world economic news
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news27/12/07
โพสต์ที่ 271
ญี่ปุ่นพร้อมจับมือจีนพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างกัน
นาย ยาสุโอะ ฟูกูดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่า ญี่ปุ่นพร้อมพูดคุยและแลกเปลี่ยนทัศนคติกับประเทศจีนในทุกๆด้าน และในทุกๆระดับ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างคนหนุ่มสาวของทั้ง 2 ประเทศ ทั้งนี้ นายฟูกูดะ ยอมรับว่า การพัฒนาเศรษฐกิจของจีน มีความสำคัญและถือเป็นการสร้างโอกาสที่ดีให้กับญี่ปุ่น และนานาชาติ ปัจจุบัน ญี่ปุ่นเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในจีน และจีนก็เป็นคู่ค้ารายใหญ่ของญี่ปุ่น
ธนาคารกลางญี่ปุ่น จะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รายงานว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของ BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจและแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ ปัจจุบัน อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่อาจได้รับผลกระทบจากปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐได้ เนื่องจากสหรัฐเป็นคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่น ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ที่ผ่านมา คณะกรรมการของ BOJ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ 0.5 %
เงินหยวนอ่อนค่าลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับดอลลาร์
ความเคลื่อนไหวของเงินหยวนเมื่อวานนี้ อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ ซึ่งเป็นการอ่อนค่าลงครั้งแรก หลังจากที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง3 วันต่อเนือง และทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่จีนประกาศปรับค่าเงินหยวนเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ที่ 7.3270 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ดัชนีแนวโน้มการแข็งค่าของเงินหยวนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ได้ขยับเพิ่มขึ้นจากระดับ 8.0 % ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
รัฐบาลจีนยังคงควบคุมการขยายตัวของการลงทุน เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจขยายตัวเร็วเกินไป
คณะกรรมการพัฒนาและปฎิรูปแห่งชาติของจีน รายงานว่า รัฐบาลจีนจะยังคงจำกัดการอนุมัติโครงการอุตสาหกรรมใหม่ๆต่อไป เพื่อควบคุมอัตราการขยายตัวของการลงทุน และป้องกันไม่ให้มีโครงการอุตสาหกรรมใหม่ๆเกิดขึ้นมากเกินไป อีกทั้ง ยังเป็นการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่ม่เป็นอันตรายต่อภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ การลงทุนในสินทรัพย์คงที่ในเขตเมืองของจีน ขยับเพิ่มขึ้น 26.8 % โดยมีมูลค่า 10.06 ล้านล้านหยวน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
นาย ยาสุโอะ ฟูกูดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่า ญี่ปุ่นพร้อมพูดคุยและแลกเปลี่ยนทัศนคติกับประเทศจีนในทุกๆด้าน และในทุกๆระดับ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างคนหนุ่มสาวของทั้ง 2 ประเทศ ทั้งนี้ นายฟูกูดะ ยอมรับว่า การพัฒนาเศรษฐกิจของจีน มีความสำคัญและถือเป็นการสร้างโอกาสที่ดีให้กับญี่ปุ่น และนานาชาติ ปัจจุบัน ญี่ปุ่นเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในจีน และจีนก็เป็นคู่ค้ารายใหญ่ของญี่ปุ่น
ธนาคารกลางญี่ปุ่น จะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รายงานว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของ BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจและแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ ปัจจุบัน อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่อาจได้รับผลกระทบจากปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐได้ เนื่องจากสหรัฐเป็นคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่น ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ที่ผ่านมา คณะกรรมการของ BOJ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ 0.5 %
เงินหยวนอ่อนค่าลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับดอลลาร์
ความเคลื่อนไหวของเงินหยวนเมื่อวานนี้ อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ ซึ่งเป็นการอ่อนค่าลงครั้งแรก หลังจากที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง3 วันต่อเนือง และทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่จีนประกาศปรับค่าเงินหยวนเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ที่ 7.3270 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ดัชนีแนวโน้มการแข็งค่าของเงินหยวนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ได้ขยับเพิ่มขึ้นจากระดับ 8.0 % ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
รัฐบาลจีนยังคงควบคุมการขยายตัวของการลงทุน เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจขยายตัวเร็วเกินไป
คณะกรรมการพัฒนาและปฎิรูปแห่งชาติของจีน รายงานว่า รัฐบาลจีนจะยังคงจำกัดการอนุมัติโครงการอุตสาหกรรมใหม่ๆต่อไป เพื่อควบคุมอัตราการขยายตัวของการลงทุน และป้องกันไม่ให้มีโครงการอุตสาหกรรมใหม่ๆเกิดขึ้นมากเกินไป อีกทั้ง ยังเป็นการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่ม่เป็นอันตรายต่อภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ การลงทุนในสินทรัพย์คงที่ในเขตเมืองของจีน ขยับเพิ่มขึ้น 26.8 % โดยมีมูลค่า 10.06 ล้านล้านหยวน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news28/12/07
โพสต์ที่ 272
มูลค่าเสียหายธุรกิจประกันภัยทั่วโลกปีนี้ พุ่งเกือบ 2 เท่า
บริษัท มิวนิค รีอินชัวรานซ์ เปิดเผยว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบริษัทประกันภัยทั่วโลกในปีนี้ จากสาเหตุของภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้น รวมกันอาจมีมูลค่ามากถึง 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าในปีที่ผ่านมาเกือบ 2 เท่า อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในปี 2005 หรือเมื่อปี 2548 ซึ่งเป็นปีที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติจากพายุเฮอร์ริเคนแคทริน่าในสหรัฐนั้น มูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นในปีนี้ กลับยังย้อยกว่าในปี 2548 ที่มีสูงถึง 9.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3.36 ล้านล้านบาท
โบอิ้ง ชี้ ยอดสั่งจองรุ่นดรีมไลเนอร์ มากถึง 790 รายการ
บริษัท โบอิ้ง คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์ชั้นนำของโลกจากสหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดสั่งจองเครื่องบินโบอิ้ง รุ่นดรีมไลเนอร์ 787 รวมจนถึงสิ้นปีนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 790 รายการ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งโบอิ้ง สามารถปิดการขายรายสุดท้าย จากการยืนยันคำสั่งซื้อของสายการบิน บริติชแอร์เวย์ เป็นจำนวน 24 ลำในรุ่นดังกล่าว ทั้งนี้ โบอิ้ง คาดว่า จะสามารถจัดส่งเครื่องบินรุ่นดรีมไลเนอร์ 787 ลำแรกได้ในสิ้นไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า ดังนั้น จะมีการจัดส่งเครื่องรุ่นดังกล่าวภายในปีหน้า เป็นจำนวน 109 ลำ
เวียดนามทุ่มงบกว่า 450 ล้านดอลลาร์ จัดสร้างทางรถไฟในระบบเครือข่ายสายทรานส์เอเชีย
กระทรวงคมนาคมของเวียดนาม ได้มอบหมายให้กรมรถไฟเวียดนาม ไปศึกษาความเป็นไปได้ของแผนการสร้างทางรถไฟเชื่อมถึงประเทศลาว ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบเครือข่ายรถไฟสายทรานส์เอเชีย เชื่อมโยงทั่วทั้งทวีปเอเชีย โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกันนี้ ได้เสนอแผนการขยายเครือข่ายทางด่วนครอบคลุมทั่วประเทศให้รัฐบาลพิจารณาอนุมัติแล้ว ซึ่งงบประมาณในการจัดสร้างครั้งนี้ ยังไม่สามารถประเมินได้
อดีตประธานาธิปดี ของปากีสถาน เสียชีวิตจากเหตุระเบิดพลีชีพ เมื่อวานนี้
นางเบนาซี บุตโต อดีตประธานาธิปดีของปากีสถาน เสียชีวิตเมื่อวานนี้ จากเหตุระเบิดพลีชีพ ขณะออกหาเสียงเพื่อรับการเลือกตั้งที่เมือง ราวาลปินดี ในขณะที่มีอายุเพียง 54 ปี ตำรวจแลงว่า มีประชาชนได้รับบาดเจ็บกว่า 60 คน และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 15 คน ก่อนหน้านี้ ได้เคยเกิดเหตุการระเบิดพลีชีพเพื่อหวังสังหาร นางบุตโต มาแล้วเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากนาง เดินทางกลับสู่บ้านเกิด หลังจากถูกเนรเทศออกจากปากีสถาน ซึ่งในครั้งนั้น นางรอดชีวิตมาได้ แต่มีประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์เสียชีวิตถึง 136 คน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
บริษัท มิวนิค รีอินชัวรานซ์ เปิดเผยว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบริษัทประกันภัยทั่วโลกในปีนี้ จากสาเหตุของภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้น รวมกันอาจมีมูลค่ามากถึง 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าในปีที่ผ่านมาเกือบ 2 เท่า อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในปี 2005 หรือเมื่อปี 2548 ซึ่งเป็นปีที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติจากพายุเฮอร์ริเคนแคทริน่าในสหรัฐนั้น มูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นในปีนี้ กลับยังย้อยกว่าในปี 2548 ที่มีสูงถึง 9.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3.36 ล้านล้านบาท
โบอิ้ง ชี้ ยอดสั่งจองรุ่นดรีมไลเนอร์ มากถึง 790 รายการ
บริษัท โบอิ้ง คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์ชั้นนำของโลกจากสหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดสั่งจองเครื่องบินโบอิ้ง รุ่นดรีมไลเนอร์ 787 รวมจนถึงสิ้นปีนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 790 รายการ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งโบอิ้ง สามารถปิดการขายรายสุดท้าย จากการยืนยันคำสั่งซื้อของสายการบิน บริติชแอร์เวย์ เป็นจำนวน 24 ลำในรุ่นดังกล่าว ทั้งนี้ โบอิ้ง คาดว่า จะสามารถจัดส่งเครื่องบินรุ่นดรีมไลเนอร์ 787 ลำแรกได้ในสิ้นไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า ดังนั้น จะมีการจัดส่งเครื่องรุ่นดังกล่าวภายในปีหน้า เป็นจำนวน 109 ลำ
เวียดนามทุ่มงบกว่า 450 ล้านดอลลาร์ จัดสร้างทางรถไฟในระบบเครือข่ายสายทรานส์เอเชีย
กระทรวงคมนาคมของเวียดนาม ได้มอบหมายให้กรมรถไฟเวียดนาม ไปศึกษาความเป็นไปได้ของแผนการสร้างทางรถไฟเชื่อมถึงประเทศลาว ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบเครือข่ายรถไฟสายทรานส์เอเชีย เชื่อมโยงทั่วทั้งทวีปเอเชีย โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกันนี้ ได้เสนอแผนการขยายเครือข่ายทางด่วนครอบคลุมทั่วประเทศให้รัฐบาลพิจารณาอนุมัติแล้ว ซึ่งงบประมาณในการจัดสร้างครั้งนี้ ยังไม่สามารถประเมินได้
อดีตประธานาธิปดี ของปากีสถาน เสียชีวิตจากเหตุระเบิดพลีชีพ เมื่อวานนี้
นางเบนาซี บุตโต อดีตประธานาธิปดีของปากีสถาน เสียชีวิตเมื่อวานนี้ จากเหตุระเบิดพลีชีพ ขณะออกหาเสียงเพื่อรับการเลือกตั้งที่เมือง ราวาลปินดี ในขณะที่มีอายุเพียง 54 ปี ตำรวจแลงว่า มีประชาชนได้รับบาดเจ็บกว่า 60 คน และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 15 คน ก่อนหน้านี้ ได้เคยเกิดเหตุการระเบิดพลีชีพเพื่อหวังสังหาร นางบุตโต มาแล้วเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากนาง เดินทางกลับสู่บ้านเกิด หลังจากถูกเนรเทศออกจากปากีสถาน ซึ่งในครั้งนั้น นางรอดชีวิตมาได้ แต่มีประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์เสียชีวิตถึง 136 คน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news02/01/08
โพสต์ที่ 273
ปี 2550 ดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้เพิ่มสูง 97% ด้านดัชนีตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐฯเพิ่มกว่า 9%
Posted on Wednesday, January 02, 2008
ปี 2007 ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 6.4% นาสแด็คพุ่ง 9.8%
ทบทวนตลาดทุนสำคัญทั่วโลกในปี 2550 ที่พึ่งผ่านไป โดยเริ่มต้นที่ตลาดทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ได้แก่ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ปรากฎว่า ดัชนีสำคัญทั้ง 3 แห่ง ล้วนให้ผลตอบแทนในแดนบวกกันทั้งสิ้น ท่ามกลางปัจจัยลบ ที่กระหน่ำตลาดหินนิวยอร์กอย่างหนัก จากวิกฤตสภาพคล่อง และวิกฤตตราสารหนี้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Subprime) ที่เริ่มต้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่ผ่านมา โดยดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 6.4% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ขยับขึ้น 3.5% และดัชนีหุ้นนาสแด็ค บวกมากที่สุดถึง 9.8% ตลอดทั้งปี 2550
ปี 2007 ดัชนีหุ้นฮั่งเส็ง ฮ่องกงทะยานขึ้น 39%
ข้ามมายังตลาดหุ้นฮ่องกง พบว่า ตลอดปีที่ผ่านไปนั้น ดัชนีหุ้นฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ขยายตัวสูงมากถึง 39% ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในปีที่ผ่านมา สูงมากถึงวันละ 8.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราววันละ 3 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ นักลงทุนสถาบันจากจีนแผ่นดินใหญ่ กลายเป็นนักลงทุนประเภทหลักสำคัญ ที่ซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นฮ่องกงมากที่สุดตลอดปี 2550 เน้นในหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ หรือหุ้นกล่มบลูชิป ด้านตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ จีนแผ่นดินใหญ่ ในปีที่ผ่านไปนั้น ปรากฎว่า ดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ ทะยานสูงมากขึ้นถึง 97%
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
Posted on Wednesday, January 02, 2008
ปี 2007 ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 6.4% นาสแด็คพุ่ง 9.8%
ทบทวนตลาดทุนสำคัญทั่วโลกในปี 2550 ที่พึ่งผ่านไป โดยเริ่มต้นที่ตลาดทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ได้แก่ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ปรากฎว่า ดัชนีสำคัญทั้ง 3 แห่ง ล้วนให้ผลตอบแทนในแดนบวกกันทั้งสิ้น ท่ามกลางปัจจัยลบ ที่กระหน่ำตลาดหินนิวยอร์กอย่างหนัก จากวิกฤตสภาพคล่อง และวิกฤตตราสารหนี้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Subprime) ที่เริ่มต้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่ผ่านมา โดยดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 6.4% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ขยับขึ้น 3.5% และดัชนีหุ้นนาสแด็ค บวกมากที่สุดถึง 9.8% ตลอดทั้งปี 2550
ปี 2007 ดัชนีหุ้นฮั่งเส็ง ฮ่องกงทะยานขึ้น 39%
ข้ามมายังตลาดหุ้นฮ่องกง พบว่า ตลอดปีที่ผ่านไปนั้น ดัชนีหุ้นฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ขยายตัวสูงมากถึง 39% ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในปีที่ผ่านมา สูงมากถึงวันละ 8.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราววันละ 3 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ นักลงทุนสถาบันจากจีนแผ่นดินใหญ่ กลายเป็นนักลงทุนประเภทหลักสำคัญ ที่ซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นฮ่องกงมากที่สุดตลอดปี 2550 เน้นในหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ หรือหุ้นกล่มบลูชิป ด้านตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ จีนแผ่นดินใหญ่ ในปีที่ผ่านไปนั้น ปรากฎว่า ดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ ทะยานสูงมากขึ้นถึง 97%
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news02/01/08
โพสต์ที่ 274
จีนเตรียมบังคับใช้กฎหมายแรงงานใหม่ ทำให้ต้นทุนภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น
จีนประกาศ กฎหมายใหม่ที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสิทธิให้กับแรงงาน ซึ่งถือว่าเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของจีนที่จะปกป้องสิทธิของแรงงานจีนที่ถูกมองว่าเป็นแรงงานราคาถูก โดยกฎหมายฉบับนี้มองว่าจะเป็นการทำให้ต้นทุนในภาคการผลิตเพิ่มขึ้นซึ่งจะนำไปสู่การลดการลงทุน ในภาคอุตสาหกรรมของจีน มีบางฝ่ายมองว่ากฎหมายดังกล่าวอาจจะนำไปสูการปิดโรงงานจำนวนมาก เนื่องมาจากจะทำให้บริษัทจะเข้าไปลงทุนจ้างงานได้ยากขึ้น
กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลจีนประกาศเพิ่มการลงทุน 20,000 ล้านเหรียญ
กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลจีน หรือ ไชน่า อินเวสเมนท์ ประกาศเพิ่มการลงทุน 20,000 ล้านเหรียญ ในไชน่า ดีเวลลอปเม้นท แบงก์ หลังจากใกล้การสิ้นสุดการปรับโครงสร้างภาคการธนาคารที่ยาวนานมาถึง 10 ปี การเพิ่มทุนครั้งนี้ในไชน่า ดีเวลลอปเม้นท แบงก์ จะช่วยเรื่องของแผนการปรับโครงสร้าง ของธนาคารไชน่าดีเวลลอปเม้นท์แบงก์ด้วย ส่วนไชน่าอินเวสเมนท์ ถือ เป็นกองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ซึ่งเป็นการเลียนแบบมาจากเทมาเสก ซึ่งเป็นชองรัฐบาลสิงคโปร์
เศรษฐกิจสิงคโปร์ปี 2007 โตกว่า 7%
นายลี เซียน ลุง นายกฯ ของสิงคโปร์ กล่าวว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสิงคโปร์ในปีที่แล้วขยายตัวในอัตรา 7.5% ถือว่าเป็นตัวเลขขั้นต่อของประมาณการณ์ ลดลงจากปี 2006 ที่ขยายตัวในอัตรา 7.9% นอกจากนี้ยังได้มีการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในปี /2008 นี้จะขยายตัวเพียงแค่ 4.5% เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยและ ภาคการเงินและการธนาคารจะยังคงมีความผันผวนต่อเนื่องจากปืที่แล้วจากปัญหา Subprime
เกาหลีใต้หั่นจีดีพี 2008 ลง เหตุจากราคาน้ำมันแพง
นายควน โอคิว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวทาง เศรษฐกิจ น่าจะขยายตัวประมาณ กว่า 4 % จากคาดการเบื้องต้นที่ 5% เนื่องจากราคาพลังงานเคลื่อนไหวในระดับสูง ซึ่งจะทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น และการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง และอีก 1 ปัจจัยคือยอดการส่งออกปรับลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐ ชะลอตัวจากปัญหา Subprime
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
จีนประกาศ กฎหมายใหม่ที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสิทธิให้กับแรงงาน ซึ่งถือว่าเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของจีนที่จะปกป้องสิทธิของแรงงานจีนที่ถูกมองว่าเป็นแรงงานราคาถูก โดยกฎหมายฉบับนี้มองว่าจะเป็นการทำให้ต้นทุนในภาคการผลิตเพิ่มขึ้นซึ่งจะนำไปสู่การลดการลงทุน ในภาคอุตสาหกรรมของจีน มีบางฝ่ายมองว่ากฎหมายดังกล่าวอาจจะนำไปสูการปิดโรงงานจำนวนมาก เนื่องมาจากจะทำให้บริษัทจะเข้าไปลงทุนจ้างงานได้ยากขึ้น
กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลจีนประกาศเพิ่มการลงทุน 20,000 ล้านเหรียญ
กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลจีน หรือ ไชน่า อินเวสเมนท์ ประกาศเพิ่มการลงทุน 20,000 ล้านเหรียญ ในไชน่า ดีเวลลอปเม้นท แบงก์ หลังจากใกล้การสิ้นสุดการปรับโครงสร้างภาคการธนาคารที่ยาวนานมาถึง 10 ปี การเพิ่มทุนครั้งนี้ในไชน่า ดีเวลลอปเม้นท แบงก์ จะช่วยเรื่องของแผนการปรับโครงสร้าง ของธนาคารไชน่าดีเวลลอปเม้นท์แบงก์ด้วย ส่วนไชน่าอินเวสเมนท์ ถือ เป็นกองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ซึ่งเป็นการเลียนแบบมาจากเทมาเสก ซึ่งเป็นชองรัฐบาลสิงคโปร์
