หน้า 2 จากทั้งหมด 4

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 04, 2006 12:46 pm
โดย Rocker
ครับ เรื่องmintผมก็ไม่ทราบหรอกนะครับแค่สมมุติตัวเลขมาเฉยๆ
แต่เป็นอย่างพี่ว่า pe 14 ถึงมีgrowthแต่เพิ่มทุนก็สรุปว่าแพงครับ

ประเด็นหลักๆคือการบอกว่าหุ้น ถูก หรือ แพง นั้นมีเกรณฑ์ครับซึ่งขึ้นอยู่
แต่ละบมจ

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 04, 2006 12:50 pm
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ครับ เรื่องmintผมก็ไม่ทราบหรอกนะครับแค่สมมุติตัวเลขมาเฉยๆ 
แต่เป็นอย่างพี่ว่า pe 14 ถึงมีgrowthแต่เพิ่มทุนก็สรุปว่าแพงครับ 
สรุปแบบนี้เชียวหรือ เพื่อนๆท่านอื่นคิดอย่างไรครับ

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 04, 2006 1:25 pm
โดย ปรัชญา
คุณเจ๋ง

ที่  พีอี  สูง  คนซื้อคงมีความเชื่อ

ซื้ออนาคต

เดี๋ยวซื้อไม่ทัน  ตกรถอิอิ

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 04, 2006 3:35 pm
โดย phobenius
เค้าเรียกว่าเวลา พีอีมันแพง
ต้องใช้วิธีอื่นคิด
พอใช้วิธีอื่นคิดแล้ว มันยังถูก
คงคล้ายๆว่า ตอนนี้สมการมันเหมือน
เมืองนอกกำลังจะเข้ามาทำอะไรสักอย่างดังนั้นสูตรเก่าๆ
เลยใช้ไม่ได้ มันต้อง จับมาหารสิบเพิ่ม ถึงจะเรียกว่าพีอีจิง
ผมว่าตอนนี้มันคงเป็นจิตวิทยาชนหมู่มาก เจอภาพเดียวกัน ก็เฮๆกันไปก่อน ใครใคร่ซื้อ ซื้อไป ใครใคร่ขายขายไป ทุกอย่างมีขึ้นก็มีลง

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 04, 2006 5:06 pm
โดย uI7J3w
Jeng เขียน:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ครับ เรื่องmintผมก็ไม่ทราบหรอกนะครับแค่สมมุติตัวเลขมาเฉยๆ 
แต่เป็นอย่างพี่ว่า pe 14 ถึงมีgrowthแต่เพิ่มทุนก็สรุปว่าแพงครับ 
สรุปแบบนี้เชียวหรือ เพื่อนๆท่านอื่นคิดอย่างไรครับ
จับใจความได้อีกอย่างว่า พี่เจ๋งมี่ชอบหุ้นที่เพิ่มทุนบ่อยๆ ใช่ไหมครับ

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 04, 2006 11:19 pm
โดย Rocker
uI7J3w เขียน: จับใจความได้อีกอย่างว่า พี่เจ๋งมี่ชอบหุ้นที่เพิ่มทุนบ่อยๆ ใช่ไหมครับ


:lovl:  :rofl:  :lovl:  :rofl:  :lovl:  :rofl:

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 04, 2006 11:25 pm
โดย เล่าปี่
uI7J3w เขียน: จับใจความได้อีกอย่างว่า พี่เจ๋งมี่ชอบหุ้นที่เพิ่มทุนบ่อยๆ ใช่ไหมครับ

:cheers:  :cheers:  :cheers:  :cool:  :cool:  :cool:

เห็นด้วยครับกับคุณmerlin

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 05, 2006 12:32 am
โดย waz
มันเป็นการยากที่จะบอกว่าหุ้นที่กำลังขึ้นไปแพง
โดยเฉพาะถ้าเราถือมานาน
จนกว่ามันจะลงนั่นแหละ เหตุผลที่มันแพงจะออกมา
สรุปโดยจิตวิทยาคือ เรากำลังมี Bias

