หน้า 99 จากทั้งหมด 160

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 06, 2009 5:51 pm
โดย TPH
อุตสาห์แอบอ่านหลบ ๆ ตามข้างเสาแล้ว ยังโดนตอกย้ำให้ต้องแสดงตน  :lol:  :lol: อย่างที่ถามไปนะครับผมเองก็เพิ่งเริ่มจะลงทุนเลยยังไม่ค่อยมีข้อมูลของแต่ละบริษัทซักเท่าไหร่ ยิ่ง SET & mai มีบริษัทตั้ง 450 up ผมเองติดตามอยู่ไม่เกิน 15 จะได้มั้ง แต่ที่ติดพอร์ทตอนนี้มีอยู่ 8 ตัว เอแต่ถามอะไรพี่ VIB007 ไปแล้วนะลืม  :lol:  :lol:  :lol:
1.  บ.ที่อยู่ในตลาดหุ้นตัวใดที่มี High switching cost สูงครับ
ถาม คิดว่าบริษัทไหนละครับ ลองหาดูก่อนแล้วมาคุยกัน
ตอบ ตัวนี้ของ SET ยังไม่มีข้อมูลว่าบริษัทไหน แต่ถ้าของ USA เนี่ยผมว่า Microsoft เนี่ยน่าจะเข้าข่าย ลองย้อนไปดูตอน Y2K ดูสิตอนนั้นต่างต้องซื้อ update software หรืออาจจะลองดูบริษทห้างร้านต่าง ๆ ที่มีคอมดูจะเห็นว่า OS เป็น Microsft
2. ระหว่างบริษัทที่มี High switching cost สูงกับ barrier to entryสูง อย่างไหนดีกว่ากัน
ถาม แล้วน้อง(ขอเรียกน้องนะ)คิดว่าอะไรดีกว่ากันหละ

จากคำตอบข้อหนึ่งผมชอบบริษัทที่มี High switching cost สูงครับ แต่จะให้ดีต้อง two in one สิเนี่ยละเยี่ยมเลย  :kq:
3. เราสามารถนำหลักการลงทุนของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจากฝั่งตะวันตกมาใช้กับตลาดบ้านเราได้หรือไม่
ถาม แล้วหลักการที่ว่าคืออะไร

ตอบ อย่างหลักการของ buffete, philip fisher, peter lynch, ben graham
4. Margin of safety ในนิยามของพี่คืออะไร ผมเห็นแต่ละคนมีนิยามที่ไม่เหมือนกัน
ตอนนี้กำลัง Discuss กับเจ้าฮงอยู่เรื่องนี้
มาแจมได้

ตอบ ส่วนตัวผมขอยอมรับว่าไม่สามารถคำนวณหามูลค่าหุ้น เลยใช้ MOS ตามอำเภอใจแบบพี่สุมาอี้เขียนไว้  :lol:  :lol:  :lol: โดยผมจะดู earning yield เทียบกับอัตราที่ได้รับกับพันธบัตร
5. เราจำเป็นต้องรู้วิธีการหามูลค่าโดย DCF หรือไม่ เพราะอะไร
ถาม แล้วรู้ไหมครับว่าดีซีเอฟมันคืออะไร

ตอบ ไอ้ DCF เนี่ยเป็นญาติอะไรกับตู้ SAFE หรือเปล่า  :lol:  :lol:  :lol: ล้อเล่นมันคือวิธีการหามูลค่าหุ้นหรือสินทรัพย์จากการคิดอัตราส่วนลดของกระแสเงินสดที่คาดว่าหุ้นหรือสินทรัพย์นั้นสามารถผลิตออกมาได้

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 06, 2009 7:28 pm
โดย mprandy
VIB007 เขียน: ลองเดาใจนักลงทุนเหล่านี้ซิครับ
ว่าเขาเหล่านั้นจะทำอย่างไรในวิกฤติตอนนี้

Ben Graham
Phil Fisher
Peter Lynch
และอื่นๆที่นึกออก
ลองเดาใจเล่น ๆ ตามสไตล์ที่เรารู้ ๆ กันในตำรา

Ben Graham น่าจะขุดงบบริษัททั้งหลาย เลือกซื้อหุ้นบริษัทที่ราคาหุ้นลงต่ำกว่า BV เยอะ ๆ หนี้น้อย เงินสดท่วมบริษัท แล้วก็ถือ รอ ๆ ๆ ๆ จนกว่ามันจะขึ้น

Phil Fisher เลือกดูบริษัทที่มีธุรกิจที่แข็งแกร่ง ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี

Peter Lynch จ้องมองบริษัทที่ตอนนี้เน่าหนอนสุดชีวิต แล้วคิดว่ามันน่าจะรอด เลือกซื้อเมื่อคิดว่ามันผ่านจุดเลวร้ายที่สุดไปแล้ว แล้วรอให้มันฟื้นเพื่อให้ได้ซักสามเด้งเป็นอย่างต่ำ ดูแล้วพวก Bank, Auto, GE และ AIG น่าจะเข้า list แกได้สบาย

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 06, 2009 7:35 pm
โดย mprandy
[quote="TPH"]
2. ระหว่างบริษัทที่มี High switching cost สูงกับ barrier to entryสูง อย่างไหนดีกว่ากัน
ถาม แล้วน้อง(ขอเรียกน้องนะ)คิดว่าอะไรดีกว่ากันหละ

จากคำตอบข้อหนึ่งผมชอบบริษัทที่มี High switching cost สูงครับ แต่จะให้ดีต้อง two in one สิเนี่ยละเยี่ยมเลย