เศรษฐกิจสิงคโปร์ปี 2007 โตกว่า 7%
นายลี เซียน ลุง นายกฯ ของสิงคโปร์ กล่าวว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสิงคโปร์ในปีที่แล้วขยายตัวในอัตรา 7.5% ถือว่าเป็นตัวเลขขั้นต่อของประมาณการณ์ ลดลงจากปี 2006 ที่ขยายตัวในอัตรา 7.9% นอกจากนี้ยังได้มีการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในปี /2008 นี้จะขยายตัวเพียงแค่ 4.5% เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยและ ภาคการเงินและการธนาคารจะยังคงมีความผันผวนต่อเนื่องจากปืที่แล้วจากปัญหา Subprime
เกาหลีใต้หั่นจีดีพี 2008 ลง เหตุจากราคาน้ำมันแพง
นายควน โอคิว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวทาง เศรษฐกิจ น่าจะขยายตัวประมาณ กว่า 4 % จากคาดการเบื้องต้นที่ 5% เนื่องจากราคาพลังงานเคลื่อนไหวในระดับสูง ซึ่งจะทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น และการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง และอีก 1 ปัจจัยคือยอดการส่งออกปรับลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐ ชะลอตัวจากปัญหา Subprime
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news04/01/08
โพสต์ที่ 275
ทองคำ พลาตินั่ม เงิน ทำลายสถิติสูงสุดในรอบหลายปี
ตลาดโลหะมีค่า โดยเฉพาะทองคำ และพลาตินั่ม ทำลายสถิติราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในรอบ 30 ปีเป็นผลสำเร็จในการซื้อขายคืนที่ผ่านมา ซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในต้นปีนี้ ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบปัจจุบัน ทะยานพุ่งสูงขึ้นไปถึงออนซ์ละ 870 เหรียญสหรัฐ จากราคาเคลื่อนไหวในวันแรกของปีนี้ ที่ระดับราคา 855 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ในขณะที่ราคาโลหะเงิน ทำสถิติราคาพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 2 เดือน ในคืนที่ผ่านมาเช่นกัน ทั้งนี้ ราคาทองคำในตลาดโลกเมื่อปีที่ผ่านไป ทะยานสูงขึ้นมากกว่า 30% สูงสุดในรอบ 28 ปี
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
ตลาดโลหะมีค่า โดยเฉพาะทองคำ และพลาตินั่ม ทำลายสถิติราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในรอบ 30 ปีเป็นผลสำเร็จในการซื้อขายคืนที่ผ่านมา ซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในต้นปีนี้ ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบปัจจุบัน ทะยานพุ่งสูงขึ้นไปถึงออนซ์ละ 870 เหรียญสหรัฐ จากราคาเคลื่อนไหวในวันแรกของปีนี้ ที่ระดับราคา 855 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ในขณะที่ราคาโลหะเงิน ทำสถิติราคาพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 2 เดือน ในคืนที่ผ่านมาเช่นกัน ทั้งนี้ ราคาทองคำในตลาดโลกเมื่อปีที่ผ่านไป ทะยานสูงขึ้นมากกว่า 30% สูงสุดในรอบ 28 ปี
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news04/01/08
โพสต์ที่ 276
สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ ยืนยันตรึงค่าเงินกับเหรียญสหรัฐต่อไป
ผู้ว่าการธนาคารกลาง สหรัฐ อาหรับ เอมิเรตส์ หรือยูเออี สุลต่าน บิน นาสซาล อัล สุไวดี้ กล่าวว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะยังคงรักษานโยบาย การตรึงค่าเงินเดอร์แฮมของยูเออี กับค่าเงินเหรียญสหรัฐต่อไป เหมือนในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ผู้ว่าแบงก์ชาติยูเออี กล่าวเสริมว่า ในช่วง 12 เดือนข้างหน้านับจากนี้ไป ยูเออี ยังคงตรึงค่าเงินกับเงินเหรียญสหรัฐไว้เช่นเดิม ทั้งนี้ ยูเออี เป็น 1 ใน 6 ชาติสมาชิกกลุ่มประเทศอาหรับในบริเวณอ่าวเปอร์เซีย ที่ต้องพิจารณาทบทวนค่าเงินใหม่ หลังค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลงมากถึง 10% ในปีที่ผ่านมา
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดีที่ 3 มกราคม 2551)
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ อยู่ที่ระดับ 336,000 ราย
ตัวเลขสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์โดย EIA ลดลง 4.1 ล้านบาร์เรล
ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงาน (พ.ย) เพิ่มขึ้น 1.5%
จีนเตรียมตั้งศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยอาหารต้อนรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิก
นายจาง จีกวน ประธานสำนักงานอุตสาหกรรมและพาณิชย์แห่งปักกิ่ง กล่าวว่า จีนเตรียมจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหารเป็นพิเศษขึ้นมา เพื่อต้อนรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่จะจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งในปีนี้โดยอาหารที่จัดไว้รองรับในการแข่งขันโอลิมปิกที่จะจัดขึ้นในเดือนส.ค.นี้นั้น จะแบ่งเป็น 345 รายการ ใน 10 ประเภท โดยอาหารทุกรายการจะต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานทางเทคนิคพิเศษก่อน นอกจากนี้ จีนยังเตรียมดำเนินงานตรวจสอบข้อมูลความปลอดภัยอาหารย้อนหลังอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยให้มีการติดตามการผลิตอาหารตั้งแต่ในพื้นที่เพาะปลูกไปจนถึงโต๊ะอาหารสำหรับนักกีฬา
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
ผู้ว่าการธนาคารกลาง สหรัฐ อาหรับ เอมิเรตส์ หรือยูเออี สุลต่าน บิน นาสซาล อัล สุไวดี้ กล่าวว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะยังคงรักษานโยบาย การตรึงค่าเงินเดอร์แฮมของยูเออี กับค่าเงินเหรียญสหรัฐต่อไป เหมือนในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ผู้ว่าแบงก์ชาติยูเออี กล่าวเสริมว่า ในช่วง 12 เดือนข้างหน้านับจากนี้ไป ยูเออี ยังคงตรึงค่าเงินกับเงินเหรียญสหรัฐไว้เช่นเดิม ทั้งนี้ ยูเออี เป็น 1 ใน 6 ชาติสมาชิกกลุ่มประเทศอาหรับในบริเวณอ่าวเปอร์เซีย ที่ต้องพิจารณาทบทวนค่าเงินใหม่ หลังค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลงมากถึง 10% ในปีที่ผ่านมา
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดีที่ 3 มกราคม 2551)
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ อยู่ที่ระดับ 336,000 ราย
ตัวเลขสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์โดย EIA ลดลง 4.1 ล้านบาร์เรล
ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงาน (พ.ย) เพิ่มขึ้น 1.5%
จีนเตรียมตั้งศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยอาหารต้อนรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิก
นายจาง จีกวน ประธานสำนักงานอุตสาหกรรมและพาณิชย์แห่งปักกิ่ง กล่าวว่า จีนเตรียมจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหารเป็นพิเศษขึ้นมา เพื่อต้อนรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่จะจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งในปีนี้โดยอาหารที่จัดไว้รองรับในการแข่งขันโอลิมปิกที่จะจัดขึ้นในเดือนส.ค.นี้นั้น จะแบ่งเป็น 345 รายการ ใน 10 ประเภท โดยอาหารทุกรายการจะต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานทางเทคนิคพิเศษก่อน นอกจากนี้ จีนยังเตรียมดำเนินงานตรวจสอบข้อมูลความปลอดภัยอาหารย้อนหลังอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยให้มีการติดตามการผลิตอาหารตั้งแต่ในพื้นที่เพาะปลูกไปจนถึงโต๊ะอาหารสำหรับนักกีฬา
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news04/01/08
โพสต์ที่ 277
ผลสำรวจชี้โตเกียวเป็นศูนย์กลางศก.ในเอเชีย-นั่งแท่นเมืองสำคัญของโลก
ผลสำรวจที่จัดทำโดยหนังสือพิมพ์ดิ อินดิเพนเดนท์ของอังกฤษบ่งชี้ว่า กรุงโตเกียวได้รับการยอมรับให้เป็นศูนย์กลางในทวีปเอเชียในฐานะมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรม นอกจากนี้ ผลสำรวจดังกล่าวยังได้จัดอันดับให้กรุงโตเกียวเป็นเมืองสำคัญที่สุดอันดับ 4 ของโลก รองจากกรุงลอนดอน นิวยอร์ก และปารีส ทั้งนี้ ทางทีมผู้จัดทำแบบสอบถามได้ให้คะแนน 60 เมืองจากข้อมูลที่แบ่งเป็น 14 ประเภท เพื่อตัดสินว่า เมืองใดเป็นเมืองที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก โดยวัดจากปัจจัยหลายด้าน อาทิ จำนวนประชากร จำนวนสถานที่ตั้งของแหล่งมรดกโลก รวมถึงประวัติการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และการเป็นแหล่งตลาดทุน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
ผลสำรวจที่จัดทำโดยหนังสือพิมพ์ดิ อินดิเพนเดนท์ของอังกฤษบ่งชี้ว่า กรุงโตเกียวได้รับการยอมรับให้เป็นศูนย์กลางในทวีปเอเชียในฐานะมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรม นอกจากนี้ ผลสำรวจดังกล่าวยังได้จัดอันดับให้กรุงโตเกียวเป็นเมืองสำคัญที่สุดอันดับ 4 ของโลก รองจากกรุงลอนดอน นิวยอร์ก และปารีส ทั้งนี้ ทางทีมผู้จัดทำแบบสอบถามได้ให้คะแนน 60 เมืองจากข้อมูลที่แบ่งเป็น 14 ประเภท เพื่อตัดสินว่า เมืองใดเป็นเมืองที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก โดยวัดจากปัจจัยหลายด้าน อาทิ จำนวนประชากร จำนวนสถานที่ตั้งของแหล่งมรดกโลก รวมถึงประวัติการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และการเป็นแหล่งตลาดทุน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news07/01/08
โพสต์ที่ 278
ค่ายรถยนต์เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตใน บราซิล รัสเซีย อินเดีย และ จีน
ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นเตรียมจะเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ 5 ล้านคันต่อปี ใน บราซิล รัสเซีย อินเดียและ จีน ภายในปี 2011 จากระดับ 2 ล้านคันในปี 2006 โตโยต้าจะลงทุนขยายฐานการผลิตแห่งที่สอง ในบราซิล ด้วยมูลค่าการลงทุน 80,000 ล้านเยน เพื่อจะผลิตรถยนต์ คอมแพ็คคาร์ ให้ได้ในปี 2011 ซึ่งจะสามารถผลิตได้ 100,000 คันต่อปี ส่วนฮอนด้าตั้งเป้าจะผลิตรถยนต์ในฐานการผลิตที่อเมริการใต้ให้ได้อีก 20%
จีนพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจในปี 2008
รัฐบาลจีน พยายามก้าวต่อไปในการควบคุมเงินเฟ้อและลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ ในเดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลจีนได้ตกลงร่วมกัน ที่จะควบคุมเงินเฟ้อและการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มากเกินไป ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจจีน ธนาคารกลางจีนพยายามที่จะลดกระแสเม็ดเงินไหลเข้าที่สูงเป็นประวัติการณ์จากการเกินดุลการค้า และพยายามที่จะบริหารจัดการทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ทะยานขึ้นไปถึง 1.46 ล้านล้านเหรียญในเดือน ตุลาคม และถือว่าเป็นประเทศที่มีทุนสำรองมากที่สุด
FDI เกาหลีใต้ลดลงกว่า 6 % ในปี 2007
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า การลงทุนโดยตรงหรือ FDI ในเกาหลีใต้ลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ในปี 2007 เนื่องจากการลงทุนในภาคการผลิตลดลง ในปี 2007 ตัวเลข FDI ลดลง 6.5% ลงมาอยู่ที่ระดับ 10,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับปีนี้คาดการการลงทุนโดยตรงในเกาหลีใต้จะอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านเหรียญ จากกระแสการควบรวมกิจการระดับโลก สำหรับ GDP ปธน. ลีเมียงบัค คาดการณ์ว่า จะอยู่ที่ระดับ 7 %
จีนเตรียมสร้างทางหลวงอีก 5 พันกิโลเมตรในปีนี้เพื่อรองรับการขนส่ง
จีนเตรียมที่จะสร้างทางหลวงเพิ่มอีก 5,000 กิโลเมตร ในปีนี้ หลังจากที่ได้สร้างทางหลวงไป 8,300 กิโลเมตรในปีที่แล้ว เพื่อที่จะรองรับการขนส่ง จากตัวเลขจากในปี 2007 จีน มีถนนรวมกันทั้งสิ้นยาว 3.57 ล้านกิโลเมตร และในปีที่แล้วได้มีการใช้งบประมาณในการลงทุนในถนนหนทางต่างๆ และการลงทุนในอุตสาหกรรมขนส่งประมาณ 750,000ล้านหยวน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นเตรียมจะเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ 5 ล้านคันต่อปี ใน บราซิล รัสเซีย อินเดียและ จีน ภายในปี 2011 จากระดับ 2 ล้านคันในปี 2006 โตโยต้าจะลงทุนขยายฐานการผลิตแห่งที่สอง ในบราซิล ด้วยมูลค่าการลงทุน 80,000 ล้านเยน เพื่อจะผลิตรถยนต์ คอมแพ็คคาร์ ให้ได้ในปี 2011 ซึ่งจะสามารถผลิตได้ 100,000 คันต่อปี ส่วนฮอนด้าตั้งเป้าจะผลิตรถยนต์ในฐานการผลิตที่อเมริการใต้ให้ได้อีก 20%
จีนพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจในปี 2008
รัฐบาลจีน พยายามก้าวต่อไปในการควบคุมเงินเฟ้อและลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ ในเดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลจีนได้ตกลงร่วมกัน ที่จะควบคุมเงินเฟ้อและการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มากเกินไป ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจจีน ธนาคารกลางจีนพยายามที่จะลดกระแสเม็ดเงินไหลเข้าที่สูงเป็นประวัติการณ์จากการเกินดุลการค้า และพยายามที่จะบริหารจัดการทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ทะยานขึ้นไปถึง 1.46 ล้านล้านเหรียญในเดือน ตุลาคม และถือว่าเป็นประเทศที่มีทุนสำรองมากที่สุด
FDI เกาหลีใต้ลดลงกว่า 6 % ในปี 2007
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า การลงทุนโดยตรงหรือ FDI ในเกาหลีใต้ลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ในปี 2007 เนื่องจากการลงทุนในภาคการผลิตลดลง ในปี 2007 ตัวเลข FDI ลดลง 6.5% ลงมาอยู่ที่ระดับ 10,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับปีนี้คาดการการลงทุนโดยตรงในเกาหลีใต้จะอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านเหรียญ จากกระแสการควบรวมกิจการระดับโลก สำหรับ GDP ปธน. ลีเมียงบัค คาดการณ์ว่า จะอยู่ที่ระดับ 7 %
จีนเตรียมสร้างทางหลวงอีก 5 พันกิโลเมตรในปีนี้เพื่อรองรับการขนส่ง
จีนเตรียมที่จะสร้างทางหลวงเพิ่มอีก 5,000 กิโลเมตร ในปีนี้ หลังจากที่ได้สร้างทางหลวงไป 8,300 กิโลเมตรในปีที่แล้ว เพื่อที่จะรองรับการขนส่ง จากตัวเลขจากในปี 2007 จีน มีถนนรวมกันทั้งสิ้นยาว 3.57 ล้านกิโลเมตร และในปีที่แล้วได้มีการใช้งบประมาณในการลงทุนในถนนหนทางต่างๆ และการลงทุนในอุตสาหกรรมขนส่งประมาณ 750,000ล้านหยวน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news09/01/08
โพสต์ที่ 279
ทองคำสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ แตะ 884
ทองคำในตลาดโลก ทำงานสถิติซื้อขายสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติการณ์ครั้งใหญ่ โดยราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือน ก.พ. ทะยานขึ้นแตะสูงสุดระหว่างวันคืนที่ผ่านมาที่ออนซ์ละ 884 เหรียญสหรัฐ ในช่วงแรกของการซื้อขาย ก่อนที่จะอ่อนตัวลงไม่มากนัก ปิดที่ 880.30 เหรียญต่อออนซ์ พุ่งสูงขึ้น 18.30 เหรียญ หรือราว 2.1% และก่อนหน้าที่ตลาดนิวยอร์ก จะเริ่มเปิดการซื้อขายคืนที่ผ่านมานั้น ราคาทองดังกล่าว เริ่มทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ตลาดลอนดอน ทะยานถึงออนซ์ละ 881.28 เหรียญ
ตลาดทองคำมองราคาเฉลี่ยปีนี้ 800 เหรียญ ชี้ อาจพุ่งถึง 1,000 เหรียญ
นายจอห์น ฮิลล์ หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ธนาคารซิตี้กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น มองว่า ราคาทองคำในตลาดสำคัญทั่วโลกปีนี้ อาจมีราคาเฉลี่ยที่ 800 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ และแนวโน้มที่ราคาทองคำจะพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ อาจอยู่ที่ระดับ 1 พันเหรียญสหรัฐต่อออนซ์ สาเหตุมาจากค่าเงินเหรียญสหรัฐที่ยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อเนื่องตลอดทั้งปีนี้ จากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลงอย่างหนัก และอาจเข้าขั้นถดถอย ราคาทองคำเมื่อปี 2550 ทะยานขึ้นถึง 31% ซึ่งกลายเป็นสถิติเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดในรอบ 30 ปี
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
ทองคำในตลาดโลก ทำงานสถิติซื้อขายสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติการณ์ครั้งใหญ่ โดยราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือน ก.พ. ทะยานขึ้นแตะสูงสุดระหว่างวันคืนที่ผ่านมาที่ออนซ์ละ 884 เหรียญสหรัฐ ในช่วงแรกของการซื้อขาย ก่อนที่จะอ่อนตัวลงไม่มากนัก ปิดที่ 880.30 เหรียญต่อออนซ์ พุ่งสูงขึ้น 18.30 เหรียญ หรือราว 2.1% และก่อนหน้าที่ตลาดนิวยอร์ก จะเริ่มเปิดการซื้อขายคืนที่ผ่านมานั้น ราคาทองดังกล่าว เริ่มทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ตลาดลอนดอน ทะยานถึงออนซ์ละ 881.28 เหรียญ
ตลาดทองคำมองราคาเฉลี่ยปีนี้ 800 เหรียญ ชี้ อาจพุ่งถึง 1,000 เหรียญ
นายจอห์น ฮิลล์ หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ธนาคารซิตี้กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น มองว่า ราคาทองคำในตลาดสำคัญทั่วโลกปีนี้ อาจมีราคาเฉลี่ยที่ 800 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ และแนวโน้มที่ราคาทองคำจะพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ อาจอยู่ที่ระดับ 1 พันเหรียญสหรัฐต่อออนซ์ สาเหตุมาจากค่าเงินเหรียญสหรัฐที่ยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อเนื่องตลอดทั้งปีนี้ จากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลงอย่างหนัก และอาจเข้าขั้นถดถอย ราคาทองคำเมื่อปี 2550 ทะยานขึ้นถึง 31% ซึ่งกลายเป็นสถิติเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดในรอบ 30 ปี
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news09/01/08
โพสต์ที่ 280
ไต้หวันเล็งไฟเขียวบริษัทการเงินลงทุนในธุรกิจธนาคารของจีนผ่านฮ่องกง
หนังสือพิมพ์อิโคโนมิค เดลี่ นิวส์ รายงานว่า รัฐบาลไต้หวันมีแนวโน้มที่จะอนุญาตให้บริษัทโฮลดิ้งทางการเงิน เข้ามาลงทุนในธนาคารจีนผ่านทางสาขาในฮ่องกง เนื่องจากการจัดตั้งกรอบการทำงานไต้หวัน-จีนในการกำกับดูแลการเงินผ่านทางฮ่องกง บริษัทการเงินไต้หวันจะได้รับอนุญาตให้ถือหุ้นสูงสุดไม่เกิน 20% ธนาคารจีนแห่งแรกที่จะได้ประโยชน์จากกฎระเบียบใหม่ก็คือ ฟูบอน ไฟแนนเชียล โฮลดิ้ง ซึ่งเปิดสาขาธนาคารฟูบอน แบงค์ในฮ่องกง ซึ่งจะมีโอกาสเข้าถือหุ้น 20% ในธนาคารเซี่ยเหมิน ซิตี้ คอมเมอร์เชียล แบงค์ ในจีนแผ่นดินใหญ่
อินโดนีเซียตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ธนาคารกลางอินโดนีเซียได้ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นไว้เท่าเดิมที่ 8.0% หลังจากที่ได้ประเมินความคืบหน้าของเศรษฐกิจในปีที่แล้วและแนวโน้มเศรษฐกิจในปีพ.ศ. 2551 ธนาคารกลางได้ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยหลังจากประเมินความคืบหน้าของเศรษฐกิจในปีที่แล้วและแนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้า รวมทั้งความเสี่ยงต่างๆที่เศรษฐกิจอาจต้องเผชิญในปีนี้ รวมถึง แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลได้สำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าธนาคารกลางอินโดนีเซียจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในประเทศพุ่งสูงขึ้น
จีนออกมาตรการเข้มจำกัดการผลิต จำหน่าย และใช้ถุงพลาสติกเพื่อควบคุมมลพิษ
คณะรัฐมนตรีของจีนได้ออกหนังสือเวียนเรียกร้องให้มีการผลิต จำหน่าย และใช้ถุงพลาสติกอย่างจำกัด เพื่อเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและควบคุมมลพิษ รัฐบาลกลางออกแถลงการณ์ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป การผลิตถุงพลาสติกที่มีความหนาไม่ถึง 0.025 มิลลิเมตร จะเป็นสิ่งต้องห้าม นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนเช่นกัน ลูกค้าที่ไปจับจ่ายซื้อของตามร้านค้าต่างๆจะต้องจ่ายเงินค่าถุงที่โดยปกติแล้วจะได้รับจากร้านค้าฟรีๆ
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
