หน้า 2 จากทั้งหมด 3

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 19, 2006 9:21 pm
โดย chansaiw
คุณ HVI ครับหนังสือของ Buffet เขียนแทบจะทุกเล่มเลยนะครับเรื่อง focus investment

ไม่ว่าจะ essential หรือ new buffetology

แต่จะทำกับหุ้นตัวเดียวหรือหุ้น หนึ่งตัวนั้น ไม่ได้บอก

เพียงแต่แซวว่า diversify จะกลายเป็น diworsify

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 19, 2006 9:32 pm
โดย 007-s
chansaiw เขียน:
แต่จะทำกับหุ้นตัวเดียวหรือหุ้น หนึ่งตัวนั้น ไม่ได้บอก
:lol:

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 19, 2006 10:49 pm
โดย MarginofSafety
007-s เขียน:....มันไม่ยากที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่ยากที่จะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อคุณรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ถูกต้อง จึงไม่ยากที่จะทำ......
ผมเห็นตรงข้ามนะ ผมคิดว่ามันไม่ยากที่จะรู้ว่าอะไรถูก แต่มันยากที่จะทำ ปัญหาบ้านเมืองปัจจุบัน ก็มาจากจุดนี้

การลงทุนให้หุ้นตัวเดียว เสี่ยงกว่า การลงทุนในหุ้น สามตัว ,สิบตัว ,ร้อยตัว  ...หรือไม่  , ดิฉันไม่อาจฟันธงลงไปได้
ทฤษฏีทางด้านการบริหารกลุ่มหลักทรัพย์ (Portfolio Theory) ที่เป็นที่ยอมรับกันในระดับสากล กล่าวไว้ชัดเจนครับว่าการสร้างกลุ่มหลักทรัพย์ที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงได้

หากเราจะนิยามความเสี่ยงให้เป็นรูปธรรม ความเสี่ยงคืออะไร
ความเสี่ยงก็คือ โอกาสที่ผลตอบแทนจะแตกต่างไปจากผลตอบแทนที่เราคาดหวัง โดยใช้ค่าทางสถิติ SD หรือ Variance มาเป็นตัววัด ซึ่งยิ่งมีค่ามากก็มีความเสี่ยงมาก

ส่วนการวิเคราะห์ work ที่คุณ 007-s ได้วิเคราะห์นั้น เป็นการวิเคราะห์ความเสี่ยงในระดับบริษัท ไม่ใช่การวิเคราะห์ในระดับ portfolio
เรากลับมาคุยเรื่องการลงทุนในหุ้นตัวเดียวกันอีกแล้วนะครับ
ผมอาจจะไม่ได้ตามอ่านกระทู้เก่าๆทั้งหมด ถ้าพี่ Worapong จะแนะนำกระทู้ที่เคยมีการถกกันเรื่องนี้ จะเป็นพระคุณมากครับ
"ในปี 1973 ราคาตลาดของหุ้นของหนังสือพิมพ์นี้อยู่ที่ 80 ล้านเหรียญ และกิจการนี้ ไม่ได้มีหนี้สินใดๆ หากคุณถามใครๆ ในวงการธุรกิจว่าทรัพย์สินของหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตัน โพสท์ มีมูลค่าเท่าไหร่ เขาอาจจะบอกว่า สัก 400 ล้านเหรียญ หรืออะไรทำนองนั้น...   ...มันสุดที่จะปลอดภัยสำหรับผม ในการที่จะทุ่มทรัพย์สินทั้งหมดเข้าไปซื้อมันมาให้ได้ ความเสี่ยงเกิดขึ้นจากการขาดความรู้ในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่"
ผมคิดว่าในขณะนั้น Buffet ถือตัวอื่นอยู่ด้วยแน่นอน อย่างน้อยก็อาจจะเป็น Coca Cola หุ้นที่เขาชอบมากเป็นพิเศษ

สำหรับ focus investment ผมเห็นด้วยนะครับ ไม่ใช่ไม่เห็นด้วย
แล้วก็อย่าเข้าใจผิดคิดว่า focus ไม่ diversify นะครับ อันที่จริงแล้วการถือหุ้นมากกว่า 1 ตัวอาจจะเป็น 2 ตัวหรือ 3 ตัว ก็ถือเป็นการ diversify แล้ว
แต่ผมไม่เห็นด้วยสำหรับการถือตัวเดียว ยกตัวอย่างที่พี่ CK พูดก็ได้
หาก Buffet ถือ The Washington Post ตัวเดียวจริง แล้ววันดีคืนดีมีผู้ก่อการร้ายมา Bomb บริษัท ลองคิดดูว่า ผลตอบแทนเขาจะเป็นยังไง แล้วเราเอาอะไรมาเป็นหลักประกันว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิด เป็นความเสี่ยงที่เราควบคุมได้มั้ย? ถึงแม้จะมีโอกาสน้อยเพียงใด แต่ความเสี่ยงแบบนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้

เพียงแต่หลักการของ Focus Investment จะใส่ใจไปที่คุณภาพมากหน่อย พูดง่ายๆก็คือทุ่มเม็ดเงินไปที่ 3-4 ตัว เด็ดๆ ใน port ก็พอ เพื่อที่จะได้ผลตอบแทนที่ดี

ซึ่งต่างกับ Graham ที่เขาไม่ค่อยใส่ใจเรื่องคุณภาพมากนัก เจอถูกใจเมื่อไหร่เป็นเก็บหมด ก็จะเป็นลักษณะมีหุ้นดีใน port มากมาย และเม็ดเงินที่ลงทุนในหุ้นแต่ละตัวก็กระจายๆ กันไป

ยินดีรับฟังความเห็นที่แตกต่างนะครับ

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 12:05 am
โดย Minesweeper
ขอเสนอเหตุผลของผมแล้วกัน ไม่รู้จะเข้าเค้าที่คุณ HVI อยากได้หรือเปล่า ลองฟังดูแล้วกันนะครับ

Diversification ก็มีประโยชน์ ในการลด unsystematic risk อย่างที่ทฤษฎีพอร์ตโฟลิโอว่าไว้นั่นแหละครับ แต่อย่าลืมว่าทฤษฎีการเงินต่างๆ มันก็มีข้อสมมติฐานอยู่มากมายเช่นกัน ที่เห็นๆ กัน ก็ Efficient market, No transaction costs ฯลฯ

อย่าลืมว่าในโลกแห่งความจริงการ diversify มีต้นทุนทั้งทางตรง/ทางอ้อม ทางตรงก็เช่น ต้องใช้เวลาติดตามการลงทุนมากขึ้น ต้องไปประชุมหลายๆ บริษัท เพื่อให้ได้คุณภาพของการลงทุนต่อตัวหุ้นที่เท่าเดิม ส่วนทางอ้อม ก็เช่น มีเรื่องต้องกังวลมากขึ้น ปวดหัวมากขึ้น ฯลฯ

เมื่อวัดกันแล้วจุดที่จะได้ประโยชน์จาก diversification ที่เพิ่มขึ้นในขณะที่ใช้ต้นทุนเพิ่มขึ้นน้อยกว่า (marginal benefit > marginal cost) ของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการให้น้ำหนักของต้นทุนทางอ้อมด้วย นอกจากนี้จะมีเหตุผลที่ไม่ใช่เหตุผลทางเศรษฐกิจด้วย เช่น ความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทในปริมาณที่มากๆ ซึ่งพวกนี้อธิบายเป็นตัวเลขไม่ได้ ทำให้แต่ละคนเลือกที่จะถือหุ้นในจำนวนที่ไม่เท่ากันได้ครับ

พี่ฉัตรชัยคงมีเหตุผลของเขาในการเลือกถือหุ้นตัวเดียวครับ ผมเชื่อว่านอกจากเหตุผลทางเศรษฐกิจแล้ว ก็คงมีเหตุผลส่วนตัวด้วย ซึ่งผมก็เคารพในการตัดสินใจของพี่เขาครับ

ว่าแต่ว่าพี่ฉัตรชัยจะขาย WG เมื่อไหร่ บอกๆ กันหน่อยก็ดีนะครับ  :wink:
ไปล่ะครับ

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 12:15 am
โดย yoyo
ผมชอบ focus ครับ ..
ปกติจะถือหุ้นเฉลี่ยประมาณ 3 ตัว
2 ตัวก็เคยถือ
1 ตัวก็เคยถือ
แล้วแต่ความมั่นใจ
ถ้าถามว่าเสี่ยงมั๊ย ยอมรับว่าเสี่ยงมากๆ
ลดความเสี่ยงได้มั๊ย ก็ตอบว่าลดไม่ได้
แต่ return สูงมั๊ย ก็สูงพอที่จะยอมเสี่ยง
ผมว่าไม่มีอะไรถูกหรอกครับระหว่าง focus หรือ diversify
ขึ้นอยู่กับการชอบความเสี่ยงของแต่ละคนมากกว่า

ข้อดีอย่างหนึ่งของ diversify คือไม่จำเป็นต้องรู้ลึกในตัวหุ้นมาก แต่ต้องรู้กว้างๆในหุ้นหลายๆตัว มีเวลาที่จะติดตามหุ้นทุกตัวอย่างละนิดอย่างละหน่อย

ข้อดีของ focus คือไม่ต้องเสียเวลาตามหุ้นทุกตัว แต่คิดจะเลือกทางนี้แล้ว สิ่งสำคัญคือต้องรู้ลึกๆ คำว่า focus ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเพียงจำนวนหุ้นเท่านั้น แต่หมายถึงความเข้าใจ การศึกษาหาความรู้ เราก็ต้อง focus ด้วย

เลือกไอ้แบบที่ตัวเองถนัด แบบที่ตัวเองชอบดีที่สุดครับ 8)

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 12:40 am
โดย MarginofSafety
Minesweeper เขียน:ขอเสนอเหตุผลของผมแล้วกัน ไม่รู้จะเข้าเค้าที่คุณ HVI อยากได้หรือเปล่า ลองฟังดูแล้วกันนะครับ

Diversification ก็มีประโยชน์ ในการลด unsystematic risk อย่างที่ทฤษฎีพอร์ตโฟลิโอว่าไว้นั่นแหละครับ แต่อย่าลืมว่าทฤษฎีการเงินต่างๆ มันก็มีข้อสมมติฐานอยู่มากมายเช่นกัน ที่เห็นๆ กัน ก็ Efficient market, No transaction costs ฯลฯ