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 06, 2009 10:08 pm
โดย nortuss
พีวิบูลย์ ครับ
คือถ้าผมกำลังจะเริ่มลงทุน ถ้าผมใช้วิธีหาบ.ที่มีกำไร เพิ่ม(ไม่ขาดทุน) จากงบการเงินของปีที่แล้ว ไล่มาทุกบ. แล้วใช้หลักเกณการล่อนหุ้นตามหนังสือตีแตก
ex -pe ไม่เกิน5เท่า
    -pb ไม่เกิน 1เท่า
    -roe 15% ขึ้นไป
    -ดูงบการเงินนิดหน่อย(พยายามศึกษาอยู่)
    -บวกกับการวิเคราะธุรกิจนิดหน่อย
พี่ว่าตามสถาณการอย่าง ทำตามพี่ผมว่าพอไหวมั๊ยครับ
ช่วยชี้แนะด้วย ขอบคุนคับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 06, 2009 10:44 pm
โดย Yod
ขอถามนิดนึงครับ
ไหนๆ ก็คุยถึงปีเตอร์ ลินซ์แล้ว
พอทราบไหมครับว่า กองทุนแมคเจลเลนเขาปรับพอร์ตยังไงครับ
เห็นว่าปัญหา subprime นี่กระทบ Fannie mae เยอะใช่ไหมครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 07, 2009 10:03 am
โดย hongvalue
RONNAPUM เขียน: ก่อนอบรมเรื่องทองวันที่ 14
มานั้งฟัง ฮง ให้ความรู้ก่อนดีกว่า ^_^
ไปฟังเสร็จแล้วปีประเด็นอะไรเพิ่มก็ช่วยมา update ให้ฟังที่นี้ด้วยนะครับ

รูปภาพ

หมอด้า กับ พี่วิบูลย์ และคนอื่นๆ มาแชร์เรื่องทองกันดีกว่าครับ

ผมเปิดประเด็นให้

จากรูปนี้คือ demand และ supply ของทอง

ปี 2008 นั้นเก็บข้อมูลได้เพียง 9 เดือน เลยมี estimate นะครับ

แต่เราจะยึดตัวเราที่เขาบอกมาก่อน เพราะมีข้อมูล 9 เดือน

ยังไงก็คงใกล้เคียงของจริง

ดูฝั่ง demand ก่อน เพิ่มขึ้นมาเยอะๆในส่วนของ

retail investment  โดยเฉพาะปีที่แล้วเพิ่มขึ้นเยอะมาก

จาก 410 ไปเป็น 769

แต่ฝั่ง supply  การขุดทองจากเหมืองลดน้อยลง

และการขายจากธนาคารกลางก็น้อยลง

เพิ่มขึ้นแต่ในส่วนของ scrap



ผมว่า theme เรื่อง safeheaven ก็คงจริงนะ ถ้าดูจาก demand

ตอนนี้คนเห็นทองเป็นที่หลบภัยอะไรซักอย่างหรือป่าว

ถ้าเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้ทองราคานี้อาจจะล่วง กราวๆ เลยก็ได้



ผั่ง supply เท่าที่ผมรู้ แอฟริกาใต้  ผลิตได้น้อยลงเยอะเลยนะ

รู้สึกว่าต้นทุนสุงขึ้นหรือไรเนี้ยแหละ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 07, 2009 10:21 am
โดย hongvalue
เอาข้อมูลทองมาโพสต่อ

อ่าน research ทองแล้วมันดีนะ

รู้เลยว่าสิ่งที่คนเชื่อกับคนที่เป็นจริงไม่ได้เหมือนกันหรอก

รูปภาพ


เรื่องนี้เคยคุยกับบางท่านไปแล้ว  ก็คือ ว่ามีบางคนบอกว่า

กราฟบนทางด้านขวา  มีคนชอบบอกว่า  จีน ถือทองเป็น % ของ

reserve น้อยเกินไป ถ้าไม่มั่นใจเงินดอลล่า ทำไมไม่เพิ่มน้ำหนัก

แต่ ที่เคยคุยก็คือ supply ของทองมีไม่พอที่จะให้จีน

มาถือเพิ่ม ฉะนั้น ในทางปฏิบัติคงเป็นไปไม่ได้

หมอด้ามาช่วยเสริมหน่อยนะ

หรือ ใครมีความเห็นแบบอื่นๆก็ยินดีนะครับ


กราฟล่าง เก็บข้อมูลมาจาก world gold council

แสดงความสัมพันธ์ของทองกับอย่างอื่นในรอบ 5 ปี

จะเห็นว่าจริงๆแล้วทองไม่ได้สัมพันธ์กับ น้ำมัน หรือ ผกผันกับ dowjone

อย่างที่คิดเลย จะเห็นว่า correalation น้อยมาก

บางทีมันสัมพันธ์กับเดือนสองเดือน  คนก็เอามาบอกว่า

มันสัมพันธ์กัน ผมเลยเอาข้อมูลที่เป็นสากลมาสรุปให้ฟังแทนดีกว่า



เอาล่ะผมเปิดประเด็นเรื่องทองจบแล้ว

พ่อแม่พี่น้อง  เชิญมาแสดงความเห็นกันได้แล้ว

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 07, 2009 1:45 pm
โดย noooon010
กระทู้ เลขสวยจริงๆ 99 แล้วครับ
ก่อหน้านี้ เกือบ 2 เดือนผมว่า จะเริ่มอ่านหน้าจาก 1 ไปเรื่อยๆ
เพราะ น้อง นพ (noppakun) จาก viknowhow บอกว่า พี่...เราเริ่ม
อ่านตะแกรงร่อนหุ้นรู้เรื่องแล้ว
ก่อนหน้านี้ ไม่รู้เค้าคุยอะไร  :lol:

ไปๆมาๆ
สำหรับตัวผมเอง ผมพบว่า การจำกัดเวลาในการใช้ net
และให้เวลากับการอ่านหนังส้อต่างๆ ทั้งหนังสือเกี่ยวกับการลงทุน หนังสือทั่วไป
และไม่ลืมที่จะอ่านตำราแพทย์

มันทำให้ผมรู้สึกดีกว่าเดิม

แต่ก่อนเวลาอ่านสิ่งต่างๆ บน net เสร็จแล้ว
บางทีเหมือนมันมีแรงดึงดูด
(หรือตัวขี้เกียจในตัวผม :oops: )

ทำให้เราไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลย

ผมว่าที่คุณ IH แนะนำในกระทู้นี้มันยอดมากๆครับ

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=24502

2 วันก่อน อ่านหนังสือ letter to shareholder ที่รวบรวมสิ่งต่างๆที่ Mr.Buffett เขียนไว้ในการประชุมผู้ถือหุ้น

อ่านบท Mr.Market แล้วรู้สึกว่า ได้ใจเราไปเต็มๆครับ

จริงๆแล้ว Buffett ไม่ได้บอกให้ถือยาว(ถ้าอ่านดีๆ)
ถ้ามีตัวอื่นที่ดีกว่า
หรือตัวที่เราถือ พื้นฐานมันเปลี่ยนไป เหตุผลในการซื้อหุ้นตัวนั้นมันหมดไป

