หน้า 2 จากทั้งหมด 2
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 29, 2006 3:00 pm
โดย สุมาอี้
Monet เขียน:
เห็นด้วยครับ
ตัวเลือก ข. น่าจะเป็นว่า "ตอบรับคำเสนอซื้อของบริษัท C"
ใช่ครับ ผมพิมพ์ผิดไป :oops:
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 29, 2006 5:56 pm
โดย Viewtiful Investor
งั้นขอตอบ ข. เพราะ GT ต้องเดาว่าผู้เล่นอื่นคิดไง ขืนรายย่อยทุกคนแห่ไป A ก็ได้ราคาต่ำ ผมหลีกไป C เพราะต้องมีคนตามมามากกว่า 50% แน่ๆ
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 29, 2006 6:34 pm
โดย Minesweeper
ขายให้ A อะครับ แล้วภาวนาให้คนอื่นขายให้ C เยอะ ๆ
ถ้าผมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และและก็บริหาร B ด้วย
แบบนี้เรียกประชุมเลยครับ รับซื้อทั้งหมดซัก 103 บาท
แล้วเอา 49.9 % ไปขาย A ได้ 105 บาท
ที่เหลือเอาไปขาย B ได้ 102
ได้ราคาเฉลี่ยประมาณ 103.5 กำไรหุ้นละ 50 สต.
:lol: :lol: :lol:
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 29, 2006 8:57 pm
โดย สุมาอี้
ปิดโต๊ะแล้วครับ ได้เวลาเฉลยคำตอบแล้ว
เกมนี้ผู้ถือหุ้นรายย่อยมีกลยุทธ์เด่น (Dominant Strategy) อยู่นะครับ ซึ่งกลยุทธ์นั้นได้แก่การตอบรับคำเสนอซื้อของบริษัท A หรือ
ข้อ ก. นั่นเอง
เหตุผลก็คือว่ามี scenario ที่เป็นไปได้ 2 กรณีคือ
1. มีคนตอบรับ A น้อยกว่า 50% ในกรณีนี้ T/O ของบริษัท A จะล้มเหลว ทำให้ราคาตลาดกลับไป 100 หรือไม่ก็อาจทำให้ T/O ของบริษัท C สำเร็จแทนคือ 102 แต่เนื่องจากว่าคุณตอบรับบริษัท A ไป คุณจึงได้ขายที่ 105 ซึ่งสูงกว่าทั้งสองกรณี
2. มีคนตอบรับ A มากกว่า 50% กรณีนี้คุณตอบรับ A ไป ราคาเลวร้ายสุดที่คุณจะได้ก็คือ 97.50 ในขณะที่ถ้าคุณไม่ตอบรับคุณจะต้องขายที่ 90 ดังนั้นการตอบรับ A จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าอยู่ดี
จะเห็นได้ว่าไม่ว่ากรณีไหนจะเกิดขึ้น การตอบรับ A ก็ยังให้ผลตอบแทนแก่คุณมากที่สุดเสมอ ดังนั้น การตอบรับ A จึงเป็นกลยุทธ์เด่นของคุณ
มีผู้ตอบถูกเพียงท่านเดียวเท่านั้นคือ คุณ
adi ครับ :cheers:
ในเกมที่มี DS จงคาดหวังว่าผู้เล่นที่มี DS จะเลือก DS ดังนั้นเมื่อรายย่อยทุกคนเลือก DS ผลก็คือ บริษัท A จะซื้อหุ้นของ B ได้ทั้งหมดในราคาเพียง 97.50 ซึ่งต่ำที่สุดและต่ำกว่าราคาตลาดเสียด้วย วิธีนี้ทำให้บริษัท A สามารถซื้อ B ได้ในราคาต่ำๆ ต้องปรบมือให้กับ IB ของ A เสียจริงๆ ที่คิดวิธีนี้ออก ถ้ามีสัก 1000 ล้านหุ้น ประหยัดไปหุ้นละ 2.5 ดอล ก็เท่ากับประหยัดไปถึง 2500ล้านดอล ต่อให้ค่าจ้าง IB สัก 500 ล้านดอลก็ยังคุ้มเลย นับว่า IB รายนี้ทำงานคุ้มเงินจริงๆ ครับ
ตรงกันข้าม น่าตำหนิ IB ของ C เพราะจัด Deal ผิดพลาดมาก ในสถานการณ์แบบนี้ C ไม่ควร T/O แบบมีเงื่อนไข (เงื่อนไขคือถ้าไม่ได้ 100% จะไม่รับซื้อ) เพราะถ้าเป็นการรับซื้อแบบไม่มีเงื่อนไขจะทำให้จุด ก เสียดุลยภาพของแนชทันที เพราะถ้าทุกคนอ่านออกว่าข้อ ก. จะต้องเกิดขึ้น ทุกคนย่อมรู้ว่าตัวเองจะขายได้แค่ 97.50 เท่านั้น แต่ทางเลือกที่ดีกว่ายังมีอยู่คือตอบรับ C เพราะได้ 102 เนื่องจาก C รับซื้ออย่างไม่มีเงื่อนไข ดังนั้นข้อ ก. จะไม่กลายเป็น Nash Equilibrium อีกต่อไปเพราะ Nash Equilibrium ต้องเป็นจุดที่ผู้เล่นไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าเหลืออยู่เลย ดังนั้น IB ของ C เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ ครับ
ในสถานการณ์จริงนั้น แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะคิดไม่ออกว่า ข้อ ก. เป็น DS แต่ถ้ามีคนจำนวนหนึ่งคิดออก จุดสมดุลก็จะเกิดขึ้นได้ เพราะก็จะมีการบอกต่อๆ กันไป ดังนั้นจึงเป็นข้อคิดอย่างหนึ่งว่าบางครั้งแม้คนส่วนใหญ่ในตลาดจะไม่ rational แต่ market ก็อาจ efficient ได้ ขอให้มีคนที่ rational อยู่ในตลาดแค่ไม่กี่คนก็พอ
เรื่องจริงก็คือ บริษัท A ซื้อ B ไปได้เป็นผลสำเร็จจริงๆ แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี A ก็ประสบปัญหาหนี้สิน ทำให้ B ต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลายในที่สุด เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนที่ชนะในสงคราม T/O bid ก็อาจพ่ายแพ้ในสงครามธุรกิจได้นะครับ
(บริษัท A ที่จริงแล้วเป็นบุคคลธรรมดาชื่อ Robert Campeau ส่วนบริษัท B คือ ห้าง Federated Store และ บริษัท C ก็คือ ห้าง Macy's ในอเมริกานั่นเองครับ)
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 29, 2006 10:23 pm
โดย adi
Yo!!!!!!!!
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 30, 2006 8:50 am
โดย MO101
แง้ ตอบผิด
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 30, 2006 9:24 am
โดย thawattt
ที่คุณสุมาอี้ให้เลือกนั้นคือ choice ที่จะขายให้ใครระหว่างคนทำ Tender 2 ฝ่าย
แต่ในทางเป็นจริง ผมคิดว่าถ้ามี Choice ที่ 3 ก็คือ ขายที่ตลาดบางส่วนก็ได้เป็นต้น ผลตอบแทนก็ยิ่งจะดีขึ้นครับคือ
เรารายย่อยอาจประชุมร่วมมือกัน ห้ามหักหลังกันนะครับ ขายหุ้นส่วนหนึ่งที่เกินกว่า 50 % ในตลาดที่ราคา 100 บาท แล้ว ฮั้วกันขายให้ ก. ในส่วนที่เหลือในราคา 105 บาท
แบบนี้ ทุกคนก็ Win Win และเป็น Dominant Strategy อย่างแน่นอน เพราะขาย 50% แรกในราคา 105 บาท และต่ำกว่า 50% ในราคา 100 บาท จะทำให้ไม่เกิด Worse Case Scenerio ที่ต่ำกว่า 100 บาท ได้ครับ หิ หิ ตอบช้าไป แบบนี้ผมเลือก Choice ที่ 3 ฮั้วกันดีกว่า เพื่อได้กำไรสูงสุดครับ :D
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 30, 2006 9:26 am
โดย thawattt
ขอแก้ไข และที่สูงกว่า 50% ให้ขายที่ราคาตลาด ขอโทษครับที่พิมพ์ผิด
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 30, 2006 9:53 am
โดย Monet
[quote="thawattt"]เรารายย่อยอาจประชุมร่วมมือกัน ห้ามหักหลังกันนะครับ
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 30, 2006 1:03 pm
โดย สุมาอี้
เกมที่ DS เป็นทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนต่ำมีชื่อเรียกเฉพาะว่า Prisoners' Dilemma เกม T/O นี้ก็เข้าข่าย PD
ปัญหาของเกม PD ก็คือ ความหวาดระแวงกันเองระหว่างผู้เล่น การฮั้วจึงมักจะฮั้วแตกอยู่บ่อยๆ ด้วยเหตุนี้ผู้เล่นทุกคนจึงขอยอมรับผลตอบแทนที่ต่ำเพราะคิดว่ายังไงเสียก็ยังดีกว่าถูกหักหลัง
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 30, 2006 1:33 pm
โดย Rocker
พี่สุมาอีช่วยไป
ตอบกระทู้ใน miscellenouesหน่อย ชื่อว่า ความกลัว
อยากให้พี่ช่วยสาธิตในการใช้ Game Theory จัดการกับ
เหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความกลัว เช่นในกรณีที่มี ผู้ประสงค์ร้ายต่อเรา
ครับ
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 30, 2006 6:32 pm
โดย Viewtiful Investor
Lose but fun

ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 30, 2006 7:46 pm
โดย thawattt
[quote="Monet"][quote="thawattt"]เรารายย่อยอาจประชุมร่วมมือกัน ห้ามหักหลังกันนะครับ
ช่วยยก ตย กรณี Game theoryกับการลงทุนแนว VIทีครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 30, 2006 11:29 pm
โดย ninga
ขอถามนิดนึงครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจครับ
ถ้าในกรณี บริษัท A T/O ได้สำเร็จไปแล้ว ที่บอกว่า ถ้าจะขายคืนให้ก็ทีหลังก็ได้แต่แต่ซื้อคืนที่ราคา 90 บาท ถ้าผมไม่ขายให้จะเป็นยังไงครับ ถ้าบริษัทออกจากตลาดไปแล้ว แต่ผมยังถือหุ้นนั้นอยู่จะมีผลอะไรเหรอครับ
ผมไม่รู้จริงๆอะครับ

น่ากลัวจัง ถ้าเกิดผมไม่ติดตามข่าวนานๆ ถ้าเกิดเค้ารับซื้อคืนที่ราคาต่ำๆ ผมจะก็ขาดทุนเลยรึเปล่าครับ