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 05, 2006 4:14 am
โดย มดง่าม
naris เขียน: ดูมันไม่ออกว่า...มันทำห่อหมกปลาร้าไว้หรือเปล่า.....กลัวแต่ว่าไหNPLแตกเมื่อไหร่....ก็กระเจิงครับ กลัวจิงๆ ครับพี่
 ปลาร้า ไม่ดีตรงไหน สู  :?:

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 05, 2006 8:45 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

มันเป็นการยากที่จะบอกว่าหุ้นที่กำลังขึ้นไปแพง 
โดยเฉพาะถ้าเราถือมานาน 
จนกว่ามันจะลงนั่นแหละ เหตุผลที่มันแพงจะออกมา 
สรุปโดยจิตวิทยาคือ เรากำลังมี Bias
ผมว่าถ้าคำนวณตัวเลขได้ ก็ไม่ bias นะ แต่การที่บอกว่าแพง มีแพงกว่าครับ

การเล่นมีสองแบบ

1. ถือไปเลย ไม่ขาย ถ้าพื้นฐานไม่เปลี่ยน แต่ละไตรมาส กำไรมากขึ้น เงินสดมากขึ้น และนำเงินสดไป 1.1 ขยายกิจการเดิม 1.2 ขยายกิจการใหม่ 1.3 ซื้อหุ้นคืน

เงินสดที่เหลือต้องสามารถเอาไปทำ ข้อ 1.1 - 1.3 ได้ ไม่ใช่เอาไปรักษากิจการ ที่เรียกว่า maintain current operation หรือ เอาเงินสด ไปใส่ตุ่มฝังดินไว้

2. ขาย แล้วกลับมาซื้อต่ำๆ ตรงนี้มีความเสี่ยงคือการขายหมู แต่ก็มีโอกาส ในการทำกำไรได้มากขึ้น ตรงนี้ผมไม่ถนัด ขายที่ไร ไปทุกที

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 05, 2006 11:41 am
โดย thawattt
ความเห็นของผมนะครับ

หุ้นเราต้องดูการเติบโตของ Growth Rate เป็นหลัก

หุ้นวัฏจักร เช่น กลุ่มเรือ ปิโตรเคมี ก่อนขึ้นมาถึงจุดสูงสุดในอดีต PE สูงริบรับ กำไรน้อยมาก ราคาก็ถูกสุด ๆ แต่พอมี Growth เข้ามา PE สูง ๆ ก็ต่ำลงมาจนต่ำมาก ๆ ในขณะนี้ แต่พอตลาดคาดการณ์ว่า Growth จะหดตัวลง เท่านั้นหละครับ PE ที่ต่ำ ก็ยังเห็นที่ต่ำกว่าครับ

หุ้นที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอ ส่วนใหญ่เป็น Blue Chip พวกนี้ก็เติบโตไปตามภาพใหญ่ของอุตสาหกรรม เช่น GDP ปกติ ถ้าเศรษฐกิจดี ก็เติบโตไปเรื่อย ๆ PE ส่วนใหญ่ก็จะใกล้เคียงกับตลาด ราคาไม่ขึ้นไม่ลงมาก เว้นแต่ถ้าเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อไหร่ พวกนี้จึงจะได้รับผลกระทบ

หุ้น Growth Stock คือหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตสูง สังเกตดูว่าเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมปกติทั่วไป เช่น ถ้าตลาดทั่วไปโตประมาณ 10% พวกนี้จะโตสูงกว่าเป็นเท่า ๆ  แบบนี้ คนซื้อก็ซื้อที่ PE สูงตลอด เพราะคาดว่าอนาคตก็จะเติบโตสูง ดังนั้นถ้าสมมุติฐานนี้ยังใช้ได้ Earning Growth มันตามทัน PE พอราคาขยับขึ้น Earing ก็ขยับตาม แบบนี้ ราคาก็ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกว่าเมื่ออุตสาหกรรมมันเริ่มอิ่มตัว และฐานธุรกิจมันใหญ่มากพอแล้ว กลุ่มนี้ก็จะเริ่มชะลอตัว เราก็อาจต้องซื้อที่ PE ต่ำลงถ้า Earning มันตามไม่ทัน

แต่มีหุ้น specurative เก็งกำไรบางประเภทต้องระวัง พวกนี้ก็แล้วแต่เจ้ามือหละครับ อยากปั่นขึ้นก็ปล่อยข่าวดี อยากปั่นลงเพื่อเก็บของให้ให้ข่าวร้าย แบบนี้ดูพื้นฐานหรือผลงานไม่ค่อยได้ ว่าซื้อ PE ต่ำแล้ว ยังเก็บของไม่พอ ก็ทุบหุ้นต่อ แต่เราว่า PE สูงมาก ๆ แล้วไม่มีทางที่รายได้จะตามทัน แต่ถ้าเขาจะปั่นก็ปั่นซะอย่างใครจะทำไม PE ก็สูงริบริ่ว ก็เก็งกำไรกันไป แต่ในที่สุดพื้นฐานของหุ้น และการทำราคาก็ต้องมีจุดสิ้นสุดลงในวันใดวันหนึ่งครับ หรือดู Warrant บางตัวในอดีตก็ได้ ปั่นกันสุด ๆ ตอนใกล้หมดอายุ และทุบจนไม่มีราคาเหลือเลย คนก็ยังเข้าไปเก็งกำไรตามความโลภครับ

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 05, 2006 12:17 pm
โดย Rocker

โค้ด: เลือกทั้งหมด

2. ขาย แล้วกลับมาซื้อต่ำๆ ตรงนี้มีความเสี่ยงคือการขายหมู แต่ก็มีโอกาส ในการทำกำไรได้มากขึ้น ตรงนี้ผมไม่ถนัด ขายที่ไร ไปทุกที
คงคล้ายกับหลายๆคน

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 05, 2006 3:24 pm
โดย สุมาอี้
[quote="thawattt"]ความเห็นของผมนะครับ

หุ้นเราต้องดูการเติบโตของ Growth Rate เป็นหลัก

หุ้นวัฏจักร เช่น กลุ่มเรือ ปิโตรเคมี ก่อนขึ้นมาถึงจุดสูงสุดในอดีต PE สูงริบรับ กำไรน้อยมาก ราคาก็ถูกสุด ๆ แต่พอมี Growth เข้ามา PE สูง ๆ ก็ต่ำลงมาจนต่ำมาก ๆ ในขณะนี้ แต่พอตลาดคาดการณ์ว่า Growth จะหดตัวลง เท่านั้นหละครับ PE ที่ต่ำ ก็ยังเห็นที่ต่ำกว่าครับ

หุ้นที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอ ส่วนใหญ่เป็น Blue Chip พวกนี้ก็เติบโตไปตามภาพใหญ่ของอุตสาหกรรม เช่น GDP ปกติ ถ้าเศรษฐกิจดี ก็เติบโตไปเรื่อย ๆ PE ส่วนใหญ่ก็จะใกล้เคียงกับตลาด ราคาไม่ขึ้นไม่ลงมาก เว้นแต่ถ้าเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อไหร่ พวกนี้จึงจะได้รับผลกระทบ

หุ้น Growth Stock คือหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตสูง สังเกตดูว่าเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมปกติทั่วไป เช่น ถ้าตลาดทั่วไปโตประมาณ 10% พวกนี้จะโตสูงกว่าเป็นเท่า ๆ

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 05, 2006 8:01 pm
โดย chatchai
ในอดีตที่ผ่านมา

ตลาดเคยให้ค่าความนิยมแก่บริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ  ให้ค่า P/E สูงๆ

แต่สุดท้ายก็กลับคืนสู่สภาพปรกติที่ควรจะเป็น

ไม่ว่าจะเป็น  เงินทุนหลักทรัพย์  อสังหาริมทรัพย์  สื่อสาร  ยานยนต์  อีเล็คโทรนิค

ปัจจุบันก็  การแพทย์  ค้าปลีก  

ไม่น่าเชื่อว่า TRUE จะมีราคา IPO ที่ 55 บาท

TT&T ราคา IPO หลักร้อยบาท

SAMART เคยมีราคา 300 กว่าบาท

BLAND ราคา 200 บาท

อะไรที่นักวิเคราะห์เหล่านั้นอ้าง  อัตราการเติบโตไงครับ

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 05, 2006 9:30 pm
โดย 007-s
คห.คุณthawattt ตรงประเด็น นะ

pe หรือ pb ดิฉันว่า โดยทั่วไป มันไปคู่กะ Growth
pe ที่ถูกแล้ว ก็มีถูกอีก หรือบางทีก็เล่นแค่เท่าพีอี ที่ว่าถูกเท่าเก่าน่ะ ถ้า Growth ไม่เดินหน้า

pe อาจถอยหลัง ถ้าGrowth ถอยหลัง
pe คงกลับเป็นสูงจี๊ดเลย ถ้าGrowth ถอยจนมากนานๆ หรือขาดทุน แล้วราคามันลง จนไม่ลงแล้ว

ตามความเห็นดิฉัน ไม่ว่าธุรกิจอะไร มันก็น่าจะมีรอบของมัน
เหมือนคนน่ะ ไม่มีวันที่มือขึ้นดวงดีได้ ทุกวัน ทุกปี
ไงๆ มันก็ต้องมีวันที่แย่ ที่เหนื่อยล้า อ่อนแอ

ก็คงมีนะ ธุรกิจที่ ไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยผันผวน ซึ่งก็เพราะส่วนใหญ่ กำไรช้าๆเนิบๆ ก็ไม่ค่อยอยากมีคู่แข่งเข้าไปแย่งแบ่งเค๊ก อุตสาหกรรมนั้นๆ มันก็เลยจะนิ่งๆ
หรือไม่งั้น ก็ต้องเป็นประเภท ฝ่าดงเสือสิงห์ มานาน จนใหญ่คับตลาด เป็นเจ้า เป็นอะไรที่แกร่งมาก จนคู่แข่งเกิดลำบาก มันก็พอจะคุมให้ ตัวเองนิ่ง ท้าลมกระทบได้ ดีกว่า

คือเรียกว่า ถ้าไม่ใหญ่คับฟ้าไปเลย หรือ เงียบๆหงิมๆ เนิบเนียนไปคนเดียว
ก็มีโอกาสเจอรอบผันผวนได้อยู่แล้ว(พีอีมันจึงเปลี่ยนแปลง) เพราะ อะไรกำไรดี โตได้เร็ว มันก็หอมหวานนะ

ใครผ่านด่านรุมทึ้งนี้ไปได้ ก็มีโอกาส เป็นบิ๊ค ได้
หรือไม่ได้ก็ ม้วนเสื่อ กลับไป เพื่อจะรอวัน เป็นเทิร์นอราว ตามรอบใหม่ได้ หรือ ไม่งั้นก็เกมไปเลย


ตลาดทุน มันก็สื่อถึง ระบบทุนนิยม นั่นเอง
:wink:

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 05, 2006 9:38 pm
โดย waz
ไม่ได้บอกว่า หุ้นมันไม่ดีนะ เพียงแต่ว่ามันแพงมากแล้วต่างหาก
หึหึ ราคาอย่างนี้ไม่เรียกขายหมูหรอก
เอาไว้ราคามันลงไปหามูลค่าที้แท้จริงเมื่อไหร่จะเข้าใจเอง
แต่ก็แล้ว แต่สไตล์ครับ

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 06, 2006 11:10 am
โดย thawattt
มานึกอีกทีครับ

ถ้าเปรียบหุ้นกับชีวิตของคนในแต่ละช่วง เหมือนเรามีลูกที่เป็นหุ้นนะครับ

หุ้นตอนเด็ก ช่วงนี้คงใช้เงินใช้ทองเพื่อInvestment มันมาก ต้องให้เวลากับเขา ช่วงนี้ก็คงไม่ค่อยมี Return แต่เราหวัง Growth มาก ๆ ในระยะยาว

หุ้นตอนเป็นผู้ใหญ่ ช่วงนี้ก็เริ่มมีรายได้เพิ่มขึ้นมา และจะยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อผู้ใหญ่นั้นมีประสบการณ์มากขึ้น ช่วงนี้ก็คงมี Return กลับมาให้ผู้ลงทุนชื่นใจกับสิ่งที่ได้ลงทุนไว้ก่อนหน้านี้

แต่ถ้าเป็นหุ้นคนชรา ก็ขึ้นอยู่กับเราจะรักษาชีวิตได้ยาวนานเพียงใด จะหวังการ Growth สูง ๆ คงยากขึ้น เว้นแต่จะเลี้ยงเด็กใหม่เพื่อต่อ S-curve ของรอบใหม่ขึ้นมาได้ แต่ถ้าไม่มีการลงทุนต่อ ก็เหมือนคนชราที่จะล่วงเลยไปตามวัยสังขาร เพียงเพื่อประคองชีวิตให้ยาวต่อไปให้นานที่สุด

แต่อย่าไปเจอคนชราที่ป่วยด้วยโรคกะเซาะ กะแซะ นะครับ นอกจากจะมี Return ที่น้อยแล้ว แถมยังมีปัญหาให้แก้ไขไม่หยุดหย่อน  จนอาจทำให้ Return ลดลงจนขาดทุนได้

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 06, 2006 12:57 pm
โดย MO101
ROE ดูไว้นี่ดีครับ เห็นคุณภาพของกิจการ
แต่สถานะการณ์ปัจจุบัน ผมว่าไม่ค่อยเหมาะเท่านั้น
แต่ถ้าเล่นถือยาวมากๆ ก็ดู ROE ได้ครับ

ผมมันพวกเล่นสั้นเปลี่ยนใจบ่อย

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 06, 2006 1:19 pm
โดย Stock Broker
[quote="chatchai"]ในอดีตที่ผ่านมา

ตลาดเคยให้ค่าความนิยมแก่บริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 06, 2006 1:20 pm
โดย Rocker

โค้ด: เลือกทั้งหมด

pe อาจถอยหลัง ถ้าGrowth ถอยหลัง 
pe คงกลับเป็นสูงจี๊ดเลย ถ้าGrowth ถอยจนมากนานๆ หรือขาดทุน แล้วราคามันลง จนไม่ลงแล้ว 

อันแรกผมตีความว่าpeถอยหลังเพราะราคาลงใช่มะ

ส่วนอันที่2 peสูงมากเพราะ eps ลดลงมากๆหรือ ติดลบในกรณีขาดทุน

ถ้าใครจะบอกว่าอัตราส่วนใหนลดลงหรือเพิ่มช่วยชี้แจงด้วยลดเพิ่มเพราะอะไรครับ

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 06, 2006 6:27 pm
โดย 007-s
Rocker เขียน:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

pe อาจถอยหลัง ถ้าGrowth ถอยหลัง 
pe คงกลับเป็นสูงจี๊ดเลย ถ้าGrowth ถอยจนมากนานๆ หรือขาดทุน แล้วราคามันลง จนไม่ลงแล้ว 

อันแรกผมตีความว่าpeถอยหลังเพราะราคาลงใช่มะ

ส่วนอันที่2 peสูงมากเพราะ eps ลดลงมากๆหรือ ติดลบในกรณีขาดทุน

ถ้าใครจะบอกว่าอัตราส่วนใหนลดลงหรือเพิ่มช่วยชี้แจงด้วยลดเพิ่มเพราะอะไรครับ
อันแรก น่าต้องพูดว่า ราคาลง เพราะ พีอีนำลง มากกว่า และ ที่พีอีลง ก็เพราะ g มันถอยหลัง
อย่างบางที ไม่ต้องรอ ว่า g ถอยหลัง แต่แค่ตลาดคาดว่า g กำลังจะถอย pe ก็ลดลง นำก่อนที่กำไรอนาคต ที่คาดว่าจะถอย จะทันได้เกิดขึ้นจริงๆ
(ตัวอย่างที่เห็นใกล้ๆเลย ก็พวก เรือ)

ส่วนอันที่สอง คิดว่า ที่pe สูงได้ ก็อาจจะเพราะ ราคามันยืน แต่ e หรือ g มันยังคงถอยหลังอยู่ เลยดันให้ pe สูงจี๊ด ทั้งๆที่ ราคามันยืน
พวกนี้ ดิฉันว่า ก็คงเพราะ ตลาด ไม่ได้ตกใจแล้ว กับ e หรือ g ปัจจุบัน ที่รู้อยู่แล้วว่า วันนี้มันตกต่ำอย่างไร
แต่ที่ ราคายืนได้ เพราะตลาดคงมองไป วันหน้าแล้วว่า e หรือ g มันกำลังจะ ชะลอการถอย หรือ กำลังใกล้จะเดินหน้าได้ (คือตลาดคาด ว่าเห็นแววฟื้น)

pe สูง นี่ดิฉันเข้าใจว่า มันเป็นได้จากหลายเหตุ
อีกแบบก็คือ ราคามันสูง วิ่งเร็วเกิน e ปัจจุบัน นันเพราะ ตลาดมอง e พรุ่งนี้แล้ว ไม่ได้ดู e วันนี้ ....สิ่งที่ อตร.คือ หาก e วิ่งตาม p มาไม่ได้ดังที่ตลาดคาด ...p ก็ต้องลงมา หา e ...โดยทั่วไป ก็มักจะปรับหา g
(เช่น ตลาดคาด g+25% แต่ pe อยู่ 10 ...โอกาสจะปรับ pe ขึ้นไปเล่นสูงๆ ก็มี/ แต่หาก ตรงกันข้าม pe ก็ต้องโดน กดลงมาหา g แท้จริง)

ทั้งนี้ ดิฉันว่า การนำเรโชใด มาใช้เพื่อทำนาย ราคาระยะสั้น หรือแม้แต่ระยะปี ก็เป็นเรื่องยาก ทั้งสิ้น

เพราะตลาด ไม่ค่อยมีหลัก หรือเหตุผล ที่แน่นอนเท่าไดนัก ในแต่ละวัน

:D

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 06, 2006 6:46 pm
โดย 007-s
อ้อ หมายเหตุก่อนนะ
ว่าดิฉัน ไม่ได้ หมายถึง น้องมิ้นท์ หรือ หุ้นตัวใด ทั้งสิ้น

และ ตามความเห็นดิฉันนะ ถ้าดิฉันมี น้องมินท์ ที่ได้มาในราคา ที่คำนวนแล้วพอใจแล้ว มั่นใจแล้วว่า เหมาะสม
ดิฉันก็ไม่ขาย เพียงเพราะ การคาดการ หรือ กังวลว่าจะลง หรอกค่ะ
(ไม่ว่า จะเพราะกลัวว่า e หรือ g จะไม่โตเท่าที่ตลาดคาด เลยจะทำให้ฉุด p ลงมา หรืออะไรทำนองนั้น)

แต่ถ้าจะขาย ควรหมายถึง บริษัท นี้ ไม่ได้ดำเนินธุรกิจ ไปในแบบที่เราคาดว่า จะเป็น เสียแล้ว

เพราะกำไร หรือ อัตราการเติบโต มันไม่มีวันเทียบเคียงกันเป๊ะๆจนตลาด พึงพอใจตามที่ตลาดคาดได้ ทุกไตรมาส หรือทุกปี

ราคาหุ้น มันจึง มีการเคลื่อนไหว ไปตาม การคาดการระยะสั้นๆ ที่ไม่เคยถูกต้องของตลาดอยู่บ่อยๆ อยู่แล้ว

ไม่ว่าจะเกิด แพนิค เซลล์ หรือ แพนิคบาย ก็ตาม
:D

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 22, 2006 9:05 pm
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

it 9.6  >>> 9.00
hmpro 10.20  >>> 9.50 
bigc 39.25 >>> 39.50 
makro 80 >>> 73.00 
cp7-11 7.45 >> 6.80 
minor 12.80  >>> 10.60 
mint 11.40 >>> 10.80 
bgh 29.75 >>> 28.50
bh 37  >>>33.75 
kh 5.35 >>>4.98 
ERAWAN 5.40 >>> 4.80
ticon 18.10 >>> 17.50 
grand 4.52 >>> 4.04 
pttep 128 >>> 111
pb 95 >>> 77.50
aeonts 47.50 >>> 49
ktc 23.20 >>> 21.30
เพียงไม่กี่วันราคาก็เป็นอย่างนี้ โห  :shock:  :shock:  :shock:

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 22, 2006 9:07 pm
โดย Mr. Big
อย่า
ตอกย้ำครับ

8)

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 22, 2006 9:07 pm
โดย Dech
bigc 39.25 >>> 39.50

aeonts 47.50 >>> 49

ยังอยู่ได้  :shock:

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 22, 2006 9:21 pm
โดย phobenius
ถึงเวลากลับสู่สมดุลอีกครั้งหนึ่งมั้งครับ
ต้องรอดูอีกสักระยะว่าตลาดจะว่าอย่างไร
แต่ยังไงคนทุนต่ำๆคงไม่ต้องกลัวมั้งครับ
ลงมาสิบเปอร์เซ็นไม่เป็นไรนา

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 23, 2006 3:37 pm
โดย nowkung
ถ้าหุ้น PE ต่ำ ไม่มี growth ยังน่าเล่นกว่า
หุ้น PE สูง growth ต่ำ ไม่น่าลงทุนเลยครับ

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 24, 2006 7:08 pm
โดย Jeng
กลับมาอ่านอีกรอบ ได้ความรู้เพิ่มอีก อิอิ

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 24, 2006 7:58 pm
โดย ปรัชญา
ตลาดหุ้นเหมือนสิ่งมีชีวิต
ต้องหายใจ  
มีขึ้นมีลง
ปลายปีคงขึ้นได้อีกเฮือก  อิอิ
(หุ้นตก  ทำอารมณ์ดีตลอด)

หุ้นที่ผมดูผิวเผิน แล้วรู้สึกแพง ณ วันนี้

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 12:42 am
โดย Mon money
ช้าก่อนสหายทั้งหลาย (ว่าจะไม่เขียนอะไรแล้วนะ)

บอกกันหลายครั้งหลายคราแล้วว่า อย่าดูเพียง PE PBV ROE และ ROA แต่ถ้าอยากจะดูขอให้ปรับงบการเงินให้เป็นแบบที่ เหมาะสมเสียก่อน มิเช่นนั้นดัชนีเหล่านี้จะเป็นกับดักมูลค่าในบัดดล

การเอากระแสเงินสดมาประกอบดัชนีเหล่านี้จะช่วยท่านได้มาก เช่น P/ FCF RoCFC

ROE ระวังบริษัทที่มีหนี้มากๆ

ROA ให้ระวังบริษัทที่มีสินทรัพย์ที่ซุกเอาไว้ไม่ได้ตีราคาใหม่

PE ระวังเรื่องคุณภาพของกำไร

PBV ระวังเช่นเดียวกับ ROE และคุณภาพของสินทรัพย์

และที่สำคัญ คุณภาพของกิจการมา 70% ส่วน คุณภาพของตัวเลขต่างๆ 30%(เป็นแค่การยืนยันว่าดีจริง)

ไปหละ 8)