บางครั้งเค้าขายที่ fair value / under value
...คล้ายๆที่พี่ลูปอีสานแนะนำ ในกระทู้ปรับ port มั้งครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 07, 2009 1:50 pm
โดย mprandy
คราวนี้น้องฮงเล่นของแพงแฮะ  :8)

ออกตัวไว้ก่อนว่า ความเห็นเกี่ยวกับทองคำต่อไปนี้ เป็นความเห็นของผมเอง ผมมีความรู้เรื่องการลงทุนในทองคำน้อยมาก ดังนั้นผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณ

ทองคำมันมีความพิเศษกว่าสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ อยู่ตรงที่ ส่วนใหญ่ของทองคำไม่ใช่สินค้าที่ใช้แล้วหมดไป (คือคนซื้อแล้วไม่ได้เอาไปใช้ แต่เอาไว้เก็บ) ดังนั้นหลักการ supply-demand จึงใช้ไม่ได้กับทองคำแบบสินค้าโภคภัณฑ์ ถ้าสังเกตดูด้าน demand แม้ว่า 2 ใน 3 จะมาจาก jewelry consumption แต่คนซื้อสามารถเปลี่ยนเป็นคนขายได้เมื่อราคามันสูงพอ ผมว่าเหตุผลหนึ่งที่ jewelry consumption ในปี 2008 ลดลงน่าจะมาจากราคาทองคำที่สูงขึ้น (ซื้อน้อยลง แถมคนมีเก็บไว้ยังเอาออกมาขายด้วย)

ถ้ามองภาพได้ถูกต้องจริง ๆ ต้องมีข้อมูล household gold holdings มาประกอบด้วย (ผมไม่รู้จะหาที่ไหนเหมือนกัน)

สำหรับจีนอันนี้น้องฮงว่าไปแล้ว การที่จีนจะเปลี่ยนประเภทของ reserve เป็นเรื่องยากเกินคาดเดาเพราะเขาเก็บเป็นความลับ แถมปริมาณ reserve ที่มีมหาศาลขนาดนั้น การเปลี่ยนเป็นทองคำคงทำได้เพียงส่วนน้อย และถ้าจะทำจริงก็คงต้องค่อยเป็นค่อยไปเพื่อไม่ให้เกิด pressure ต่อราคาทองคำในตลาดมากนัก

ลงท้าย ถึงเพิ่ม reserve เป็นทองคำ แต่ถ้าดู overall reserve port แล้วการเพิ่มไม่สามารถทำให้มูลค่า reserve เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

ความเห็นผม ผมคิดว่าจีนยังคงถือ "เงินตราต่างประเ้ทศ" เป็น reserve หลักต่อไปอยู่ดี เพราะปรับเปลี่ยนง่าย และสามารถ stabilize ค่าเงินตัวเองได้ด้วย ส่วนเกินคงตั้งเป็น Sovereign Wealth Fund ลงทุนระยะยาวไปเลยดีกว่า

สำหรับราคาืทองคำที่ผันผวนและพุ่งสูงขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ (ก่อนจะย่อลงมา) น่าจะเป็นอย่างที่น้องฮงบอก คือมีส่วนสำคัญมาจากความไม่มั่นใจของนักลงทุนมากกว่าอย่างอื่น

การติดตามความ "ไม่มั่นใจ" ของตลาดและนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถดูคร่าว ๆ ได้ผ่านดัชนี 3 อย่าง (Three indicators of uncertainty) ได้แก่ TED spread, VIX และ ราคาทองคำ

TED spread บ่งบอกถึง "สภาพคล่อง" ของระบบการเงิน ถ้าเมื่อไหร่ TED spread ถ่างกว้างมาก (เหมือนเมื่อเดือนตุลาคมตอน Lehman ล้ม) แสดงว่าสภาพคล่องมันเหือดแห้งไปหมด (ไม่มั่นใจในตลาดเงิน)

VIX บ่งบอกถึงความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐ เพราะ VIX เป็นดัชนีวัด volatility ของ S&P ยิ่ง VIX สูงมาก แสดงว่านักลงทุนคาดว่าดัชนี S&P จะผันผวนมาก ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของ bear market (ไม่มั่นใจในตลาดทุน)

ราคาทอง บ่งบอกถึงทางเลือกของนักลงทุน, ค่าเงินดอลลาร์ และแนวโน้มเงินเฟ้อของโลก ถ้าเงินเฟ้อสูงขึ้น, ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง หรือนักลงทุนไม่แน่ใจในการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น ทองยังเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดอย่างหนึ่ง จึงมี demand ในทองมากขึ้น และผลักดันราคาทองให้สูงขึ้น (ไม่มั่นใจในการลงทุนอื่น)

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 07, 2009 1:58 pm
โดย noooon010
อ้าว พิมพ์ผิดซะงั้น... :?

พี่ลูกอีสานครับ ... ขอโทษจริงๆครับ

...มีใครเป็นแบบผมไหมครับ เวลาเราวิ่ง
บางที เราวิ่งแซงเค้า
บางทีก็มีคนวิ่งแซงเรา
บางทีเค้าวิ่งเร็วมากๆ
บางทีเราจะแซงคืน

ในที่สุดเราก็เหนื่อยกว่าเดิม หรือ เกิดการบาดเจ็บ

ผมว่า ผมใช้หลักการลงทุนมาใช้ในชีวิตประจำวันได้นะครับ
:idea:

บางทีที่ buffett บอกให้ถือยาว
ในความคิดของผม
เค้าคงมี ราคาในใจ / มูลค่าในใจแล้ว ... (หรือเปล่า :lol: )

แต่เนื่องจาก ราคาหุ้น มัน swing ขึ้น-ลง
บางครั้งมีอะไรที่ทำให้ อารมณ์ มันเข้ามามีส่วนบดบังการตัดสินใจเรา

เค้าเลยพยายามขจัดตัวกวนทิ้งซะ

ไม่ใช่ว่า เพราะมันไม่ดี ไม่น่าติดตาม

แต่บางครั้ง (สำหรับบางคน)
การติดตาม เกาะติดตลาดเกินไป
กลับส่งผลร้ายกับตัวเค้า

ในที่สุดแล้ว
วิธีที่ดีที่สุดของแต่ละท่าน คงไม่เหมือนกัน

ผมชอบบทความของพี่โจ๊กครับ
http://api.settrade.com/blog/1001ii/2009/03/04/491

ผมว่า ความเชื่อของแต่ละคน นั้นสำคัญนะครับ

แต่ก่อน ผมเคยเปลี่ยนความคิดการลงทุน สับสน และงง ไปตามเกมส์ของตลาด

ไม่ได้ cut loss /ล้าง port
จนมีวันนึง ไป เซ็งกับตลาดมากไป

ถ้าแบ่ง port เป็น 2 อัน

อันนึง ล้าง port ไป
อีกอัน ซื้อหุ้นเพิ่ม เพราะว่าเรา "มีความเชื่อว่า" กิจการยังอยู่ได้