หนังสือพิมพ์อิโคโนมิค เดลี่ นิวส์ รายงานว่า รัฐบาลไต้หวันมีแนวโน้มที่จะอนุญาตให้บริษัทโฮลดิ้งทางการเงิน เข้ามาลงทุนในธนาคารจีนผ่านทางสาขาในฮ่องกง เนื่องจากการจัดตั้งกรอบการทำงานไต้หวัน-จีนในการกำกับดูแลการเงินผ่านทางฮ่องกง บริษัทการเงินไต้หวันจะได้รับอนุญาตให้ถือหุ้นสูงสุดไม่เกิน 20% ธนาคารจีนแห่งแรกที่จะได้ประโยชน์จากกฎระเบียบใหม่ก็คือ ฟูบอน ไฟแนนเชียล โฮลดิ้ง ซึ่งเปิดสาขาธนาคารฟูบอน แบงค์ในฮ่องกง ซึ่งจะมีโอกาสเข้าถือหุ้น 20% ในธนาคารเซี่ยเหมิน ซิตี้ คอมเมอร์เชียล แบงค์ ในจีนแผ่นดินใหญ่
อินโดนีเซียตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ธนาคารกลางอินโดนีเซียได้ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นไว้เท่าเดิมที่ 8.0% หลังจากที่ได้ประเมินความคืบหน้าของเศรษฐกิจในปีที่แล้วและแนวโน้มเศรษฐกิจในปีพ.ศ. 2551 ธนาคารกลางได้ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยหลังจากประเมินความคืบหน้าของเศรษฐกิจในปีที่แล้วและแนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้า รวมทั้งความเสี่ยงต่างๆที่เศรษฐกิจอาจต้องเผชิญในปีนี้ รวมถึง แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลได้สำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าธนาคารกลางอินโดนีเซียจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในประเทศพุ่งสูงขึ้น
จีนออกมาตรการเข้มจำกัดการผลิต จำหน่าย และใช้ถุงพลาสติกเพื่อควบคุมมลพิษ
คณะรัฐมนตรีของจีนได้ออกหนังสือเวียนเรียกร้องให้มีการผลิต จำหน่าย และใช้ถุงพลาสติกอย่างจำกัด เพื่อเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและควบคุมมลพิษ รัฐบาลกลางออกแถลงการณ์ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป การผลิตถุงพลาสติกที่มีความหนาไม่ถึง 0.025 มิลลิเมตร จะเป็นสิ่งต้องห้าม นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนเช่นกัน ลูกค้าที่ไปจับจ่ายซื้อของตามร้านค้าต่างๆจะต้องจ่ายเงินค่าถุงที่โดยปกติแล้วจะได้รับจากร้านค้าฟรีๆ
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news11/01/08
โพสต์ที่ 281
ญี่ปุ่นเผยทุนสำรองต่างปท.เดือนธ.ค.ปี 50 พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์
กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.73 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นสุดธ.ค.50 เพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้น ข้อมูลล่าสุดของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า ญี่ปุ่นยังคงมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากจีน โดยขณะนี้ทุนสำรองของจีนมีอยู่ถึง 1.455 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นสุดเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่นประกอบไปด้วยหลักทรัพย์และเงินฝากในรูปสกุลเงินต่างประเทศ รวมทั้งเงินสำรองสำหรับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) สิทธิ์ถอนเงินพิเศษ (SDRs) และทองคำ
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ยังตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ 5% เป็นเดือนที่ห้าติดต่อกัน
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นไว้ที่ 5% เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน หลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายได้ประเมินผลกระทบจากความผันผวนในตลาดการเงินทั่วโลกที่มีต่อเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเอเชีย เมื่อปีที่แล้ว ธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด 0.5% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี เช่นเดียวกับธนาคารกลางอื่นๆ ธนาคารกลางเกาหลีใต้กำลังลังเลว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นหรือไม่ เพราะกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤติในตลาดสินเชื่อและตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐ
โกลด์แมนแซคส์คาดศก.ญี่ปุ่นชะลอตัวแตะ 1%ปีนี้ เพราะถูกกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐ
วาณิชธนกิจโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นลงสู่ระดับ 1.0% ในปีนี้ จากระดับ 1.2% เพราะเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐ และคาดว่าญี่ปุ่นจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนช่วงไตรมาส 2 ของปีพ.ศ.2552ขณะเดียวกันโกลด์แมน แซคส์คาดว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดในไตรมาสที่ 2 ของปีพ.ศ.2552 เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยลงและจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก่อนหน้านี้ โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ หลังจากบีโอเจประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นไว้เท่าเดิมที่ 0.5% ในการประชุมติดต่อกัน 12 ครั้ง
รองผู้ว่า BOJ ชี้เศรษฐกิจญี่ปุ่นชะลอตัวเหตุโครงการลงทุนที่อยู่อาศัยอ่อนตัว
นายโตชิโร่ มูโตะ รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น กล่าวในที่ประชุมผู้นำชุมชนธุรกิจที่ฮอกไกโดว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นชะลอตัวลง เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยภายในประเทศอ่อนตัวลง และแนวโน้มที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังผันผวนต่อไป นายมูโตะได้รับการยอมรับในวงกว้างว่าจะเป็นตัวเก็งคนสำคัญที่จะขึ้นมาทำหน้าที่ผู้ว่าการบีโอเจคนต่อไปต่อจากนายโตชิฮิโกะ ฟูกูอิ ที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 19 มี.ค.นี้ ที่ผ่านมา โดยนายมูโตะเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง นายมูโตะกล่าวว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะยังคงขยายตัวต่อไปในระดับปานกลางในระยะยาว แต่ก็อาจจะมีปัจจัยเสี่ยงช่วงขาลงด้วยเช่นกัน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.73 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นสุดธ.ค.50 เพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้น ข้อมูลล่าสุดของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า ญี่ปุ่นยังคงมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากจีน โดยขณะนี้ทุนสำรองของจีนมีอยู่ถึง 1.455 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นสุดเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่นประกอบไปด้วยหลักทรัพย์และเงินฝากในรูปสกุลเงินต่างประเทศ รวมทั้งเงินสำรองสำหรับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) สิทธิ์ถอนเงินพิเศษ (SDRs) และทองคำ
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ยังตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ 5% เป็นเดือนที่ห้าติดต่อกัน
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นไว้ที่ 5% เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน หลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายได้ประเมินผลกระทบจากความผันผวนในตลาดการเงินทั่วโลกที่มีต่อเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเอเชีย เมื่อปีที่แล้ว ธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด 0.5% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี เช่นเดียวกับธนาคารกลางอื่นๆ ธนาคารกลางเกาหลีใต้กำลังลังเลว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นหรือไม่ เพราะกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤติในตลาดสินเชื่อและตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐ
โกลด์แมนแซคส์คาดศก.ญี่ปุ่นชะลอตัวแตะ 1%ปีนี้ เพราะถูกกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐ
วาณิชธนกิจโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นลงสู่ระดับ 1.0% ในปีนี้ จากระดับ 1.2% เพราะเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐ และคาดว่าญี่ปุ่นจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนช่วงไตรมาส 2 ของปีพ.ศ.2552ขณะเดียวกันโกลด์แมน แซคส์คาดว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดในไตรมาสที่ 2 ของปีพ.ศ.2552 เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยลงและจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก่อนหน้านี้ โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ หลังจากบีโอเจประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นไว้เท่าเดิมที่ 0.5% ในการประชุมติดต่อกัน 12 ครั้ง
รองผู้ว่า BOJ ชี้เศรษฐกิจญี่ปุ่นชะลอตัวเหตุโครงการลงทุนที่อยู่อาศัยอ่อนตัว
นายโตชิโร่ มูโตะ รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น กล่าวในที่ประชุมผู้นำชุมชนธุรกิจที่ฮอกไกโดว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นชะลอตัวลง เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยภายในประเทศอ่อนตัวลง และแนวโน้มที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังผันผวนต่อไป นายมูโตะได้รับการยอมรับในวงกว้างว่าจะเป็นตัวเก็งคนสำคัญที่จะขึ้นมาทำหน้าที่ผู้ว่าการบีโอเจคนต่อไปต่อจากนายโตชิฮิโกะ ฟูกูอิ ที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 19 มี.ค.นี้ ที่ผ่านมา โดยนายมูโตะเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง นายมูโตะกล่าวว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะยังคงขยายตัวต่อไปในระดับปานกลางในระยะยาว แต่ก็อาจจะมีปัจจัยเสี่ยงช่วงขาลงด้วยเช่นกัน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news14/01/08
โพสต์ที่ 282
คมนาคมจีนวางแผนทุ่ม 3 แสนล้านหยวนสร้างทางรถไฟใหม่ปีนี้
กระทรวงคมนาคมจีนเปิดเผยว่า จีนวางแผนสร้างทางรถไฟสายใหม่ระยะทาง 7,820 กิโลเมตรในปีนี้ โดยจะใช้งบประมาณการลงทุน 3 แสนล้านหยวน นายหลิว จีจุน รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า จะมีการเริ่มก่อสร้างทางรถไฟใหม่ในปีนี้ ซึ่งจะประกอบด้วยทางรถไฟสายความเร็วสูงเชื่อมระหว่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ซึ่งถือเป็นโครงการสร้างทางรถไฟที่สำคัญที่สุด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บริษัทของจีน 6 รายชนะการประมูลก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้มูลค่า 8.37 หมื่นล้านหยวน และคาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างอย่างเร็วที่สุดในเดือนนี้
พรรคก๊กมินตั๋งคว้าชัยเลือกตั้งไต้หวัน กวาดคะแนนเสียงได้ถึง 2 ใน 3
พรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้านของไต้หวันได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ด้วยการได้รับคะแนนเสียงมากกว่า 2 ใน 3 ในศึกเลือกตั้งที่จัดขึ้นเมื่อวานนี้ นับเป็นการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าทางการเมืองของไต้หวัน พรรคก๊กมินตั๋งได้รับเสียงโหวต 81 ที่นั่ง หรือมากกว่า 2 ใน 3 ของที่นั่งในรัฐสภาไต้หวัน ซึ่งมีทั้งหมด 113 ที่นั่ง โดยการเลือกตั้งเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ทางด้านประธานาธิบดีเฉิน สุ่ย เปียน ของไต้หวันได้ลาออกจากตำแหน่งประธานพรรคดีพีพี หลังจากที่พรรคคว้าน้ำเหลวในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อแสดงความรับผิดชอบกับความล้มเหลวครั้งใหญ่นับตั้งแต่ที่ได้มีการก่อตั้งพรรคขึ้นมา
"เวิลด์วอช"คาดจีนผงาดขึ้นทำเนียบยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานหมุนเวียนของโลก
นายคริส ฟลาวิน ประธานเวิลด์วอช กล่าว ว่า มีข้อมูลมากมายที่ทำให้เวิลด์วอชมั่นใจว่าจีนจะผงาดขึ้นเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของโลก อย่างไรก็ตาม เวิลด์วอชกังวลว่า ในทางกลับกันนั้น จีนกำลังจะแซงหน้าสหรัฐในฐานะประเทศที่แพร่กระจายก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์มากที่สุดในโลก ทั้งนี้ นายคริสกล่าวว่า ปัจจุบันจีนเป็นผู้นำทั้งในการผลิตผลิตภัณฑ์ประหยัดพลังงานใหม่ๆ และเป็นผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะกฎหมายพลังงานหมุนเวียนฉบับใหม่ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งเห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้นในปัจจุบัน
ผู้นำอินเดียเยือนจีนเมื่อวานนี้
นายมานโมฮัน ซิงห์ นายกรัฐมนตรีอินเดียเดินทางถึงกรุงปักกิ่งแล้ววันนี้ เพื่อพบสนทนากับผู้นำจีน ซึ่งครั้งนี้นับเป็นการเยือนจีนครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีอินเดียตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จีนเปิดเผยว่า นายซิงห์ เดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกวันนี้ก่อนที่จะพบปะสนทนากับนายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีในวันนี้และประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ในวันอังคาร ซึ่งคาดกันว่า การหารือจะเน้นการแก้ปัญหาความขัดแย้งบริเวณพรมแดนและปัญหาการค้าระหว่างประเทศทั้งสอง อินเดียคาดหวังว่า จะสามารถส่งออกสินค้าไปจีนมากขึ้นและได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาหาโอกาสทางการค้าร่วมกันด้วย
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
กระทรวงคมนาคมจีนเปิดเผยว่า จีนวางแผนสร้างทางรถไฟสายใหม่ระยะทาง 7,820 กิโลเมตรในปีนี้ โดยจะใช้งบประมาณการลงทุน 3 แสนล้านหยวน นายหลิว จีจุน รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า จะมีการเริ่มก่อสร้างทางรถไฟใหม่ในปีนี้ ซึ่งจะประกอบด้วยทางรถไฟสายความเร็วสูงเชื่อมระหว่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ซึ่งถือเป็นโครงการสร้างทางรถไฟที่สำคัญที่สุด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บริษัทของจีน 6 รายชนะการประมูลก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้มูลค่า 8.37 หมื่นล้านหยวน และคาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างอย่างเร็วที่สุดในเดือนนี้
พรรคก๊กมินตั๋งคว้าชัยเลือกตั้งไต้หวัน กวาดคะแนนเสียงได้ถึง 2 ใน 3
พรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้านของไต้หวันได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ด้วยการได้รับคะแนนเสียงมากกว่า 2 ใน 3 ในศึกเลือกตั้งที่จัดขึ้นเมื่อวานนี้ นับเป็นการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าทางการเมืองของไต้หวัน พรรคก๊กมินตั๋งได้รับเสียงโหวต 81 ที่นั่ง หรือมากกว่า 2 ใน 3 ของที่นั่งในรัฐสภาไต้หวัน ซึ่งมีทั้งหมด 113 ที่นั่ง โดยการเลือกตั้งเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ทางด้านประธานาธิบดีเฉิน สุ่ย เปียน ของไต้หวันได้ลาออกจากตำแหน่งประธานพรรคดีพีพี หลังจากที่พรรคคว้าน้ำเหลวในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อแสดงความรับผิดชอบกับความล้มเหลวครั้งใหญ่นับตั้งแต่ที่ได้มีการก่อตั้งพรรคขึ้นมา
"เวิลด์วอช"คาดจีนผงาดขึ้นทำเนียบยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานหมุนเวียนของโลก
นายคริส ฟลาวิน ประธานเวิลด์วอช กล่าว ว่า มีข้อมูลมากมายที่ทำให้เวิลด์วอชมั่นใจว่าจีนจะผงาดขึ้นเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของโลก อย่างไรก็ตาม เวิลด์วอชกังวลว่า ในทางกลับกันนั้น จีนกำลังจะแซงหน้าสหรัฐในฐานะประเทศที่แพร่กระจายก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์มากที่สุดในโลก ทั้งนี้ นายคริสกล่าวว่า ปัจจุบันจีนเป็นผู้นำทั้งในการผลิตผลิตภัณฑ์ประหยัดพลังงานใหม่ๆ และเป็นผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะกฎหมายพลังงานหมุนเวียนฉบับใหม่ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งเห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้นในปัจจุบัน
ผู้นำอินเดียเยือนจีนเมื่อวานนี้
นายมานโมฮัน ซิงห์ นายกรัฐมนตรีอินเดียเดินทางถึงกรุงปักกิ่งแล้ววันนี้ เพื่อพบสนทนากับผู้นำจีน ซึ่งครั้งนี้นับเป็นการเยือนจีนครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีอินเดียตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จีนเปิดเผยว่า นายซิงห์ เดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกวันนี้ก่อนที่จะพบปะสนทนากับนายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีในวันนี้และประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ในวันอังคาร ซึ่งคาดกันว่า การหารือจะเน้นการแก้ปัญหาความขัดแย้งบริเวณพรมแดนและปัญหาการค้าระหว่างประเทศทั้งสอง อินเดียคาดหวังว่า จะสามารถส่งออกสินค้าไปจีนมากขึ้นและได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาหาโอกาสทางการค้าร่วมกันด้วย
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news16/01/08
โพสต์ที่ 283
อุตสาหกรรมก่อสร้างสิงคโปร์ปีนี้โตต่อเนื่อง ข่าว 15.00 น.
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Wednesday, January 16, 2008
นายโมฮาเหม็ด มาลิกี ฮอสมาน เลขาธิการคณะกรรมาธิการการพัฒนาแห่งชาติประจำรัฐสภาสิงคโปร์ บอกว่า มูลค่าอุตสาหกรรมก่อสร้างสิงคโปร์ในปีที่ผ่านมาขยายตัว 46% อยู่ที่ 2.45 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และยังมีแนวโน้มสดใสในปีนี้ โดยคาดว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ 2.3 - 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์
นายมาลิกีบอกด้วยว่า รัฐบาลได้ลดอุปสรรคต่างๆในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวอย่างยั่งยืนจนถึงปี 2553 และคาดว่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่กระตุ้นให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) สิงคโปร์ขยายตัวได้ดี
ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่อง ข่าว 16.00 น.
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Wednesday, January 16, 2008
กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นแจ้งว่า เดือนพฤศจิกายน 2550 ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัด คิดเป็นมูลค่า 1.78 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบกับรายปีก่อนหน้า เนื่องจากยอดเกินดุลบัญชีรายได้ที่เพิ่มขึ้น แต่ยังต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.861 ล้านล้านเยน
ยอดการเกินดุลการค้าญี่ปุ่นในเดือนพฤศจิกายน 2550 อยู่ที่ 9.327 แสนล้านเยน ลดลง 9.7% ยอดส่งออกสินค้าอยู่ที่ระดับ 6.88 ล้านล้านเยน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.5% และยอดการนำเข้าสินค้ามีมูลค่า 5.95 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 13.3%
ส่วนยอดเกินดุลบัญชีสินค้าและบริการลดลงมาอยู่ที่ 8.715 แสนล้านเยน ยอดขายดุลบัญชีบริการ ลดลงมาอยู่ที่ 6.12 หมื่นล้านเยน ขณะที่ยอดเกินดุลบัญชีรายได้ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 9.964 แสนล้านเยน
http://www.moneychannel.co.th/Default.aspx?tabid=36
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Wednesday, January 16, 2008
นายโมฮาเหม็ด มาลิกี ฮอสมาน เลขาธิการคณะกรรมาธิการการพัฒนาแห่งชาติประจำรัฐสภาสิงคโปร์ บอกว่า มูลค่าอุตสาหกรรมก่อสร้างสิงคโปร์ในปีที่ผ่านมาขยายตัว 46% อยู่ที่ 2.45 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และยังมีแนวโน้มสดใสในปีนี้ โดยคาดว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ 2.3 - 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์
นายมาลิกีบอกด้วยว่า รัฐบาลได้ลดอุปสรรคต่างๆในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวอย่างยั่งยืนจนถึงปี 2553 และคาดว่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่กระตุ้นให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) สิงคโปร์ขยายตัวได้ดี
ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่อง ข่าว 16.00 น.
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Wednesday, January 16, 2008
กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นแจ้งว่า เดือนพฤศจิกายน 2550 ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัด คิดเป็นมูลค่า 1.78 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบกับรายปีก่อนหน้า เนื่องจากยอดเกินดุลบัญชีรายได้ที่เพิ่มขึ้น แต่ยังต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.861 ล้านล้านเยน
ยอดการเกินดุลการค้าญี่ปุ่นในเดือนพฤศจิกายน 2550 อยู่ที่ 9.327 แสนล้านเยน ลดลง 9.7% ยอดส่งออกสินค้าอยู่ที่ระดับ 6.88 ล้านล้านเยน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.5% และยอดการนำเข้าสินค้ามีมูลค่า 5.95 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 13.3%
ส่วนยอดเกินดุลบัญชีสินค้าและบริการลดลงมาอยู่ที่ 8.715 แสนล้านเยน ยอดขายดุลบัญชีบริการ ลดลงมาอยู่ที่ 6.12 หมื่นล้านเยน ขณะที่ยอดเกินดุลบัญชีรายได้ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 9.964 แสนล้านเยน
http://www.moneychannel.co.th/Default.aspx?tabid=36
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news16/01/08
โพสต์ที่ 284
โบอิ้ง ประกาศเลื่อนส่งมอบดรีมไลเนอร์ 787 อีก
บริษัท โบอิ้ง คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตอากาศยานพาณิชย์ชั้นนำอันดับ 1 ของสหรัฐ และของโลก เดินตามรอยบริษัทแอร์บัสในอดีต ที่ไม่สามารถผลิต และส่งมอบเครื่องบินรุ่นดรีมไลเนอร์ 787 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีความยาว และขนาดเบาที่สุดในโลก ให้กับลูกค้าสายการบินชั้นนำต่าง ๆได้ทันตามกำหนดการที่คาดไว้ ก่อนหน้านี้ บริษัทโบอิ้ง ได้เคยประกาศว่า เครื่องบินรุ่นดรีมไลเนอร์ 787 ต้องส่งมอบล่าช้าถึง 6 เดือน จากสาเหตุของการผลิตชิ้นส่วนของตัวเครื่องที่ล่าช้า และปัญหาผู้ผลิตชิ้นส่วน รวมถึงอะไหล่ของเครื่องรุ่นดังกล่าว
สิงคโปร์คาดยอดก่อสร้างปี 51 โตต่อเนื่องที่ระดับ 2.3 - 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์
สิงคโปร์คาดว่า การขยายตัวในภาคธุรกิจก่อสร้างของประเทศจะขยายตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องในปี 2551 และคาดว่า ยอดคำสั่งก่อสร้างจะอยู่ในช่วง 23,000-27,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เนื่องจากความต้องการในกลุ่มผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯภาคเอกชน สำนักงานอาคารและก่อสร้างสิงคโปร์เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจก่อสร้างของสิงคโปร์คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 3.7% เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีที่แล้ว และคาดว่าจะคิดเป็นสัดส่วนต่อจีดีพีประมาณ 3-4% ในปีนี้
ผู้ว่า BOJ คาดศก.ญี่ปุ่นชะลอตัวระยะหนึ่งเหตุการลงทุนที่อยู่อาศัยร่วง
นายโตชิฮิโกะ ฟูกูอิ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือบีโอเจ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นอาจจะชะลอตัวระยะหนึ่ง เนื่องจากการลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัยของประเทศร่วงลงอย่างหนัก นอกจากนี้ธนาคารต่างๆของญี่ปุ่นก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตซับไพรม์มากกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ การออกมาเตือนเรื่องสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของผู้ว่าบีโอเจครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ญี่ปุ่นกำลังประสบกับปัจจัยที่คุกคามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งจากสถิติการเริ่มการสร้างบ้านที่อยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากญี่ปุ่นประกาศใช้กฎระเบียบในการสร้างบ้านหรืออาคารใหม่ที่เข้มงวดมากขึ้น
มาเลเซียเผยราคาน้ำมันปาล์มดิบปรับตัวลงวานนี้ จากแรงขายทำกำไร
ราคาน้ำมันปาล์มดิบที่ตลาดซื้อขายล่วงหน้ามาเลเซียปรับตัวลดลงวานนี้ (15 ม.ค.) เนื่องจากเทรดเดอร์เทขายทำกำไร หลังจากที่ราคาทะยานขึ้นแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ โดยสัญญาน้ำมันปาล์มดิบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,420 ริงกิต หลังจากมาเลเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของโลกเปิดเผยว่า สต็อคน้ำมันปาล์มร่วงลง 7% ในเดือนธ.ค. เนื่องจากความต้องการจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นและผลิตตกต่ำลง นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ปกล่าวว่าสต็อคน้ำมันปาล์มจะลดลงอีกเมื่อผลผลิตชะลอตัวลงจากระดับต่ำสุดในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว
จีนเรียกร้องธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ 4 แห่งจำกัดการปล่อยกู้งวดใหม่ปีนี้
ธนาคารกลางจีนได้เรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของจีน 4 แห่ง คงอัตราการปล่อยกู้งวดใหม่ในปี 2551 ให้อยู่ในระดับเดียวกับปี 2550 โดยธนาคารกลางจีนได้เรียกร้องให้ธนาคารอินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงค์ ออฟ ไชน่า, ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงค์, แบงค์ ออฟ ไชน่า และไชน่า แอนด์ อะกริคัลเจอร์ แบงค์ ออฟ ไชน่า ควบคุมอัตราการปล่อยกู้ในปีนี้ มิเช่นนั้นจะต้องได้รับโทษ และต้องจำกัดการปล่อยกู้ตามโควตาที่ได้กำหนดไว้ในแต่ละไตรมาส ทั้งนี้ จีนได้ออกมาตรการคุมเข้มเศรษฐกิจต่างๆ อาทิ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเพดานสำรองเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้ที่ธนาคารกลางเพื่อบรรเทาความร้อนแรงทางเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งขยายตัวกว่า 11% ในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี 2550
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
บริษัท โบอิ้ง คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตอากาศยานพาณิชย์ชั้นนำอันดับ 1 ของสหรัฐ และของโลก เดินตามรอยบริษัทแอร์บัสในอดีต ที่ไม่สามารถผลิต และส่งมอบเครื่องบินรุ่นดรีมไลเนอร์ 787 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีความยาว และขนาดเบาที่สุดในโลก ให้กับลูกค้าสายการบินชั้นนำต่าง ๆได้ทันตามกำหนดการที่คาดไว้ ก่อนหน้านี้ บริษัทโบอิ้ง ได้เคยประกาศว่า เครื่องบินรุ่นดรีมไลเนอร์ 787 ต้องส่งมอบล่าช้าถึง 6 เดือน จากสาเหตุของการผลิตชิ้นส่วนของตัวเครื่องที่ล่าช้า และปัญหาผู้ผลิตชิ้นส่วน รวมถึงอะไหล่ของเครื่องรุ่นดังกล่าว
สิงคโปร์คาดยอดก่อสร้างปี 51 โตต่อเนื่องที่ระดับ 2.3 - 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์
สิงคโปร์คาดว่า การขยายตัวในภาคธุรกิจก่อสร้างของประเทศจะขยายตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องในปี 2551 และคาดว่า ยอดคำสั่งก่อสร้างจะอยู่ในช่วง 23,000-27,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เนื่องจากความต้องการในกลุ่มผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯภาคเอกชน สำนักงานอาคารและก่อสร้างสิงคโปร์เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจก่อสร้างของสิงคโปร์คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 3.7% เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีที่แล้ว และคาดว่าจะคิดเป็นสัดส่วนต่อจีดีพีประมาณ 3-4% ในปีนี้
ผู้ว่า BOJ คาดศก.ญี่ปุ่นชะลอตัวระยะหนึ่งเหตุการลงทุนที่อยู่อาศัยร่วง
นายโตชิฮิโกะ ฟูกูอิ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือบีโอเจ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นอาจจะชะลอตัวระยะหนึ่ง เนื่องจากการลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัยของประเทศร่วงลงอย่างหนัก นอกจากนี้ธนาคารต่างๆของญี่ปุ่นก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตซับไพรม์มากกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ การออกมาเตือนเรื่องสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของผู้ว่าบีโอเจครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ญี่ปุ่นกำลังประสบกับปัจจัยที่คุกคามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งจากสถิติการเริ่มการสร้างบ้านที่อยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากญี่ปุ่นประกาศใช้กฎระเบียบในการสร้างบ้านหรืออาคารใหม่ที่เข้มงวดมากขึ้น
มาเลเซียเผยราคาน้ำมันปาล์มดิบปรับตัวลงวานนี้ จากแรงขายทำกำไร
ราคาน้ำมันปาล์มดิบที่ตลาดซื้อขายล่วงหน้ามาเลเซียปรับตัวลดลงวานนี้ (15 ม.ค.) เนื่องจากเทรดเดอร์เทขายทำกำไร หลังจากที่ราคาทะยานขึ้นแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ โดยสัญญาน้ำมันปาล์มดิบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,420 ริงกิต หลังจากมาเลเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของโลกเปิดเผยว่า สต็อคน้ำมันปาล์มร่วงลง 7% ในเดือนธ.ค. เนื่องจากความต้องการจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นและผลิตตกต่ำลง นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ปกล่าวว่าสต็อคน้ำมันปาล์มจะลดลงอีกเมื่อผลผลิตชะลอตัวลงจากระดับต่ำสุดในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว
จีนเรียกร้องธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ 4 แห่งจำกัดการปล่อยกู้งวดใหม่ปีนี้
ธนาคารกลางจีนได้เรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของจีน 4 แห่ง คงอัตราการปล่อยกู้งวดใหม่ในปี 2551 ให้อยู่ในระดับเดียวกับปี 2550 โดยธนาคารกลางจีนได้เรียกร้องให้ธนาคารอินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงค์ ออฟ ไชน่า, ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงค์, แบงค์ ออฟ ไชน่า และไชน่า แอนด์ อะกริคัลเจอร์ แบงค์ ออฟ ไชน่า ควบคุมอัตราการปล่อยกู้ในปีนี้ มิเช่นนั้นจะต้องได้รับโทษ และต้องจำกัดการปล่อยกู้ตามโควตาที่ได้กำหนดไว้ในแต่ละไตรมาส ทั้งนี้ จีนได้ออกมาตรการคุมเข้มเศรษฐกิจต่างๆ อาทิ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเพดานสำรองเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้ที่ธนาคารกลางเพื่อบรรเทาความร้อนแรงทางเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งขยายตัวกว่า 11% ในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี 2550
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news18/01/08
โพสต์ที่ 285
สถาบันวิจัยคาด GDP มาเลเซียปี 51 ชะลอตัวแตะ 4-5% หากศก.สหรัฐถดถอย
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจมาเลเซียรายงานว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของมาเลเซียในปี 2551 อาจจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 4-5% หากว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย การคาดการณ์ดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ว่า ภาวะถดถอยจะอยู่ในระดับปานกลางและเกิดขึ้นเป็นเวลานานแค่ 2-3 ไตรมาสเท่านั้น การขยายตัวอาจจะลดลงกว่านี้ หากว่าภาวะถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่จัดว่าเลวร้ายและเกิดขึ้นเป็นเวลานาน ผอ.สถาบันฯมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐนั้นมีแนวโน้มว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยเกือบจะแน่นอนแล้ว โดยสถาบันฯยังคงคาดการณ์การขยายตัวของมาเลเซียในปี 2551 ว่า จะอยู่ที่ 5.4% หากว่า เศรษฐกิจสหรัฐไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย
อินโดนีเซียวางแผนลดค่าบริการโทรมือถือลง 10-30% มีผลสิ้นเดือนนี้
รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังวางแผนที่จะลดค่าบริการโทรศัพท์มือถือลง 10-30% โดยนายมูฮัมหมัด นูห์ รัฐมนตรีกระทรวงข้อมูลของอินโดนีเซีย กล่าวว่า เราหวังว่าจะลดค่าบริการลงในช่วง 10-30% เพราะเป็นระดับที่เรามองว่าจะส่งผลกระทบในระดับที่จำกัดต่อรายได้ของผู้ให้บริการ ค่าธรรมเนียมใหม่นี้คาดว่า จะมีผลบังคับใช้ในช่วงสิ้นเดือนนี้ ซึ่งปัจจุบันกระทรวงได้จัดประชุมกับผู้ให้บริการเกี่ยวกับการลดค่าบริการดังกล่าว รมว.กระทรวงข้อมูลกล่าวว่า ที่ผ่านมา เมื่อพิจารณาตามหลักเหตุผลแล้ว ค่าบริการโทรศัพพท์จะลดลงเป็นระยะๆ โดยผู้ให้บริการเองก็ไม่ควรจะคิดแต่จะทำกำไรเพียงอย่างเดียว ควรจะคิดถึงเรื่องบริการประชาชนด้วย
ญี่ปุ่นเผยอัตราบริษัทล้มละลายเดือนธ.ค.ปี 50 ลด 1.7% จากระดับเดือนพ.ย.
ไทโกกุ ดาต้าแบงค์ บริษัทวิจัยเอกชนของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า อัตราบริษัทล้มละลายของญี่ปุ่นในเดือนธ.ค. 2550 ปรับตัวลดลง 1.7% จากสถิติในเดือนพ.ย. แตะระดับ 891 แห่ง โดยจำนวนบริษัทที่ล้มละลายในเดือนพ.ย. ลดลง 16.3% และเพิ่มขึ้น 38% ในเดือนต.ค. จำนวนบริษัทที่ล้มละลายที่ลดลงในเดือนธ.ค.เป็นผลมาจากบริษัทล้มละลายในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีจำนวนน้อยลง แม้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์จะยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาการก่อสร้างบ้านในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นและต้นทุนการจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ก่อสร้างที่พุ่งสูงขึ้นก็ตาม โดยจำนวนบริษัทที่ล้มละลายมากที่สุดตั้งแต่ที่บริษัทได้เริ่มรวบรวมข้อมูลในเดือนเม.ย. 2548 นั้น คือ สถิติเดือนต.ค.ที่ 1,083 แห่ง
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจมาเลเซียรายงานว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของมาเลเซียในปี 2551 อาจจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 4-5% หากว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย การคาดการณ์ดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ว่า ภาวะถดถอยจะอยู่ในระดับปานกลางและเกิดขึ้นเป็นเวลานานแค่ 2-3 ไตรมาสเท่านั้น การขยายตัวอาจจะลดลงกว่านี้ หากว่าภาวะถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่จัดว่าเลวร้ายและเกิดขึ้นเป็นเวลานาน ผอ.สถาบันฯมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐนั้นมีแนวโน้มว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยเกือบจะแน่นอนแล้ว โดยสถาบันฯยังคงคาดการณ์การขยายตัวของมาเลเซียในปี 2551 ว่า จะอยู่ที่ 5.4% หากว่า เศรษฐกิจสหรัฐไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย
อินโดนีเซียวางแผนลดค่าบริการโทรมือถือลง 10-30% มีผลสิ้นเดือนนี้
รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังวางแผนที่จะลดค่าบริการโทรศัพท์มือถือลง 10-30% โดยนายมูฮัมหมัด นูห์ รัฐมนตรีกระทรวงข้อมูลของอินโดนีเซีย กล่าวว่า เราหวังว่าจะลดค่าบริการลงในช่วง 10-30% เพราะเป็นระดับที่เรามองว่าจะส่งผลกระทบในระดับที่จำกัดต่อรายได้ของผู้ให้บริการ ค่าธรรมเนียมใหม่นี้คาดว่า จะมีผลบังคับใช้ในช่วงสิ้นเดือนนี้ ซึ่งปัจจุบันกระทรวงได้จัดประชุมกับผู้ให้บริการเกี่ยวกับการลดค่าบริการดังกล่าว รมว.กระทรวงข้อมูลกล่าวว่า ที่ผ่านมา เมื่อพิจารณาตามหลักเหตุผลแล้ว ค่าบริการโทรศัพพท์จะลดลงเป็นระยะๆ โดยผู้ให้บริการเองก็ไม่ควรจะคิดแต่จะทำกำไรเพียงอย่างเดียว ควรจะคิดถึงเรื่องบริการประชาชนด้วย
ญี่ปุ่นเผยอัตราบริษัทล้มละลายเดือนธ.ค.ปี 50 ลด 1.7% จากระดับเดือนพ.ย.
ไทโกกุ ดาต้าแบงค์ บริษัทวิจัยเอกชนของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า อัตราบริษัทล้มละลายของญี่ปุ่นในเดือนธ.ค. 2550 ปรับตัวลดลง 1.7% จากสถิติในเดือนพ.ย. แตะระดับ 891 แห่ง โดยจำนวนบริษัทที่ล้มละลายในเดือนพ.ย. ลดลง 16.3% และเพิ่มขึ้น 38% ในเดือนต.ค. จำนวนบริษัทที่ล้มละลายที่ลดลงในเดือนธ.ค.เป็นผลมาจากบริษัทล้มละลายในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีจำนวนน้อยลง แม้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์จะยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาการก่อสร้างบ้านในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นและต้นทุนการจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ก่อสร้างที่พุ่งสูงขึ้นก็ตาม โดยจำนวนบริษัทที่ล้มละลายมากที่สุดตั้งแต่ที่บริษัทได้เริ่มรวบรวมข้อมูลในเดือนเม.ย. 2548 นั้น คือ สถิติเดือนต.ค.ที่ 1,083 แห่ง
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news21/01/08
โพสต์ที่ 286
จีเอ็มเตรียมหดจำนวนดีลเลอร์ที่มีอยู่มากเกินไป
นายริค แวกเนอร์ ซีอีโอ จีเอ็ม กล่าวว่า ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ของบริษัท (ดีลเลอร์) ยังลดลงไม่เร็วพอ ทางบริษัทจึงต้องเร่งใช้มาตรการยุบรวมดีลเลอร์แต่ละราย ระหว่างปี 48-50 จีเอ็มได้ทำการลดจำนวนเครือข่ายดีลเลอร์ลงราว 7% เหลือ 14,118 ราย นายมาร์ก เลอเนฟ รองประธานฝ่ายขาย จีเอ็มภูมิภาคอเมริกาเหนือ กล่าวว่า การที่จีเอ็มมีจำนวนเครือข่ายดีลเลอร์มากเกินไปถือเป็นเรื่องปกติในตลาดใหญ่ๆ อย่างไรก็ตาม นายเลอเนฟไม่ได้เปิดเผยว่า สุดท้ายแล้วจีเอ็มต้องการให้เครือข่ายดีลเลอร์เหลือจำนวนเท่าใด ทั้งนี้ ด้านฟอร์ด และ ไครส์เลอร์ ก็กำลังดำเนินการยุบรวมเครือข่ายดีลเลอร์เช่นกัน
ผู้นำเวเนซุเอลาขู่ยึดธนาคาร
'ฮูโก ชาเวซ' ผู้นำเวเนซุเอลา ขู่ยึดธนาคารเอกชนเป็นของรัฐ หากไม่ช่วยกันอุ้มเกษตรกรของประเทศชาเวซ ตำหนิธนาคารเอกชนหลายแห่งที่เพิกเฉยต่อกฏหมายที่กำหนดให้ธนาคารกันเงินเกือบ 1 ใน 3 ของเงินที่ปล่อยกู้ทั้งหมด ให้กับผู้กู้ยืมจากภาคการเกษตร และธุรกิจขนาดเล็กในดอกเบี้ยที่ถูก ชาเวซยังประกาศด้วยว่ารัฐบาลของเขาได้รับรองร่างกฏหมายใหม่ ที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ 15% สำหรับการกู้ยืมของภาคการเกษตร รวมถึง การขยายระยะเวลาการกู้ยืมประเภทนี้จาก 3 ปี เป็น 20 ปี
คลังฝรั่งเศสมั่นใจไม่ปรับคาดการณ์ GDP. แม้เจอพิษเศรษฐกิจซบเซา
นางคริสติน ลาการ์ด รัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ฝรั่งเศสยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับลดคาดการณ์ที่ตั้งไว้ในระดับ 2-2.5% ในปีงบประมาณ 2551 เนื่องจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสในขณะนี้สามารถเติบโตขึ้นแตะระดับเฉลี่ยที่ 2.25% ได้แล้ว ด้านนายโดมินิก สเตราส์-คาห์น ผู้อำนวยการ ไอเอ็มเอฟ คาดการณ์เมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า เป็นเรื่องยากที่เศรษฐกิจฝรั่งเศสจะขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ว่า ฝรั่งเศสอาจลำบากที่จะดันให้เศรษฐกิจขยายตัวขึ้นเหนือ 1.6% ในขณะที่เศรษฐกิจโลกซบเซา
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
นายริค แวกเนอร์ ซีอีโอ จีเอ็ม กล่าวว่า ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ของบริษัท (ดีลเลอร์) ยังลดลงไม่เร็วพอ ทางบริษัทจึงต้องเร่งใช้มาตรการยุบรวมดีลเลอร์แต่ละราย ระหว่างปี 48-50 จีเอ็มได้ทำการลดจำนวนเครือข่ายดีลเลอร์ลงราว 7% เหลือ 14,118 ราย นายมาร์ก เลอเนฟ รองประธานฝ่ายขาย จีเอ็มภูมิภาคอเมริกาเหนือ กล่าวว่า การที่จีเอ็มมีจำนวนเครือข่ายดีลเลอร์มากเกินไปถือเป็นเรื่องปกติในตลาดใหญ่ๆ อย่างไรก็ตาม นายเลอเนฟไม่ได้เปิดเผยว่า สุดท้ายแล้วจีเอ็มต้องการให้เครือข่ายดีลเลอร์เหลือจำนวนเท่าใด ทั้งนี้ ด้านฟอร์ด และ ไครส์เลอร์ ก็กำลังดำเนินการยุบรวมเครือข่ายดีลเลอร์เช่นกัน
ผู้นำเวเนซุเอลาขู่ยึดธนาคาร
'ฮูโก ชาเวซ' ผู้นำเวเนซุเอลา ขู่ยึดธนาคารเอกชนเป็นของรัฐ หากไม่ช่วยกันอุ้มเกษตรกรของประเทศชาเวซ ตำหนิธนาคารเอกชนหลายแห่งที่เพิกเฉยต่อกฏหมายที่กำหนดให้ธนาคารกันเงินเกือบ 1 ใน 3 ของเงินที่ปล่อยกู้ทั้งหมด ให้กับผู้กู้ยืมจากภาคการเกษตร และธุรกิจขนาดเล็กในดอกเบี้ยที่ถูก ชาเวซยังประกาศด้วยว่ารัฐบาลของเขาได้รับรองร่างกฏหมายใหม่ ที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ 15% สำหรับการกู้ยืมของภาคการเกษตร รวมถึง การขยายระยะเวลาการกู้ยืมประเภทนี้จาก 3 ปี เป็น 20 ปี
คลังฝรั่งเศสมั่นใจไม่ปรับคาดการณ์ GDP. แม้เจอพิษเศรษฐกิจซบเซา
นางคริสติน ลาการ์ด รัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ฝรั่งเศสยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับลดคาดการณ์ที่ตั้งไว้ในระดับ 2-2.5% ในปีงบประมาณ 2551 เนื่องจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสในขณะนี้สามารถเติบโตขึ้นแตะระดับเฉลี่ยที่ 2.25% ได้แล้ว ด้านนายโดมินิก สเตราส์-คาห์น ผู้อำนวยการ ไอเอ็มเอฟ คาดการณ์เมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า เป็นเรื่องยากที่เศรษฐกิจฝรั่งเศสจะขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ว่า ฝรั่งเศสอาจลำบากที่จะดันให้เศรษฐกิจขยายตัวขึ้นเหนือ 1.6% ในขณะที่เศรษฐกิจโลกซบเซา
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news21/01/08
โพสต์ที่ 287
มาเลเซียเตรียมจะลดจำนวนแรงงานต่างชาติ
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยมาเลเซีย ที่ระบุว่า หลังจากการเรียกประชุมบริษัทห้างร้านและอุตสาหกรรมต่างๆ ให้หันมาร่วมกันลดการพึ่งพิงแรงงานจากต่างชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเปิดโอกาสให้แรงงานในท้องถิ่นได้มีโอกาสหางานทำได้ อย่างไรก็ตาม การลดการพึ่งพิงแรงงานต่างชาติจะยกเว้นแรงงานด้านการก่อสร้าง โรงงานผลิตสินค้าต่างๆ และอุตสาหกรรมผลิตยางพารา ซึ่งชาวมาเลเซียไม่นิยมทำงานในประเภทนี้ มาเลเซียมีแรงงานต่างชาติอยู่ราว 2.3 ล้านคน ทางการต้องการจะลดลงให้เหลือราว 1.8 ล้านคน ในปีหน้า
