มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2791
ขออนุญาตประชาสัมพันธ์รายการ money talk นะคับ
สัมภาษณ์ผมเอง
ออกอากาศช่อง TNN2 วันพฤหัสบดีที่ 19 พค 22 น.
และฉายซ้ำ วันศุกร์ที่ 20 พค 8 โมงเช้า
สัมภาษณ์ผมเอง
ออกอากาศช่อง TNN2 วันพฤหัสบดีที่ 19 พค 22 น.
และฉายซ้ำ วันศุกร์ที่ 20 พค 8 โมงเช้า
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2792
ตอบคุณหมอ navapon
ผมใช้ข้อ a ครับ เนื่องจากง่ายดี และผมมองว่าการใช้ a b หรือ c มันไม่มีนัยยะที่ต่างกันมากเมื่อเราเอาไปคำนวณ DCF
ผมใช้ข้อ a ครับ เนื่องจากง่ายดี และผมมองว่าการใช้ a b หรือ c มันไม่มีนัยยะที่ต่างกันมากเมื่อเราเอาไปคำนวณ DCF
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2797
พวกเราก็ต้องพยายาม diversify หนทางในการเลี้ยงตัวเองและครอบครัวไว้ครับ
วันหน้าหากสังคมเค้าบีบคั้นพวกเรามากกว่านี้ จะได้มีทางเลือก
วันหน้าหากสังคมเค้าบีบคั้นพวกเรามากกว่านี้ จะได้มีทางเลือก
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2798
ผมมีเพื่อนเทรนresident ob-gynอยู่คน โดนฟ้องร้องเมื่อ 2-3 ปีก่อน จนลาออก เลิกเป็นแพทย์ไปแล้วครับ น่าเสียดาย แต่เขาเสียกำลังใจมากPaul VI เขียน:อ่านจุลสาร สูตินรีแพทย์ ที่ส่งมาให้อ่าน ของราชวิทยาลัย
อ่านเคสที่โดนฟ้อง แต่ละราย
เห็นแล้วเหนื่อยใจแทน สูติที่ยัง practice แบบเต็มตัว
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- Croyoty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3617
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2799
ผมว่าหมอที่มีความสุขและประสบความสำเร็จนั้น
ไม่จำเป็นต้องให้เวลาทำงานส่วนใหญ่กับความเป็นหมอ แต่มีความเป็นหมอทำงานหมอเป็นส่วนประกบหนึ่งของชีวิต
และสามารถใช้เวลาและชีวิตได้หลากหลายครับ
หมอทำแบบพาร์ทททาม + VI + ลงทุนจริงๆด้านที่ถนัดชอบหรือสนใจ
น่าจะมีความสุขและเวลาและความมั่นคงยั่งยืนที่สุดแล้วมั้งคับ
ไม่จำเป็นต้องให้เวลาทำงานส่วนใหญ่กับความเป็นหมอ แต่มีความเป็นหมอทำงานหมอเป็นส่วนประกบหนึ่งของชีวิต
และสามารถใช้เวลาและชีวิตได้หลากหลายครับ
หมอทำแบบพาร์ทททาม + VI + ลงทุนจริงๆด้านที่ถนัดชอบหรือสนใจ
น่าจะมีความสุขและเวลาและความมั่นคงยั่งยืนที่สุดแล้วมั้งคับ
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2800
croyoty เขียน:ผมว่าหมอที่มีความสุขและประสบความสำเร็จนั้น
ไม่จำเป็นต้องให้เวลาทำงานส่วนใหญ่กับความเป็นหมอ แต่มีความเป็นหมอทำงานหมอเป็นส่วนประกบหนึ่งของชีวิต
และสามารถใช้เวลาและชีวิตได้หลากหลายครับ
หมอทำแบบพาร์ทททาม + VI + ลงทุนจริงๆด้านที่ถนัดชอบหรือสนใจ
น่าจะมีความสุขและเวลาและความมั่นคงยั่งยืนที่สุดแล้วมั้งคับ
เห็นด้วยกับ หมอ croyoty ครับ
รู้สึกเห็นใจเพื่อนๆที่ยังทำงานอยู่ในวงการแบบ Full time ครับ ทั้งเสียสละ ทั้งเหนื่อย แต่ก็เป็นความสุขอีกแบบหนึ่ง
แต่สำหรับตัวพี่เองหลุดพ้นมาเรียบร้อยแล้วครับ ก็ใช้ชีวิตอย่างที่ หมอ croyoty พูดนั่นล่ะ
ทำทั้งหมอ ทำทั้งลงทุน แล้วก็เที่ยว เที่ยว เที่ยว
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2801
สำหรับ VI ที่มุ่งมั่นแล้ว การวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตนเองจะดีกว่าการ “ลอกการบ้าน” แน่นอน แม้ว่าเราจะไม่เก่งเท่าเซียน
เอาข้อความที่ ดร.นิเวศน์ เขียนมาให้กำลังใจตัวเอง
บางครั้งการพยายามขุดหาหุ้นด้วยตนเอง ตอนที่ยังไม่มีใครสนใจมัน เราก็เอ มาผิดทางหรือเปล่า
อย่างปีที่แล้วก็ Jubile ไม่มีใครสนใจเลย แถมยังมีคนท้วงติงบางประเด็นเล่นเอาเสีย self ไปพักนึง แต่เราก็มั่นใจในข้อมูลของเราแล้วก็หลับตา 1 ข้างกับบางประเด็นซึ่งคนอื่นคิดว่ามีปัญหาแต่สำหรับเรา เราว่ามันไม่ใช่ปัญหาจากการที่เราหาข้อมูลมาอย่างดี แล้ววันนี้มันก็พิสูจน์อย่างหนึ่งว่าในที่สุดก็มีคนเห็นคุณค่าของตัวกิจการ
ถามว่าผิดพลาดไหมก็มี แต่เราก็รู้จักที่จะมีวินัย ถ้าเราวิเคราะห์แล้วคำตอบสุดท้าย ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่
ประโยคนี้ให้กำลังใจผมจริงๆ ขอบคุณบทความดีๆของดร. นิเวศน์ครับ
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2802
viหัดคลาน เขียน:เดี๋ยวนี้หมอฟันก็โดนฟ้องเหมือนกันครับพี่ ทุกวันนี้นั่งทำคนไข้ไปก็นั่งเสียวสันหลังไปว่าจะโดนกับเขาไหม ตอนจบใหม่ๆไฟแรงอยากช่วยทุกคนยากแค่ไหนก็จะพยายามทำให้ เฮ้อกลุ้มอ่ะ
เพื่อนพี่มันก็บ่นๆ เหมือนกัน แถมปวดหลัง ปวดคอด้วย
เค้าก็เริ่มหาลู่ทางการลงทุนไว้แล้วครับ
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2803
navapon เขียน:
ผมมีเพื่อนเทรนresident ob-gynอยู่คน โดนฟ้องร้องเมื่อ 2-3 ปีก่อน จนลาออก เลิกเป็นแพทย์ไปแล้วครับ น่าเสียดาย แต่เขาเสียกำลังใจมาก
เอ ปกติ แล้วถ้าเทรน เดนท์ นี่ไม่น่าโดนนะครับ ถ้าเค้าจะฟ้องน่าจะเป็นรพ.ที่เทรน แล้วก็ staff
แล้วโดนเรื่องอะไรครับ
- kotaro
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1495
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2804
เรื่อง working capital นี่ผมคิดว่าแหล่งที่มาของวิธีคิด ไม่น่าแตกต่างกันมาก
ซึ่งก็คือ เงินทุนหมุนเวียนในกิจการ หลักการก็เป็นตัวที่บ่งบอกว่ากิจการจะต้องใช้เงินทุนเท่าไหร่ ตั้งแต่การซื้อสินค้า
และแปลงสภาพสินค้านั้น เป็นเงินอีกรอบหนึ่ง ซึ่งก็สามารถใช้วัดสภาพคล่องของกิจการนั้นได้ ถ้าลองนึกถึงว่าจะเปิดคลีินิกสักที่ เงินทุนหมุนเวียน ก็อาจหมายถึงเงินทุนที่เราต้องมีใว้ใช้ สำหรับซื้อยาเข้าร้าน จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ จ่ายเงินเดือนพนักงาน etc
ตามนิยามง่ายๆเลยก็ข้อแรกคือ
Net Working Capital = Current Assets − Current Liabilities
คือผลต่างของ สินทรัยพ์หมุนเวียน กับ หนี้สินหมุนเวียน แต่จากวัตถุประสงค์ที่ใช้หาเงินทุนหมุนเวียน ก็เพื่อหาสภาพคล่อง ก็มีความพยายามที่จะปรับปรุงสูตรให้ดียิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของ ข้อ 2 ในสูตรที่คุณหมอ navaporn ครับ
เพราะจาก สินทรัพย์หมุนเวียน นั้นรวมเงินสดเข้าไปด้วย บางครั้งเงินสดที่เห็นบางทีกิจการก็เก็บไว้ลงทุน ไม่ได้เอาใว้ใช้ในกิจกรรมประจำวัน
Net Operating working capital = [Current assets - Cash & Securities]
- [Current liabilities - Non interest bearing current liabilities]
ส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ย ที่ไม่เอาเข้ามารวม ก็เพราะคิดว่าไม่เกียวกับกับ กิิจกรรมดำเนินงาน ข้อดีที่ใช้ Net operating working capital มาใช้แทน net working capital เพราะคิดว่าจะเห็นสภาพคล่องดีกว่า เพราะบางครั้งกิจการเงินทุนหมุนเวียนไม่พอ ก็สามารถกู้เงินมาได้
ส่วนข้อ 3 นั้น สินทรัพย์ดำเนินงาน-สุทธิ เห็นมีรวม สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนเข้ามาด้วย ก็คิดว่าแล้วแต่ละท่านจะมองยังไงว่าข้อไหนที่ควรจะเป็น เงินทุนหมุนเวียน
ตอบจากความเข้าใจส่วนตัว ผิดพลาด ตกหล่นยังไง ขออภัยครับ
ซึ่งก็คือ เงินทุนหมุนเวียนในกิจการ หลักการก็เป็นตัวที่บ่งบอกว่ากิจการจะต้องใช้เงินทุนเท่าไหร่ ตั้งแต่การซื้อสินค้า
และแปลงสภาพสินค้านั้น เป็นเงินอีกรอบหนึ่ง ซึ่งก็สามารถใช้วัดสภาพคล่องของกิจการนั้นได้ ถ้าลองนึกถึงว่าจะเปิดคลีินิกสักที่ เงินทุนหมุนเวียน ก็อาจหมายถึงเงินทุนที่เราต้องมีใว้ใช้ สำหรับซื้อยาเข้าร้าน จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ จ่ายเงินเดือนพนักงาน etc
ตามนิยามง่ายๆเลยก็ข้อแรกคือ
Net Working Capital = Current Assets − Current Liabilities
คือผลต่างของ สินทรัยพ์หมุนเวียน กับ หนี้สินหมุนเวียน แต่จากวัตถุประสงค์ที่ใช้หาเงินทุนหมุนเวียน ก็เพื่อหาสภาพคล่อง ก็มีความพยายามที่จะปรับปรุงสูตรให้ดียิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของ ข้อ 2 ในสูตรที่คุณหมอ navaporn ครับ
เพราะจาก สินทรัพย์หมุนเวียน นั้นรวมเงินสดเข้าไปด้วย บางครั้งเงินสดที่เห็นบางทีกิจการก็เก็บไว้ลงทุน ไม่ได้เอาใว้ใช้ในกิจกรรมประจำวัน
Net Operating working capital = [Current assets - Cash & Securities]
- [Current liabilities - Non interest bearing current liabilities]
ส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ย ที่ไม่เอาเข้ามารวม ก็เพราะคิดว่าไม่เกียวกับกับ กิิจกรรมดำเนินงาน ข้อดีที่ใช้ Net operating working capital มาใช้แทน net working capital เพราะคิดว่าจะเห็นสภาพคล่องดีกว่า เพราะบางครั้งกิจการเงินทุนหมุนเวียนไม่พอ ก็สามารถกู้เงินมาได้
ส่วนข้อ 3 นั้น สินทรัพย์ดำเนินงาน-สุทธิ เห็นมีรวม สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนเข้ามาด้วย ก็คิดว่าแล้วแต่ละท่านจะมองยังไงว่าข้อไหนที่ควรจะเป็น เงินทุนหมุนเวียน
ตอบจากความเข้าใจส่วนตัว ผิดพลาด ตกหล่นยังไง ขออภัยครับ
“Laughter is timeless. Imagination has no age. And dreams are forever.” ― Walt Disney Company
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2808
ไม่ใช่หมอนะครับ ขอเข้ามาแจมที่กระทู้นี้ด้วยคนครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
-
- Verified User
- โพสต์: 569
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2809
รบกวนคุณหมอ kotaro อีกนิดครับ ไม่แน่ใจว่าพิมพ์ผิดรึเปล่าครับ ขอบคุณครับkotaro เขียน:Net Operating working capital = [Current assets - Cash & Securities]
- [Current liabilities - Non interest bearing current liabilities]
ส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ย ที่ไม่เอาเข้ามารวม ก็เพราะคิดว่าไม่เกียวกับกับ กิิจกรรมดำเนินงาน ข้อดีที่ใช้ Net operating working capital มาใช้แทน net working capital เพราะคิดว่าจะเห็นสภาพคล่องดีกว่า เพราะบางครั้งกิจการเงินทุนหมุนเวียนไม่พอ ก็สามารถกู้เงินมาได้
เราจะพอเพียง แค่เราเพียงพอ
เราจะมีพอ แม้เราพอมี
เราจะดีพอ แค่เราพอดี
เราจะพอใจ แค่ใจเราพอ
เราจะมีพอ แม้เราพอมี
เราจะดีพอ แค่เราพอดี
เราจะพอใจ แค่ใจเราพอ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2810
ผมขอขอบคุณพี่หมอ kotaro และ พี่reiter ด้วยครับ
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI
โพสต์ที่ 2811
จำได้ว่าอ่านเรื่องนี้จากหนังสือของพี่สุมาอี็้้ครับโอรสสวรรค์ เขียน:รบกวนคุณหมอ kotaro อีกนิดครับ ไม่แน่ใจว่าพิมพ์ผิดรึเปล่าครับ ขอบคุณครับkotaro เขียน:Net Operating working capital = [Current assets - Cash & Securities]
- [Current liabilities - Non interest bearing current liabilities]
ส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ย ที่ไม่เอาเข้ามารวม ก็เพราะคิดว่าไม่เกียวกับกับ กิิจกรรมดำเนินงาน ข้อดีที่ใช้ Net operating working capital มาใช้แทน net working capital เพราะคิดว่าจะเห็นสภาพคล่องดีกว่า เพราะบางครั้งกิจการเงินทุนหมุนเวียนไม่พอ ก็สามารถกู้เงินมาได้
พี่ kotaro น่าจะหมายถึง หนี้สินที่ไม่มีดอกเบี้ยครับ เช่นหนี้จาก Supplier ครับ
ในหนังสือเขียนไว้อย่างนี้ครับ
เงินทุนหมุนเวียน คำนวณได้จากการเอาสินทรัพย์หมุนเวียนเฉพาะที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ(ไม่รวมเงินสด) หักออกด้วยหนี้สินหมุนเวียนที่ไม่มีภาระดอกเบี้ย
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI และผองเพื่อน
โพสต์ที่ 2814
ชื่อชมรม ชื่อใหม่
ชมรมหมอ VI และผองเพื่อนดูเชยมั้ยครับ
ช่วยกันออกความเห็นหรือเสนอใหม่ก็ได้นะครับ
ผองเพื่อน ผมหมายถึง เพื่อนๆที่อยู่ในแวดวงสายการแพทย์อื่นๆด้วยกัน รวมทั้งเพื่อนๆ วิชาชีพอื่น ที่ไม่ใช่สายการแพทย์ด้วยครับ
จะได้ขยายวงให้กว้างขึ้น ความรู้ที่ได้รับ ประสบการณ์ที่ได้รับ ก็จะกว้างขวางขึ้น
ชมรมหมอ VI และผองเพื่อนดูเชยมั้ยครับ
ช่วยกันออกความเห็นหรือเสนอใหม่ก็ได้นะครับ
ผองเพื่อน ผมหมายถึง เพื่อนๆที่อยู่ในแวดวงสายการแพทย์อื่นๆด้วยกัน รวมทั้งเพื่อนๆ วิชาชีพอื่น ที่ไม่ใช่สายการแพทย์ด้วยครับ
จะได้ขยายวงให้กว้างขึ้น ความรู้ที่ได้รับ ประสบการณ์ที่ได้รับ ก็จะกว้างขวางขึ้น
- kotaro
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1495
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI และผองเพื่อน
โพสต์ที่ 2815
ขอบคุณที่แย้งครับ
ที่ถูกคือ
Net Operating working capital = [Current assets - Cash & Securities]
- [Non interest bearing current liabilities]
หนี้สินที่ไม่มีดอกเบี้ย ถือว่าไม่มีต้นทุนทางการเงินครับ ถ้ายิ่งมากก็ทำให้กิจการต้องการเงินทุนหมุนเวียนน้อย
ที่ถูกคือ
Net Operating working capital = [Current assets - Cash & Securities]
- [Non interest bearing current liabilities]
หนี้สินที่ไม่มีดอกเบี้ย ถือว่าไม่มีต้นทุนทางการเงินครับ ถ้ายิ่งมากก็ทำให้กิจการต้องการเงินทุนหมุนเวียนน้อย
“Laughter is timeless. Imagination has no age. And dreams are forever.” ― Walt Disney Company
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI และผองเพื่อน
โพสต์ที่ 2816
กำลังคุยเรื่องวิชาการของ หมอโคทาโร่ อยู่ดีๆ ขอพักสมองหน่อยด้วยเรื่องโจ๊กๆ
พอดีอ่านเจอในเนต เลยเอามาฝากชมรมซะหน่อย แต่ผมว่า อ่านแล้วถ้าโดนเอง อาจไม่โจ๊ก
พอดีอ่านเจอในเนต เลยเอามาฝากชมรมซะหน่อย แต่ผมว่า อ่านแล้วถ้าโดนเอง อาจไม่โจ๊ก
แล้วทำไมเวลาหมอถูกคนไข้ลวนลามถึงไม่เป็นข่าวบ้าง
ผมเคยครุ่นคริดปัญหาพวกนี้อยู่นาน แล้วผมก็พบความจริงครับ เพราะบ่อยครั้งที่หมอถูกคนไข้ลวนลามนั้น คนไข้จะมีความสามารถในการลวนลามแบบมีชั้นเชิงมากครับ แบบว่ายังไม่ทันให้คุณรู้สึกผิดปกติ ก็จะจู่โจมแบบไม่ตั้งตัว
และเรื่องที่ผมจะเล่า ก็คือคนไข้สามคนที่เคยลวนลามผม ทั้งหนุ่มน้อย สาวน้อย ป้าแก่ ซึ่งเขาและเธอแต่ละคนก็มีลีลาชั้นเชิงที่แตกต่างกันออกไป ผมไม่รู้่ว่าพวกเขาคิดอะไรกับผมหรือเปล่า แต่เอาเป็นว่าผมคิดละกันนะครับ คนหน้าตาดีอย่างผมจึงต้องเจอเรื่องพวกนี้
สำหรับสาวๆทั้งหลายที่อยากลวนลามหมอหนุ่มๆ ผมมีสองวิธีที่เรียนรู้จากคนไข้มาฝากครับ
กรณีที่ 1 สำหรับคนเริ่มฝึกลวนลาม --> หลอกให้จับแล้วงับซะ
เธอเป็นสาวสวยน่ารัก อายุประมาณยี่สิบกว่าๆ
อาการสำคัญ: ปวดข้อมือ
ผมพบเธอที่แผนกอุบัติเหตุ ในวันที่คนไข้เยอะมากๆวันหนึ่ง
"คุณหมอคะ หนูปวดข้อมือค่ะ"
ตรงไหนครับ
"ตรงนี้ค่ะ" เธอชี้ให้ผมดูบริเวณข้อมือข้างขวาด้านนอก ซึ่งก็เป็นตำแน่งที่คนทั่วไปปวดบ่อยๆ
ผมซึ่งกำลังใจจดใจจ่อกำการบันทึกประวัติ จึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาดูเธอ พระเจ้า เธอสวยครับ แต่ว่าสายตาที่เธอมองผมสิ มันไม่ใช่แบบคนไข้มองหมอเลย เธอส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ผมพร้อมอธิบายต่อ
"คุณหมอลองจับตรงนี้สิค่ะ" ผมเอื้อมมือขวาไปแตะดูที่ข้อมือขวาของเธอ ส่วนเธอนั้นก็เอามือซ้ายมากุมมือขวาของผมไว้อย่างแผ่วเบาเทำให้หนุ่มอย่างผมต้องชะงักไปชั่วครู่ (พยายามคิดเป็นวิชาการหน่อยนะครับ นั่น เธอทำผมเองนะ..
"เอ่อตรงนี้เหรอครับ"
"ไม่ใช่ค่ะ อีกนิดนึง อีกนิดนึง ใกล้ละคะ นั่นละค่ะ ตรงนั้นล่ะค่ะ โอ้ นั่นล่ะค่ะ ใช่เลย" เอ๋ ทำไมสีหน้าเธอมันดูเหมือนคนมีความสุขมากกว่าปวดว่ะเนี่ย แถมใช้คำพูดแปลกๆ
ยังไม่ทันได้คิดเธอก็เลื่อน มือของเธอทั้งสองข้างมากุมมือผม ตอนนี้ผมตกอยู่ในกุมมือเธอแล้วครับ
" เอ๋ มือหมอเย็นจังเลย ไม่สบายหรือเปล่าค่ะ" นั่นไง มึงจะให้กูตรวจหรือจะตรวจกุะเนี่ย ผมคิด
" เพิ่งจบใหม่หรือเปล่าค่ะ หน้าเด็กจัง" เธอพูดพร้อมกระพริบตาปริบๆ
โอ้ เธอเริ่มเปลี่ยนเรื่องแล้วครับ
" ใครมีแฟนเป็นหมอ คงดีเนอะ รักษาที่บ้านได้จะได้ไม่ต้องมาโรงบาลบ่อย" เธอพูดขณะที่มือข้างหนึ่งยังกุมข้อมือผม และมืออีกข้างก็ใช้นิ้วชี้เขี่ยเบาๆ
พระเจ้า ทั้งสายตา สีหน้า คำพูด และการสัมผัสนั้น เป็นใครก็ต้องคิดเหมือนผมล่ะครับ นี่ผมกำลังโดนเธอลวนลามทางวาจาและการกระทำเหรอเนี่ย ไม่ได้การแล้ว
"เอ่อ โรคเส้นเอ็นอักเสบครับ กินยาแก้อักเสบ พักการใช้แขนนะครับ"
" ผมไปตรวจคนไข้อุบัติเหตุก่อนนะครับ" ผมรีบบอกเธอ เขียนใบสั่งยา และหนีหายไปโดยเร็ว เฮ้อ เกือบเสียทีแล้วเรา
กรณีที่ 2 ถ้ากรณีที่ 1 ผิดพลาด -->มึงไม่ต้องจับกูจับเอง
เธอเป็นป้าแก่ๆคนหนึ่ง ประมาณ ห้าสิบปลายๆ แน่นอนครับจากอายุของเธอ ผมเชื่อว่าสมัยสาวๆ เธออาจจะเคยวิธีที่หนึ่งมาแล้ว และตอนนี้เธอก็มาด้วยวิธีที่น่าตรึงตาตรึงใจครับ
อาการสำคัญ : ปวดหลัง
ผมพบเธอที่ห้องตรวจผู้ป่วย
"ป้าปวดหลังเหรอครับ"
"จ้ะ ตรงสะโพกเลย"
"เอ่อ คุณป้าช่วยยืนให้หมอดูได้มั้ยครับ จะได้รู้ว่าปวดตรงไหน"
"ยืนไม่ไหวหรอกจ้ะ" คุณป้าบอก
"อ้อ"ด้วยความรักคนแก่เป็นทุนเดิมผมจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อจะไปจับตรวจแกดู
"ตรงนี้เหรอครับ" ผมถามเธอพร้อมกดที่บั้นเอว
"ไม่ใช่หมอๆ"
เธอส่ายหัวว่าไม่ใช่
ผมเลื่อนไปกดตรงบริเวณสะโพก"ตรงนี้ล่ะครับ"
"นั่นก็ไม่ใช่จ้ะ"
" แล้วตรงไหนล่ะครับคุณป้า"
เธอรีบลุกจากเก้าอี้ มือคว้าข้อมือผมไว้ และเอื้อมมือมาจับตรงก้นผมทันทีแบบตั้งตัวไม่ทั้น
"ตรงนี้ๆ " โอ้ คุณป้าแกเล่นลูบตูดผมทั้งสองข้าง เล่นเอาไม่ทั้นตั้งตัวเลย เท่านั้นไม่พอครับเธอยังเสริมด้วยว่า
"แล้วก็ร้าวมาแนวนี้เลย" เธอใช้มือของเธอลูบมาตามร่องตูดผมเลยครับ
โอ้ อะไรของป้าวะเนี่ย
"เอ่อๆทราบละครับ" ผมรีบนั่งโดยเร็ว ไม่ปล่อยโอกาสให้แกได้ทะลวงจู่โจมไปลึกซึ้งกว่านี้
แต่ป้าก็ยังไม่จบ เธอพยายามจะลุกจากเก้าอี้มาอธิบายประกอบการแสดงกับผมอีก จนผมต้องรีบตัดบท
"น่าจะเป็นกระดูกสันหลังเสื่อมน่ะครับ เดี๋ยวผมจ่ายยาให้นะป้านะ เอางี้ดีกว่า ป้ารอหน้าห้องยาเลยนะ เดี่ยวผมให้คนเอาใบสั่งยาไปให้"
โอ้ โดนดีอีกแล้วกู ผมรู้นะ ป้าไม่ได้คิดอะไร แต่ผมคิด
นี่ก็เป็นสองวิธีเบื้องต้น สำหรับสาวๆที่อยากฝึกลวนลามหมอให้จำไปใช้ อาจจะลองเปลี่ยนเป้นปวดท้องน้อย ขาหนีบ ทวารหนัก แล้วแต่จะครีเอทเลยครับ แล้วลองดูแบบเนียนๆ แต่ผมแนะนำว่าควรใช้เฉพาะกับหมอผู้ชายนะครับ เพราะถ้าคุณเป็นคนไข้ผู้ชายแล้วไปใช้กับหมอผู้หญิงนี่ คุกครับคุก ลองจินตนาการสิครับ ถ้าเป็นวิธีที่สอง โอ้ ไม่ยากจะคิด
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI และผองเพื่อน
โพสต์ที่ 2818
เพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่าหมอก็มีโดนลวนลามด้วย
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- Croyoty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3617
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชมรมหมอ VI และผองเพื่อน
โพสต์ที่ 2820
jo7393 เขียน:เพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่าหมอก็มีโดนลวนลามด้วย
โดนจีบ โปรยขณะตรวจยังมีเลย เคยแนะนำการดูแลสุขภาพ ดูแลร่างกาย ปฏิบัติตัวอะไรสักอย่างจำไม่ได้
คนไข้ เป็นสาววัยสัก 25-28ปี บอกมาว่า ขาดคนดูแลอะค่ะ หมอมีคนดูแลยังค่ะ อยากได้หมอไปดูแล
คนไข้บุคลิกดีด้วยนะ ไม่ถึงกับสวยมาก โชคดีมีพี่พยาบาลผู้ชายอายุ40แล้ว อยู่ข้างๆ เลยบอกว่า ให้พี่เค้าดูแลเถอะครับ ต้องคนนี้เลยพี่เค้าชอบดูแลสาวๆ อิอิ เอาตัวรอดไป