หน้า 2 จากทั้งหมด 2

..การแสดงผลของดัชนีที่เบี่ยงเบนต่างกัน(20/05/2548)

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 10:47 am
โดย adi
indexthai เขียน:
ผมได้แสดงความคิดเห็นในส่วนที่ผม quote คำพูดของคุณ indexthai เรื่องการนำดัชนีตลาดทั่วโลกมาเปรียบเทียบกัน ลองดูคำพูดที่ผมquoteมาก็ได้ครับ ไม่เคยได้ยก set50 หรือ set100 มาพูดเลย ต้องแยกแยะประเด็นให้ชัดเจนครับ

ส่วนสิ่งที่คุณ indexthai พูดเกี่ยวกับเรื่อง set50 set100 set นั้นผมเห็นด้วยเต็มที่เนื่องจากมันเป็นไปตามหลักการของ portfolio theory อยู่แล้วโดยไม่มีความจำเป็นต้องสังเกตเปอร์เซนต์การเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
ถ้าคุณ indexthai สนใจเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ผมแนะนำให้หาหนังสือพวก investment อ่านเกี่ยวกับ portfolio theory, efficient frontier อะไรเทือกนี้อ่านดูครับ

..การแสดงผลของดัชนีที่เบี่ยงเบนต่างกัน(20/05/2548)

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 2:39 pm
โดย indexthai
adi เขียน: ผมได้แสดงความคิดเห็นในส่วนที่ผม quote คำพูดของคุณ indexthai เรื่องการนำดัชนีตลาดทั่วโลกมาเปรียบเทียบกัน ลองดูคำพูดที่ผมquoteมาก็ได้ครับ ไม่เคยได้ยก set50 หรือ set100 มาพูดเลย ต้องแยกแยะประเด็นให้ชัดเจนครับ

ส่วนสิ่งที่คุณ indexthai พูดเกี่ยวกับเรื่อง set50 set100 set นั้นผมเห็นด้วยเต็มที่เนื่องจากมันเป็นไปตามหลักการของ portfolio theory อยู่แล้วโดยไม่มีความจำเป็นต้องสังเกตเปอร์เซนต์การเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
ถ้าคุณ indexthai สนใจเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ผมแนะนำให้หาหนังสือพวก investment อ่านเกี่ยวกับ portfolio theory, efficient frontier อะไรเทือกนี้อ่านดูครับ

ผมไม่ค่อยเข้าใจนักว่าดูการเปลี่ยนแปลงของพอร์ต แล้วไม่ดูการเปลี่ยนแปลงของดัชนี
อย่างน้อยก็ต้องเปรียบเทียบกัน.. พอร์ตเพิ่ม-ลดเท่าใด ดัชนีเพิ่ม-ลดเท่าใด
พอร์ตชนะตลาด(ดัชนี) หรือแพ้ตลาด(ดัชนี)
แล้วจะมีดัชนีไปทำไม
นี่กล่าวในแง่พื้นฐานเท่านั้น

แต่ผมนำเสนอในแง่เทคนิค..
ดัชนีตลาดหุ้นมีผลต่อจิตวิทยาการลงทุน(เก็งกำไร)ด้วย
แกว่งตัวแรงไม่แรง.. ส่งผลทางเทคนิค(หรือส่งผลต่อจิตวิทยานักลงทุน)

:?:

..การแสดงผลของดัชนีที่เบี่ยงเบนต่างกัน(20/05/2548)

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 2:46 pm
โดย CK
คุณ adi พูดถูกต้องครับ เห็นด้วย

ส่วนที่คุณดัชนีไทยพูด ผมว่ามองแคบไปนิด

..การแสดงผลของดัชนีที่เบี่ยงเบนต่างกัน(20/05/2548)

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 2:51 pm
โดย indexthai
การเกี่ยวข้องกับ IMF

เรียงลำดับเวลา-เหตุการณ์ดังนี้

1) SET Index อ่อนแอตั้งแต่เกิด ....................... 30 เมษายน 2518
2) Maintenance mrgin+force sell..................... 01 ตุลาคม 2536
3) SET Index ถูกลากขึ้น 1,750 จุด................... 04 มกราคม 2537
4) ลอยค่าบาท ................................................ 02 กรกฎาคม 2540
5) อัตราดอกเบี้ย(RP14D)พังเหลือ 1.5%............ ปี 2542-2544

ผลเรียงลำดับเหตุการณ์ตามช่วงเวลาให้เห็น ว่าต้นเหตุมันเริ่มต้นที่ตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นตกหนัก มูลค่าตลาดหุ้นเสียหาย 3.3 ล้านบาท
ส่งผลให้ค่าเงินบาทเสียหาย
ต้องใช้ทุนสำรองฯ ไปช่วยพยุงบาท เสียเงินไปกว่า 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทุนสำรองฯ หมดไป ทำให้ประเทศขาดความเชื่อมั่น
ต้องไปขอความช้วยเหลือจาก IMF

..การแสดงผลของดัชนีที่เบี่ยงเบนต่างกัน(20/05/2548)

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 2:55 pm
โดย indexthai
ที่ผมนำเสนอแบบเป็นระบบ
หากเห็นว่าไม่มีเหตุผล
ก็แสดงเหตุผลที่คุณเชื่อมาแย้งได้...

เช่นว่าต้นเหตุอะไรที่ต้องเข้ารับความช่วยเหลือจาก IMF

ของผมไม่แคบหรอก
เพราะ.....
ไม่ได้มองเรื่องศาสตร์(พื้นฐาน)อย่างเดียว
แต่มองในแง่ของศิลป์(เทคนิค)ด้วย

..การแสดงผลของดัชนีที่เบี่ยงเบนต่างกัน(20/05/2548)

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 2:58 pm
โดย indexthai
indexthai เขียน:การเกี่ยวข้องกับ IMF

เรียงลำดับเวลา-เหตุการณ์ดังนี้

1) SET Index อ่อนแอตั้งแต่เกิด ....................... 30 เมษายน 2518
2) Maintenance mrgin+force sell..................... 01 ตุลาคม 2536
3) SET Index ถูกลากขึ้น 1,750 จุด................... 04 มกราคม 2537
4) ลอยค่าบาท ................................................ 02 กรกฎาคม 2540
5) อัตราดอกเบี้ย(RP14D)พังเหลือ 1.5%............ ปี 2542-2544

ผลเรียงลำดับเหตุการณ์ตามช่วงเวลาให้เห็น ว่าต้นเหตุมันเริ่มต้นที่ตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นตกหนัก มูลค่าตลาดหุ้นเสียหาย 3.3 ล้านบาท
ส่งผลให้ค่าเงินบาทเสียหาย
ต้องใช้ทุนสำรองฯ ไปช่วยพยุงบาท เสียเงินไปกว่า 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทุนสำรองฯ หมดไป ทำให้ประเทศขาดความเชื่อมั่น
ต้องไปขอความช้วยเหลือจาก IMF
:shock:
ในหลายสิบประเทศที่ต้องเข้ารับความช่วยเหลือจาก IMF
ก็มี pattern แบบเดียวกันนี้

:?:

..การแสดงผลของดัชนีที่เบี่ยงเบนต่างกัน(20/05/2548)

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 2:59 pm
โดย CK
ที่ผมว่าแคบ เพราะคุณดัชนีไทยมองแค่กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจาก set index
แล้วซื้อตามหรือขายตาม set index

ในขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้โง่ขนาดนั้นครับ

..การแสดงผลของดัชนีที่เบี่ยงเบนต่างกัน(20/05/2548)

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 3:01 pm
โดย indexthai
CK เขียน:ที่ผมว่าแคบ เพราะคุณดัชนีไทยมองแค่กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจาก set index
แล้วซื้อตามหรือขายตาม set index

ในขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้โง่ขนาดนั้นครับ

เป็นคำกล่าวที่ไม่จริง.....

..การแสดงผลของดัชนีที่เบี่ยงเบนต่างกัน(20/05/2548)

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 3:09 pm
โดย CK
ผมพูดถึงนักลงทุนครับ :) ไม่ได้พูดถึงนักเก็งกำไรนะครับ

..การแสดงผลของดัชนีที่เบี่ยงเบนต่างกัน(20/05/2548)

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 27, 2005 11:09 am
โดย indexthai
:P

ตั้งแต่เกิดมา....

ไม่เคยพบว่าค่าเงินเสียหายก่อนตลาดหุ้น

แต่พบว่า.. ตลาดหุ้นพังทลายก่อน.. แล้วค่าเงินก็พังทลายตามมา

จึงสามารถกล่าวได้... ตลาดหุ้นคือต้นเหตุการพังทลายของค่าเงิน

ที่ประเทศไหนๆก็พบว่าเป็นเช่นนี้..

:P

..การแสดงผลของดัชนีที่เบี่ยงเบนต่างกัน(20/05/2548)

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 27, 2005 11:19 am
โดย indexthai
indexthai เขียน::P

ตั้งแต่เกิดมา....

ไม่เคยพบว่าค่าเงินเสียหายก่อนตลาดหุ้น

แต่พบว่า.. ตลาดหุ้นพังทลายก่อน.. แล้วค่าเงินก็พังทลายตามมา

จึงสามารถกล่าวได้... ตลาดหุ้นคือต้นเหตุการพังทลายของค่าเงิน

ที่ประเทศไหนๆก็พบว่าเป็นเช่นนี้..

:P

นี่ไงครับที่ผมเรียงลำดับเวลาให้ดู
เรียงลำดับเวลา-เหตุการณ์ดังนี้
(แสดงให้เห็นว่าตลาดหุ้นพังก่อน แล้วค่าเงินก็พังตามมา)

1) SET Index อ่อนแอตั้งแต่เกิด ................. 30 เมษายน 2518
2) Maintenance mrgin+force sell.............. 01 ตุลาคม 2536
3) SET Index ถูกลากขึ้น 1,750 จุด............ 04 มกราคม 2537 (แล้วพัง)
4) ลอยค่าบาท ......................................... 02 กรกฎาคม 2540
5) อัตราดอกเบี้ย(RP14D)พังเหลือ 1.5%...... ปี 2542-2544

:?:

..การแสดงผลของดัชนีที่เบี่ยงเบนต่างกัน(20/05/2548)

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 27, 2005 11:25 am
โดย indexthai
:mrgreen:

การวิเคราะห์เศรษฐกิจ(หรือตลาดหุ้น)
คนทั่วไปจะคิดแค่ ..what ..where ..when ..(why) เท่านั้น
why อาจจะไม่มีด้วย...

แต่หากจะให้รู้ละเอียดจะต้องทำงานมากกว่านี้
what ..where ..when ..why ..how ..how much ..how long...

:mrgreen: