Thai VI

ข่าวร้ายอายัยเยอ อย่าขู่ดิ หนาวอะ

ไม่ได้ขายเพราะไม่ได้ดูอะ เมื่อเช้ายังไม่ลิ่งเลย ไหงลิ่งตอนปิดตลาดได้เนี่ย งงครับท่าน

ขอบคุณครับคุณลูกอิสาน
บอกตรงๆ ว่า ไม่รู้ขึ้นถึงจุดนี้ได้อย่างไร ผลประกอบการก็ไม่ได้ดีเอาซะเลย เคยพูดกะเพื่อนๆ ว่า ชาว VI จะขายก็ต่อเมื่อปัจจัยเกินพื้นฐาน ผมว่าราคาก็สูงมาก แต่ยังมี broker หนี่งให้ราคาที่ 40 บาท เป็นงงจริงๆ

อ่านบทความจากไหนไม่ทราบ เขากล่าวว่า
ถ้าไม่รู้จะทำอะไร ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไร
ผมก็เลย let profit run ก่อน ทั้งๆ ที่รู้ว่าวันหนึ่งจะต้องเสียดาย!!

คุณลูกอีสาน ครับ

ไม่ต้องแปลกใจในตัวผมนะครับที่ผมยังไม่ขายหุ้น TCB แม้แต่หุ้นเดียว

ผมเห็นด้วยที่ว่า ค่า PE ณ.ราคานี้ แพงเกือบ 20 เท่า แต่ผมขอตั้งข้อสังเกตว่า เป็นค่าที่คิดจากกำไรสุทธิของปีนี้ซึ่งมีข้อจำกัดของกำลังการผลิต

ในอนาคต การขยายกำลังการผลิตในประเทศ รวมทั้งการผลิตในจีนจะช่วยให้บริษัทมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ PE ลดต่ำลง

ในตลาดหุ้นมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยุ่เกินคาดหมาย อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน นักลงทุนที่ดีจะต้องเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ขอแสดงความยินดีอีกครั้งกับผุ้ถือหุ้น TCB ทุกท่านด้วยใจจริง

ผมก็เป็นอีกคนที่เริ่มลงทุนตอนกลางปีนี้ และ TCB ผมซื้อเป็นตัวที่ 2 ของ port ผมได้หุ้นตัวนี้ก็เพราะเข้ามาอ่านในนี้ ขอขอบคุณอีกครั้งครับสำหรับข้อมูลความรู้ ความคิดเห็น แต่ผมก็อ่าน form56-1 ประกอบการตัดสินใจด้วยครับ (บางครั้งผมคอยสังเกตุยางรถยนต์อยู่บ่อยๆซึ่งปั๊ม TCB made in Thailand ด้วยครับ) แต่เห็นราคาขึ้นมาขนาดนี้ก็หวั่นๆเหมือนกันครับทังที่ไตรมาสนี้ก็ไม่ได้กำไรมากมาย ไม่รู้จะเอายังไงดี ถ้าเป็นไปได้ผมว่าเอาแบบราคาค่อยๆขึ้นดีกว่าครับ

ดีใจกับคุณ be TVI ที่ได้หุ้น TCB จากการอ่านในห้องนี้

กำไรไตรมาสที่ 3 ปี 2546 ใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งเป้นไปตามที่ผมได้คาดไว้ เนื่องจากข้อจำกัดของกำลังการผลิต ไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วง

สิ่งที่เราจะต้องติดตาม คือ กำไรในปี 2547 ซึ่งน่าจะเติบโตขึ้นจากการขยายกำลังการผลิตครับ หากกำไรไม่ดี ถึงเวลานั้น ค่อยพิจารณาขายออก

สำหรับผม ยังคงถือหุ้นต่อ เนื่องจากแนวโน้มธุรกิจของ TCB ยังดีมาก

ผมไม่รู้ครับว่า ราคา TCB ต่อไปจะขึ้นหรือลง
แต่ผมรู้แน่ว่า ใจผมยังอ่อนหัดครับ
เค้าเรียกว่ายังไม่มี "วุติภาวะทางอารมณ์"

ต้องขอบคุณคุณ No Name,คุณ ayethebing, คุณ Thanwa และคุณ ฉัตรชัยด้วยครับ ที่ทำให้หูตาสว่าง ให้รู้ว่านักลงทุน VI ที่ดี ควรมีคุณสมบัติ attitude อย่างไร...

และขอให้ทุึกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนทุกคนครับ

ปล. TCB ึ้ขึ้นทำไฮล์ที่ 44 แล้วนะ..

ขายไปแล้ว จะผิดไหมเนี่ย :p ...

=>คุณ Ayethebing
ผมกลายเป็นนักเกร็งกำไรไปแล้วแฮะ แอะ แอะ แอะ

พอดีอยากได้ MBK กะ CENTEL มากกว่าอะครับ
ไว้มีเงินค่อยกลับมาหารักแรกกะ TCB ใหม่ (ซื้อตัวแรกเลยในชีวิต)

เหอ เหอ ผมว่าขายหมูดีกว่าติดดอยนะจ้ะ สุภาษิตนักเกร็งกำไรคับ

โธ่ คุณ Meeja ทิ้งกันไปอีกคนแล้ว เหงาจัง เดี๋ยวขายให้หมด port บ้างซะเลย เฮ้อ

คุณ No Name คุณ ayethebing ครับ

วันนี้ผมยังอยู่ครับ ไม่ชอบเลยที่ราคาหวือหวาอย่างนี้
เพราะผมไม่ค่อยมีเวลาดูช่วงกลางวันนะครับ

ความจริงเป็นบทพิสูจน์จิตใจเราอย่างหนึ่งเหมือนกัน
ว่าทนแรงเสียดทานได้ดีขนาดไหน
ผมเข้าใจว่า VI พันธุ์แท้อย่างท่าน ดร.นิเวศน์ นี่ท่านมีจิตใจที่นิ่งมาก
ไม่งั้นท่านคงปล่อย STANLY IRC SSC ตั้งแต่ 2-3 ลิ่งแรกแล้วมั้งครับ
คำถามผมมีอยู่ว่า TCB นี่แข็งแกร่งอย่างตัวที่ว่าหรือเปล่าน้า
คุณ No Name คุณ ayethebing และ ผู้ถือหุ้น TCB อื่นๆ ช่วยตอบผมที

ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ขายไปแล้วครับตอนเปิดเลย แต่แค่ 38% ครับ ที่เหลือเป็นกำไรปล่อยมันไปตามสบาย เลยทำ"ครายเครียดเรโช"ซะก่อน

กะว่าจะถือให้นานที่สุด อยากจะเป็นนักลงทุนที่ดี มีวินัย แต่ก็ไม่สามารถทนเห็นราคานี้ได้

เมื่อกี้โทรไปคุยกับคุณพี VI พันธุ์แท้ท่านหนึ่ง
คุณพีบอกว่า ถ้าหุ้นตัวไหนชอบก็คิดเสมอว่าเป็นเจ้าของกิจการร่วม
ผมลืมจุดนี้ไปเลย อาจจะไปใส่ใจกับความเปลี่ยนของราคามากเกินไป

ก็เลยลองมาคิดดูว่า

เราเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของกิจการ carbon black
เป็นผู้นำตลาดและเป็นหนึ่งในสองของผู้ผลิตในประเทศ
ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะด้านการผลิต
มีการบริหารการจัดการที่ดี เป็นที่ยอมรับของคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ
มีผู้บริหารที่มีจริยธรรม นับถือ และถือปฏิบัติพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด
มีวิสัยทัศน์ ขยายการลงทุนไปในประเทศที่เห็นศักยภาพ
อยู่ในอุตสาหกรรม (รถยนตร์) ที่กำลังเจริญเติบโตอย่างมั่นคง
ทีฐานะการเงินแข็งแกร่ง จ่ายเงินปันผลอยู่ในระดับที่พอรับได้
คุณ No Name และคุณ ayethebing ช่วยผมคิดต่อทีครับ

คิดถึงศักยภาพของ TCB แทนความเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงนี้บ้าง อาจจะทำให้เรานิ่งเยอะขึ้น ผมเชื่อว่าหลายคนขายไปแล้ว คงไม่กล้าซื้อกลับคืนที่ราคาสูงกว่าที่เคยเห็นมาก คงต้องหาหุ้นขุดกันต่อไป

TCB : โจทย์ทดสอบ VI ประจำเดือนพฤศจิกายน

ไม่ต้องสังสัยเลยครับ ว่า TCB เป็นบริษัทที่เป็นเิลิศในหลายๆด้าน..

ผู้นำองค์การที่เก่งมากๆ Mr.Srinivasan....
ผู้นำด้านคุณภาพระดับโลก Demming prize และกำลังทำ TQM...
อยู่ในอุตสาหกรรมที่สดใสคือยานยนต์ และได้รุกตลาดไปที่จีน...
เป็นบริษัทในเครือ Adiya Birla ซึ่งเป็นผู้นำด้านคาร์บอนแบล็คของโลก โดยมีโรงงานในอินเดีย ไทย และอียีปต์....

(เคยมีเพื่อนอินเดียที่ทำงานอยู่ที่ Cabot พอมันรู้ว่าผมลงทุนในหุ้นคาร์บอนแบล็คในประเทศไทย มันก็พูดเกทับผมว่า รู้ไหมโรงงานที่ไทยน่ะ กำลังจะไปไม่รอด จนต้องมาขอให้บริษัทมัน (Cabot) ช่วยซื้อกิจการ..
ผมได้ฟังแล้ว ไม่เชื่อมันครับ...จะเป็นไปได้อย่างไร..บริษัทมีกำไรตั้งมากมายทำไมต้องขายทิ้ง...ผมก็เลยไม่เชื่อมัน คิดว่ามันคงขี้คุยตามประสาแขกอินเดีย
ถ้าเชื่อมันคงขาดทุนกำไรไปหลายอัฐ)

แต่เรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจต่อ TCB คือเรื่องราคาตอนนี้ครับ ที่ขึ้นไปสูงมาก เสมือนรับรู้โครงการในอนาคตไว้ทั้งหมดแล้ว...ผมก็เลยต้องขอลา ทั้งที่ยังรักกัน..
รอวันใดราคาตกลง ค่อยมารับอีกที....ได้เงินมาก็เอาไปซื้อตัวใหม่ครับ ที่คิดว่าดีและราคาสมเหตุสมผลครับ...

คุณ thanwa

ผมยังถือหุ้น TCB อยู่ไม่ได้ขายเลยแม้แต่หุ้นเดียว เหตุผลต่างๆ ผมได้ชี้แจงไปแล้ว อีกอย่างผมเคยชินกับการเป็นนักลงทุนระยะยาวมาก หุ้นในพอร์ตผมส่วนใหญ่จะถือมานาน แทบไม่ได้ขายเลย ราคาส่วนใหญ่เพิ่ม 2-3 เท่า บางตัวเพิ่มเกือบ 20 เท่า (ตัวที่หลายๆท่านชอบมากในตอนนี้)

ผมถือหุ้นเหมือนทำธุรกิจร่วม ที่ผ่านมามีกำไรเยอะมาก ผมจึงเชื่อว่า เป็นแนวทางที่เหมาะสมกับผม และเป็นแนวทางที่ผมประสบผลสำเร็จ

ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผมจึงดำเนินการตามแนวทางที่ว่านี้มาตลอด ใครถามผม ผมก็บอกว่า ผมเป้นนักลงทุนระยะยาวพันธุ์แท้ ซึ่งมีหลักการแน่นอน

คำตอบของผม คงพอจะบอกได้ว่า ผมจะทำอย่างไรกับหุ้น TCB

สำหรับแนวทางของคุณ thanwa หรือคุณ ayethebing หรือ ท่านอื่น ท่านคงมีแนวทางการลงทุนของแต่ละท่านซึ่งเหมาะกับลักษณะนิสัยของแต่ละท่าน ซึ่งแต่ละแนวทางของแต่ละท่านก็สามารถประสบผลสำเร็จในการลงทุนในตลาดหุ้นได้เช่นกัน

คุณ thanwa

คุณลูกอีสาน ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับ TCB ทั้งหมดแล้ว เป้นคำตอบที่ให้ภาพของ TCB ได้ชัดเจนมากและเป็นคำตอบที่ดีมากด้วย

ผมเห็นด้วยเรื่องราคาหุ้นเคลื่อนไหวหวือหวา และราคาได้รับรู้ผลการดำเนินในอนาคตแล้ว

ส่วนตัว ผมไม่ทราบว่า ราคาจะขึ้นไปที่ใด หรือจะลงไปที่ระดับใด

แต่ผมจะยังคงถือหุ้นบริษัทนั้นอยู่ตราบใดที่แนวโน้มธุรกิจยังดีอยู่

การเคลื่อนไหวของราคาบางครั้งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของผม ดังที่ผมได้ชี้แจงไปแล้วว่า ผมเป็นนักลงทุนระยะยาว อีกประการหนึ่ง ต้นทุนของผมจะต่ำมาก จึงทำให้ผมสามารถถือหุ้น TCB ได้โดยไม่ต้องกังวลใดๆ

แหะ แหะ ไม่ได้ใจแข็งอะไรหรอกครับแต่ไม่รู้จะขายไปทำไม ยังไม่มีหุ้นที่ถูกใจกว่านี้และก้อไม่รู้จะเอาเงินไปลงทุนที่ไหนดี ถ้าหาเจอแล้วเงินไม่พอก้อคงขายเหมือนกัน

ผมคงไม่มีพอร์ตใหญ่โตเหมือนคุณ no name หรอก แหมมีหุ้นที่โตตั้ง 20 เท่ามันจะอะไรขนาดน้าน ถือมากี่ปีครับเนี่ย ผมทีหุ้นแค่ 2 - 3 ตัวที่ถือมาแล้วโต 2-3 เท่าใน 2 ปีหลังที่เริ่มกลับมาเล่นเท่านั้นเอง

คงถือต่อแหละครับต้นทุน TCB ก้อยังไม่สูงมากแม้ว่าจะถือมาแค่ปีเดียวก้อตาม

คุณ ayethebing

หุ้นที่ว่าโต 20 เท่า คือ หุ้น STANLY ไงละครับ จำไม่ได้ว่าถือมานานเท่าไร

วัตถุประสงค์ของผมเพียงแต่จะบอกว่า

หากคุณลงทุนหุ้นถูกตัว และถือไว้ในระยะยาวพอสมควร คุณอาจจะได้รับผลตอบแทนหลายเท่า หุ้น STANLY เป็นตัวอย่างที่ดีตัวอย่างหนึ่งครับ

ลองเปิดใจให้กว้าง รับฟังความเห็นของผู้อื่นอย่างมีสติ คุณอาจจะพบหุ้นที่จะทำกำไรให้อย่างมหาศาล

เพียงคุณเปิดใจให้กว้าง..........

ยินดีด้วยครับคุณ no name

ผมก้อคงกลับไปเก็บหุ้น defensive ในดวงใจผมต่อละครับช่วงนี้ กะว่าจะเพิ่มสัดส่วนลงทุนให้เป็น 80-90% ละครับช่วงนี้

เห็นด้วยเต็มที่กับการถือหุ้นยาวครับ ผมขายหุ้นน้อยครั้งมาก ที่ขายออกก้อมี cfresh (ถือนานเกินไป ผมว่า พอพื้นฐานเปลี่ยนแล้วไม่ยอมขาย น่าเตะก้นตัวเองจริงๆ) ssc (หุ้นดีในสายตา vi แต่ไม่ใช่สายตาผม) ที่เหลือซื้อแล้วไม่เคยขายเลยครับ

ผมขอถามคำถามคุณ no name แล้วกันว่าถือไปจนเมื่อไหร่ ถึงควรขายครับ

คุณ ayethebing

หุ้นส่วนใหญ่ที่ผมขาย เนื่องจาก เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพื้นฐานไปในทางที่ไม่ดี หรือ มีหุ้นตัวอื่นที่น่าสนใจกว่า ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้สำหรับผมจะต้องมีการประเมินต่อเนื่องครับ

หากธุรกิจที่ถืออยู่มีแนวโน้มดี ผมจะถือหุ้นนั้นไปเรื่อยๆครับ

คำถามที่ว่า จะถือนานเท่าไร

ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน อาจจะตลอดไปก็ได้ครับ

_ลูกอีสาน เขียน:ไม่ต้องสังสัยเลยครับ ว่า TCB เป็นบริษัทที่เป็นเิลิศในหลายๆด้าน..

ผู้นำองค์การที่เก่งมากๆ Mr.Srinivasan....
ผู้นำด้านคุณภาพระดับโลก Demming prize และกำลังทำ TQM...
อยู่ในอุตสาหกรรมที่สดใสคือยานยนต์ และได้รุกตลาดไปที่จีน...
เป็นบริษัทในเครือ Adiya Birla ซึ่งเป็นผู้นำด้านคาร์บอนแบล็คของโลก โดยมีโรงงานในอินเดีย ไทย และอียีปต์....

(เคยมีเพื่อนอินเดียที่ทำงานอยู่ที่ Cabot พอมันรู้ว่าผมลงทุนในหุ้นคาร์บอนแบล็คในประเทศไทย มันก็พูดเกทับผมว่า รู้ไหมโรงงานที่ไทยน่ะ กำลังจะไปไม่รอด จนต้องมาขอให้บริษัทมัน (Cabot) ช่วยซื้อกิจการ..
ผมได้ฟังแล้ว ไม่เชื่อมันครับ...จะเป็นไปได้อย่างไร..บริษัทมีกำไรตั้งมากมายทำไมต้องขายทิ้ง...ผมก็เลยไม่เชื่อมัน คิดว่ามันคงขี้คุยตามประสาแขกอินเดีย
ถ้าเชื่อมันคงขาดทุนกำไรไปหลายอัฐ)

แต่เรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจต่อ TCB คือเรื่องราคาตอนนี้ครับ ที่ขึ้นไปสูงมาก เสมือนรับรู้โครงการในอนาคตไว้ทั้งหมดแล้ว...ผมก็เลยต้องขอลา ทั้งที่ยังรักกัน..
รอวันใดราคาตกลง ค่อยมารับอีกที....ได้เงินมาก็เอาไปซื้อตัวใหม่ครับ ที่คิดว่าดี
และราคาสมเหตุสมผลครับ...

ขอชี้แจงนิดนะท่านลูกอีสาน
ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับราคาหุ้นตัวนี้นะครับ

บริษัทที่ได้ Demming Prize นั้นจะต้องทำ TQM และได้ผลอย่างยอดเยี่ยมถึงจะได้รางวัลนี้

ปรกติแล้วผมก็ยังเชื่อคติที่ว่า *เจอแขกพร้อมกับงูนั้น ให้ตีแขกก่อน*
เดี๋ยวรุ่นน้องที่ไม่มีความรู้จะไขว้เขวครับ

เห็นด้วยครับว่า
บริษัทที่ได้ Demming Prize นั้นจะต้องทำ TQM และได้ผลอย่างยอดเยี่ยมถึงจะได้รางวัลนี้ เพราะฉนั้นไม่ต้องสงสัยเรื่องการผลิตของ TCB

ทีนี้มาว่าเรื่องของแขก ความจริงผมก็มีความเอนเอียงไปอย่างที่คุณ CEO ว่า
แต่ผมเคยฟังผู้บริหารของ TCB 5-7 ท่านพูดในงาน opportunity day เมื่อหลายเดือนก่อน รู้สึกประทับใจ ในความสามารถ วิสัยทัศน์ ความโปร่งใส และ การถือปฏิบัติตนทางด้านพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด ผมเข้าใจว่า ที่ TCB นี่จะต้องการสวดมนต์ตอนเช้า (จำไม่ได้ว่ากี่วันต่อสัปดาห์) นำโดยทีมงานผู้บริหารระดับสูง อัตรา turnover ของพนักงานน้อยมาก เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดี สูงกว่าที่อื่นทั่วไป ความคิดเห็นส่วนตัวว่า เป็นบริษัทที่ดีมากบริษัทหนึ่ง ก็เลยลืมเรื่องแขกไป และก็ถือโอกาสไปเป็นเจ้าของ TR อีกบริษัทหนึ่งด้วยซะเลย

เคยมีความเชื่อเช่นกันว่า เห็นงูกับแขกแล้วต้องตีแขกก่อน

แต่หลังจากที่ได้คุยกับหลายท่านรวมถึงผู้รู้ทั้งหลายในวงการ ผมได้เปลี่ยนความเชื่อดังกล่าวแล้ว เพราะผมพบว่า

แขกกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เชื่อถือได้ ได้รับการไว้วางใจในวงการ ทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิ มีต้นทุนต่ำในการผลิต สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก

เท่าที่จำได้ เมื่อ 1-2 ปีที่แล้ว TCB ได้รับการจัดอันดับจาก Fobe ว่าเป็นบริษัทขนาดเล็กที่ยอดเยี่ยมของไทย

นอกจากนี้ กลุ่มนี้จะเน้นทำธุรกิจ ไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับราคาหุ้น

ที่คุณ No Name พูดถึงครับ...

9 หุ้นเด่นในมุมมอง 'Forbes'
9 หุ้นเด่นในมุมมอง 'Forbes'

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เป็นกระบวนการคัดสรรเพื่อเฟ้นหาองค์กรยอดเยี่ยมแห่งปี 2002 ซึ่งจัดโดยนิตยสาร "Forbes" ก็คือ การประเมินผลการดำเนินงานของแต่ละบริษัท เพื่อวัดถึงความสามารถในการทำกำไร การเติบโตของบริษัท ตลอดจนการให้ผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น

สำหรับหุ้น "TCB" หรือหุ้นไทยคาร์บอนแบล็ค อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอยู่ในระดับ 14% และถ้ามองในแง่ของราคาหุ้น ก็ยังคงมีราคาต่ำอยู่ เนื่องจากมีค่าพีอีต่ำสุดเพียง 5.5 เท่า มูลค่าตามบัญชี 0.9 เท่า และราคาต่อยอดขาย 0.8 เท่า

ผลการดำเนินงานของ TCB อยู่ในเกณฑ์ดี และเชื่อว่าสิ้นปีจะมีกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 17 บาท คาดว่าน่าจะสามารถจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ไม่ต่ำกว่า 8.50 บาท ถ้าหากจ่ายในอัตรา 50% นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าว

ต่อ...ไทยคาร์บอนแบล็ค : เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต 900%

บริษัทไทยคาร์บอนแบล็ค ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตคาร์บอนแบล็ค (วัตถุดิบในการผลิตยางรถยนต์เพื่อเพิ่มความแข็งแรง คงทน) เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ถูกคัดเลือกด้วยผลงานการบริหารจัดการองค์กรที่โดดเด่น

ก่อนหน้านี้ไทยคาร์บอนแบล็คก็มีรางวัลเดมมิ่ง ซึ่งเป็นรางวัลด้านการบริหารจัดการองค์กรที่เป็นที่ยอมรับของทั่วโลก เป็นเครื่องการันตีอยู่ก่อนหน้าแล้ว

"ชัยชนะ ทองแคล้ว" ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์ บริษัทไทยคาร์บอนแบล็ค กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญเกี่ยวกับระบบการจัดการที่ดีและให้ความสำคัญกับการสร้างระบบแรงงานสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้บริหารกับผู้ใต้บังคับบัญชาค่อนข้างมาก

"บริษัทได้นำระบบทีคิวเอ็มมาใช้ในการบริหารคุณภาพทุกส่วนงาน ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเรื่องคนหรือทรัพยากรในบริษัท จนได้รับรางวัลเดมมิ่ง ซึ่งระบบนี้มีส่วนในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตคาร์บอนแบล็คเพิ่มขึ้นปีละ 3% เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน

และถ้าพิจารณาตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัทมาถึงปัจจุบัน ประสิทธิภาพการผลิตของเราเพิ่มขึ้นถึง 900% ขณะที่การเพิ่มขึ้นของพนักงานมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น"

นอกเหนือจากประสิทธิภาพในการผลิตที่เพิ่มขึ้นแล้ว ในแง่ของผลการดำเนินงาน 3 ปีย้อนหลังของบริษัทก็จัดอยู่ในระดับที่ดี โดยปี 2542 บริษัทมีรายได้รวม 2,845 ล้านบาท ปี 2543 มีรายได้รวม 3,076 ล้านบาท และปี 2544 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 3,624 ล้านบาท

ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2542 มี 442 ล้านบาท ปี 2543 มีกำไรสุทธิ 345 ล้านบาท และปี 2544 มีกำไรสุทธิ 434 ล้านบาท

ส่วนยอดขายสุทธิในปี 2542 อยู่ที่ 2,774 ล้านบาท ปี 2543 มีมูลค่าการส่งออก 3,015 ล้านบาท และปี 2544 มีมูลค่าส่งออก 3,507 ล้านบาท

ด้านมูลค่าในการส่งออกปี 2542 อยู่ที่ 1,740 ล้านบาท ปี 2543 มีมูลค่าส่งออก 1,929 ล้านบาท และปี 2543 มีมูลค่าการส่งออก 1,911 ล้านบาท

บริษัทยังประกาศวิสัยทัศน์ว่า ต้องการสร้างความเป็นผู้นำของธุรกิจในระดับโลก

ขอบคุณครับ คุณลุกอีสาน สำหรับข้อมูลที่นำมาเผยแพร่

คุณลูกอีสาน มีการจัดเก็บข้อมูลไว้ดี จะเป็นประโยชน์มากในการค้นคว้าและอ้างอิงในอนาคต

ขอให้ทำต่อเนื่องครับจะเป็นประโยชน์มากต่อการลงทุน

และแล้ววันนี้ก็มาถึง TCB ปิดที่ 30.75 บาท
รู้สึกเสียดายอยู่เล็กๆ แต่ไม่เสียใจครับ
ยังต้องการเป็นหุ้นส่วนของผู้ผลิต carbon black

นี่สัจธรรมของตลาดหุ้น
ตอนราคาขึ้นไปมากๆ แย่งกันซื้อ
ตอนราคาลงมามากๆ แย่งกันขาย
ผมนั่งเชียร์ เพราะไม่กล้าขาย เดี๋ยวจะไม่กล้าซื้อกลับ
ไม่รู้จะลงอีกไปถึงไหน ปลายปีราคายืนได้แถวๆนี้ ผมก็ happy แล้วครับ

ผมมีหุ้นนี้อยู่ที่ต้นทุนเฉลี่ย 13.5
เห็นราคาไหลลงมาจาก 44 -> 30 วันนี้ รู้สึกเสียดายจัง

แต่ผมยึดถือไว้ตั้งแต่เริ่มลงทุนแล้วว่าหุ้นตัวนี้จะถือยาว ไม่ขาย
เป็นหุ้นอีกตัวที่ทำให้ผมมีกำไรมาก ลบขาดทุนตัวอื่นได้หมด (ตีแตก)

มองให้ยาวเข้าไว้ ผลกระทบตอนนี้มันแค่ระยะสั้นเท่านั้น

ใกล้เคียงกันครับ ผมต้นทุน 12.9 บาท มีอยู่นิดหน่อยไม่มากไม่มายอะไรแต่แซงหน้าชาวบ้านเป็นหุ้นอันดับหนึ่งของพอร์ตไปแล้ว ไว้รอลงไป 14-16 บาทค่อยเก็บเพิ่มครับ

ตอนนี้ก้อรอเล่นตัวอื่นไปก่อนละครับ เฮ้อวันนี้ได้ aprint มา 200 หุ้น (post ไปเยอะกว่านี้แต่มัน match ได้แค่นี้อะ) แสนจะยากลำบากไม่ค่อยมีใครขายเลย ไม่รู้ใครทิ้งมา โชคดีที่เก็บได้นะเนี่ย

ตัวนี้เล็งไว้ตั้งแต่แถว 55-60 ครับ แต่มาซื้อตอน 100 บาท....ซื้อแล้วตกเหลือ 94 แต่ได้ซื้อเพิ่มต้นทุนเลยถูกหน่อย...แต่ล็อตแรกนี้ ขายไปแถว 16 บาทหลังแตกพาร์.....มาสะสมใหม่ก็ได้ต้นทุนแถว 15-16 และขายไปเฉลี่ยประมาณ 24-25 บาทรอบนี้ครับ....

ตอนนี้แช่งให้ลงครับ :lol: จะได้ซื้อกลับเป็นครั้งที่สาม...คงไปรับตัดหน้าคุณ ayethebing แถว 20 บาทครับ...

บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมซื้อขายบ่อย...แต่การซื้อ-ขายจะพิจารณาข้อมูลพื้นฐานก่อนทุกครั้งครับ....ก็เลยซื้อๆ ขายๆ อยู่ไม่กี่ตัวครับ เพราะหุ้นที่ดีเลิศ และราคาสมเหตุสมผลนั้น หายากเหลือเกินยามนี้..

โห....... จะให้ลงไปถึง 14-16 บาทเลยหรือครับ
ยังงี้ต้องหาเงินมาซื้อเพิ่มอีก

กะว่าจะลอง short sell ดูบ้าง แต่ก็ไม่กล้าซะที กลัวซื้อกลับไม่ได้
มองย้อนหลังไปถ้าทำได้ คงกำไรน่าดู