อย่าลืมว่าในโลกแห่งความจริงการ diversify มีต้นทุนทั้งทางตรง/ทางอ้อม ทางตรงก็เช่น ต้องใช้เวลาติดตามการลงทุนมากขึ้น ต้องไปประชุมหลายๆ บริษัท เพื่อให้ได้คุณภาพของการลงทุนต่อตัวหุ้นที่เท่าเดิม ส่วนทางอ้อม ก็เช่น มีเรื่องต้องกังวลมากขึ้น ปวดหัวมากขึ้น ฯลฯ

เมื่อวัดกันแล้วจุดที่จะได้ประโยชน์จาก diversification ที่เพิ่มขึ้นในขณะที่ใช้ต้นทุนเพิ่มขึ้นน้อยกว่า (marginal benefit > marginal cost) ของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการให้น้ำหนักของต้นทุนทางอ้อมด้วย นอกจากนี้จะมีเหตุผลที่ไม่ใช่เหตุผลทางเศรษฐกิจด้วย เช่น ความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทในปริมาณที่มากๆ ซึ่งพวกนี้อธิบายเป็นตัวเลขไม่ได้ ทำให้แต่ละคนเลือกที่จะถือหุ้นในจำนวนที่ไม่เท่ากันได้ครับ
เยี่ยมครับ  :cool:
พี่ฉัตรชัยคงมีเหตุผลของเขาในการเลือกถือหุ้นตัวเดียวครับ ผมเชื่อว่านอกจากเหตุผลทางเศรษฐกิจแล้ว ก็คงมีเหตุผลส่วนตัวด้วย ซึ่งผมก็เคารพในการตัดสินใจของพี่เขาครับ

ว่าแต่ว่าพี่ฉัตรชัยจะขาย WG เมื่อไหร่ บอกๆ กันหน่อยก็ดีนะครับ

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 1:10 am
โดย BenjaMinburee
เคยอ่านหนังสือที่คุณ WEB แปลรู้สึกว่าบัฟเฟต์บอกว่าถ้าต้องติดเกาะร้าง 10 ปีแล้วต้องถือหุ้นตัวเดียวเขาจะถือบริษัทที่ทำเกี่ยวกับสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง(อะไรประมาณนี้ครับ) ต่อมาสถานีโทรทัศน์มีมากขึ้น บัฟเฟต์
ก็เปลี่ยนมุมมองของแกใหม่ นัลงทุนที่กล้าถือหุ้นตัวเดียวต้องมีความมั่นใจในการลงทุนนั้นๆ สูงครับ

ขอขมา...

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 8:43 am
โดย riname
.......ดุจดังคำชมชุ่มชื่น.....
........เลยตื่นจากณภวังค์...
.......คำต่อคำเตือน.ขอยัง..
.......ขมาลาโทษคุณคุณ...

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 10:29 am
โดย tt
จริงๆนะครับ ถือหุ้นหลายตัวการที่จะได้ผลตอบแทนที่ดี
ต้องลุ้นว่าผลประกอบการจะดีทุกตัวซึ่งยากมาก เช่น ถือ 6
ตัวถ้าเราจะได้ Return ดี หุ้น 6 ตัวต้องมีผลประกอบการดี
แต่ถ้าหลุดสักตัว return ก็ลดลงทันที พูดง่ายๆโอกาสรวยมันยาก
เพียงแต่มันก็อาจะได้ไปเรื่อยๆมากกว่า
   นอกจากนี้ผมก็เคยลองดูเลยว่ามีตัวอะไรที่ดีกว่า WG ผมก็ว่าหายากนะ
(ถ้าไม่นับเรื่อง div yeild) ในเมื่อพี่เขาคิดว่าไม่มีอะไรดีกว่าตัวนี้ แล้วจะซื้อ
ตัวอื่น เพิ่มความเสี่ยงทำไม ทำให้ผมก็ซื้อ WG เพิ่มเรื่อยๆเหมือนกัน
แต่ผมก็ยังมีตัวอื่นอยู่เหมือนกัน

มาตอบคุณ HVI

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 10:30 am
โดย worapong
ความเห็นในเรื่องการ diversify ของผมคือ ถ้า diversify มากๆ ก็จะมีโอกาสชนะตลาดยาก ยิ่งถ้าลงทุนทุกตัวเลย ก็จะได้ผลตอบแทนเท่าตลาดพอดีครับ ผมเองไม่มีความเห็นสักเท่าไรเรื่องถือตัวเดียวกับถือห้าตัว เพราะบางคนถือตัวเดียวแล้วทำผลตอบแทนได้ดีมาก บางคนถือห้าตัวแล้วได้ผลตอบแทนดีมาก ผมเองมีสี่ตัว เพราะว่าสี่ตัวนี้มันดีกันคนละอย่าง เลยมีเมีย เอ๊ยหุ้นมันสี่ตัวเลย 555 แต่ที่พี่บางคนเค้ามีตัวเดียวคงเพราะว่าเค้าวิเคราะห์แล้วว่าตัวนั้นมันเจ๋งสุดแล้ว มันคือสุดยอดแล้ว เหมือนกับนาตาลี เกลโบว่ามาขอเป็นกิ๊ก เราคงต้องลบเบอร์โทรของสาวๆคนอื่นทิ้ง เพราะเราเจอสุดยอดเข้าแล้ว ส่วนที่บอกว่าวอร์เรนถือหลายตัวนั้น ผมไม่แน่ใจ เพราะหุ้นหลักของวอร์เรนมีตัวเดียวคือ berkshire hathaway แล้วไอ้ berkshire ก็ไปถือหุ้นตัวอื่นอีกทีนึง แต่รู้สึกว่าเค้าจะมีกองทุนเล็กๆที่ถือหุ้นหลายๆตัวด้วยเพื่อรับรายงานประจำปี ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ แต่ทรัพย์สินหลักๆของวอร์เรน น่าจะเป็นหุ้น berkshire ครับ ถ้าจะเอาข้อมูลชัวร์ๆต้องไปถามพวกแฟนพันธ์แท้ของวอร์เรนนะครับ ผมแค่นึกเอาจากความทรงจำที่ไม่ค่อยดีนักของผม เรื่องเวบบอร์ดที่คุยเรื่องตัวเดียวหรือหลายตัวนี่จำไม่ได้จริงๆว่าอยู่ไหน ถ้าอยากรู้จริงๆก็ลองหาดูนะครับ:roll:  :roll:  :roll:

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 11:33 am
โดย chatchai
ผมเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องทางสถิตินะครับ  ถึงแม้ตอนเรียนวิชาการลงทุนจะได้ A  แต่ในชีวิตการลงทุนจริงไม่เคยนำมาใช้เลย  ไม่เคยเชื่อเลย

จริงๆแล้ว  ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะถือลงทุนเพียงบริษัทเดียว  ถ้าผมสามารถหาบริษัทที่ดีพร้อม  ในราคาที่ถูก  ผมก็คงแบ่งไปลงทุน  หรือแม้แต่ขาย WG ทั้งหมดไปลงทุนแทนก็ได้

แต่ถ้าจะให้ยึดหลักกระจายการลงทุน  เพื่อลดความเสี่ยงตามหลักการ  โดยการที่ผมต้องซื้อหุ้นของบริษัทที่ผมเข้าใจน้อยกว่า  มั่นใจน้อยกว่า  ดีน้อยกว่า  ราคาแพงกว่า  ผมขอถือลงทุนแค่บริษัทเดียวครับ

และยิ่งนานวันที่ผมลงทุนใน WG  ยิ่งบ่อยครั้งที่ผมได้พบกับผู้บริหารของบริษัท  ทำให้ผมยิ่งมั่นใจในตัวบริษัท  ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำให้มีความกังวล  ราคาหุ้นก็ไปเรื่อยๆดี

เรื่องความเสี่ยงนั้น  ผมเองก็เคยเขียนกระทู้ถามความเห็นของเพื่อน  มีความเห็นที่ดีหลายคน  ซึ่งผมก็เห็นด้วย  เพียงแต่ครอบครัวผมใช้จ่ายไม่เยอะ  และก็ลดความเสี่ยงด้วยการมีพันธบัตรรัฐบาลไว้บ้าง

การกระจายความเสี่ยงนั้น  ในอดีต  ในวงการธุรกิจก็เคยมีการกล่าวถึงกันมาก  บริษัทต่างๆก็พยายามจะกระจายความเสี่ยงออกจากอุตสาหกรรมที่ตนเองอยู่  โดยการไปทำธุรกิจที่ตัวเองไม่ชำนาญ  สุดท้ายธุรกิจใหม่เหล่านั้นก็พาทำให้บริษัทย่ำแย่  จนต้องกลับมาที่ธุรกิจเดิม  แล้วเปลี่ยนความคิดใหม่  ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดและรู้มากที่สุด

ผมเองก็ไม่ได้ความหวังว่าตัวเองจะต้องมีพอร์ตใหญ่โตขึ้นมากน้อยแค่ไหน  เร็วแค่ไหน  จึงไม่มีความกดดันที่ต้องพยายามเติบโตมากๆ

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 11:50 am
โดย MarginofSafety
นอกจากนี้ผมก็เคยลองดูเลยว่ามีตัวอะไรที่ดีกว่า WG ผมก็ว่าหายากนะ
(ถ้าไม่นับเรื่อง div yeild) ในเมื่อพี่เขาคิดว่าไม่มีอะไรดีกว่าตัวนี้ แล้วจะซื้อ
ตัวอื่น เพิ่มความเสี่ยงทำไม
ทำให้ผมก็ซื้อ WG เพิ่มเรื่อยๆเหมือนกัน
แต่ผมก็ยังมีตัวอื่นอยู่เหมือนกัน
ซื้อตัวอื่นเป็นการเพิ่มความเสี่ยงจริงหรือ  :?:

ผมมองยังงี้นะครับ
สมมติว่าเราซื้อหุ้น 10 ครั้ง ถามว่าเราได้กำไรทั้ง 10 ครั้งมั้ย
ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่ ต่อให้เพื่อนๆในห้องนี้ก็คงไม่ใช่
ผมว่าเรากำไรซัก 8 ครั้ง ก็ถือว่า เยี่ยมแล้ว
แต่ถ้าเราขาดทุน 8 ครั้ง ก็อย่าซื้อหุ้นเองเลย ไปซื้อกองทุนดีกว่า  :twisted:

ที่พูดตรงนี้ ผมกำลังจะบอกว่า คนเรามีโอกาสตัดสินใจพลาดได้
ต่อให้มั่นใจว่า ไม่พลาดแน่นอน ก็มีโอกาสผิดพลาดได้

"การลงทุนไม่ใช่การทุ่ม ไปในสินทรัพย์ตัวใดตัวหนึ่ง"

ที่คุณ tt ได้กล่าวไว้ว่า ยังมีตัวอื่นอยู่เหมือนกัน ก็คือการกระจายความเสี่ยงในรูปแบบหนึ่ง
แต่ที่กำลังจะซื้อ WG เพิ่ม เนื่องจากเปรียบเทียบดูแล้วว่า WG ดีกว่าตัวอื่น จึงเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน WG

กลับมาที่ประเด็น diversify หรือ focus ผมว่าเราเปลี่ยนคำพูดดีกว่า
เพื่อป้องกันการสับสน สำหรับผม ถ้า focus แบบถือ 3-4 ตัว
ก็ถือว่ามีการ diversify ในระดับหนึ่ง

หรือทำนองเดียวกัน หากเรา diversify โดยการถือเพียง 3-4 ตัว
ก็ถือว่าเป็น focus เพราะเราสามารถติดตาม หุ้นที่เราถือทุกตัวได้เป็นอย่างดี

(แล้วผมก็ห็นด้วยกับแนวคิดนี้)

แต่ที่เรากำลังถกกันเนี่ยเราถกกันในประเด็น "การถือหุ้นตัวเดียว"
สำหรับผมเอง ผมไม่สามารถหาเหตุผลมารองรับการถือหุ้นตัวเดียวอย่างสบายใจได้ ต่อให้เชื่อว่าหุ้นตัวนั้นจะดีแค่ไหนหรือเสี่ยงต่ำแค่ไหนก็ตาม

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 12:07 pm
โดย MarginofSafety
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับพี่ฉัตรชัย
ได้คำตอบที่ชัดเจนครับ :idea:

โดยส่วนตัวผมก็ไม่ค่อยเชื่อสถิติเหมือนกัน
เหมือนกับเราขับรถมองแต่กระจกหลัง
แล้วพยายามเอาเส้นทางที่เราขับผ่านมา มาทำนายอนาคต

แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธซะทีเดียว เพราะคิดว่าศาสตร์ทุกศาสตร์ต้องมีประโยชน์อยู่บ้าง

ผมกำลังคิดว่า WG ดีและปลอดภัยขนาดที่หุ้น 400 - 500 ตัวในตลาด
ไม่มีซักตัวที่ทำให้พี่คิดแบ่งไปลงทุนบ้างเลยหรือ

หากมีเวลาคงต้องศึกษาแล้วว่า หุ้นตัวทำไมถึงดีขนาดนั้นในสายตาหลายๆคนในห้องนี้

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 12:15 pm
โดย ลูกอิสาน
จะถือกี่ตัว คงไม่มีถูกหรือผิดครับ
ขึ้นอยู่กับจริตของแต่ละคน
บางคนถือหุ้นตัวเดียวแล้วสบายใจ
บางคนถือหลายตัวถึงจะสบายใจ

แต่ให้รู้ตัวเองครับว่าเราเหมาะกับแบบไหน
ส่วนใหญ่ที่เจอ ถือหุ้นตัวเดียว มักมองไปที่ต้องการผลตอบแทนสูงๆ
อาจจะลืมมองด้านอื่นๆ ที่เป็นความเสี่ยง

ถือหุ้นตัวเดียวแบบพี่ฉัตรชัย ไม่ได้มองที่ผลตอบแทนมากนัก
เน้นความมั่นคง เข้าใจง่าย ผมก็เพิ่งเคยเจอครับ

ผมขอไปทางสายกลาง เน้นๆไม่กี่ตัวก็พอครับ

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 12:32 pm
โดย MarginofSafety
เห็นด้วยกับพี่ลูกอิสานครับ

Re: มาตอบคุณ HVI

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 1:26 pm
โดย MarginofSafety
worapong เขียน:ความเห็นในเรื่องการ diversify ของผมคือ ถ้า diversify มากๆ ก็จะมีโอกาสชนะตลาดยาก ยิ่งถ้าลงทุนทุกตัวเลย ก็จะได้ผลตอบแทนเท่าตลาดพอดีครับ ผมเองไม่มีความเห็นสักเท่าไรเรื่องถือตัวเดียวกับถือห้าตัว เพราะบางคนถือตัวเดียวแล้วทำผลตอบแทนได้ดีมาก บางคนถือห้าตัวแล้วได้ผลตอบแทนดีมาก ผมเองมีสี่ตัว เพราะว่าสี่ตัวนี้มันดีกันคนละอย่าง เลยมีเมีย เอ๊ยหุ้นมันสี่ตัวเลย 555
อย่างพี่ Worapong ถือ 4 ตัว นี่ก็มีการกระจายความเสี่ยง
แต่ถ้าจะ diversify ภรรยา นี่ก็ตัวใครตัวมันนะครับ
ไม่พูดต่อดีกว่า เดี๋ยวสุภาพสตรีในที่นี้เขาจะโกรธเอา โดยเฉพาะคุณ 007-s  :lovl:

แต่ที่พี่บางคนเค้ามีตัวเดียวคงเพราะว่าเค้าวิเคราะห์แล้วว่าตัวนั้นมันเจ๋งสุดแล้ว มันคือสุดยอดแล้ว เหมือนกับนาตาลี เกลโบว่ามาขอเป็นกิ๊ก เราคงต้องลบเบอร์โทรของสาวๆคนอื่นทิ้ง เพราะเราเจอสุดยอดเข้าแล้ว
ถือหุ้นตัวเดียว เหมือนน้องเกลโบว่ามาขอเป็นกิ๊ก  :bow:

:lovl:  :lovl:  :lovl:

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 2:05 pm
โดย tt
คือผมก็ยังใจไม่กล้าพอเหมือนพี่เค้านะครับที่จะถือตัวเดียว
แต่ก็เชื่อนะครับว่าถือตัวที่เข้าใจมากที่สุด และคิดว่าดีที่สุด
ถ้ามีตัวเดียวก็ลงตัวเดียว เพราะยิ่งไปดูตัวอื่นเพิ่มมันก็มีโอกาสจะผิด
มากขึ้น ทั้งๆที่สิ่งที่มีก็ดีอยู่แล้ว
          บางทีผมก็ยังเคยคิดว่าถ้าผมมีตัวเดียวนะเช่น WG ได้ปีละ 15 %
ก็ OK แล้ว เอาเวลาที่เหลือไปตั้งใจทำงาน หรือ ทำอย่างอื่นมีความสุขกว่า
ตั้งเยอะ ไม่ต้องเคลียดด้วย เพราะประสพการณ์ตัวเอง หุ้นที่ตัวเองมีนะดีอยู่แล้วมันก็ไปเรื่อยๆ พอไปซื้อตัวอื่นเพิ่มมันมีโอกาสผิดจริงๆ

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 2:50 pm
โดย MarginofSafety
สมมติว่ามีของอยู่ 10 อย่าง มีโจทย์ว่าให้เลือกสิ่งที่ดีที่สุด

เราอาจจะเลือกมาอย่างเดียวก็ได้
หรือเราอาจจะเลือกซัก 2-3 อย่างก็ได้

อย่างไหนน่าจะปลอดภัยหรือมีโอกาสผิดน้อยกว่ากัน  :?:

สมมติว่า เราต้องเดินทางด้วยรถยนต์ ไปยังที่แห่งหนึ่งที่เราคิดว่าเป็นจุดหมาย

เราตรวจเช็คสภาพรถเป็นอย่างดี เราเป็นคนขับรถที่เน้นความปลอดภัยมาก
แล้วรถของเราก็สมรรถนะเยี่ยม มีโครงสร้างนิรภัย ระบบ Break ABS มีถุงลมนิรภัย แต่ขณะที่เราขับไปดีๆด้วยความมั่นใจว่าปลอดภัยแน่ๆ

ปรากฎว่ามีพวกเมาแล้วขับ ขับอย่างไร้สติ แล้วดับเครื่องชนใส่รถเรา
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้หรือไม่ :?:  (ความเสี่ยงเกิดขึ้นตั้งแต่เราติดเครื่องยนต์แล้ว)

ผมเห็นด้วยที่ว่าหากเราขับอย่างมีวินัย รถที่เราเลือกเป็นรถชั้นเลิศ
แล้วเราถนัดในการขับรถคันนี้ ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจะลดลงไปเป็นอย่างมาก แต่ถามว่ามีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมั้ย  :?:

สมมติว่าเราสามารถแยกร่างเป็น 2-3 ร่างได้ แล้วก็เลือกยานพาหนะชั้นเยี่ยม ซัก 2-3 คัน โอกาสที่คันใดคันหนึ่งจะเกิดอุบัติเหตุมีได้เสมอ
แต่โอกาสที่ทั้ง 2-3 คันจะเกิดอุบัติเหตุพร้อมกันมีน้อยกว่าหรือเปล่า  เสี่ยงน้อยกว่ามั้ย:?:

ถึงแม้ว่าเราต้องดูแลรถจำนวนมากขึ้น ต้องมีค่าใช้จ่ายทั้งทางตรงและทางอ้อมมากขึ้น แต่คงไม่สามารถปฏิเสธประโยชน์ที่เราได้รับจากตรงนี้ด้วย

อีกอย่าง การที่เราคอยติดตาม บริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย
ทำให้เราไม่พลาดโอกาสในการลงทุน ที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาด้วย

(เคารพทุกความคิดเห็นครับ)

Re: มาตอบคุณ HVI

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 3:01 pm
โดย 007-s
[quote="HVI"]

อย่างพี่ Worapong ถือ 4 ตัว นี่ก็มีการกระจายความเสี่ยง
แต่ถ้าจะ diversify ภรรยา นี่ก็ตัวใครตัวมันนะครับ
ไม่พูดต่อดีกว่า เดี๋ยวสุภาพสตรีในที่นี้เขาจะโกรธเอา โดยเฉพาะคุณ 007-s

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 3:21 pm
โดย GTA
ไม่เกี่ยวกับกระทู้
คุณ HVI ครับ pm ไปถ้าไม่ตอบก็น่าจะบอกเหตุผลกันบ้างไม่ใช่เงียบไปแบบนี้ แค่นี้ล่ะครับ

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 3:44 pm
โดย MarginofSafety
GTA เขียน:ไม่เกี่ยวกับกระทู้
คุณ HVI ครับ pm ไปถ้าไม่ตอบก็น่าจะบอกเหตุผลกันบ้างไม่ใช่เงียบไปแบบนี้ แค่นี้ล่ะครับ
:shock:
ผมตอบ PM ช้าไปหน่อยเดียว โกรธแล้วเหรอครับเนี่ย...
ตอบให้แล้วนะครับ  8)

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 3:53 pm
โดย GTA
ขอโทษคุณ HVI ด้วยครับ ใจร้อนไปเอง
 :oops:

Re: มาตอบคุณ HVI

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 5:11 pm
โดย MarginofSafety
ขอโทษคุณ HVI ด้วยครับ ใจร้อนไปเอง
ไม่เป็นไรครับ  :nm:
007-s เขียน:

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 5:27 pm
โดย 007-s
ผู้หญิงน้อยคนนะครับ ที่จะมองอะไรแบบนี้
ไม่น้อยนะ เด่วนี้ หญิงมีกิ๊ก ก็มาก
ชายหญิงเด๋วนี้ ไล่กันทันแร้ว  :lol:
คุณยอมรับว่า การมีกิ๊กเป็นเรื่องควร ก็ต้องรับให้ได้ด้วย ว่าอีกคนทำ ก็เป็นเรื่องควร


แต่บังเอิญดิฉัน ไม่ได้นิยม มีกิ๊ก พร้อมๆกัน ...ไม่ใช่เพราะ สูงส่งกว่า ...แต่แค่เพราะ ไม่นิยม ...มันก็เหมือน คนชอบ กินหวานกินเปรี้ยว
และบังเอิญ ก็ไม่เดือดร้อนถ้าใครจะมี ....เพราะเหตุผล ก็คือ ..แค่เขานิยมคนละรสชาติกะเรา...ก็ไม่แปลก

กรณีหาก คู่เราไปมี มันก็เป็นปัญหาระดับจุลภาค ที่ต้องตกลงร่มกันแก้ไขปม
หนทางมันจะออกทางใด ก็ย่อมเป็นไปเช่นนั้น
ก็..เท่านั้น... :wink:

ทุกข์รึ ...สุขรึ ...
เราตะหาก ..เป็นผู้กำหนดเอง
ถ้าเราฝึกการควบคุมจิตใจ บ่อยๆ สั่งมันว่า ฉันคือนายเธอ นะ
...เราก็จะมีตำแหน่งเป็นกัปตัน ของจิตใจ

:wink:  :wink:  :wink: [/quote]

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 11:29 pm
โดย MarginofSafety
007-s เขียน: ไม่น้อยนะ เด่วนี้ หญิงมีกิ๊ก ก็มาก
ชายหญิงเด๋วนี้ ไล่กันทันแร้ว  :lol:
คุณยอมรับว่า การมีกิ๊กเป็นเรื่องควร ก็ต้องรับให้ได้ด้วย ว่าอีกคนทำ ก็เป็นเรื่องควร
ถ้าหากหมายถึงผมเนี่ย เข้าใจผิดนะ
ผมไม่เคยเห็นด้วยกับค่านิยมผิดๆแบบนี้นะครับ
แล้วก็ไม่เห็นด้วยหากจะอ้างความเท่าเทียมกันมาทำสิ่งที่ผิดศีลธรรม
หากเห็นใครทำผิด คุณจะอ้างสิทธิเท่าเทียมมาทำผิดเหมือนเขาทำไม

ทำไมเวลามีความสัมพันธ์กัน ผู้ชายเรียกว่า "ได้"
ส่วนผู้หญิงเรียกว่า "เสีย"
อย่าลืมว่าธรรมชาติไม่ได้ให้ความเท่าเทียมกันในตรงนี้มา
ผิดพลาดขึ้นมา ผู้หญิง เป็นฝ่ายมีภาระผูกผัน
เคยดูหลุมดำ เด็กนักศึกษาให้สัมภาษณ์ว่า ทำแท้งมา 3 ครั้งแล้ว น่าเศร้าใจ

ผมอยากเห็นค่านิยมเก่าๆ งามอย่างหญิงไทย มากกว่า

หากมันเกิดเป็นค่านิยมแบบนี้ขึ้นมาจริงๆ ก็น่ากลัวนะครับ
ฝรั่งเมื่อก่อน ผู้หญิงค่อนข้างมีอิสระในเรื่องทางเพศ
เดี๋ยวนี้ก็ยังหันมาเอาอย่างผู้หญิงเอเชีย คิดว่ามีอะไรหลังแต่งเป็นเรื่องที่ถูก

เรามีประเพณีที่ดีงามอยู่แล้วกลับจะไปเอาอย่างอะไรที่มันไม่ดีจากเขาทำไม เห็นด้วยมั้ยครับคุณ 007-s  :lol:

จิตใจคนเรา เหมือนน้ำ มีพฤติกรรม ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ หากไม่พยายามรักษาไว้
ต่างจากเงินทุน ที่มีพฤติกรรมที่ไหลจากผลตอบแทนต่ำไปสู่ผลตอบแทนสูง

ผมว่ามันชักจะเลยจากประเด็น "หุ้นตัวเดียว" ไปไกลแล้วนะ พอดีกว่า  :D

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 21, 2006 12:12 am
โดย 007-s
ดิฉันก็ว่างั้นอ่ะ เรื่องทำนอง ปรัชญา ในการดำรงค์ ดำเนิน ชีวิต มันคุยกันไม่มีจบอ่ะ มันเป็นสมมุติฐาน ที่แต่ละคนตั้งขึ้น เพื่อยึดเป็นแนวทาง แนวคิด ของผู้นั้น

จบดีก่า ...เด๋วโดนคุง CK จับกระทู้ย้าย ไปห้องสัพเพเหระ
:lovl:  :lovl:



ปล.คำว่า คุณ ไม่ได้หมายถึง คุณ HVI ...หมายถึงทั่วไป ใครก็ตาม ...ขออภัย หากทำให้เข้าใจผิด :bow:

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 21, 2006 1:32 am
โดย Kao
ผมเองเล่นหุ้นและลงทนในบริษัทในตลาดมาประมาณ3ปีกว่า ช่วงหนึ่งเคยมีหุ้นในพอร์ตมากถึง80ตัว :shock:  เนื่องจากไม่ได้วิเคราห์อย่างละเอียดจึงไม่กล้าทีจะถือหุ้นน้อยตัว

เมื่อมองย้อนไป การที่ผมถือหุ้นหลายๆช่วยให้พอร์ตของผมยังคงมีAnnualized Returnsที่10% แม้จะไม่มากเมื่อเทียบกับความเสี่ยง แต่ผมก็พอใจ เนื่องจากผลตอบแทนดังกล่าวได้รวมผลขาดทุนจาการลงทุนใน AYUD FANCY GMMM GRAMMY KTC MAJOR MFEC PHA PL SC SINGER SPSU TVO (ตัวหนาเป็นหุ้นที่ขาดทุนมากถึง25%-50% :ohno: )

ปัจจุบันผมลงทุนเพียง37บริษัท :lol:  แต่ก็ให้น้ำหนักไม่เท่ากันโดย
ตัวที่ผมลงทุนมากที่สุดคิดเป็น35%ของพอร์ต
               10ตัวต่อมาคิดเป็น47%ของพอร์ต
               10ตัวต่อมาคิดเป็น12%ของพอร์ต
               16สดท้ายคิดเป็น   6%ของพอร์ต
ให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีประมาณ18%(Year-To-Date) แต่ก็เร็วเกินไปที่จะวัดผลตอบแทน ไว้สิ้นปีจะลองคำนวณอีกที

สรุปว่าถ้าลงทุนโดยไม่ได้วิเคราะห์เอง การถือหุ้นหลายตัวสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้พอสมควร แต่ก็จะถูกชดเชยด้วยผลตอบแทนที่น้อยด้วย

แต่ถ้าศึกษาและวิเคราห์บริษัทมาเป็นอย่างดีทั้งในเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณจนมั่นใจก็สามารถลงทุนเพียงไม่กี่ตัวเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีโดยที่มีความเสี่ยงน้อยลงได้ เหมือนอย่างที่ ดร.นิเวศน์ พี่ฉัตรชัย พี่มน พี่วิบูลย์ ฯลฯ ได้แสดงให้เห็นแล้ว :bow:

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 21, 2006 2:13 am
โดย Boring Stock Lover
เคยคำนวณคร่าวๆว่า ที่ระดับ 12 ตัว ผลตอบแทนจะเริ่มล้อไปกับตลาด ยิ่งมากขึ้นก็ยิ่งเหมือนตลาดมาก พอเกิน 20 ตัวตัวที่เกินไปนี่แทบไม่สร้างผลกระทบใดๆ

ดัชนีดาวโจนส์ใช้หุ้นแค่ 30 ตัว ก็ทำให้นักลงทุนทั่วโลกเชื่อว่าเป็นดัชนีที่ชี้ถึง ตลาดหุ้นในอเมริกา ที่จริงๆมีมากเป็น 5,000 6,000 ตัวทีเดียว

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 21, 2006 10:40 am
โดย 007-s
[quote="Kao"]

ปัจจุบันผมลงทุนเพียง37บริษัท :lol:

มีใครถือหุ้นตัวเดียวเกิน 90 % ของ port บ้างมั้ยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 21, 2006 10:44 am
โดย 007-s
ขอแก้ไขค่ะ
ถ้าสิบตัวต่อมา ลงเท่าๆกัน เท่ากะตัวละ 4.7%(แต่รวมกันแล้ว มีอำนาจ มากเกือบครึ่งนึงของพอร์ท...อาจจะเรียกว่าเป็นกลุ่ม แมส
กลุ่มนี้ต้องเรียก เป็น กลุ่ม นักวิชาการ

:lol:
สองกลุ่มล่าง เป็น เสียงส่วนใหญ่ แต่ไม่ค่อยมีอิทธิพล ต่อพอร์ท
เพราะ มีจน.รวมกันแล้ว มากกว่า สองกลุ่มบน แต่น้ำหนัก ที่ลงไป ไม่ถึง20% ของพอร์ท
อันนี้ตะหาก กลุ่ม แมส ...รากหญ้า มหาชน  :lovl:

:mrgreen: