สุมาอี้ เขียน:ผู้บริโภคจะยินดีจ่ายแพงเพื่อซื้อ Emotional value มากกว่า Functional value มาก
กระเป๋าหลุยส์ของปลอมถือแล้วขายหน้ามากกว่า เป็นต้น
8)
8) ผลิตภัณฑ์ของหลุยส์ ติงต๊อง
มักถูกยกมาเป็นเคสการตลาดเนืองๆ
ผมเคยไปที่โรม อิตาลี
กับพ่อค้าเหมืองหินอ่อน หินแกรนิต
อูยย...เข้าร้านหลุยส์ต้องรอบ่ายนะ กลางวันมันปิด
เข้าไปให้ซื้อได้อย่างละไม่เกิน2ชิ้น
ทีนี้ทำไงดีละครับ
ไม่พอฝากพี่น้องสิครับ
ก็หันมาหาผมสิครับ
ทำให้ผมซี่งนั่งกินกาแฟอร่อยๆรออยู่
พลอยต้องไปเข้าคิวให้พวกเฮียๆเขาได้ของดั่งใจ
ตัวผมเองนั้นเดินดูมากกว่า
หลังจากที่เข้าไปเดินรอบนึงแล้ว
ดูที่ผมพอซื้อได้โดยไม่ต้องทำใจมากนัก
มีแต่กระเป๋าหนังใส่พวงกุญแจ อย่างเดียวจริงๆ
แต่สุดท้ายผมก็ยังไม่ซื้ออยู่ดี
แล้วเหตุการณ์ เซียมตือก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
ที่ร้านขายนาฬิกาโรเล็กซ์ที่สวิส
ผมโชคดีหน่อย ที่นี่เขาไม่อั้น เลยไม่ต้องไปเข้าคิว
ได้เดินดูรอบๆ มีกาแฟเสิร์ฟด้วย ไม่ต้องไปนั่งกินข้างนอก
เสี่ยพวกนี้ผมก็เข้าใจแกนะ
ก็เป็นอย่างที่ท่านแม่ทัพบอกอ่ะว่า emotional needs
แต่ผมก็มีเพื่อนอยู่หลายคนที่ได้ประโยชน์ทั้ง2อย่าง
ทั้งfunctional and emotional
เพื่อนผู้หญิงที่ใช้หลุยส์บอกว่า
กระเป๋าใบนึงใช้ได้แทบจะไล๊ฟ์ไทม์
สวยด้วย เท่ด้วย ทนด้วย
เขาว่าระยะยาวแล้วเป็นผลิตภัณฑ์ที่โคตรจะคุ้ม
เมื่อมาเปรียบเทียบกับสินค้าคุณภาพรองๆลงไป
ส่วนคนที่ใช้โรเล็กซ์เป็นเขาว่า
โรเล็กซ์นะ มรึงซื้อให้ถูกรุ่น
มีแต่แพงขึ้นว่ะ ไม่มีถูกลง
คนไทยที่ไม่ใช่เหยื่อการตลาด ไม่ใช่เซียมตือ
ก็มีเยอะ นะครับ...............