สำหรับผม
ความคิดอันหลัง ทำให้ผมได้กำไร ...และได้ความสบายใจ
....แล้วผมก็ทราบว่า อะไร มันเหมาะกับผม

...จากการที่อ่าน& ศึกษาไปเรื่อยๆ
ผมชอบที่เรามาคุย มาถกกัน
บางทีคุยเรื่องเบาสมองบ้าง
มันทำให้เราพัฒนาทั้งความคิด และมิตรภาพครับ

ปล.1 ผมชอบ clip อันนี้ของน้อง ปรี threedot นะครับ
ฮาได้ใจมากๆ

http://www.youtube.com/watch?v=YE6VucDV ... r_embedded

(ถ้าสังเกตดู จะมี clip ตอนก่อนหน้านี้ และตอนต่อๆไปอยู่ด้านข้างด้วยนะครับ)

ปล.2 มีใครฟัง คุยเล่นเป็นข่าวไหมครับ
ผมว่า เค้าทำให้เราเปิดมุมมอง ข่าวในรอบสัปดาห์ได้ดีมากๆนะครับ

http://www.youtube.com/watch?v=YE6VucDV ... r_embedded

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 07, 2009 2:27 pm
โดย noooon010
:)

เกี่ยวกับเรื่องทอง

ผมไม่แน่ใจว่า ประเทศอื่นๆเค้าเป็นแบบบ้านเราไหมครับ

http://www.ranthong.com/webboard/gp.php?page=1

ราคาทองบางครั้ง เค้าไม่อิงตามลาดโลก
ซึ่งราคามักบิดเบือนเมื่อ ราคาทอง สูง มากๆ(คนแห่มาขายทอง) หรือต่ำมากๆ
(คนแห่มาซื้อทอง) ...จน เกิดการปิดร้าน ซะงั้น... เปิด 8 โมง ปิด 9 โมง แล้วเปิดอีกที 11 โมง ให้คิวเป็นกระดาษ รอนาน 4 ชม.
(ขนาดร้านดังมากๆเป็นที่เยาวราชนะครับ)

ส่วน  gold future ... สำหรับผมแล้ว
ผมรู้สึกว่า มันมีความเสี่ยงค่อนข้างมากนะครับ

เอย่างไรในวันเสาร์หน้า ถ้าเรียนเรื่องทองแล้วได้ความว่าอย่างไร
คงได้มาแชร์กันอีกทีนะครับ  :D

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 07, 2009 9:57 pm
โดย ลูกอิสาน
[quote="hongvalue"]พี่ลูกอีสานผมส่งเทียบเชิญไปแล้ว

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 10:01 am
โดย VIB007
[quote="ลูกอิสาน"][quote="hongvalue"]พี่ลูกอีสานผมส่งเทียบเชิญไปแล้ว

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 10:24 am
โดย dome@perth
VIB007 เขียน: ปล. ว่าแต่ว่าปีนี้ผมเจอวีไอตัวจริงในเมืองไทยไม่ขาดทุนด้วยนะ
แถมถือหุ้น 100% ตลอดเวลาด้วย......ขอบอก
ใครน๊า... ท่านดร. หรือครับ  เอ...คุณลูกอิสาน ก็+3%นิ :D

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 10:36 am
โดย VIB007
dome@perth เขียน:
ใครน๊า... ท่านดร. หรือครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 10:37 am
โดย VIB007
VIB007 เขียน:
ใครน๊า... ท่านดร. หรือครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 10:49 am
โดย ลูกอิสาน
ไม่รู้เมื่อไหร่พี่ WEP จะมาให้ความรู้น้องนุ่งในกระทู้นี้มั่งครับ :lol:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 10:54 am
โดย dome@perth
พี่ฉัตรชัยแหงๆ

ใช่ไหมครับ :D

นับถือ พี่แกจริงๆ

ใจแกร่งยังกะหิน
ถือหุ้นแกร่งยังกะภูเขา

แหม...ทำไปด้าย.....ถือหุ้นเดียว มา5-6ปีไม่เคยเปลียน

ผมดูคลิปสัมภาษณ์ มันนี่ ทอร์ค เดลี่ / รอบ ชอบมักๆ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 11:00 am
โดย VIB007
dome@perth เขียน:พี่ฉัตรชัยแหงๆ

ใช่ไหมครับ :D

นับถือ พี่แกจริงๆ

ใจแกร่งยังกะหิน
ถือหุ้นแกร่งยังกะภูเขา

แหม...ทำไปด้าย.....ถือหุ้นเดียว มา5-6ปีไม่เคยเปลียน

ผมดูคลิปสัมภาษณ์ มันนี่ ทอร์ค เดลี่ / รอบ ชอบมักๆ
อ่านดูดีๆ
พี่ฉัตรขาดทุนนา

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 11:01 am
โดย VIB007
ลูกอิสาน เขียน:ไม่รู้เมื่อไหร่พี่ WEP จะมาให้ความรู้น้องนุ่งในกระทู้นี้มั่งครับ :lol:
คำตอบสุดท้ายหรือเปล่า :\/:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 11:04 am
โดย por_jai
:8) ผมรู้ครับแต่รอให้คนอื่นมาตอบดีกว่า
     ใครอ่านกระทู้นี้ละเอียดๆ ก็ึคงรู้เหมือนผม
     เฮียเขาแน่จริงครับ
     ว่าแต่ดีวีดีที่ไปออกmoneytalkก็ยังอยู่กับผม
     ฝากวิบูลย์ไว้ได้ไหมเพราะยังเจอกันบ้างนี่นา
     จะได้จัดส่งไปให้

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 11:04 am
โดย AuI_a VI
ขอตอบบ้างครับ ผมว่าน่าจะเป็น ประธานเว็บ เรารึป่าวครับ เป็นคำตอบสุดท้าย.......










ถ้าผิด ขอแก้ตัวอีกที  ตอบ เป็นพี่ WEB ละกันครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 11:04 am
โดย VIB007
VIB007 เขียน: อ่านดูดีๆ
พี่ฉัตรขาดทุนนา
คอลัมน์: มันนี่ทิปส์: อวสาน Value Investor!!

โพสต์ทูเดย SECTION A 07/03/2009 07:34:06
สวลี ตันกุลรัตน์

สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง แล้วนับประสาอะไรกับชายสูงอายุอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ จะไม่รู้จักกับคำว่า ขาดทุน (อีกครั้ง) เพราะในปี 2551 บริษัท เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ ของเขา มูลค่าหุ้นลดลง 9.6% จากปี 2550 นับเป็นการขาดทุนครั้งที่ 2 และเป็นครั้งที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 44 ปี (ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2544 ซึ่งเกิดเหตุการณ์ช็อกโลก 9/11 เบิร์กไชร์ฯ ขาดทุน 6.2%)
นอกจากนี้ บัฟเฟตต์ ประธานบริษัท เบิร์กไชร์ฯ ในฐานะนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ในโลก การลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investing) และสุดยอด ปรมาจารย์ของนักลงทุนที่เรียกตัวเองว่า Value Investor ยังยอมรับ (ในสารถึงผู้ถือหุ้น) ด้วยว่า ในปี 2551 ผมทำบางอย่างที่ซื่อบื้อ ผมทำผิดพลาดครั้งใหญ่อย่างน้อยหนึ่งอย่าง และยังมีความผิด เล็กๆ น้อยๆ อีกหลายอย่าง ที่สร้างความเสียหายเช่นเดียวกัน
ตราบาปที่บัฟเฟตต์ต้องก้มหัวยอมรับความผิดพลาดที่เขาทำคือ เขาซื้อหุ้นบริษัท โคโนโคฟิลลิปส์ (บริษัทด้านพลังงานขนาดใหญ่) ในช่วงที่ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติพุ่งขึ้นเกือบแตะจุดสูงสุด ด้วยความเชื่อว่าราคาน้ำมันสูงๆ จะเป็นผลดีกับบริษัท แต่เขากลับทำให้เบิร์กไชร์ฯ เสียหายไปหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ เพราะนอกจากราคาน้ำมันจะไม่วิ่งต่อแล้ว ยังปักหัวลงอย่างรุนแรงอีกด้วย

ไม่เฉพาะปรมาจารย์ของ Value Investor เท่านั้น ที่ออกอาการเป๋ๆ ในปีที่ผ่านมา แต่นักลงทุนในแนว Value Investing หรือที่เรียกว่า VI ในประเทศไทยหลายคนก็อ่วมไปไม่น้อย โดยเฉพาะถ้าวัดจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อครั้งวิกฤตต้มยำกุ้ง 10 ปีผ่านไป วันนี้ก็ยังย่ำอยู่แถวๆ 400 จุด
ผู้จัดการกองทุนหุ้นหลายคนยังยอมรับว่า ปีนี้อาจจะไม่ใช่ปีของแนว Buy and Hold เพราะราคาหุ้นย่ำอยู่กับที่ ขึ้นไปได้สักหน่อยก็ถอยหลังกลับมาอยู่ที่เดิม ทำให้ต้องหันมาซื้อๆ ขายๆ ทำกำไรจากความผันผวนของราคาให้มากขึ้น
หรือนี่จะเป็นจุดจบของ Value Investor!
อย่าปล่อยความสงสัยให้ค้างคาใจ ต้องไปถาม Value Investor ตัวจริงเสียงจริงว่า ในวันนี้พวกเขายัง สบายดี อยู่ไหม

แต่ก็ยังสบาย
เรารู้จัก โย หรือ YOYO สมาชิกในเว็บไซต์ thaivi.com ที่รวบรวมคนรักการลงทุนในแนวทาง Value Investing เขาตั้งแต่ยังเป็น Value Investor รุ่นเยาว์ ที่โดดเด่นด้วยผลตอบแทนที่เขาได้รับจากการลงทุนตามวิถีทางของ Value Investor เพราะเขาทำให้เงินลงทุน 1.7 ล้านบาท กระโดดขึ้นมาเป็น 17 ล้านบาท ภายในเวลาเพียง 4 ปี
แต่ในปี 2551 เขาก็ไม่ได้ต่างไปจากนักลงทุนคนอื่นๆ เพราะเขาขาดทุน 50%
ปีที่แล้วก็ลดลงไปตามตลาด แต่ก็ยังสบายๆ อยู่ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร และเพื่อนๆ หลายคนที่ลงทุนในแนว Value Investing ก็ไม่มีใครเดือดร้อน แม้ว่ามูลค่าพอร์ตจะลดลงไป 30-40% แต่ไม่ว่าจะปรับลดลงอย่างไร ก็ยังมีกำไรสะสมอยู่
นอกจากนี้ เขายังรื่นรมย์อยู่กับอัตราเงินปันผล เพราะในปี 2551 อัตราเงินปันผลเฉลี่ยอยู่ประมาณ 10% แต่ปีนี้ที่ราคาหุ้นลดลง อัตราเงินปันผลก็ขึ้นไปถึง 15% ไปเจอบางตัวได้ถึง 20% ซึ่งความไม่ สมเหตุสมผลของตลาดก็ทำให้อัตราเงินปันผลเพิ่มขึ้น
เขาบอกว่า สิ่งที่ทำให้เขายัง สบายๆ อยู่ เป็นเพราะการลงทุนในแนวของ Value Investing จะคัดเลือกธุรกิจที่น่าจะดี และพอเกิดวิกฤตพวกหุ้นที่ถือไว้ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่บางบริษัทยังสามารถทำกำไรได้เหมือนเดิม และถ้าตัวใดได้รับผลกระทบมากหน่อยก็อาจจะขายออกไปบ้าง
ช่วงที่หุ้นมีการเปลี่ยนแปลงมากๆ ก็ทำให้เกิดโอกาส เพราะแม้ว่าราคาหุ้นที่ถืออยู่ปรับลดลง แต่บางครั้งหุ้นที่เล็งเอาไว้ แต่ราคาแพงมาก พอราคาลดลงมาแรงก็เข้าไปซื้อเก็บไว้ เพราะนับจากนี้ไปอีก 3-5 ปี คนที่ลงทุนวันนี้น่าจะได้ผลตอบแทนดีเหมือนคนที่ลงทุนในช่วงวิกฤตปี 2540

ล้างพอร์ตเก็บเงินสด
นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวคุณเอง ที่แม้จะออกตัวว่า เขาไม่ใช่นักลงทุนมืออาชีพ เพียงแต่ชอบออมเงินไว้ในหุ้นเท่านั้น และไม่ได้เรียกตัวเองว่า Value Investor ได้อย่างเต็มปากเต็มคำนัก แต่เขาก็เป็นคนหนึ่งที่ลงทุนตามแบบ Value Investing และไม่เห็นด้วยกับการซื้อขายเก็งกำไร
ผมขายหุ้นออกไปหมดแล้วตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2551 ออกไปลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เปิดบัญชีเงินฝากประจำ
นรินทร์ เล่าว่า โชคอยู่ข้างเขา เพราะเขาตัดสินใจขายหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวตามตลาดมากๆ ออกไป เมื่อตอนที่มีข่าวว่าราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 200 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราเงินเฟ้อจะมากกว่า 10%
จำได้ว่าเวลาเงินเฟ้อเป็นตัวเลข 2 หลัก ตลาดหุ้นจะอยู่ไม่ได้ ก็เลยขายหุ้นบางส่วนออกไป และอีกส่วนหนึ่งถือไว้ จนกระทั่งรู้สึกว่าเศรษฐกิจจะแย่ลงจึงตัดสินใจขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นโชคของผม เพราะแม้ว่าตลาดหุ้นจะไม่ได้ลดลงจากเหตุผลที่ผมคิด แต่สิ่งที่ตัดสินใจทำไป ผลที่ออกมากลายเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
และตอนนี้เขาเริ่มหันกลับมามองตลาดหุ้นอีกครั้ง เพียงแต่ยังไม่รีบร้อน เพราะเชื่อว่าความเสี่ยงในตลาดหุ้นยังมีอยู่มาก
ภาพเศรษฐกิจที่ชัดเจนยังไม่เผยออกมา เพราะฉะนั้นถ้าจะเข้าไปซื้อเต็มตัวตอนนี้ก็ยังเสี่ยงอยู่ นรินทร์ กล่าว

ชีวิตยังเหมือนเดิม
ฉัตรชัย วงแก้วเจริญ Value Investor ที่ดำรงชีวิตด้วยเงินปันผลจากหุ้นเพียงตัวเดียวที่เขาเลือกลงทุนมานานกว่า 7 ปี และวันนี้เขาก็ยังสบายใจกับหุ้นตัวเดิม แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะไม่เหมือนเดิม
ผมยังถือหุ้นตัวเดิม จำนวนหุ้นเท่าเดิม และใช้ชีวิตเป็นปกติเหมือนเดิม
พร้อมกับบอกว่า เงินปันผลจากผลประกอบการในปี 2551 ยังดีอยู่ และมากกว่าเงินปันผลในปี 2550 อีก เพราะในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2551 บริษัทเขาทำไว้ดีมาก เพราะฉะนั้นในไตรมาส 4 ที่ยอดขายตกลงมาบ้าง ก็ไม่มีผล ขณะที่ราคาหุ้นปรับลดลงไป 5 บาท แต่ได้เงินปันผล 3.65 บาท เพราะฉะนั้นเท่ากับว่ามูลค่าลดลงไปแค่บาทเศษเท่านั้น
บริษัทก็ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจบ้าง อาจจะลด 10-15% เป็นไปได้ แต่ไม่ได้รับผลกระทบมากจนติดลบ และก็ยังไม่คิดที่จะขายหุ้นออกไป เพราะราคาที่ลงทุนยังต่ำกว่าราคาในกระดาน และเงินปันผลที่ประมาณ 4 บาท ก็คิดเป็นอัตราเงินปันผลเกือบ 10% เศรษฐกิจแย่ แต่บริษัทก็ยังมั่นคง เลยไม่ได้สนใจอะไร
นอกจากนี้ ฉัตรชัย ยังแถมท้ายด้วยว่า โทรศัพท์ไปคุยกับพนักงานบริษัทแล้ว เสียง (พนักงาน) ยังดีอยู่ แปลว่ายังโอเค

มองหาหุ้นดีๆ ทุกวัน
อนุรักษ์ บุญแสวง ที่บอกว่า เขาเป็น Value Investor ทั้งวิธีการลงทุนและวิถีชีวิต
ตอนต้นปี 2551 ทำกำไรไว้เกือบ 60% เพราะฉะนั้นปีที่แล้วทั้งปีก็เลยมีกำไรอยู่นิดหน่อย ประมาณ 3% และอาจจะมีโชคอยู่บ้าง เพราะซื้อหุ้นถูกตัว
อนุรักษ์ บอกว่า ตอนนี้เขายังเก็บเงินสดส่วนหนึ่งไว้รอความชัดเจนของตลาด
ตอนนี้ผมก็ยังทำเหมือนเดิม คือ พยายามทำการบ้าน ไปค้นหา ไปมองหาหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรเป็น มองหาหุ้นดีๆ อยู่ทุกวัน ซึ่งพบว่ามันมีอยู่เยอะมาก แต่ในตลาดยังมีความไม่ชัดเจนอยู่เยอะ
เขาพบว่า หลักการของ Value Investing ไม่ได้ Perfect สำหรับทุกสถานการณ์ เพราะมันมีจุดอ่อน ซึ่งเมื่อเข้าใจจุดอ่อนของมันแล้วเราก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยง
จุดอ่อนที่อนุรักษ์พบ คือ การลงทุนในแบบ Value Investing จะถือหุ้นไว้ 100% ทำให้เมื่อเกิดภาวะตื่นตระหนกในตลาดหุ้นจะเจ็บตัว เพราะออกไม่ทัน ทำให้เกิดความเสียหายสูง เงินจม แต่จะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์แบบนี้ได้หรือไม่ ก็คงยาก เพราะถ้าเรารอจังหวะซื้อๆ ขายๆ มันมีความไม่แน่นอนสูง
เขาบอกว่า ในอนาคตอาจจะไม่ทุ่มสุดตัว ไม่มองโลกในแง่ดีเกินไป จะเก็บเงินสดไว้เผื่อทางหนีทีไล่เอาไว้บ้าง
นอกจากนี้ อนุรักษ์ยังฝากถึง Value Investor รุ่นใหม่ๆ ว่า ในชีวิตการลงทุนมันต้องมีพายุฝนบ้าง เป็นฤดูกาล แต่ถ้าเราเข้าใจ ไม่ทุกข์ไม่ร้อน รอจนกระทั่งเหตุการณ์ผ่านไป ทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม
ความผิดเพียงครั้ง
ดูเหมือนว่า Value Investor ทั้ง 4 คน ที่แม้จะมีวิธีปฏิบัติแตกต่างกัน แต่ทุกคนก็อยู่รอดได้อย่างสบายๆ แม้ว่าหลายๆ คนในตลาดหุ้นจะไม่ค่อยสบาย และทั้ง 4 คนก็พร้อมที่จะปกป้อง ความผิดพลาด ของบัฟเฟตต์ ในฐานะที่บัฟเฟตต์เป็นคน ธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ต้องมีการผิดพลาดบ้าง
ถ้าไปดูตัวเลขจะเห็นว่าเขาขาดทุนน้อยมาก เมื่อเทียบกับดัชนี S&P 500 เพราะฉะนั้นเขายังชนะตลาดอยู่มาก และเขาก็เป็นเหมือนคนทั่วๆ ไป ที่ต้องมีผิดพลาดบ้าง แต่ภาพใหญ่ของเขายังไม่ผิดพลาด ยังเหมือนเดิม และวิกฤตครั้งนี้อาจจะทำให้บัฟเฟตต์โดดเด่นขึ้นมากกว่าเดิมก็ได้ เพราะเขายังสามารถยืนหยัดอยู่ได้ในขณะที่คนอื่นๆ ขาดทุนหนักกว่า อนุรักษ์ กล่าว

เช่นเดียวกับ ฉัตรชัย ที่บอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเบิร์กไชร์ฯ ในปีที่ผ่านมาเป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะสั้น ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับตลอดระยะเวลา 44 ปีที่ผ่านมา
เป็นใครก็มีโอกาสพลาดได้ แต่โดยเฉลี่ยแล้ว Value Investing เป็นแนวทางที่ปลอดภัยที่สุด ฉัตรชัย ยืนยัน
วิธีการลงทุนของเขายังใช้ได้ ต้องดูกันระยะยาว เขาเป็นมหาเศรษฐีระดับโลก จะมามองกันปีเดียว แล้วบอกว่าเขาผิดไม่ได้ และจะมีสักกี่คนที่มั่นคงอย่างบัฟเฟตต์ นรินทร์ กล่าว
พร้อมกับยกย่องบัฟเฟตต์ว่า ถ้าเขาคิดว่าเขาคิดผิด เขาจะยอมรับออกมาตรงๆ
และคงไม่ใช่แค่ 4 คนนี้เท่านั้นที่จะมองข้ามความผิดพลาดของบัฟเฟตต์ แต่หากเราเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของเบิร์กไชร์ฯ ที่มองที่ผลตอบแทนสะสม (รายละเอียดตามตาราง) เราก็จะรู้ว่า Value Investing คือคำตอบสำหรับการลงทุนระยะยาวจริงๆ

นี่คือจุดเริ่มต้น ไม่ใช่จุดจบ
อนุรักษ์ บอกว่า ถ้าดูจากประวัติศาสตร์จะพบว่า ช่วงที่ตลาดหุ้นปรับลดลงมากๆ ใน 4-5 ปีต่อจากนั้นจะสร้างเศรษฐีใหม่ขึ้นมามากมาย เช่นเดียวกันในเวลานี้ ที่มีหุ้นดีๆ ในสายตาของ Value Investor จำนวนมาก
อย่ามองว่าขาดทุนแล้วจะขาดความมั่นใจ เหมือนที่คนส่วนใหญ่มอง เพราะจะทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ และถ้ามาขายหุ้นตอนนี้มันก็คือจุดจบจริงๆ เพราะจะไม่เหมือนอะไรเลย ทั้งๆ ที่ถ้าอดทนถือหุ้นดีๆ ไปอีก 3-4 ปี หุ้นก็จะกลับมาที่เดิม และอีกสักพักก็อาจจะได้กำไรเยอะแยะ
หลักการของ Value Investing คือ หาหุ้นที่ราคาต่ำๆ และห้ามขาย ซึ่งมันต้องอดทน แต่มันมีคนทำได้ไม่มาก เพราะมันฝืนธรรมชาติของมนุษย์ ที่มีความกลัว เพราะฉะนั้น Value Investor ที่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับการควบคุมสภาพจิตใจ
บัฟเฟตต์ เปรียบเทียบภาวะการลงทุนในปีที่ผ่านมาว่า นักลงทุนต่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดและเต็มไปด้วยความสับสน เหมือน นกตัวจ้อย ที่พลัดหลงเข้ามาในสนามแบดมินตันที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างเมามัน
แต่ถ้าเราเป็น นกตัวจ้อย ที่มองการแข่งขันอยู่บนขอบหลังคาสนามแบดมินตัน นี่จะไม่ใช่จุดจบของเรา แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นที่สวยงามต่างหาก

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 11:06 am
โดย bos
คือจะถามว่า ในงบกระแสเงินสดอะครับ
ค่าที่มันติดลบหมายถึงอะไรเหรอครับ



ค่าเสื่อมราคา   237.10
 รายการตัดบัญชี 1,265.99
 รายการอื่นๆ -37.88
 กำไร (ขาดทุน) จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์ และหนี้สินดำเนินงาน 5,654.40
 สินทรัพย์ดำเนินงาน (เพิ่มขึ้น) ลดลง 146.01
 หนี้สินดำเนินงาน เพิ่มขึ้น (ลดลง) -261.31
 เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน 4,445.96
 เงินสดจ่ายในการซื้อสินทรัพย์ถาวร -88.68
 เงินสดรับจากการขายสินทรัพย์ถาวร 6.10
 เงินลงทุน (เพิ่มขึ้น) ลดลง 16.39
 เงินให้กู้ยืมแก่บุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้องกัน (เพิ่มขึ้น) ลดลง 10.07
 รายการอื่น ๆ -1,893.66
 เงินสดสุทธิจากกิจกรรมลงทุน -1,949.79
 เงินกู้ยืมจากธนาคารและสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น (ลดลง) 2.83
 จ่ายเงินปันผล -2,300.00
 รายการอื่น ๆ -69.61
 เงินสดสุทธิจากกิจกรรมจัดหาเงิน -2,366.77
 รายการอื่น ๆ -2.93
 เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น (ลดลง) สุทธิ 126.47
 เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ วันที่ .....(ต้นงวด) 3,201.10



วานคนที่รู้ ช่วยตอบหน่อยนะครับ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ วันที่ .....(สิ้นงวด) 3,327.57

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 11:07 am
โดย VIB007
[quote="por_jai"]:8) ผมรู้ครับแต่รอให้คนอื่นมาตอบดีกว่า

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 11:08 am
โดย VIB007
เด็กทุ่งสง เขียน:คือจะถามว่า ในงบกระแสเงินสดอะครับ
ค่าที่มันติดลบหมายถึงอะไรเหรอครับ
ติดลบคือเงินไหลออกจากกระเป๋าครับ
บวกคือเงินเข้ากระเป๋า

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 11:55 am
โดย ลูกอิสาน
VIB007 เขียน:ขาดทุนเป็นเรื่องธรรมชาตินะ

แล้วน้องลูกอีสานและท่านอื่นๆคิดว่าอย่างไรบ้าง

ปล. ว่าแต่ว่าปีนี้ผมเจอวีไอตัวจริงในเมืองไทยไม่ขาดทุนด้วยนะแถมถือหุ้น 100% ตลอดเวลาด้วย......ขอบอก
ถามเอง ตอบเอง :lol:
ขอบคุณพี่วิบูลย์สำหรับมุมมองความเห็นครับ

ผมก็คงมองคล้ายๆกับพี่ครับ คือในชีวิตการลงทุนเนี่ย การขาดทุนคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้(อ้อ..คนที่ไม่เคยขาดทุนก็ MR.Foresight ไงครับ :lol: ) และที่สำคัญคือแม้จะมีผิดพลาดบ้างแต่ส่วนใหญ่เราต้องถูก และการขาดทุนนั้นต้องไม่ทำให้เราหมดตัว ถ้าดูผลตอบแทนของ Bershire ย้อนหลัง 43 ปี มีแค่ 2 ปีเท่านั้นที่ขาดทุน :shock:  และขาดทุนไม่มาก -6.2 และ -9.6% เท่านั้น วอเรนต์เป็นนักลงทุนแต่รวยอันดับหนึ่งของโลก เหมือนส่วนผสมที่ลงตัวทั้ง IQ EQ และที่สำคัญ>>วิธีที่ถูกต้อง

เหมือนรถที่สมรถนะดีที่สุด ขับโดยนักแข่งรถที่ฝีมือดีที่สุด  ถ้าเราสังเกตุดูดีๆคนที่ลงทุนประสบความสำเร็จแนวนี้ต้องมีจิตใจที่หนักแน่น มุ่งมั่น ทั้ง ดร.นิเวศน์ พี่วิบูลย์ พี่ฉัตรชัย พี่เวป ใช่ทั้งนั้นเลย ดังนั้นการบริหารจิตใจก็สำคัญ จิตใจจะหนักแน่นได้เราก็ต้องศรัทธาก่อนครับ

ดังนั้นคนที่ขาดทุนปีที่ผ่านมา มันผ่านไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ ชีวิตคนเราอยู่กับปัจจุบันและอนาคตมากกว่า ลองใช้วิจารณญานดีๆ คือเหมือนเราทำถูกมาสิบครั้ง ครั้งที่สิบเอ็ดเราผิด เราจะสรุปว่าวิธีใช้ไม่ได้หรือเปล่า และ ในทำนองเดียวกัน เราทำผิดมาสิบครั้ง ครั้งที่สิบเอ็ดให้ผลถูกต้อง เราจะสรุปว่าวิธีนี้ถูกต้องหรือ ผมลองตั้งคำถามดู  ที่โพสต์มาไม่ใช่ว่าวิธีการลงทุนแนว vi สมบูรณ์แบบนะครับ จุดอ่อนเราก็เห็นกันแล้ว การถือหุ้นระยะยาวเต็มร้อย ถ้าตลาดแพนิคเราจะเสียหายมาก เราจะลดจุดอ่อนนั้นอย่างไร ก็ต้องแล้วแต่วิธีของแต่ละคน ผมก็คงเริ่มถือเงินสดบ้างในปีนี้และในอนาคตที่อาจมีอะไรไม่แน่นอนที่กระทบต่อพื้นฐานของหุ้น แต่ส่วนใหญ่ก็ยังถือหุ้นครับ เพราะตัวที่ถือ ราคาที่ซื้อมีปัจจัยพื้นฐานรองรับ และมี MOS เต็มร้อย :D

ว่าแต่ใครช่วยจุดธูปเรียกพี่เวปดีกว่า.. :lol:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 1:56 pm
โดย VIB007
ลูกอิสาน เขียน:
ถามเอง ตอบเอง :lol:
ขอบคุณพี่วิบูลย์สำหรับมุมมองความเห็นครับ
อยากให้น้องลูกอีสานเล่าให้ฟังหน่อยว่า
ปีที่แล้วทำอย่างไร
พอร์ตถึงไม่ติดลบ
ลูกอิสาน เขียน: ว่าแต่ใครช่วยจุดธูปเรียกพี่เวปดีกว่า.. :lol:
เอ้า.....ฮงจัดการหน่อย

ช่วงนี้ธูปเทียนขายดี
แล้วที่เชิญ IH เป็นไงบ้าง ได้เรื่องหรือเปล่า..ฮง

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 2:02 pm
โดย VIB007
[quote="nortuss"]พีวิบูลย์ ครับ
คือถ้าผมกำลังจะเริ่มลงทุน ถ้าผมใช้วิธีหาบ.ที่มีกำไร เพิ่ม(ไม่ขาดทุน) จากงบการเงินของปีที่แล้ว ไล่มาทุกบ. แล้วใช้หลักเกณการล่อนหุ้นตามหนังสือตีแตก
ex -pe ไม่เกิน5เท่า

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 2:03 pm
โดย VIB007
Yod เขียน:ขอถามนิดนึงครับ
ไหนๆ ก็คุยถึงปีเตอร์ ลินซ์แล้ว
พอทราบไหมครับว่า กองทุนแมคเจลเลนเขาปรับพอร์ตยังไงครับ
เห็นว่าปัญหา subprime นี่กระทบ Fannie mae เยอะใช่ไหมครับ
ไม่ทราบครับ
ใครรู้ช่วยบอกที