครับ

ฐานะทางการเงิน และ ความสามารถในการแข่งขันปัจจุบัน ต่างจาก อดีตมากครับ จึงน่าจะเป็น หุ้นที่ลงทุนระยะยาว ที่จ่ายปันผลได้สบาย ไปอีกนานครับ

สงสัยจะโมโหผมรึเปล่าครับ ?

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนนะครับ ว่าผมไม่ได้เข้ามาดิสเครดิต stpi นะครับ ที่ผมเข้ามาศึกษาและหาข้อเสีย เพราะผมสนใจจะลงทุนครับ เมื่อผมจะลงทุนตัวไหนผมก็พยายามหาข้อเสียเป็นหลักก่อนน่ะครับ เหมือนตอนแรกที่ผมจะลงทุน mcs ตอนนั้นผมก็หาข้อเสียได้แบบที่คุณ roger ไล่มาเป็นข้อๆเหมือนกันครับ แต่พอศึกษาเข้ามากๆ ผมก็ได้คำตอบของความเสี่ยงแต่ละตัว และผมก็ดูว่าผมรับได้มั๊ย และแต่ละข้อมันเสี่ยงจริงหรือว่าเรารู้ข้อมูลไม่ลึกพอ พอมั่นใจในข้อมูลแล้ว ก็ลงทุน ถ้าไม่มั่นใจก็ปล่อยไป ก็เท่านั้นเองครับ

ณ ตรงนี้ผมไม่ขอแก้ต่างหรือพูดถึง mcs ละกันครับ เพราะเรากำลังดู stpi กันอยู่จริงมั๊ยครับ เราน่าจะถกกันถึงข้อดีข้อเสียของ stpi ดีกว่า

ยังไงก็ขออภัยถ้าทำให้คุณ rogerrabbit ขุ่นเคืองครับ

ป.ล. ผมยังคงสนใจ stpi อยู่นะครับ แต่ยังไม่ได้ซื้อ เพราะข้อมูลยังไม่พอ แต่ยังไงต้องขอบคุณคุณ roger เพราะข้อมูลของคุณ roger เริ่มทำให้ผมรับรู้ในสิ่งที่ผมไม่ทราบมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ

หุ้นตัวนี้ตอนประกาศผลประกอบการผมก็เคยชี้ว่าเงินสดค่อนข้างดี และล้างขาดทุนสะสมได้ แต่ยังไง ขอให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วนละกันครับ ไม่อยากให้เป็นกระทู้ชี้นำหรือเชียร์หุ้น

:lol:

 :D  :D

ไม่ได้ขุ่นเคืองอะไรนะครับ เพียงแต่อยากเพื่อนรับทราบข้อมูลนะครับ
ผมอ่านthaivi มานานครับ ไม่เคยpost อะไรครับ เพียงแต่ stpi  เป็นหุ้นที่ผมถือมากว่า 1 ปีแล้วครับ เห็นเพื่อน สงสัย เลยอยากshare ข้อมูลให้เพื่อนบางครับ เนื่องตัวผมเองก็ได้ข้อมูลจากที่นี่ค่อนข้างเยอะครับ และคิดว่าคนที่อยู่ในนี้ค่อนข้างจะมีคุณภาพ ครับ
และที่สำคัญผมไม่ได้มีเจตนาจะเชียร นะครับ เนื่อง stpi มีหุ้นน้อย ไม่มีการเพิ่มทุนเลย และผมไม่อยากเห็น stpi เป็นหุ้นเก็งกำไรไป และ ณ ปัจจุบัน ผมพอใจผลตอบแทนและยังถืออีกนาน เนื่องจากผมคาดหวังกับเงินปันผลที่น่าจะออกมาสูงมาก เนื่องจากปัจจุบัน stpi เงินสดเกือบ700 ล้าน จากงบนะครับลองดูดีๆ ในงบนะครับ
ข้อมูลที่ได้นะครับก็เป็น ข้อมูลที่ได้มาจากงบและ จากการเข้าประชุมผู้ถือหุ้นมา 2 ครั้งแล้วครับ ทุกครั้งรู้สึกดีครับและรับทราบถึงแผนงานที่ชัดเจนครับ
ในใจจึงอยากลองให้เพื่อนซื้อสัก 100 หุ้นแล้วลองไปฟังดูครับถึงจะทราบถึงความตั้งใจของผู้บริหารและคณะกรรมการ ทุกครั้งคนจะน้อยมากครับ การอธิบายข้อมูลจึงดีมากครับ ไม่แน่ใจครั้งนี้คนน่าจะมากนะครับ
ที่สำคัญผมเพียงมั่นใจในstpi  เนื่องจากผมพิสูจน์ แล้วว่า บริษัทนี้ดี จึงแนะนำไปและ เห็นว่า ขณะนี้มีคนสนใจสูงจึงให้รับทราบข้อมูลที่ดีครับ และไม่อยากให้นักลงทุนบ้านเราไปเล่นแต่หุ้นที่เก็งกำไรสูงที่คาดหวังไม่ได้ครับ โดยปกติผมจะลงทุนนานครับ และจะซื้อหุ้นที่กำลังฟื้นตัว ครับ เช่น tpi tfi spali  svi ตั้งแต่ตอนก่อนจะฟื้นตัวครับ ทุกครั้งจะถือ เกือบหรือนานกว่า 2 ปีครับ


ขอบคุณมากนะครับเพื่อนๆ ที่มีการแสดงความรู้สึกและ แลกเปลี่ยนข้อมูลตลอดเวลาครับ

วันนี้ปิด 4 บาทได้  :cheers: