หน้า 2 จากทั้งหมด 2

ช่วงหุ้น new Low ไปเจอหุ้นตัวหนึ่งเข้า ซื้อทั้งบริษัทได้เงิน

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 12, 2006 12:04 am
โดย thawattt
ลองเข้าไปดู Web site ของ บริษัทนี้ดู ปรากฏว่า มีข่าวที่น่าสนใจของบริษัทนี้คือ

บริษัทได้เป็น Lead underwriter ของ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีขนาดกองทุนสูงถึง 10,500 ล้านบาท คือ

บริษัทฯได้เป็นตัวแทนจัดจำหน่าย

กองทุนอสังหาริมทรัพย์สมุยแอร์พอร์ต
(Samui Airport Property Fund

โดยเป็นกองทุนที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทน Dividend Yeild สูงถึงปีละ 8.52% ต่อปี ซึ่งเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่สุงกว่ากองทุนที่ขายแล้วในตลาด

ผม Load ข้อมูลมาแล้วเป็น PDF file ใครสนใจลองเข้าไปดูรายละเอียดของข้อมูลนะครับ Dividend yield ของกองทุนนี้น่าสนใจเมื่อเทียบกับเงินฝากประจำครับ และมีขนาดกองทุนที่ใหญ่พอควรครับ

อ่านคร่าว ๆ ยังไม่ได้ศึกษาดูรายละเอียดทั้งหมด ดูแล้วน่าสนใจมาก เพราะเป็นนวตกรรมของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่เอา แอร์พอร์ตที่สมุยมาทำ มีรายละเอียด ของหนังสือชี้ชวน ลองติดตามดูต่อไปนะครับว่า กองทุนนี้จะจำหน่ายได้มากน้อยขนาดไหนครับ เห็นว่าจะ IPO เดือนนี้นะครับ

นอกจากนี้ ในเดือน พฤศจิกายน ก็จะเริ่มให้บริการ ตลาดตราสารอนุพันธ์ด้วย  ช่วงนี้บริษัทก็อยู่ระหว่างการอบรมให้กับลูกค้าครับ

ก็เอาข่าวมา Update สำหรับคนที่สนใจดูหุ้นตัวนี้ เป็น Watch List นะครับ

ช่วงหุ้น new Low ไปเจอหุ้นตัวหนึ่งเข้า ซื้อทั้งบริษัทได้เงิน

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 12, 2006 12:08 am
โดย thawattt
ใครสนใจ ก็เข้าไปตาม Web site นี้นะครับ
https://www.cns.co.th/cnet_t/home.asp

ช่วงหุ้น new Low ไปเจอหุ้นตัวหนึ่งเข้า ซื้อทั้งบริษัทได้เงิน

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 12, 2006 12:57 am
โดย metro
metro wrote:
อย่างตอนนี้ผมเป็นมาร์ที่โบรกเกอร์แห่งนึง ถ้ามีคนมาดึงตัวผมไปโดยให้เงินค่าย้าย ถามว่าผมจะไปมั้ย ผมไปแน่นอนครับ เพราะผมรู้ว่าอนาคตในธุรกิจนี้แทบจะไม่มี เพราะถ้าลดคอมมิชชั่น มาร์ก็จะได้รับค่าคอมมิชชั่นน้อยลง มันจะดีมั้ยถ้าย้ายงานจากที่นึง ไปอีกที่นึง รูปแบบงานเหมือนเดิมทุกอย่างแต่ได้เงินในกระเป๋ามาอีกก้อนนึง ผมต้องเห้นแก่ตัวไว้ก่อนครับเพื่อปากท้องของตัวเองครับ

ขอโทษนะครับ ถ้าออกความเห็นตรงๆ
เพราะ มาร์เกือบทุกคนมีความคิดเหมือนๆกัน เลยทำให้ธุรกิจหลักทรัพย์มีปัญหาอย่างขณะนี้
เปรียบเหมือน กวางที่อยู่ในป่า กินใบไม้ที่ปกคลุมจนหมด ในที่สุดก็ไม่มีป่าที่ใช้อยู่อาศัย

--------------------------------------------------------------------------------

ถ้าธุรกิจที่มองว่าบุคลากรเป็นบุคคลสำคัญ คุณก็ควรจะมีการทำสัญญากันเอาไว้เพื่อความยุติธรรมทั้งสองฝ่ายนะครับ อย่างเช่นสัญญาของนักร้องค่ายเพลงต่างๆ สัญญาของนักฟุตบอลลีก เป็นต้น

แต่สิ่งที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน คือ ถ้าคุณมีประโยชน์ โวลุ่มถึงคุณไม่มีสิทธิ์ออก แต่ถ้าเมื่อไรที่คุณไม่มีประโยชน์ โวลุ่มหาย คุณจะโดนบีบให้ออก ผมมองว่าไม่ยุติธรรม การทำสัญญาควรเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายนะครับ ถ้าเราจัดกฏเกณฑ์ตรงนี้ได้ ผมว่ามาร์เก็ตติ้งไม่ต้องขวนขวายหาโอกาสในการเพิ่มความมั่งคั่งเพื่อความมั่นคงให้กับชีวิตหรอกครับ

ขอบคุณครับ  :D

ช่วงหุ้น new Low ไปเจอหุ้นตัวหนึ่งเข้า ซื้อทั้งบริษัทได้เงิน

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 12, 2006 1:05 am
โดย metro
ตอบคุณ JayChou นะครับ

เท่าที่ฟังพี่ๆพูดกันเค้าสนใจจะย้ายงานไปโบรก บ.ฟ. เพราะค่าคอมมิชชั่นเค้าจะให้ 800 กว่าบาทต่อ 1 ล้านบาท เพราะ พนักงานจะขึ้นตรงกับบริษัทโดยที่ไม่มีหัวหน้าทีม ดังนั้นรายจ่ายในส่วนของ Profit Sharing ที่จะจ่ายให้กับหัวหน้าจะมาคำณวนในรายรับของมาร์ครับ

ส่วนมาร์หลักของโบรกใหญ่ย่านสาทรที่กำลังจะย้ายโบรกหรือย้ายไปแล้วก็มีแนวโน้มที่จะย้ายไปที่ บ.ล. เอ อี ไอ เพราะได้ค่าตัวในการย้ายย้อนหลังถึง 6เดือน คำณวนจากโวลุ่มย้อนหลัง 500/ 1 ล้านครับ

ก็ลองคำณวนดูครับว่ายังไงดีเอ่ย ..

ช่วงหุ้น new Low ไปเจอหุ้นตัวหนึ่งเข้า ซื้อทั้งบริษัทได้เงิน

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 12, 2006 1:44 pm
โดย Accidental Hero
metro เขียน:ถ้าธุรกิจที่มองว่าบุคลากรเป็นบุคคลสำคัญ คุณก็ควรจะมีการทำสัญญากันเอาไว้เพื่อความยุติธรรมทั้งสองฝ่ายนะครับ
...
แต่สิ่งที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน คือ ถ้าคุณมีประโยชน์ โวลุ่มถึงคุณไม่มีสิทธิ์ออก แต่ถ้าเมื่อไรที่คุณไม่มีประโยชน์ โวลุ่มหาย คุณจะโดนบีบให้ออก ผมมองว่าไม่ยุติธรรม การทำสัญญาควรเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายนะครับ ถ้าเราจัดกฏเกณฑ์ตรงนี้ได้ ผมว่ามาร์เก็ตติ้งไม่ต้องขวนขวายหาโอกาสในการเพิ่มความมั่งคั่งเพื่อความมั่นคงให้กับชีวิตหรอกครับ
ต้องขอโทษคุณ metro อีกครั้งครับ
ผมออกความเห็นไปด้วยความไม่รู้จริงๆ :oops:

เห็นด้วยว่า ต้องมีการทำสัญญาที่เป็นธรรม จะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

ช่วงหุ้น new Low ไปเจอหุ้นตัวหนึ่งเข้า ซื้อทั้งบริษัทได้เงิน

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 12, 2006 2:47 pm
โดย artvr4
โดยส่วนตัว ผมมองว่าCNS พึ่งพารายได้จากมาร์เก็ตติ้งเยอะมากครับ

งานด้าน IB นำหุ้นเข้าตลาดน้อยมากเท่าที่จำได้มี aeonts    focus เท่านั้นเองครับ  

ส่วนพวก เป็น underwriter จะว่าไป ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เป็น Lead ครับ ตอนทำงาน ลูกค้าบ่นอุบว่าที่นี่ไม่ค่อยมีหุ้นจองให้เลย

หากปรับปรุงงานด้าน วานิชธนกิจได้ ก็จะไม่ทำให้โครงสร้างรายได้ พิ่งพารายได้จาก การซื้อขายหลักทรัยพ์ อย่างเดียว

เท่าที่ดูโบร์กเกอร์ ที่มีรายได้หลายทางเด่นๆ ผมเห็นแค่ phatra  scbs แค่นั้นเองครับ

ช่วงหุ้น new Low ไปเจอหุ้นตัวหนึ่งเข้า ซื้อทั้งบริษัทได้เงิน

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 12, 2006 8:12 pm
โดย thawattt
ผมเห็นด้วยกับคุณ artvr4 ครับในเรื่องโครงสร้างรายได้ของบริษัทนั้นยังต้องพึ่งพิงรายได้จากการซื้อขายหลักทรัพย์ค่อนข้างมาก :P

แต่หากเราพิจารณาดูโครงสร้างรายได้ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา จะเห็นโครงสร้างรายได้ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปครับ

70% มาจากรายได้จากการซื้อขายหลักทรัพย์
30% มาจากรายได้อื่น ๆ ได้แก่ รายได้การดอกเบี้ยรับและเงินปันผล รายได้จากการให้กู้ยืมหลักทรัพย์ โดยเฉพาะรายได้จากดอกเบี้ยรับและเงินปันผลที่ได้มาจาก Port การลงทุนของบริษัทกว่า 2000 กว่าล้านซึ่งเป็นเงินเกือบเท่ากับส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัท และ Market Cap ของบริษัท ณ ปัจจุบันเลย ซึ่งผมเคยวิเคราะห์ไว้ว่า เท่ากับเราซื้อบริษัทนี้ ก็ได้เงินสดคืน แถมตัวธุรกิจของบริษัทมาฟรี ๆ ครับ :P

ช่วงหุ้น new Low ไปเจอหุ้นตัวหนึ่งเข้า ซื้อทั้งบริษัทได้เงิน

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 12, 2006 8:17 pm
โดย thawattt
แต่ที่น่าสนใจยิ่งขึ้นก็คือ

ในไตรมาส 4 ซึ่งบริษัทในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จะกระทบจากรายได้การซื้อขายหลักทรัพย์ค่อนข้างมาก ตามภาวะความซบเซาของการซื้อขาย กำไรของบริษัทผมก็คิดว่าต้องกระทบอย่างแน่นอนครับ

แต่เพราะบริษัทมี Port ตราสารหนี้เกือบทั้งหมด ดังนั้น ในไตรมาส 4 ของบริษัท โครงสร้างรายได้ที่นอกเหนือจากรายได้ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์จะสูงขึ้นไปอีก ซึ่งมาจากรายได้เดิม คือ ดอกเบี้ยรับและเงินปันผลที่มาจาก Port การลงทุนในตราสารหนี้ รายได้จากการให้กู้ยืมหลักทรัพย์โดยไตรมาสนี้ ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมก็คงปรับขึ้นตามภาวะตลาด และรายได้จาก Capital Gain ของตราสารหนี้ ที่เกิดจาก yield Curve ของดอกเบี้ยพันธบัตรมีการปรับลดลงค่อนข้างมาก

ช่วงหุ้น new Low ไปเจอหุ้นตัวหนึ่งเข้า ซื้อทั้งบริษัทได้เงิน

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 12, 2006 8:38 pm
โดย thawattt
ไตรมาส 4 คงไม่มีอะไรตื่นเต้นมากนักครับ :D

แต่เมื่อเข้าสู่ไตรมาส 1 ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือน กันยายน ครับ ตรงนี้ซิครับที่ผมว่าน่าสนใจครับ

เพราะในไตรมาสนี้ บริษัทจะเริ่มสร้างฐานรายได้ที่เพิ่มเติมจากรายได้ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์

รายได้ที่ผมไปเจอจากการเข้า Web site ของบริษัทก็คือ

1.  รายได้จากการซื้อขายอนุพันธ์  ซึ่งบริษัทจะเริ่มเปิดให้บริการในเดือนหน้าคือ พฤศจิกายน เป็นต้นไป ซึ่งผมคิดว่าบริษัทมี Partner คือ Numura ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ใหญ่มากของ ญี่ปุ่น เทคโนโลยีเรื่องการซื้อขายตราสารอนุพันธ์แน่นอนต้องไม่เป็นลองใครในวงการอย่างแน่นอนครับ ก็รอดูผลงานต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร ช่วงนี้ก็อยู่ระหว่างการสัมมนาให้กับลูกค้า

2.  แต่ตรงนี้ซิครับ ที่สำคัญ รายได้ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือรายได้จากการเป็นผู้จัดจำหน่ายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่มาก คือ กองทุนอสังหาริมทรัพย์แอร์พอร์ตสมุย ซึ่งถือเป็นนวตกรรมกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่ตัวโครงการนั้น เป็นกองทุนที่ซื้อสิทธิการเช่าสนามบินบนเกาะสมุยเป็นระยะเวลา 30 ปี  โดยจุดน่าสนใจของกองทุนนี้คือ มีลักษณะกึ่งตราสารหนี้และตราสารทุน กล่าวคือ เป็นกองทุนที่มีสัญญากับผู้ให้เช่าสิทธิสนามบินที่จะต้องจ่ายค่าเช่าให้กองทุนในอัตราขั้นต่ำประมาณ 6% ของกองทุน ทำให้ Down side Risk จะค่อนข้างต่ำเพราะมีรายได้แน่นอนคล้ายตราสารหนี้ แต่ ด้าน Up siide Gain ก็จะมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมสนามบิน ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยวและเที่ยวบินต่างๆ

กองทุนนี้เท่าที่ผมอ่านข้อมูลเบื้องต้น จะเปิดขายกองทุน วันที่ 14 - 22 กันยายน 2549 ในราคา 10 บาทต่อหุ้น โดยประมาณการคาดหวังผลตอบแทนอยู่ที่ 8.52% ต่อปี ซึ่งสูงที่สุดเมื่อเทียบกับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดจำหน่ายที่ผ่านมาทั้งหมด นอกจากนี้ ถ้าหากเทียบ Bechmark กับ Government Bond 19 ปี จะอยู่ที่ 5.64% และ 10 ปี จะอยู่ที่ 5.39%

โดยบริษัทได้ประมาณการ Yield ของเงินปันผลในช่วงปี 2006 - 2015 เป็นดังนี้ 8.52% 8.69% 9.28% 9.44% 10.06% 10.76% 11.50% 12.31% 13.15% และ 14.08% ต่อปีครับ

กองทุนนี้ผมลองไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในการประมาณการรายได้ ถึงได้เห็นค่าใช้จ่ายตัวหนึ่ง ซึ่งจะเป็นรายได้ให้กับบริษัทที่ผมกล่าวถึงนี้คือ

รายได้จาก IPO ตามประมาณการตรงนี้ ได้ตั้งค่าใช้จ่ายไว้ประมาณ 310 ล้านบาทครับ

ดังนั้น รายได้ที่บริษัทจะได้จากการจำหน่ายกองทุนนี้จะได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่า บริษัทจะเป็นผู้นำจำหน่ายกองทุนนี้โดยมีสัดส่วนการจำหน่ายมากน้อยเพียงใด ถ้าเป็น Lead และจำหน่ายมาก รายได้ตรงนี้ก็จะมากตาม

ผมคิดเล่น ๆ นะครับ รายได้ตรงนี้ถ้าเทียบกับ หุ้น 70 ล้านหุ้นของบริษัทนี้ และสมมุติเล่น ๆ ว่าบริษัท เป็น Lead จำหน่ายทั้งหมด จะเท่ากับรายได้การจำหน่ายต่อหุ้นก่อนหักค่าใช้จ่ายของบริษัทเท่ากับ 310 หารด้วย 70  หรือเท่ากับรายได้ต่อหุ้นคือ 4.42 บาทต่อหุ้นทีเดียว น่าเสียดายไม่ใช่กำไรนะครับ :P

ก็มาลุ้นผลงานของบริษัทนี้ต่อไปว่าจะเป็นอย่างไรนะครับ

เดิมทีเดียว ผมก็คิดว่าเรื่องราวของบริษัทนี้น่าจะจบได้แล้ว แต่ไปดู Web site ของบริษัทเข้าไปดูโดยบังเอิญ เลยได้ข้อมูลใหม่มา Update เพิ่มเติมครับ ก็ไว้ลุ้นผลงานในไตรมาส 1 ของบริษัทด้วยกันต่อไปนะครับ  :P

ช่วงหุ้น new Low ไปเจอหุ้นตัวหนึ่งเข้า ซื้อทั้งบริษัทได้เงิน

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 12, 2006 10:40 pm
โดย metro
to คุณ Accidental Hero

ผมไม่ได้ซีเรียสกับคำพูดของคุณ Accidental Hero เลยนะครับ ไม่ได้โกรธหรืออะไรเลยครับ  :o

ผมเพียงแต่อยากจะเสนอมุมมองของวอเรนข้อหนึ่ง คือ บริษัทที่ดีไม่ควรมีสหภาพแรงงานนะครับ  :D  :D  :D

ช่วงหุ้น new Low ไปเจอหุ้นตัวหนึ่งเข้า ซื้อทั้งบริษัทได้เงิน

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 12, 2006 10:55 pm
โดย thawattt
คุณ Metro ครับ

เห็นใจในความเป็นอาชีพ MAR ของคุณมากเลยครับ การเป็นมืออาชีพ Mar นั้นไม่ง่ายเลยครับ เพราะ

Cycle ของตลาดหลักทรัพย์ มีขึ้นมีลง

ขาขึ้น ก็สบายหน่อย เพราะลูกค้าวิ่งมาหาเองซะส่วนใหญ่

แต่ขาลงนั้น แทบจะต้องตามง้อลูกค้าทีเดียว และต้องแข่งกับ Volumn

ช่วงทำเงินจึงต้องเก็บเงินไว้ให้เพียงพอลองรับกับช่วงขาลงให้ได้ จึงประมาทไม่ได้

แต่ขอเป็นกำลังใจนะครับ ความหวังยังไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นต่อไปครับ

สิ่งที่สำคัญนะครับคุณ Metro ไม่ว่าคุณจะไปอยู่ที่ Broker ใด ความเป็นมืออาชีพของ MAR ที่สำคัญคือ เราต้องจริงใจกับลูกค้า และยิ่งหากคุณได้พัฒนาฝีมือในเรื่องการให้คำปรึกษาหุ้นกับลูกค้าที่ดี ตรงนี้คือมูลค่าเพิ่มที่สำคัญครับ อยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ ขอให้เราทำงานอย่างมีความสุขนะครับ วันหนึ่งคุณคงมี Port ลูกค้าที่มากพอ จนกระทั่งทำให้รายได้เพียงพอที่จะอยู่ทีBroker ไหนก็ได้ ขอให้ได้ทำงานที่สบายใจนะครับ ขอให้โชคดีครับ

ช่วงหุ้น new Low ไปเจอหุ้นตัวหนึ่งเข้า ซื้อทั้งบริษัทได้เงิน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 15, 2006 3:40 pm
โดย Accidental Hero
พูดถึง โจโฉ  โจโฉ ก็มา

ช่วงหุ้น new Low ไปเจอหุ้นตัวหนึ่งเข้า ซื้อทั้งบริษัทได้เงิน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 28, 2006 8:59 am
โดย SupachaiZ594
ผลประกอบการ  Q4 ออกมาไม่ดีครับ รวมทั้งปีลดลงกว่าปีที่แล้วเยอะพอสมควร (เหลือประมาณ 100 ล้านบาทเห็นจะได้)