ยูเอ็นเผยเอเชียยังคงเดือดร้อนกับอุทกภัยมากที่สุด
สำนักงานเลขาธิการยุทธศาสตร์นานาชาติเพื่อการบรรเทาภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติ เผยแพร่รายงานประจำปี 2550 รวบรวมโดยศูนย์วิจัยการระบาดของภัยพิบัติ (CRED) ว่า ปีที่แล้วเกิดภัยพิบัติขึ้นทั้งหมด 399 ครั้ง เทียบกับอัตราเฉลี่ย 394 ครั้งระหว่างปี 2543-2549 ทั้งนี้ 8 ใน 10 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตเพราะภัยพิบัติมากที่สุดเป็นประเทศในเอเชีย สิ่งที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับที่คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ทำนายไว้ว่าเอเชียและแอฟริกาตะวันตกจะเดือดร้อนจากอุทกภัยที่เกิดบ่อยและรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
โสมขาวขยายเวลาลดภาษี
คณะทำงานของว่าที่ประธานาธิบดีลี เมียงบักแห่งเกาหลีใต้ กล่าวว่าจะมีการขยายเวลาลดหย่อนภาษีเพื่อการลงทุน 7% ออกไปอีก 1 ปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ มาตรการลดหย่อนภาษีใช้มาตั้งแต่ปี 2543 แต่หมดอายุเมื่อสิ้นเดือนธค. โดยธุรกิจที่ลงทุนด้านเงินทุนจะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 7% ของการลงทุน
ซอฟต์แวร์อินเดียเล็งส้มหล่นจากศ.สหรัฐ
บริษัทซอฟต์แวร์อินเดียกล่าวว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของสหรัฐ อาจทำให้ลูกค้าหาทางประหยัดต้นทุน แต่นักวิเคราะห์เตือนว่าอุตสาหกรรมซอต์แวร์อินเดียจะเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากในปีนี้ ทาทา คอนซัลแทนซี เซอร์วิสเซส, อินโดซิสส์ เทคโนโลยี และไวโพร คาดว่าลูกค้าจะส่งงานมายังอินเดียซึ่งมีต้นทุนต่ำ แม้ในช่วงที่ลูกค้าเหล่านี้ลดงบด้านเทคโนโลยี
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยมาเลเซีย ที่ระบุว่า หลังจากการเรียกประชุมบริษัทห้างร้านและอุตสาหกรรมต่างๆ ให้หันมาร่วมกันลดการพึ่งพิงแรงงานจากต่างชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเปิดโอกาสให้แรงงานในท้องถิ่นได้มีโอกาสหางานทำได้ อย่างไรก็ตาม การลดการพึ่งพิงแรงงานต่างชาติจะยกเว้นแรงงานด้านการก่อสร้าง โรงงานผลิตสินค้าต่างๆ และอุตสาหกรรมผลิตยางพารา ซึ่งชาวมาเลเซียไม่นิยมทำงานในประเภทนี้ มาเลเซียมีแรงงานต่างชาติอยู่ราว 2.3 ล้านคน ทางการต้องการจะลดลงให้เหลือราว 1.8 ล้านคน ในปีหน้า
ยูเอ็นเผยเอเชียยังคงเดือดร้อนกับอุทกภัยมากที่สุด
สำนักงานเลขาธิการยุทธศาสตร์นานาชาติเพื่อการบรรเทาภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติ เผยแพร่รายงานประจำปี 2550 รวบรวมโดยศูนย์วิจัยการระบาดของภัยพิบัติ (CRED) ว่า ปีที่แล้วเกิดภัยพิบัติขึ้นทั้งหมด 399 ครั้ง เทียบกับอัตราเฉลี่ย 394 ครั้งระหว่างปี 2543-2549 ทั้งนี้ 8 ใน 10 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตเพราะภัยพิบัติมากที่สุดเป็นประเทศในเอเชีย สิ่งที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับที่คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ทำนายไว้ว่าเอเชียและแอฟริกาตะวันตกจะเดือดร้อนจากอุทกภัยที่เกิดบ่อยและรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
โสมขาวขยายเวลาลดภาษี
คณะทำงานของว่าที่ประธานาธิบดีลี เมียงบักแห่งเกาหลีใต้ กล่าวว่าจะมีการขยายเวลาลดหย่อนภาษีเพื่อการลงทุน 7% ออกไปอีก 1 ปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ มาตรการลดหย่อนภาษีใช้มาตั้งแต่ปี 2543 แต่หมดอายุเมื่อสิ้นเดือนธค. โดยธุรกิจที่ลงทุนด้านเงินทุนจะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 7% ของการลงทุน
ซอฟต์แวร์อินเดียเล็งส้มหล่นจากศ.สหรัฐ
บริษัทซอฟต์แวร์อินเดียกล่าวว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของสหรัฐ อาจทำให้ลูกค้าหาทางประหยัดต้นทุน แต่นักวิเคราะห์เตือนว่าอุตสาหกรรมซอต์แวร์อินเดียจะเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากในปีนี้ ทาทา คอนซัลแทนซี เซอร์วิสเซส, อินโดซิสส์ เทคโนโลยี และไวโพร คาดว่าลูกค้าจะส่งงานมายังอินเดียซึ่งมีต้นทุนต่ำ แม้ในช่วงที่ลูกค้าเหล่านี้ลดงบด้านเทคโนโลยี
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news22/01/08
โพสต์ที่ 288
ไต้หวันเล็งผ่อนปรนข้อจำกัดการลงทุนอสังหาฯแก่นักลงทุนจีน คาดมีผลตรุษจีนนี้
รัฐบาลไต้หวันมีแผนที่จะผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ให้แก่นักลงทุนชาวจีน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าทางการจะประกาศใช้แผนดังกล่าวอย่างเร็วที่สุดในช่วงตรุษจีนปีนี้ เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงมาตรการดังกล่าวที่กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณานั้น ประกอบด้วยการยกเลิกข้อบังคับที่ให้นักลงทุนชาวจีนระบุแหล่งที่มาของเงินทุนในการเข้าซื้อหุ้นในไต้หวัน นอกจากนี้ นักลงทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่จะได้รับอนุญาตให้สามารถถือครองหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในไต้หวันได้มากกว่า 50%
จีนเล็งเพิ่มปรับคนดังที่มีบุตรเกิน 1 คน ชี้ต้องถูกปรับมากกว่าคนทั่วไป
สำนักงานวางแผนครอบครัวของจีนประกาศว่า ผู้มีชื่อเสียงที่ละเมิดกฎหมายที่อนุญาตให้คู่สมรสมีบุตรคนเดียวจะต้องเสียค่าปรับมากกว่าประชาชนทั่วไป คู่สมรสส่วนมากที่ละเมิดกฎการมีบุตรคนเดียว มักเป็นคู่สมรสที่ต้องการบุตรชายมากกว่า 1 คน เพื่อแบ่งเบาภาระทางการเงิน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีคนดังหลายคนทั้งดารานักแสดงและนักกีฬาที่ละเมิดกฎดังกล่าวจนถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ สื่อรายงานว่า นักฟุตบอลชื่อดังของจีน ถูกปรับเป็นเงิน 50,000 หยวน (ราว 6,850 ดอลลาร์สหรัฐ) หลังจากมีบุตรคนที่ 2 โดยเขาเป็นนักฟุตบอลคนหนึ่งของจีนที่มีรายได้มากที่สุดที่ 5 ล้านหยวนต่อปี
สิงคโปร์คาดการลงทุนภาคการผลิตปี 51 ขยายตัวสูงกว่าปี 50 สวนทางเศรษฐกิจโลกซบเซา
คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจของสิงคโปร์ (EDB) คาดการณ์ว่า การลงทุนในภาคการผลิตของสิงคโปร์จะมีการขยายตัวขึ้นเป็น 12,000 -14,000ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีนี้ จากเดิมที่ 11,600 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว แม้เศรษฐกิจโลกจะอยู่ในภาวะชะลอตัวก็ตาม EDB กล่าว ทั้งนี้ คาดว่าการลงทุนใหม่ๆในปีนี้จะทำให้เกิดตำแหน่งงานใหม่ๆกว่า 16,000-19,000 ตำแหน่ง ในขณะที่การลงทุนเมื่อปีที่แล้วสร้างตำแหน่งงานใหม่ 18,500 ตำแหน่ง
ไชน่า อีสเทิร์นไม่แน่ใจข้อเสนอซื้อหุ้นจากบริษัทแม่ของสายการบินคู่แข่ง
สายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส ได้ตั้งคำถามถึงเรื่องความจริงใจของบริษัท แอร์ไชน่า สายการบินคู่แข่ง ที่ได้ยื่นข้อเสนอขอเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ ผ่านทางบริษัท ไชน่า เนชั่นแนล อาวิเอชั่น คอร์ป (CNAC) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแอร์ ไชน่า CNAC ได้ยื่นข้อเสนอซื้อหุ้นจดทะเบียนใหม่ในตลาดหุ้นฮ่องกงของไชน่า อีสเทิร์น จำนวน 2.985 พันล้านหุ้น ในราคาอย่างน้อย 5 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อหุ้น โดยข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยอัดฉีดเงินสดให้ไชน่า อีสเทิร์น จำนวน 14,900ล้านดอลลาร์ฮ่องกง
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
รัฐบาลไต้หวันมีแผนที่จะผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ให้แก่นักลงทุนชาวจีน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าทางการจะประกาศใช้แผนดังกล่าวอย่างเร็วที่สุดในช่วงตรุษจีนปีนี้ เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงมาตรการดังกล่าวที่กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณานั้น ประกอบด้วยการยกเลิกข้อบังคับที่ให้นักลงทุนชาวจีนระบุแหล่งที่มาของเงินทุนในการเข้าซื้อหุ้นในไต้หวัน นอกจากนี้ นักลงทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่จะได้รับอนุญาตให้สามารถถือครองหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในไต้หวันได้มากกว่า 50%
จีนเล็งเพิ่มปรับคนดังที่มีบุตรเกิน 1 คน ชี้ต้องถูกปรับมากกว่าคนทั่วไป
สำนักงานวางแผนครอบครัวของจีนประกาศว่า ผู้มีชื่อเสียงที่ละเมิดกฎหมายที่อนุญาตให้คู่สมรสมีบุตรคนเดียวจะต้องเสียค่าปรับมากกว่าประชาชนทั่วไป คู่สมรสส่วนมากที่ละเมิดกฎการมีบุตรคนเดียว มักเป็นคู่สมรสที่ต้องการบุตรชายมากกว่า 1 คน เพื่อแบ่งเบาภาระทางการเงิน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีคนดังหลายคนทั้งดารานักแสดงและนักกีฬาที่ละเมิดกฎดังกล่าวจนถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ สื่อรายงานว่า นักฟุตบอลชื่อดังของจีน ถูกปรับเป็นเงิน 50,000 หยวน (ราว 6,850 ดอลลาร์สหรัฐ) หลังจากมีบุตรคนที่ 2 โดยเขาเป็นนักฟุตบอลคนหนึ่งของจีนที่มีรายได้มากที่สุดที่ 5 ล้านหยวนต่อปี
สิงคโปร์คาดการลงทุนภาคการผลิตปี 51 ขยายตัวสูงกว่าปี 50 สวนทางเศรษฐกิจโลกซบเซา
คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจของสิงคโปร์ (EDB) คาดการณ์ว่า การลงทุนในภาคการผลิตของสิงคโปร์จะมีการขยายตัวขึ้นเป็น 12,000 -14,000ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีนี้ จากเดิมที่ 11,600 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว แม้เศรษฐกิจโลกจะอยู่ในภาวะชะลอตัวก็ตาม EDB กล่าว ทั้งนี้ คาดว่าการลงทุนใหม่ๆในปีนี้จะทำให้เกิดตำแหน่งงานใหม่ๆกว่า 16,000-19,000 ตำแหน่ง ในขณะที่การลงทุนเมื่อปีที่แล้วสร้างตำแหน่งงานใหม่ 18,500 ตำแหน่ง
ไชน่า อีสเทิร์นไม่แน่ใจข้อเสนอซื้อหุ้นจากบริษัทแม่ของสายการบินคู่แข่ง
สายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส ได้ตั้งคำถามถึงเรื่องความจริงใจของบริษัท แอร์ไชน่า สายการบินคู่แข่ง ที่ได้ยื่นข้อเสนอขอเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ ผ่านทางบริษัท ไชน่า เนชั่นแนล อาวิเอชั่น คอร์ป (CNAC) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแอร์ ไชน่า CNAC ได้ยื่นข้อเสนอซื้อหุ้นจดทะเบียนใหม่ในตลาดหุ้นฮ่องกงของไชน่า อีสเทิร์น จำนวน 2.985 พันล้านหุ้น ในราคาอย่างน้อย 5 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อหุ้น โดยข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยอัดฉีดเงินสดให้ไชน่า อีสเทิร์น จำนวน 14,900ล้านดอลลาร์ฮ่องกง
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news23/01/08
โพสต์ที่ 289
"เครดิต สวิส" เปิดธุรกิจโบรกเกอร์ซื้อขายหลักทรัพย์ในอินโดนีเซีย
เครดิต สวิส (Credit Suisse) รายงานว่า ทางธนาคารได้เปิดดำเนินธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศอินโดนีเซีย หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย โดยขอบข่ายการดำเนิงานของบริษัทมีตั้งแต่การวิจัย ซื้อขาย ไปจนถึงบริหารหลักทรัพย์ ทางธนาคารคาดการณ์ว่าจีดีพีอินโดนีเซียจะขยายตัว 6.0% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับ 6.2% ในปีที่แล้ว และ 5.5% ในปี 2549 เครดิต สวิส คาดการณ์ว่าอินโดนีเซียจะได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ยอดบัญชีเกินดุลอันแข็งแกร่ง รวมถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคและความเชื่อมั่นธุรกิจที่เพิ่มขึ้น
เยนแข็งค่าเทียบดอลล์-ยูโร หลัง BOJ ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50%
ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญอื่นๆเมื่อวานนี้ โดยเงินเยนแข็งค่าขึ้นทันทีหลังจากที่ บีโอเจ ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นไว้ที่ 0.5% เป็นครั้งที่ 13 ติดต่อกัน โดยบีโอเจยังต้องใช้เวลาในการประเมินว่า ความผันผวนในตลาดเงินจะยิ่งเลวร้ายลงอีกหรือไม่ และดูว่าภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐให้ทรุดตัวลงมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากสหรัฐเป็นหนึ่งในประเทศคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่น ทั้งนี้ บีโอเจกล่าวว่า คณะกรรมาธิการกำหนดนโยบายของบีโอเจทั้ง 9 คนมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ย
จีนสร้างตำแหน่งงานใหม่ได้กว่า 12 ล้านตำแหน่งในปี 2550
นายไจ๋ หยานหลี รัฐมนตรีช่วยกระทรวงแรงงานและสัวสดิการสังคมของจีน กล่าวว่า ตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้นถึง 12 ล้านตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว มากกว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ที่ 9 ล้านตำแหน่งช่วยลดอัตราการว่างงานในเมืองลงเหลือเพียง 4% แต่ก็ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ เนื่องจากในแต่ละปีจะมีผู้สมัครทำงานใหม่กว่า 10 ล้านคน นอกจากนั้นอัตราการว่างงานทั่วประเทศยังลดลงจากระดับ 6% ในช่วงทศวรรษที่ 1990 ซึ่งมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ รายงานดังกล่าวระบุว่า ในอนาคตจีนจะเผชิญกับปัญหาการควบคุมอัตราการว่างงานให้อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากผู้ต้องการงานใหม่จะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แบงก์ชาติเกาหลีใต้เตือนเศรษฐกิจในประเทศอาจชะลอตัวปีนี้หากไม่มีการปรับโครงสร้าง
ธนาคารกลางเกาหลีใต้เตือนว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้อาจชะลอตัวลงหากไม่มีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ โดยดูได้จากจีดีพีที่มีการขยายตัวลดลงเหลือ 5.2% ระหว่างปี ค.ศ. 2000-2006 จากเดิมที่ระดับ 8.3% ในช่วงทศวรรษที่ 1970 เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว เศรษฐกิจเกาหลีใต้มีอัตราการชะลอตัวที่รวดเร็วเกินไป นอกจากนั้นโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศยังไม่ขาดเสถียรภาพ ดูได้จากตัวเลขการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งมีอัตราการขยายตัวช้ากว่าจีดีพี จุดด้อยอีกประการคือ ผลิตภัณฑ์ในประเทศไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคหันไปใช้เงินกับตลาดต่างประเทศมากขึ้น
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
เครดิต สวิส (Credit Suisse) รายงานว่า ทางธนาคารได้เปิดดำเนินธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศอินโดนีเซีย หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย โดยขอบข่ายการดำเนิงานของบริษัทมีตั้งแต่การวิจัย ซื้อขาย ไปจนถึงบริหารหลักทรัพย์ ทางธนาคารคาดการณ์ว่าจีดีพีอินโดนีเซียจะขยายตัว 6.0% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับ 6.2% ในปีที่แล้ว และ 5.5% ในปี 2549 เครดิต สวิส คาดการณ์ว่าอินโดนีเซียจะได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ยอดบัญชีเกินดุลอันแข็งแกร่ง รวมถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคและความเชื่อมั่นธุรกิจที่เพิ่มขึ้น
เยนแข็งค่าเทียบดอลล์-ยูโร หลัง BOJ ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50%
ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญอื่นๆเมื่อวานนี้ โดยเงินเยนแข็งค่าขึ้นทันทีหลังจากที่ บีโอเจ ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นไว้ที่ 0.5% เป็นครั้งที่ 13 ติดต่อกัน โดยบีโอเจยังต้องใช้เวลาในการประเมินว่า ความผันผวนในตลาดเงินจะยิ่งเลวร้ายลงอีกหรือไม่ และดูว่าภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐให้ทรุดตัวลงมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากสหรัฐเป็นหนึ่งในประเทศคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่น ทั้งนี้ บีโอเจกล่าวว่า คณะกรรมาธิการกำหนดนโยบายของบีโอเจทั้ง 9 คนมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ย
จีนสร้างตำแหน่งงานใหม่ได้กว่า 12 ล้านตำแหน่งในปี 2550
นายไจ๋ หยานหลี รัฐมนตรีช่วยกระทรวงแรงงานและสัวสดิการสังคมของจีน กล่าวว่า ตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้นถึง 12 ล้านตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว มากกว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ที่ 9 ล้านตำแหน่งช่วยลดอัตราการว่างงานในเมืองลงเหลือเพียง 4% แต่ก็ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ เนื่องจากในแต่ละปีจะมีผู้สมัครทำงานใหม่กว่า 10 ล้านคน นอกจากนั้นอัตราการว่างงานทั่วประเทศยังลดลงจากระดับ 6% ในช่วงทศวรรษที่ 1990 ซึ่งมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ รายงานดังกล่าวระบุว่า ในอนาคตจีนจะเผชิญกับปัญหาการควบคุมอัตราการว่างงานให้อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากผู้ต้องการงานใหม่จะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แบงก์ชาติเกาหลีใต้เตือนเศรษฐกิจในประเทศอาจชะลอตัวปีนี้หากไม่มีการปรับโครงสร้าง
ธนาคารกลางเกาหลีใต้เตือนว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้อาจชะลอตัวลงหากไม่มีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ โดยดูได้จากจีดีพีที่มีการขยายตัวลดลงเหลือ 5.2% ระหว่างปี ค.ศ. 2000-2006 จากเดิมที่ระดับ 8.3% ในช่วงทศวรรษที่ 1970 เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว เศรษฐกิจเกาหลีใต้มีอัตราการชะลอตัวที่รวดเร็วเกินไป นอกจากนั้นโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศยังไม่ขาดเสถียรภาพ ดูได้จากตัวเลขการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งมีอัตราการขยายตัวช้ากว่าจีดีพี จุดด้อยอีกประการคือ ผลิตภัณฑ์ในประเทศไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคหันไปใช้เงินกับตลาดต่างประเทศมากขึ้น
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 1289
- ผู้ติดตาม: 0
world economic news
โพสต์ที่ 290
The worst market crisis in 60 years
By George Soros
Published: January 22 2008 19:57 | Last updated: January 22 2008 19:57
The current financial crisis was precipitated by a bubble in the US housing market. In some ways it resembles other crises that have occurred since the end of the second world war at intervals ranging from four to 10 years.
However, there is a profound difference: the current crisis marks the end of an era of credit expansion based on the dollar as the international reserve currency. The periodic crises were part of a larger boom-bust process. The current crisis is the culmination of a super-boom that has lasted for more than 60 years.
Boom-bust processes usually revolve around credit and always involve a bias or misconception. This is usually a failure to recognise a reflexive, circular connection between the willingness to lend and the value of the collateral. Ease of credit generates demand that pushes up the value of property, which in turn increases the amount of credit available. A bubble starts when people buy houses in the expectation that they can refinance their mortgages at a profit. The recent US housing boom is a case in point. The 60-year super-boom is a more complicated case.
Every time the credit expansion ran into trouble the financial authorities intervened, injecting liquidity and finding other ways to stimulate the economy. That created a system of asymmetric incentives also known as moral hazard, which encouraged ever greater credit expansion. The system was so successful that people came to believe in what former US president Ronald Reagan called the magic of the marketplace and I call market fundamentalism. Fundamentalists believe that markets tend towards equilibrium and the common interest is best served by allowing participants to pursue their self-interest. It is an obvious misconception, because it was the intervention of the authorities that prevented financial markets from breaking down, not the markets themselves. Nevertheless, market fundamentalism emerged as the dominant ideology in the 1980s, when financial markets started to become globalised and the US started to run a current account deficit.
Globalisation allowed the US to suck up the savings of the rest of the world and consume more than it produced. The US current account deficit reached 6.2 per cent of gross national product in 2006. The financial markets encouraged consumers to borrow by introducing ever more sophisticated instruments and more generous terms. The authorities aided and abetted the process by intervening whenever the global financial system was at risk. Since 1980, regulations have been progressively relaxed until they have practically disappeared.
The super-boom got out of hand when the new products became so complicated that the authorities could no longer calculate the risks and started relying on the risk management methods of the banks themselves. Similarly, the rating agencies relied on the information provided by the originators of synthetic products. It was a shocking abdication of responsibility.
Everything that could go wrong did. What started with subprime mortgages spread to all collateralised debt obligations, endangered municipal and mortgage insurance and reinsurance companies and threatened to unravel the multi-trillion-dollar credit default swap market. Investment banks' commitments to leveraged buyouts became liabilities. Market-neutral hedge funds turned out not to be market-neutral and had to be unwound. The asset-backed commercial paper market came to a standstill and the special investment vehicles set up by banks to get mortgages off their balance sheets could no longer get outside financing. The final blow came when interbank lending, which is at the heart of the financial system, was disrupted because banks had to husband their resources and could not trust their counterparties. The central banks had to inject an unprecedented amount of money and extend credit on an unprecedented range of securities to a broader range of institutions than ever before. That made the crisis more severe than any since the second world war.
Credit expansion must now be followed by a period of contraction, because some of the new credit instruments and practices are unsound and unsustainable. The ability of the financial authorities to stimulate the economy is constrained by the unwillingness of the rest of the world to accumulate additional dollar reserves. Until recently, investors were hoping that the US Federal Reserve would do whatever it takes to avoid a recession, because that is what it did on previous occasions. Now they will have to realise that the Fed may no longer be in a position to do so. With oil, food and other commodities firm, and the renminbi appreciating somewhat faster, the Fed also has to worry about inflation. If federal funds were lowered beyond a certain point, the dollar would come under renewed pressure and long-term bonds would actually go up in yield. Where that point is, is impossible to determine. When it is reached, the ability of the Fed to stimulate the economy comes to an end.
Although a recession in the developed world is now more or less inevitable, China, India and some of the oil-producing countries are in a very strong countertrend. So, the current financial crisis is less likely to cause a global recession than a radical realignment of the global economy, with a relative decline of the US and the rise of China and other countries in the developing world.
The danger is that the resulting political tensions, including US protectionism, may disrupt the global economy and plunge the world into recession or worse
By George Soros
Published: January 22 2008 19:57 | Last updated: January 22 2008 19:57
The current financial crisis was precipitated by a bubble in the US housing market. In some ways it resembles other crises that have occurred since the end of the second world war at intervals ranging from four to 10 years.
However, there is a profound difference: the current crisis marks the end of an era of credit expansion based on the dollar as the international reserve currency. The periodic crises were part of a larger boom-bust process. The current crisis is the culmination of a super-boom that has lasted for more than 60 years.
Boom-bust processes usually revolve around credit and always involve a bias or misconception. This is usually a failure to recognise a reflexive, circular connection between the willingness to lend and the value of the collateral. Ease of credit generates demand that pushes up the value of property, which in turn increases the amount of credit available. A bubble starts when people buy houses in the expectation that they can refinance their mortgages at a profit. The recent US housing boom is a case in point. The 60-year super-boom is a more complicated case.
Every time the credit expansion ran into trouble the financial authorities intervened, injecting liquidity and finding other ways to stimulate the economy. That created a system of asymmetric incentives also known as moral hazard, which encouraged ever greater credit expansion. The system was so successful that people came to believe in what former US president Ronald Reagan called the magic of the marketplace and I call market fundamentalism. Fundamentalists believe that markets tend towards equilibrium and the common interest is best served by allowing participants to pursue their self-interest. It is an obvious misconception, because it was the intervention of the authorities that prevented financial markets from breaking down, not the markets themselves. Nevertheless, market fundamentalism emerged as the dominant ideology in the 1980s, when financial markets started to become globalised and the US started to run a current account deficit.
Globalisation allowed the US to suck up the savings of the rest of the world and consume more than it produced. The US current account deficit reached 6.2 per cent of gross national product in 2006. The financial markets encouraged consumers to borrow by introducing ever more sophisticated instruments and more generous terms. The authorities aided and abetted the process by intervening whenever the global financial system was at risk. Since 1980, regulations have been progressively relaxed until they have practically disappeared.
The super-boom got out of hand when the new products became so complicated that the authorities could no longer calculate the risks and started relying on the risk management methods of the banks themselves. Similarly, the rating agencies relied on the information provided by the originators of synthetic products. It was a shocking abdication of responsibility.
Everything that could go wrong did. What started with subprime mortgages spread to all collateralised debt obligations, endangered municipal and mortgage insurance and reinsurance companies and threatened to unravel the multi-trillion-dollar credit default swap market. Investment banks' commitments to leveraged buyouts became liabilities. Market-neutral hedge funds turned out not to be market-neutral and had to be unwound. The asset-backed commercial paper market came to a standstill and the special investment vehicles set up by banks to get mortgages off their balance sheets could no longer get outside financing. The final blow came when interbank lending, which is at the heart of the financial system, was disrupted because banks had to husband their resources and could not trust their counterparties. The central banks had to inject an unprecedented amount of money and extend credit on an unprecedented range of securities to a broader range of institutions than ever before. That made the crisis more severe than any since the second world war.
Credit expansion must now be followed by a period of contraction, because some of the new credit instruments and practices are unsound and unsustainable. The ability of the financial authorities to stimulate the economy is constrained by the unwillingness of the rest of the world to accumulate additional dollar reserves. Until recently, investors were hoping that the US Federal Reserve would do whatever it takes to avoid a recession, because that is what it did on previous occasions. Now they will have to realise that the Fed may no longer be in a position to do so. With oil, food and other commodities firm, and the renminbi appreciating somewhat faster, the Fed also has to worry about inflation. If federal funds were lowered beyond a certain point, the dollar would come under renewed pressure and long-term bonds would actually go up in yield. Where that point is, is impossible to determine. When it is reached, the ability of the Fed to stimulate the economy comes to an end.
Although a recession in the developed world is now more or less inevitable, China, India and some of the oil-producing countries are in a very strong countertrend. So, the current financial crisis is less likely to cause a global recession than a radical realignment of the global economy, with a relative decline of the US and the rise of China and other countries in the developing world.
The danger is that the resulting political tensions, including US protectionism, may disrupt the global economy and plunge the world into recession or worse
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news25/01/08
โพสต์ที่ 291
จีน มั่นใจ เศรษฐกิจปีนี้โต 10.8% ชะลอจากปีก่อน 0.6% ไม่พลิกความคาดหมายของตลาดแต่อย่างใด
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Friday, January 25, 2008
หนังสือพิมพ์ไชน่า ซิเคียวริตีส์ เจอร์นัล รายงานโดยอ้างคำล่าวของสภาสังคมศาสตร์ โดยระบุว่า ในปีนี้ ทางการจีน ประเมินว่า เศรษฐกิจแดนมังกรจะขยายตัวในอัตรา 10.8% ชะลอตัวลงจากปีที่ผ่านมามา ซึ่งเศรษฐกิจโต 11.4% เมื่อปีที่แล้ว เพราะยังมั่นใจว่า การบริโภค และการลงทุนในจีน จะยังแข็งแกร่งจนเป็นแรงขับเคลื่อนภาวะเศรษฐกิจอยู่อย่างต่อเนื่อง
เมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน ได้ออกมาเปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนในปีที่ผ่านมา ขยายตัวถึง 11.4% ทำสถิติสูงที่สุดในรอบ 13 ปี แต่ในปีนี้ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ น่าจะชะลอตัวลง เพราะทางการจำเป็นจะต้องให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมากขึ้น หลังจากในปีที่ผ่านมา ปัญหาเงินเฟ้อเริ่มรุนแรง ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ มีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ และวิกฤตซับไพร์ม ซึ่งจะมีแรงกดดันต่อค่าเงินหยวน การส่งออก และความผันผวนของเงินทุนสูงมาก
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจดังกล่าว ไม่ถือว่า พลิกความคาดหมายของตลาดแต่อย่างใด เนื่องจากสถาบันวิจัยต่าง ๆ ยังเชื่อมั่นว่า แม้เศรษฐกิจโลกปีนี้จะขยายตัวในอัตราชะลอตัวลงจากปีก่อน แต่เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวได้ในอัตราสองหลัก (double digits) หรือเกิน 10% กันอยู่แล้ว
http://www.moneychannel.co.th/BreakingN ... fault.aspx
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Friday, January 25, 2008
หนังสือพิมพ์ไชน่า ซิเคียวริตีส์ เจอร์นัล รายงานโดยอ้างคำล่าวของสภาสังคมศาสตร์ โดยระบุว่า ในปีนี้ ทางการจีน ประเมินว่า เศรษฐกิจแดนมังกรจะขยายตัวในอัตรา 10.8% ชะลอตัวลงจากปีที่ผ่านมามา ซึ่งเศรษฐกิจโต 11.4% เมื่อปีที่แล้ว เพราะยังมั่นใจว่า การบริโภค และการลงทุนในจีน จะยังแข็งแกร่งจนเป็นแรงขับเคลื่อนภาวะเศรษฐกิจอยู่อย่างต่อเนื่อง
เมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน ได้ออกมาเปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนในปีที่ผ่านมา ขยายตัวถึง 11.4% ทำสถิติสูงที่สุดในรอบ 13 ปี แต่ในปีนี้ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ น่าจะชะลอตัวลง เพราะทางการจำเป็นจะต้องให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมากขึ้น หลังจากในปีที่ผ่านมา ปัญหาเงินเฟ้อเริ่มรุนแรง ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ มีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ และวิกฤตซับไพร์ม ซึ่งจะมีแรงกดดันต่อค่าเงินหยวน การส่งออก และความผันผวนของเงินทุนสูงมาก
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจดังกล่าว ไม่ถือว่า พลิกความคาดหมายของตลาดแต่อย่างใด เนื่องจากสถาบันวิจัยต่าง ๆ ยังเชื่อมั่นว่า แม้เศรษฐกิจโลกปีนี้จะขยายตัวในอัตราชะลอตัวลงจากปีก่อน แต่เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวได้ในอัตราสองหลัก (double digits) หรือเกิน 10% กันอยู่แล้ว
http://www.moneychannel.co.th/BreakingN ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news25/01/08
โพสต์ที่ 292
Citigroup เล็งปิดสาขาอีก เน้นเพิ่มประสิทธิภาพ
หลังจากที่ประกาศผลการขาดทุนอย่างมากในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมา Citigroup ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ และของโลกตัดสินใจ ยกเลิกแผนการเกี่ยวกับการขยายสาขาเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ จะขยายอีก 100 สาขาปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่จะขาย หรือปิดบางสาขาที่เพิ่งเปิดใหม่ด้วยเช่น สาขา แทมป้า ที่มลรัฐฟลอริด้า และจะเน้นในสาขาที่อยู่ในเมืองใหญ่มากขึ้น เช่นสาขา บอสตัน ไมอามี่ และนิวยอร์ค โดยแหล่งข่าวให้มุมมองว่า Citigroup ต้องการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ท่ามกลางปัจจัยลบในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจของเยอรมนีเพิ่มขึ้น
ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจของเยอรมนีปรับเพิ่มขึ้นจากระดับที่ต่ำที่สุดใน 2 ปี โดยดัชนีนี้จัดทำขึ้นจากการสำรวจผู้บริหารระดับสูงกว่า 7,000 ราย โดยดัชนีดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้น จาก 103 จุดในเดือนธันวาคม สู่ 103.4 จุด ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการกันเอาไว้ อย่างไรก็ดี นายไมเคิล กลอส รัฐมนตรีเศรฐกิจของเยอรมนีได้ปรับลดการเจริฐเติบโตของเศรษฐกิจเยอรมนีจาก 2 % เหลือเพียง 1.7% จากความเสี่ยงของการชะลอตัวเศรษฐกิจโลก และสหรัฐเป็นหลัก
ธนาคารอันดับ 2 ของฝรั่งเศสตรวจพบการฉ้อโกง
โซซิเอเต้ เจเนอราล ซึ่งเป็นธนาคารอันดับที่ 2 ของฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ได้ตรวจพบการฉ้อโกงของเทรดเดอร์รายหนึ่ง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายมูลค่าราว 4,900 ล้านยูโร หรือประมานกว่า 2.3 แสนล้านบาท ซึ่งเหตุนี้ทำให้ตลาดหุ้นปารีส สั่งพักการซื้อขายหุ้นของธนาคารและธนาคารกลางก็สั่งตรวจสอบด่วนกรณีดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้ประกาศปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีลงอีก 2,005 ล้านยูโร และมีแผนที่จะเพิ่มทุนอีก 5,500 ล้านยูโรเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับงบดุล
มาเลเซียเตรียมก่อตั้งคลังสำรองอาหารเพื่อลดภาวะขาดแคลนอาหารในประเทศ
มาเลเซียเตรียมก่อตั้งคลังสำรองอาหารแห่งชาติ รวมถึงคลังสำรองสินค้าจำเป็น อาทิ ข้าวและน้ำมันทำอาหาร เพื่อรักษาราคาอาหารให้มีเสถียรภาพและลดภาวะขาดแคลนอาหารที่เกิดขึ้นในประเทศในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนั้นรัฐบาลยังเตรียมก่อตั้งคณะกรรมการกำหนดราคาแห่งชาติเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกักตุนอาหาร เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มาเลเซียประสบภาวะขาดแคลนแป้งและน้ำมันทำอาหารอย่างหนัก ทั้งในซุปเปอร์มาร์เก็ตและตามร้านอาหารทั่วประเทศ ส่งผลให้รัฐบาลต้องประกาศห้ามมิให้ชาวไทยและสิงคโปร์ซื้ออาหารหลักอย่างแป้งและน้ำตาลกลับประเทศของตน
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ประกาศคงอัตราดอกเบี้ย ชี้เศรษฐกิจยังดีอยู่
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในวันนี้ โดยชี้ว่าเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์ยังอยู่ในสภาพที่ดี แม้ว่าจะเกิดภาวะผันผวนในตลาดหุ้นทั่วโลกและความหวั่นวิตกเรื่องเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ นายอลัน บอลลาร์ด ผู้ว่าการธนาคารกลางนิวซีแลนด์ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 8.25% ซึ่งถือเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุดประเทศหนึ่งในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ผู้ว่าการธนาคารกลางนิวซีแลนด์กล่าวว่า เราจะจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสถานการณ์ในเศรษฐกิจเอเชียและออสเตรเลีย รวมทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก โดยแนวโน้มของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และอัตราดอกเบี้ยยังไม่เปลี่ยนแปลง นับตั้งแต่ที่ได้มีการทบทวนไปเมื่อต้นเดือนธ.ค
กระทรวงคลังเวียดนามวางแผนแยกตลาดพันธบัตรออกจากตลาดหุ้น
กระทรวงการคลังเวียดนามกำลังวางแผนที่จะแยกตลาดพันธบัตรออกจากตลาดหุ้น โดยมีแผนที่จะจัดให้มีการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทุกประเภท พันธบัตรระดับจังหวัดและเทศบาล รวมทั้งพันธบัตรที่รัฐบาลรับประกันผ่านช่องทางที่อยู่ภายใต้การดูแลของศูนย์กลางการซื้อขายหลักทรัพย์ฮานอย ซึ่งปัจจุบันพันธบัตรของเวียดนามมีการซื้อขายพร้อมกับหุ้นผ่านทางองค์กรซื้อขายหลักทรัพย์ 2 แห่ง กระทรวงการคลังเวียดนามจะสรุปกรอบกฎหมายที่กำกับดูแลการซื้อขาย การเป็นสมาชิก ข้อมูลที่จะมีการเผยแพร่แก่ประชาชน และการบริหารตลาดพันธบัตรภายในไตรมาส 1 ปีนี้
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
หลังจากที่ประกาศผลการขาดทุนอย่างมากในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมา Citigroup ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ และของโลกตัดสินใจ ยกเลิกแผนการเกี่ยวกับการขยายสาขาเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ จะขยายอีก 100 สาขาปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่จะขาย หรือปิดบางสาขาที่เพิ่งเปิดใหม่ด้วยเช่น สาขา แทมป้า ที่มลรัฐฟลอริด้า และจะเน้นในสาขาที่อยู่ในเมืองใหญ่มากขึ้น เช่นสาขา บอสตัน ไมอามี่ และนิวยอร์ค โดยแหล่งข่าวให้มุมมองว่า Citigroup ต้องการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ท่ามกลางปัจจัยลบในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจของเยอรมนีเพิ่มขึ้น
ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจของเยอรมนีปรับเพิ่มขึ้นจากระดับที่ต่ำที่สุดใน 2 ปี โดยดัชนีนี้จัดทำขึ้นจากการสำรวจผู้บริหารระดับสูงกว่า 7,000 ราย โดยดัชนีดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้น จาก 103 จุดในเดือนธันวาคม สู่ 103.4 จุด ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการกันเอาไว้ อย่างไรก็ดี นายไมเคิล กลอส รัฐมนตรีเศรฐกิจของเยอรมนีได้ปรับลดการเจริฐเติบโตของเศรษฐกิจเยอรมนีจาก 2 % เหลือเพียง 1.7% จากความเสี่ยงของการชะลอตัวเศรษฐกิจโลก และสหรัฐเป็นหลัก
ธนาคารอันดับ 2 ของฝรั่งเศสตรวจพบการฉ้อโกง
โซซิเอเต้ เจเนอราล ซึ่งเป็นธนาคารอันดับที่ 2 ของฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ได้ตรวจพบการฉ้อโกงของเทรดเดอร์รายหนึ่ง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายมูลค่าราว 4,900 ล้านยูโร หรือประมานกว่า 2.3 แสนล้านบาท ซึ่งเหตุนี้ทำให้ตลาดหุ้นปารีส สั่งพักการซื้อขายหุ้นของธนาคารและธนาคารกลางก็สั่งตรวจสอบด่วนกรณีดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้ประกาศปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีลงอีก 2,005 ล้านยูโร และมีแผนที่จะเพิ่มทุนอีก 5,500 ล้านยูโรเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับงบดุล
มาเลเซียเตรียมก่อตั้งคลังสำรองอาหารเพื่อลดภาวะขาดแคลนอาหารในประเทศ
มาเลเซียเตรียมก่อตั้งคลังสำรองอาหารแห่งชาติ รวมถึงคลังสำรองสินค้าจำเป็น อาทิ ข้าวและน้ำมันทำอาหาร เพื่อรักษาราคาอาหารให้มีเสถียรภาพและลดภาวะขาดแคลนอาหารที่เกิดขึ้นในประเทศในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนั้นรัฐบาลยังเตรียมก่อตั้งคณะกรรมการกำหนดราคาแห่งชาติเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกักตุนอาหาร เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มาเลเซียประสบภาวะขาดแคลนแป้งและน้ำมันทำอาหารอย่างหนัก ทั้งในซุปเปอร์มาร์เก็ตและตามร้านอาหารทั่วประเทศ ส่งผลให้รัฐบาลต้องประกาศห้ามมิให้ชาวไทยและสิงคโปร์ซื้ออาหารหลักอย่างแป้งและน้ำตาลกลับประเทศของตน
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ประกาศคงอัตราดอกเบี้ย ชี้เศรษฐกิจยังดีอยู่
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในวันนี้ โดยชี้ว่าเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์ยังอยู่ในสภาพที่ดี แม้ว่าจะเกิดภาวะผันผวนในตลาดหุ้นทั่วโลกและความหวั่นวิตกเรื่องเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ นายอลัน บอลลาร์ด ผู้ว่าการธนาคารกลางนิวซีแลนด์ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 8.25% ซึ่งถือเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุดประเทศหนึ่งในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ผู้ว่าการธนาคารกลางนิวซีแลนด์กล่าวว่า เราจะจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสถานการณ์ในเศรษฐกิจเอเชียและออสเตรเลีย รวมทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก โดยแนวโน้มของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และอัตราดอกเบี้ยยังไม่เปลี่ยนแปลง นับตั้งแต่ที่ได้มีการทบทวนไปเมื่อต้นเดือนธ.ค
กระทรวงคลังเวียดนามวางแผนแยกตลาดพันธบัตรออกจากตลาดหุ้น
กระทรวงการคลังเวียดนามกำลังวางแผนที่จะแยกตลาดพันธบัตรออกจากตลาดหุ้น โดยมีแผนที่จะจัดให้มีการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทุกประเภท พันธบัตรระดับจังหวัดและเทศบาล รวมทั้งพันธบัตรที่รัฐบาลรับประกันผ่านช่องทางที่อยู่ภายใต้การดูแลของศูนย์กลางการซื้อขายหลักทรัพย์ฮานอย ซึ่งปัจจุบันพันธบัตรของเวียดนามมีการซื้อขายพร้อมกับหุ้นผ่านทางองค์กรซื้อขายหลักทรัพย์ 2 แห่ง กระทรวงการคลังเวียดนามจะสรุปกรอบกฎหมายที่กำกับดูแลการซื้อขาย การเป็นสมาชิก ข้อมูลที่จะมีการเผยแพร่แก่ประชาชน และการบริหารตลาดพันธบัตรภายในไตรมาส 1 ปีนี้
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news28/01/08
โพสต์ที่ 293
Porche เผยรายได้ครึ่งแรกพุ่ง 14 % เน้นลดการพึ่งพิงตลาดสหรัฐ
Porche ผู้ผลิตรถยนต์หรูเผยผลประกอบการครึ่งแรก โดยยอดขายใน 6 เดือน พุ่งขึ้น 14% นักวิเคราห์คาดว่ายอดขายน่าจะอยู่ที่ 3,500 ล้านยูโร หรือ 5,200 ล้านดอลล่าสหรัฐ โดยนายเวนเดอลิน เวียเดอคิงประธานกรรมการบริหารของพอชกล่าวว่า บริษัทได้ปรับกลยุทธ์โดยการมุ่งเน้นไปที่ตลาดที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูง เช่น ตลาดเอเชีย ยุโรปตะวันออก และตะวันออกกลางเป็นต้นเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจอเมริกา และลดการพึ่งพิงตลาดสหรัฐอเมริกา หรือแม้ในเยอรมนีเอง
"กูเกิล" รั้งอันดับ 1 เสิร์ชเอ็นจิ้นยอดนิยม ทิ้งห่าง "ยาฮู" ถึงห้าเท่า
คอมสกอร์ (comScore) บริษัทวิจัยอินเทอร์เน็ต ได้ทำการสำรวจเสิร์ชเอ็นจิ้นที่ได้รับความนิยมสูงสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา ปรากฏว่า กูเกิล รั้งอันดับ 1 ด้วยสถิติการสืบค้น 62.4% ของการสืบค้น 6.62 หมื่นล้านครั้งทั่วโลก ซึ่งมากกว่าอันดับ 2 ยาฮู ที่มีผู้ใช้บริการสืบค้นคิดเป็น 12.8% อยู่ถึง 5 เท่า เสิร์ชเอ็นจิ้นรายใหญ่ของจีนอย่าง ไปตู้ (Baidu.com) และ อาลีบาบาก็ไม่น้อยหน้า (Alibaba.com) เมื่อติดโผการจัดอันดับในครั้งนี้ด้วย โดยเฉพาะไป่ตู้ ซึ่งจดทะเบียนในดัชนี Nasdaq ของสหรัฐ ได้คะแนนมาเป็นอันดับที่ 3 โดยคิดเป็น 5.2% ของการสืบค้นทั่วโลก โดยไป่ตู้มักจะถูกอ้างถึงว่า เป็นกูเกิล เวอร์ชั่นภาษาจีน เนื่องจากความนิยมและผลกำไรที่พุ่งขึ้น
"บัฟเฟตต์" ใจบุญบริจาคหุ้นมูลค่า 14.31 ล้านให้การกุศล
มหาเศรษฐี วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้บริจาคหุ้นในบริษัทของเขา คิดเป็นมูลค่าราว 14.31 ล้านดอลลาร์ให้แก่มูลนิธิเพื่อการกุศลต่างๆ ตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาบัฟเฟตต์ได้เปิดเผยเรื่องการบริจาคหุ้น Class B ของบริษัทเบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ ในเอกสารที่บริษัทได้ส่งมอบต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ระบุว่า องค์กรใดที่บัฟเฟตต์ได้บริจาคหุ้นให้ไปบัฟเฟตต์กล่าวว่า เขามีแผนที่จะมอบหุ้นทั้งหมดของเขาในเบิร์กไชร์ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 60,600 ล้านปอนด์ ณ ราคาปิดตลาดวันศุกร์ ให้แก่การกุศลต่อไป
จีนเล็งสร้างสนามบินใหม่เกือบร้อยแห่งใน 12 ปี
สำนักงานบริหารการบินพลเรือนของจีน ประกาศแผนสร้างสนามบินแห่งใหม่จำนวน 97 แห่งมูลค่า 450,000 ล้านหยวน หรือ 2.33 ล้านล้านบาท ภายในปี 2563 เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น โดยแผนนี้จะทำให้บ้านเรือนประชากร 8 ใน 10 หลังทั่วประเทศจะอยู่ในรัศมีไม่เกิน 100 กิโลเมตรจากสนามบินภายใน 12 ปีข้างหน้านี้ ขณะที่สำนักงานบริหารการบินพลเรือนคาดว่า จำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นอีกปีละ 11.4 % ในระหว่างปีนี้ถึงปี 2563 ขณะที่ปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศจะเพิ่มขึ้น 14 %
ไข้หวัดนกยังคงระบาดหนักในอินเดีย
อินเดียเผชิญการระบาดไข้หวัดนกครั้งรุนแรงที่สุด โดยยังคงพบพื้นที่ที่มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น 2 เขต ทำให้พื้นที่ที่พบเชื้อไข้หวัดนกในรัฐเบงกอลตะวันตก เพิ่มเป็น 12 เขต ขณะที่ทางการพยายามหาทางสกัดกั้นไม่ให้เชื้อแพร่ระบาดไปถึงเมืองกัลกัตตา อินเดียยืนยันการพบเชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในไก่ตายเป็นครั้งแรก เมื่อกว่า 1 สัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม ทางการได้สั่งห้ามลักลอบนำไก่จากพื้นที่ที่พบการระบาดเข้าไปยังตลาดในเขตนครกัลกัตตาแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่ด่านเข้านครกัลกัตตาได้พ่นยาฆ่าเชื้อโรคยานพาหนะต่าง ๆ ที่เข้ามาในเขตเมือง อินเดียยังไม่มีรายงานพบคนติดเชื้อไข้หวัดนก
ฝรั่งเศสจับมืออินเดียร่วมมือด้านการทหาร-นิวเคลียร์
ฝรั่งเศสและอินเดีย เพิ่มความร่วมมือด้านการทหารและพลังงานนิวเคลียร์มากขึ้น ในทันทีที่อินเดียสามารถเข้าสู่ตลาดพลังงานนิวเคลียร์โลกได้ โดยนายกรัฐมนตรีมานโมฮัน ซิงห์ของอินเดีย เห็นชอบกับประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี่ของฝรั่งเศส ที่จะยกระดับความสัมพันธ์หลายด้านนอกเหนือจากด้านการค้า ซึ่งได้แก่ ความร่วมมือเกี่ยวกับโครงการพัฒนาและวิจัยในด้านต่างๆ และความร่วมมือด้านการทหารให้มากขึ้น ส่วนผู้นำฝรั่งเศสกล่าวว่า การเจรจาด้านการค้าเพื่อบรรลุข้อตกลงทวิภาคี ในการสร้างโรงผลิตพลังงานนิวเคลียร์ กำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจาในลำดับสุดท้าย
บุช มีกำหนดเยือนแอฟริกา15 -21 กุมภาพันธ์นี้
ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชของสหรัฐ มีกำหนดเยือน 5 ประเทศในแอฟริกา ในระหว่างวันที่ 15 - 21 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ประธานาธิบดีจะได้ทบทวนความคืบหน้าเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ และการต่อสู้กับโรคร้ายต่าง ๆ อาทิ เอดส์, ไข้มาลาเรีย และอื่น ๆ นอกจากนี้ผู้นำสหรัฐยังจะหารือกับบรรดาผู้นำต่างๆ ถึงแนวทางที่สหรัฐจะให้ความช่วยเหลือในด้านการส่งเสริมประชาธิปไตย, ประเด็นสิทธิมนุษยชน, การค้าเสรี, การเปิดการลงทุน และการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐได้วางแผนจะเยือนภูมิภาคต่างๆ ให้มากที่สุด ทั้งยุโรป, เอเชีย, อเมริกาใต้ก่อนจะหมดวาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคมปีหน้า
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
Porche ผู้ผลิตรถยนต์หรูเผยผลประกอบการครึ่งแรก โดยยอดขายใน 6 เดือน พุ่งขึ้น 14% นักวิเคราห์คาดว่ายอดขายน่าจะอยู่ที่ 3,500 ล้านยูโร หรือ 5,200 ล้านดอลล่าสหรัฐ โดยนายเวนเดอลิน เวียเดอคิงประธานกรรมการบริหารของพอชกล่าวว่า บริษัทได้ปรับกลยุทธ์โดยการมุ่งเน้นไปที่ตลาดที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูง เช่น ตลาดเอเชีย ยุโรปตะวันออก และตะวันออกกลางเป็นต้นเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจอเมริกา และลดการพึ่งพิงตลาดสหรัฐอเมริกา หรือแม้ในเยอรมนีเอง
"กูเกิล" รั้งอันดับ 1 เสิร์ชเอ็นจิ้นยอดนิยม ทิ้งห่าง "ยาฮู" ถึงห้าเท่า
คอมสกอร์ (comScore) บริษัทวิจัยอินเทอร์เน็ต ได้ทำการสำรวจเสิร์ชเอ็นจิ้นที่ได้รับความนิยมสูงสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา ปรากฏว่า กูเกิล รั้งอันดับ 1 ด้วยสถิติการสืบค้น 62.4% ของการสืบค้น 6.62 หมื่นล้านครั้งทั่วโลก ซึ่งมากกว่าอันดับ 2 ยาฮู ที่มีผู้ใช้บริการสืบค้นคิดเป็น 12.8% อยู่ถึง 5 เท่า เสิร์ชเอ็นจิ้นรายใหญ่ของจีนอย่าง ไปตู้ (Baidu.com) และ อาลีบาบาก็ไม่น้อยหน้า (Alibaba.com) เมื่อติดโผการจัดอันดับในครั้งนี้ด้วย โดยเฉพาะไป่ตู้ ซึ่งจดทะเบียนในดัชนี Nasdaq ของสหรัฐ ได้คะแนนมาเป็นอันดับที่ 3 โดยคิดเป็น 5.2% ของการสืบค้นทั่วโลก โดยไป่ตู้มักจะถูกอ้างถึงว่า เป็นกูเกิล เวอร์ชั่นภาษาจีน เนื่องจากความนิยมและผลกำไรที่พุ่งขึ้น
"บัฟเฟตต์" ใจบุญบริจาคหุ้นมูลค่า 14.31 ล้านให้การกุศล
มหาเศรษฐี วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้บริจาคหุ้นในบริษัทของเขา คิดเป็นมูลค่าราว 14.31 ล้านดอลลาร์ให้แก่มูลนิธิเพื่อการกุศลต่างๆ ตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาบัฟเฟตต์ได้เปิดเผยเรื่องการบริจาคหุ้น Class B ของบริษัทเบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ ในเอกสารที่บริษัทได้ส่งมอบต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ระบุว่า องค์กรใดที่บัฟเฟตต์ได้บริจาคหุ้นให้ไปบัฟเฟตต์กล่าวว่า เขามีแผนที่จะมอบหุ้นทั้งหมดของเขาในเบิร์กไชร์ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 60,600 ล้านปอนด์ ณ ราคาปิดตลาดวันศุกร์ ให้แก่การกุศลต่อไป
จีนเล็งสร้างสนามบินใหม่เกือบร้อยแห่งใน 12 ปี
สำนักงานบริหารการบินพลเรือนของจีน ประกาศแผนสร้างสนามบินแห่งใหม่จำนวน 97 แห่งมูลค่า 450,000 ล้านหยวน หรือ 2.33 ล้านล้านบาท ภายในปี 2563 เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น โดยแผนนี้จะทำให้บ้านเรือนประชากร 8 ใน 10 หลังทั่วประเทศจะอยู่ในรัศมีไม่เกิน 100 กิโลเมตรจากสนามบินภายใน 12 ปีข้างหน้านี้ ขณะที่สำนักงานบริหารการบินพลเรือนคาดว่า จำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นอีกปีละ 11.4 % ในระหว่างปีนี้ถึงปี 2563 ขณะที่ปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศจะเพิ่มขึ้น 14 %
ไข้หวัดนกยังคงระบาดหนักในอินเดีย
อินเดียเผชิญการระบาดไข้หวัดนกครั้งรุนแรงที่สุด โดยยังคงพบพื้นที่ที่มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น 2 เขต ทำให้พื้นที่ที่พบเชื้อไข้หวัดนกในรัฐเบงกอลตะวันตก เพิ่มเป็น 12 เขต ขณะที่ทางการพยายามหาทางสกัดกั้นไม่ให้เชื้อแพร่ระบาดไปถึงเมืองกัลกัตตา อินเดียยืนยันการพบเชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในไก่ตายเป็นครั้งแรก เมื่อกว่า 1 สัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม ทางการได้สั่งห้ามลักลอบนำไก่จากพื้นที่ที่พบการระบาดเข้าไปยังตลาดในเขตนครกัลกัตตาแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่ด่านเข้านครกัลกัตตาได้พ่นยาฆ่าเชื้อโรคยานพาหนะต่าง ๆ ที่เข้ามาในเขตเมือง อินเดียยังไม่มีรายงานพบคนติดเชื้อไข้หวัดนก
ฝรั่งเศสจับมืออินเดียร่วมมือด้านการทหาร-นิวเคลียร์
ฝรั่งเศสและอินเดีย เพิ่มความร่วมมือด้านการทหารและพลังงานนิวเคลียร์มากขึ้น ในทันทีที่อินเดียสามารถเข้าสู่ตลาดพลังงานนิวเคลียร์โลกได้ โดยนายกรัฐมนตรีมานโมฮัน ซิงห์ของอินเดีย เห็นชอบกับประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี่ของฝรั่งเศส ที่จะยกระดับความสัมพันธ์หลายด้านนอกเหนือจากด้านการค้า ซึ่งได้แก่ ความร่วมมือเกี่ยวกับโครงการพัฒนาและวิจัยในด้านต่างๆ และความร่วมมือด้านการทหารให้มากขึ้น ส่วนผู้นำฝรั่งเศสกล่าวว่า การเจรจาด้านการค้าเพื่อบรรลุข้อตกลงทวิภาคี ในการสร้างโรงผลิตพลังงานนิวเคลียร์ กำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจาในลำดับสุดท้าย
บุช มีกำหนดเยือนแอฟริกา15 -21 กุมภาพันธ์นี้
ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชของสหรัฐ มีกำหนดเยือน 5 ประเทศในแอฟริกา ในระหว่างวันที่ 15 - 21 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ประธานาธิบดีจะได้ทบทวนความคืบหน้าเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ และการต่อสู้กับโรคร้ายต่าง ๆ อาทิ เอดส์, ไข้มาลาเรีย และอื่น ๆ นอกจากนี้ผู้นำสหรัฐยังจะหารือกับบรรดาผู้นำต่างๆ ถึงแนวทางที่สหรัฐจะให้ความช่วยเหลือในด้านการส่งเสริมประชาธิปไตย, ประเด็นสิทธิมนุษยชน, การค้าเสรี, การเปิดการลงทุน และการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐได้วางแผนจะเยือนภูมิภาคต่างๆ ให้มากที่สุด ทั้งยุโรป, เอเชีย, อเมริกาใต้ก่อนจะหมดวาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคมปีหน้า
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news29/01/08
โพสต์ที่ 294
การผลิตทองในแอฟริกาใต้หนุนราคาทองพุ่งใกล้นิวไฮ
ราคาทองและพลาตินัมปรับตัวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อันเนื่องมาจากความวิตกที่ยังคงมีอยู่เกี่ยวกับอุปทาน หลังจากที่บริษัทเหมืองแร่ของแอฟริกาใต้ได้ระงับการดำเนินงานอันเป็นผลมาจากวิกฤตพลังงาน ไฟฟ้า ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหมืองเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันแล้ว นอกจากนี้การที่บ้านเรื่องและธุรกิจในแอฟริกาใต้ขาดแคลนกระแสไฟฟ้าใช้วันละหลายชั่วโมงมาเป็นเวลาหลายัปดาห์ ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจต่อรัฐบาล สำหรับราคาทองคำปิดตลาดที่นิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ทะยานขึ้นกว่า 16 เหรียญ ปิดตลาดที่ 927.10 ดอลลาร์
จีนย้ำจะทำทุกวิถีทางเพื่อรับประกันความมั่นคงด้านพลังงานและถ่านหิน
คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ย้ำว่า คณะกรรมการฯจะดำเนินการเพื่อรับประกันเรื่องการจัดหาถ่านหิน ไฟฟ้า น้ำมัน และบริการขนส่งว่าจะไม่ประสบปัญหาติดขัดใดๆในปีนี้ แม้ว่าหน่วยงานจะมีความยากลำบากในการดำเนินการเพื่อรับประกันด้านอุปทานพลังงานดังกล่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ตาม ในปีนี้ ภาวะวิกฤตด้านพลังงานเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ เนื่องจากปัญหาติดขัดด้านการขนส่ง ภาวะอุปทานและอุปสงค์ที่ไม่สมดุลอันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่เลวร้าย โดยถ่านหินสำรองของจีนมีปริมาณน้อยลงในขณะที่เกิดพายุหิมะในพื้นที่ภาคกลางและตะวันออก โดยเฉพาะมณฑลกุยโจว หูหนาน หูเป่ย และกวางตุ้ง ส่งผลให้ทางการต้องปิดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและการจัดส่งกระแสไฟฟ้าในภูมิภาคดังกล่าว
นักวิเคราะห์คาดยอดเกินดุลการค้าอินโดฯเดือนธ.ค.พุ่งเหตุยอดนำเข้าชะลอตัว
นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดการณ์ว่า ยอดเกินดุลการค้าของอินโดนีเซียในเดือนธ.ค.2550 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับเดือนก่อนหน้านี้ เนื่องจากอินโดนีเซียมียอดการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่การนำเข้าชะลอตัวลง โดยผลสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ 5 ใน 6 คนคาดการณ์ว่า ยอดเกินดุลการค้าของอินโดนีเซียจะขยายตัวขึ้น ขณะที่มีนักวิเคราะห์เพียงรายเดียวเท่านั้นที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจะรายงานตัวเลขเกินดุลการค้าของอินโดนีเซียในวันศุกร์หน้า
ประธานาธิบดีไต้หวันไม่สนใจครม.ลาออก ก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ 22 มี.ค.นี้
นายเฉิน สุ่ย เปียน ประธานาธิบดีไต้หวันได้ปฏิเสธการลาออกของคณะรัฐมนตรีภายใต้แกนนำของนายกรัฐมนตรี จาง จุ้น สวง แถลงการณ์จากสำนักประธานาธิบดีระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวของนายเฉินเกิดขึ้นโดยพิจารณาจากเสถียรภาพทางการเมืองและความสำเร็จในการบริหารงานของนายจาง อย่างไรก็ตาม ไต้หวันจะเดินหน้าจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 22 มี.ค.นี้ และประธานาธิบดีคนใหม่จะเข้าดำรงตำแหน่งในวันที่ 20 พ.ค. ตามรัฐธรรมนูญแล้วคณะรัฐมนตรีจะต้องลาออกจากตำแหน่งก่อนที่ประธานาธิบดีคนใหม่จะสาบานตนเข้าดำรงตำแหน่ง
ค่าเงินหยวนพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบดอลลาร์
ค่าเงินหยวนของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่ที่ 7.1996 หยวนต่อดอลลาร์เมื่อวานนี้ 28 ม.ค. ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกันในช่วงหลายวันทำการ นักวิเคราะห์กล่าวว่า ค่าเงินหยวนแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.75% แตะระดับ 3.5% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อยับยั้งเศรษฐกิจสหรัฐไม่ให้ถดถอย ขณะที่นักลงทุนจำนวนมากคาดว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์ยังอ่อนตัวลงแม้รัฐบาลสหรัฐประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.50 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนที่มีอัตราการขยายตัวสูงถึง 11.4% ในปี 2550 และอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง จะเป็นปัจจัยที่หนุนค่าเงินหยวนให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
ราคาทองและพลาตินัมปรับตัวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อันเนื่องมาจากความวิตกที่ยังคงมีอยู่เกี่ยวกับอุปทาน หลังจากที่บริษัทเหมืองแร่ของแอฟริกาใต้ได้ระงับการดำเนินงานอันเป็นผลมาจากวิกฤตพลังงาน ไฟฟ้า ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหมืองเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันแล้ว นอกจากนี้การที่บ้านเรื่องและธุรกิจในแอฟริกาใต้ขาดแคลนกระแสไฟฟ้าใช้วันละหลายชั่วโมงมาเป็นเวลาหลายัปดาห์ ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจต่อรัฐบาล สำหรับราคาทองคำปิดตลาดที่นิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ทะยานขึ้นกว่า 16 เหรียญ ปิดตลาดที่ 927.10 ดอลลาร์
จีนย้ำจะทำทุกวิถีทางเพื่อรับประกันความมั่นคงด้านพลังงานและถ่านหิน
คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ย้ำว่า คณะกรรมการฯจะดำเนินการเพื่อรับประกันเรื่องการจัดหาถ่านหิน ไฟฟ้า น้ำมัน และบริการขนส่งว่าจะไม่ประสบปัญหาติดขัดใดๆในปีนี้ แม้ว่าหน่วยงานจะมีความยากลำบากในการดำเนินการเพื่อรับประกันด้านอุปทานพลังงานดังกล่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ตาม ในปีนี้ ภาวะวิกฤตด้านพลังงานเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ เนื่องจากปัญหาติดขัดด้านการขนส่ง ภาวะอุปทานและอุปสงค์ที่ไม่สมดุลอันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่เลวร้าย โดยถ่านหินสำรองของจีนมีปริมาณน้อยลงในขณะที่เกิดพายุหิมะในพื้นที่ภาคกลางและตะวันออก โดยเฉพาะมณฑลกุยโจว หูหนาน หูเป่ย และกวางตุ้ง ส่งผลให้ทางการต้องปิดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและการจัดส่งกระแสไฟฟ้าในภูมิภาคดังกล่าว
นักวิเคราะห์คาดยอดเกินดุลการค้าอินโดฯเดือนธ.ค.พุ่งเหตุยอดนำเข้าชะลอตัว
นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดการณ์ว่า ยอดเกินดุลการค้าของอินโดนีเซียในเดือนธ.ค.2550 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับเดือนก่อนหน้านี้ เนื่องจากอินโดนีเซียมียอดการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่การนำเข้าชะลอตัวลง โดยผลสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ 5 ใน 6 คนคาดการณ์ว่า ยอดเกินดุลการค้าของอินโดนีเซียจะขยายตัวขึ้น ขณะที่มีนักวิเคราะห์เพียงรายเดียวเท่านั้นที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจะรายงานตัวเลขเกินดุลการค้าของอินโดนีเซียในวันศุกร์หน้า
ประธานาธิบดีไต้หวันไม่สนใจครม.ลาออก ก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ 22 มี.ค.นี้
นายเฉิน สุ่ย เปียน ประธานาธิบดีไต้หวันได้ปฏิเสธการลาออกของคณะรัฐมนตรีภายใต้แกนนำของนายกรัฐมนตรี จาง จุ้น สวง แถลงการณ์จากสำนักประธานาธิบดีระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวของนายเฉินเกิดขึ้นโดยพิจารณาจากเสถียรภาพทางการเมืองและความสำเร็จในการบริหารงานของนายจาง อย่างไรก็ตาม ไต้หวันจะเดินหน้าจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 22 มี.ค.นี้ และประธานาธิบดีคนใหม่จะเข้าดำรงตำแหน่งในวันที่ 20 พ.ค. ตามรัฐธรรมนูญแล้วคณะรัฐมนตรีจะต้องลาออกจากตำแหน่งก่อนที่ประธานาธิบดีคนใหม่จะสาบานตนเข้าดำรงตำแหน่ง
ค่าเงินหยวนพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบดอลลาร์
ค่าเงินหยวนของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่ที่ 7.1996 หยวนต่อดอลลาร์เมื่อวานนี้ 28 ม.ค. ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกันในช่วงหลายวันทำการ นักวิเคราะห์กล่าวว่า ค่าเงินหยวนแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.75% แตะระดับ 3.5% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อยับยั้งเศรษฐกิจสหรัฐไม่ให้ถดถอย ขณะที่นักลงทุนจำนวนมากคาดว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์ยังอ่อนตัวลงแม้รัฐบาลสหรัฐประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.50 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนที่มีอัตราการขยายตัวสูงถึง 11.4% ในปี 2550 และอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง จะเป็นปัจจัยที่หนุนค่าเงินหยวนให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news30/01/08
โพสต์ที่ 295
สิงคโปร์ตกลงเปิดน่านฟ้าร่วมกับกลุ่มสแกนดิเนเวีย มุ่งขยายขอบเขตการบิน
รัฐบาลสิงคโปร์ได้ลงนามในข้อตกลงเปิดน่านฟ้าร่วมกับ 3 ประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย ซึ่งจะเปิดทางให้สายการบินของทั้ง 4 ประเทศเข้ารุกตลาดการบินของกันและกันได้ ข้อตกลงที่สิงคโปร์ลงนามร่วมกับเดนมาร์ก นอร์เวย์ และสวีเดน จะช่วยให้สายการบินของทั้ง 4 ประเทศสามารถบินระหว่างสิงคโปร์และจุดหมายปลายทางทุกแห่งในสแกนดิเนเวีย โดยไม่มีข้อห้ามเรื่องความถี่ของการบิน ชนิดของเครื่องบิน และน้ำหนักในการขนส่ง สิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆแต่มั่งคั่งจากการทำการค้าระหว่างประเทศที่เฟื่องฟูนั้น ได้ลงนามในข้อตกลงเปิดน่านฟ้ากับประเทศต่างๆกว่า 20 ประเทศ ซึ่งรวมถึง 13 ประเทศในสหภาพยุโรป
ซิตี้กรุ๊ปคาดผลกำไรภาคธุรกิจผลิตไฟฟ้าในจีนปีนี้ทรุด จากราคาถ่านหินพุ่ง
ซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า รายได้ต่อหุ้นของกลุ่มบริษัทผูผลิตพลังงานไฟฟ้าเอกชน (IPP) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นจีนจะปรับตัวลดลง 5-44% ในปีนี้ เนื่องจากกลุ่มธุรกิจดังกล่าวยังไม่สามารถหามาตรการที่ชดเชยราคาถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ แม้จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เงินเฟ้อสามารถบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่ว่า ทางการจีนจะจัดเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอีกในครึ่งหลังของปีนี้ จากการเผชิญภาวะราคาถ่านหินพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ต้นปีนี้ ทำให้ผู้ผลิตกระแสไฟฟ้าเอกชนได้เรียกร้องให้รัฐบาลขึ้นค่าธรรมเนียม แต่คณะรัฐมนตรีจีน เปิดเผยเมื่อช่วงต้นเดือนว่าจะไม่ปรับขึ้นราคาไฟฟ้าในระยะสั้นๆ
นายกฯจีนรุดลงพื้นที่มณฑลหูหนานเพื่อช่วยบรรเทาเหตุหิมะถล่มอย่างเร่งด่วน
นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนได้เดินทางไปยังมณฑลหูหนานซึ่งตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ เพื่อช่วยแก้ปัญหาจากเหตุภัยพิบัติอันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่เลวร้ายอย่างเร่งด่วน หลังจากที่เดินทางถึงพื้นที่ดังกล่าว นายกฯจีนได้เข้าพบกับเจ้าหน้าที่ของมณฑลหูหนานและเจ้าหน้าที่จากสำนักงานต่างๆในสังกัดสภาแห่งรัฐอย่างเร่งด่วน เพื่อหารือถึงวิธีการต่อสู้กับพายุหิมะและสภาพแวดล้อมที่กลายเป็นน้ำแข็ง และวิธีช่วยบรรเทาเหตุภัยพิบัติในครั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา มณฑลหูหนานต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นที่สุดเป็นประวัติการณ์ จากหิมะที่ตกลงมามากนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 2497
บ.น้ำมัน CNPC ของจีนเพิ่มการผลิตน้ำมันดีเซลตามคำสั่งรัฐบาลหลังฟิมะตกหนัก
บริษัท ไชน่า เนชั่นแนล ปิโตรเลียม คอร์ป (CNPC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตแก็สและน้ำมันชั้นนำของจีน ได้สั่งการให้โรงกลั่นต่าง ๆ เพิ่มการผลิตน้ำมันดีเซลที่มีจุดเยือกแข็งต่ำในปริมาณที่มากขึ้น ขณะที่จีนกำลังประสบปัญหาขาดแคลนพลังงานอันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่เลวร้ายในช่วงฤดูหนาว CNPC ซึ่งเป็นบริษัทแม่ขิงปิโตรไชน่า จะซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันจากโรงกลั่นอิสระและนำเข้าน้ำมันเพื่อเพิ่มอุปทานน้ำมัน คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีนได้ผลักดันให้ CNPC และบริษัทซิโนเปค กรุ๊ป รับประกันว่าจะมีน้ำมันเชื้อเพลิงเพียงพอใช้งานในช่วงที่อากาศย่ำแย่และก่อนที่จะถึงเทศกาลตรุษจีน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
รัฐบาลสิงคโปร์ได้ลงนามในข้อตกลงเปิดน่านฟ้าร่วมกับ 3 ประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย ซึ่งจะเปิดทางให้สายการบินของทั้ง 4 ประเทศเข้ารุกตลาดการบินของกันและกันได้ ข้อตกลงที่สิงคโปร์ลงนามร่วมกับเดนมาร์ก นอร์เวย์ และสวีเดน จะช่วยให้สายการบินของทั้ง 4 ประเทศสามารถบินระหว่างสิงคโปร์และจุดหมายปลายทางทุกแห่งในสแกนดิเนเวีย โดยไม่มีข้อห้ามเรื่องความถี่ของการบิน ชนิดของเครื่องบิน และน้ำหนักในการขนส่ง สิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆแต่มั่งคั่งจากการทำการค้าระหว่างประเทศที่เฟื่องฟูนั้น ได้ลงนามในข้อตกลงเปิดน่านฟ้ากับประเทศต่างๆกว่า 20 ประเทศ ซึ่งรวมถึง 13 ประเทศในสหภาพยุโรป
ซิตี้กรุ๊ปคาดผลกำไรภาคธุรกิจผลิตไฟฟ้าในจีนปีนี้ทรุด จากราคาถ่านหินพุ่ง
ซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า รายได้ต่อหุ้นของกลุ่มบริษัทผูผลิตพลังงานไฟฟ้าเอกชน (IPP) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นจีนจะปรับตัวลดลง 5-44% ในปีนี้ เนื่องจากกลุ่มธุรกิจดังกล่าวยังไม่สามารถหามาตรการที่ชดเชยราคาถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ แม้จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เงินเฟ้อสามารถบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่ว่า ทางการจีนจะจัดเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอีกในครึ่งหลังของปีนี้ จากการเผชิญภาวะราคาถ่านหินพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ต้นปีนี้ ทำให้ผู้ผลิตกระแสไฟฟ้าเอกชนได้เรียกร้องให้รัฐบาลขึ้นค่าธรรมเนียม แต่คณะรัฐมนตรีจีน เปิดเผยเมื่อช่วงต้นเดือนว่าจะไม่ปรับขึ้นราคาไฟฟ้าในระยะสั้นๆ
นายกฯจีนรุดลงพื้นที่มณฑลหูหนานเพื่อช่วยบรรเทาเหตุหิมะถล่มอย่างเร่งด่วน
นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนได้เดินทางไปยังมณฑลหูหนานซึ่งตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ เพื่อช่วยแก้ปัญหาจากเหตุภัยพิบัติอันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่เลวร้ายอย่างเร่งด่วน หลังจากที่เดินทางถึงพื้นที่ดังกล่าว นายกฯจีนได้เข้าพบกับเจ้าหน้าที่ของมณฑลหูหนานและเจ้าหน้าที่จากสำนักงานต่างๆในสังกัดสภาแห่งรัฐอย่างเร่งด่วน เพื่อหารือถึงวิธีการต่อสู้กับพายุหิมะและสภาพแวดล้อมที่กลายเป็นน้ำแข็ง และวิธีช่วยบรรเทาเหตุภัยพิบัติในครั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา มณฑลหูหนานต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นที่สุดเป็นประวัติการณ์ จากหิมะที่ตกลงมามากนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 2497
บ.น้ำมัน CNPC ของจีนเพิ่มการผลิตน้ำมันดีเซลตามคำสั่งรัฐบาลหลังฟิมะตกหนัก
บริษัท ไชน่า เนชั่นแนล ปิโตรเลียม คอร์ป (CNPC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตแก็สและน้ำมันชั้นนำของจีน ได้สั่งการให้โรงกลั่นต่าง ๆ เพิ่มการผลิตน้ำมันดีเซลที่มีจุดเยือกแข็งต่ำในปริมาณที่มากขึ้น ขณะที่จีนกำลังประสบปัญหาขาดแคลนพลังงานอันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่เลวร้ายในช่วงฤดูหนาว CNPC ซึ่งเป็นบริษัทแม่ขิงปิโตรไชน่า จะซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันจากโรงกลั่นอิสระและนำเข้าน้ำมันเพื่อเพิ่มอุปทานน้ำมัน คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีนได้ผลักดันให้ CNPC และบริษัทซิโนเปค กรุ๊ป รับประกันว่าจะมีน้ำมันเชื้อเพลิงเพียงพอใช้งานในช่วงที่อากาศย่ำแย่และก่อนที่จะถึงเทศกาลตรุษจีน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news31/01/08
โพสต์ที่ 296
ผู้นำยุโรปเรียกร้องภาคธนาคารเพิ่มความโปร่งใส
ผู้นำของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด 4 ประเทศในยุโรปได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี และคณะกรรมาธิการยุโรปได้มีการจัดประชุมในกรุงลอนดอน โดยได้แสดงความสามัคคีกันในการส่งเสริมความเชื่อมั่นในตลาด และในการเพิ่มความเชื่อมันของนักลงทุนท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา โดยกลุ่มผู้นำเรียกร้องให้มีการปรับปรุงข้อมูลเรื่องการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และให้ธนาคารปรับปรุงความเข้าใจ และปรับปรุงการรายงานเรื่องความเสี่ยงที่ธนาคารอาจได้รับ หลังเกิดวิกฤตการณ์สินเชื่อในตลาดโลกซึ่งมีต้นเหตุมาจากสินเชื่อ Subprime และอยากจให้สถาบันการเงินปรับปรุงเรื่องความโปร่งใสในการทำธุรกรรม
กลุ่มพนักงานซอคเจน ยื่นฟ้องบริษัท หลังอื้อฉาวกรณีโกงการซื้อขายหุ้น
ขณะที่องค์การ ASSACT ซึ่งเป็นตัวแทนของพนักงานในปัจจุบันและอดีตของธฯคารโซซิเอเต้ เจเนอราล หรือซอคเจน ของฝรั่งเศส แถลงว่า ทางองค์การได้เริ่มดำเนินการทางกฎหมายต่อซอคเจนในเรื่องการจัดการซอคเจนต่อกรณีข่าวอื้อฉาวเรื่องการซื้อขายหุ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตของเทรดเดอร์ โดย ASSACT บอกว่าองค์การได้จ้างนายโยฮันน์ ลิสโซว์สกีมาเป็นทนายความในคดีนี้ และระบุว่า พนักงานของซอคเจนได้รับผลกระทบทางการเงินจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
สิงคโปร์เตรียมทุ่มทุน 1.05 หมื่นล้านดอลล์สร้างถนน-เก็บค่าทางด่วนเพิ่ม
รัฐบาลสิงคโปร์วางแผนที่จะลงทุนสร้างทางด่วนใหม่ 2 เส้นทางโดยใช้งบประมาณถึง 1.05 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในช่วง 12 ปีข้างหน้า เพื่อบรรเทาการจราจรติดขัดในขณะที่สิงคโปร์มีประชากรเพิ่มขึ้น แต่ในระยะสั้น รัฐบาลวางแผนจัดเก็บภาษีถนนเพิ่มขึ้นตามกลไกการกำหนดค่าบริการการใช้ถนนแบบอิเล็กทรอนิก (ERP) โดยรัฐบาลจะเพิ่มค่าธรรมเนียม ERP อีก 2 เท่า ตั้งแต่เดือนก.ค.ปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มเติมจากค่าธรรมเนียมการใช้ถนนถึง 70 ล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งสิงคโปร์จะเก็บค่าธรรมเนียมในช่วงเวลาที่มีปริมาณการจราจรสูงสุดบนทางหลวงสายหลักๆและทางด่วน
อินโดนีเซียพบผู้เสียชีวิตจากหวัดนกอีก 1 คน ยอดตายเพิ่มเป็น 101 ราย
กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียเปิดเผยในวันนี้ว่า พบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 เพิ่มขึ้นอีก 1 ราย เป็นชายวัย 32 ปี ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกในอินโดนีเซียพุ่งขึ้นเป็น 101 คนแล้วในขณะนี้ ทั้งนี้ อินโดนีเซียมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุดถึงหลัก 100 รองลงมาคือ เวียดนาม 48 คน และอียิปต์ 19 คน ส่วนประเทศอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจากไข้หวัดนกได้แก่ ประเทศไทย อาเซอร์ไบจาน กัมพูชา จีน อิรัก ลาว พม่า ไนจีเรีย ปากีสถาน และตุรกี
ลือแบงค์"มิซูโฮ"ของญี่ปุ่นขาดทุนหนักกว่า 2 แสนล้านเยนจากวิกฤติ Subprime
แหล่งข่าวในแวดวงอุตสาหกรรมการธนาคารของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ธนาคารมิซูโฮ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป อิงค์ของญี่ปุ่น อาจขาดทุนเป็นวงเงินถึง 2.5 แสนล้านเยนจากการลงทุนในตลาด Subprime ในรอบปีซึ่งสิ้นสุด ณ เดือนมี.ค. ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะขาดทุน 1.7 หมื่นล้านเยนในช่วงสิ้นเดือนก.ย. เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา มิซูโฮ ซิเคียวริตีส์ เปิดเผยว่า บริษัทจะออกหุ้นใหม่มูลค่า 1.5 แสนล้านเยนเพื่อระดมทุนให้กับมิซูโฮ คอร์ปอเรท แบงค์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ นอกจากนี้ บริษัทยังถูกบีบให้เลื่อนการควบรวมกิจการจากเดือนม.ค. ออกไปเป็นเดือนพ.ค. หลังจากมีตัวเลขขาดทุนในช่วง 6 เดือนซึ่งสิ้นสุด ณ เดือนก.ย.ในปีที่แล้ว
เกาหลีใต้เผยยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนธ.ค.สูงขึ้นเหตุน้ำมันแพง
ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้ขาดดุลเป็นครั้งแรกในเดือนธ.ค. 2550 นับตั้งแต่เดือนเม.ย.เป็นต้นมา เนื่องจากเชื้อเพลิงที่มีราคาสูงขึ้นส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการนำเข้าสูงขึ้น ขณะที่อุปกรณ์เซมิคอนดัคเตอร์ทรงตัวเนื่องจากราคาร่วงลง ดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้ขาดดุลอยู่ 813.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนธ.ค. เมื่อเปรียบเทียบกับยอดเกินดุลในเดือนพ.ย.ที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ โดยสถิติของเดือนพ.ย.อยู่ที่ 1.75 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ดุลบัญชีเดินสะพัดถือเป็นมาตรวัดด้านการค้าในวงกว้างที่สุด ซึ่งครอบคลุมกระแสการหมุนเวียนของรายได้จากสินค้า บริการ และการลงทุนข้ามพรมแดน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
ผู้นำของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด 4 ประเทศในยุโรปได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี และคณะกรรมาธิการยุโรปได้มีการจัดประชุมในกรุงลอนดอน โดยได้แสดงความสามัคคีกันในการส่งเสริมความเชื่อมั่นในตลาด และในการเพิ่มความเชื่อมันของนักลงทุนท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา โดยกลุ่มผู้นำเรียกร้องให้มีการปรับปรุงข้อมูลเรื่องการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และให้ธนาคารปรับปรุงความเข้าใจ และปรับปรุงการรายงานเรื่องความเสี่ยงที่ธนาคารอาจได้รับ หลังเกิดวิกฤตการณ์สินเชื่อในตลาดโลกซึ่งมีต้นเหตุมาจากสินเชื่อ Subprime และอยากจให้สถาบันการเงินปรับปรุงเรื่องความโปร่งใสในการทำธุรกรรม
กลุ่มพนักงานซอคเจน ยื่นฟ้องบริษัท หลังอื้อฉาวกรณีโกงการซื้อขายหุ้น
ขณะที่องค์การ ASSACT ซึ่งเป็นตัวแทนของพนักงานในปัจจุบันและอดีตของธฯคารโซซิเอเต้ เจเนอราล หรือซอคเจน ของฝรั่งเศส แถลงว่า ทางองค์การได้เริ่มดำเนินการทางกฎหมายต่อซอคเจนในเรื่องการจัดการซอคเจนต่อกรณีข่าวอื้อฉาวเรื่องการซื้อขายหุ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตของเทรดเดอร์ โดย ASSACT บอกว่าองค์การได้จ้างนายโยฮันน์ ลิสโซว์สกีมาเป็นทนายความในคดีนี้ และระบุว่า พนักงานของซอคเจนได้รับผลกระทบทางการเงินจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
สิงคโปร์เตรียมทุ่มทุน 1.05 หมื่นล้านดอลล์สร้างถนน-เก็บค่าทางด่วนเพิ่ม
รัฐบาลสิงคโปร์วางแผนที่จะลงทุนสร้างทางด่วนใหม่ 2 เส้นทางโดยใช้งบประมาณถึง 1.05 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในช่วง 12 ปีข้างหน้า เพื่อบรรเทาการจราจรติดขัดในขณะที่สิงคโปร์มีประชากรเพิ่มขึ้น แต่ในระยะสั้น รัฐบาลวางแผนจัดเก็บภาษีถนนเพิ่มขึ้นตามกลไกการกำหนดค่าบริการการใช้ถนนแบบอิเล็กทรอนิก (ERP) โดยรัฐบาลจะเพิ่มค่าธรรมเนียม ERP อีก 2 เท่า ตั้งแต่เดือนก.ค.ปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มเติมจากค่าธรรมเนียมการใช้ถนนถึง 70 ล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งสิงคโปร์จะเก็บค่าธรรมเนียมในช่วงเวลาที่มีปริมาณการจราจรสูงสุดบนทางหลวงสายหลักๆและทางด่วน
อินโดนีเซียพบผู้เสียชีวิตจากหวัดนกอีก 1 คน ยอดตายเพิ่มเป็น 101 ราย
กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียเปิดเผยในวันนี้ว่า พบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 เพิ่มขึ้นอีก 1 ราย เป็นชายวัย 32 ปี ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกในอินโดนีเซียพุ่งขึ้นเป็น 101 คนแล้วในขณะนี้ ทั้งนี้ อินโดนีเซียมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุดถึงหลัก 100 รองลงมาคือ เวียดนาม 48 คน และอียิปต์ 19 คน ส่วนประเทศอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจากไข้หวัดนกได้แก่ ประเทศไทย อาเซอร์ไบจาน กัมพูชา จีน อิรัก ลาว พม่า ไนจีเรีย ปากีสถาน และตุรกี
ลือแบงค์"มิซูโฮ"ของญี่ปุ่นขาดทุนหนักกว่า 2 แสนล้านเยนจากวิกฤติ Subprime
แหล่งข่าวในแวดวงอุตสาหกรรมการธนาคารของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ธนาคารมิซูโฮ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป อิงค์ของญี่ปุ่น อาจขาดทุนเป็นวงเงินถึง 2.5 แสนล้านเยนจากการลงทุนในตลาด Subprime ในรอบปีซึ่งสิ้นสุด ณ เดือนมี.ค. ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะขาดทุน 1.7 หมื่นล้านเยนในช่วงสิ้นเดือนก.ย. เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา มิซูโฮ ซิเคียวริตีส์ เปิดเผยว่า บริษัทจะออกหุ้นใหม่มูลค่า 1.5 แสนล้านเยนเพื่อระดมทุนให้กับมิซูโฮ คอร์ปอเรท แบงค์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ นอกจากนี้ บริษัทยังถูกบีบให้เลื่อนการควบรวมกิจการจากเดือนม.ค. ออกไปเป็นเดือนพ.ค. หลังจากมีตัวเลขขาดทุนในช่วง 6 เดือนซึ่งสิ้นสุด ณ เดือนก.ย.ในปีที่แล้ว
เกาหลีใต้เผยยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนธ.ค.สูงขึ้นเหตุน้ำมันแพง
ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้ขาดดุลเป็นครั้งแรกในเดือนธ.ค. 2550 นับตั้งแต่เดือนเม.ย.เป็นต้นมา เนื่องจากเชื้อเพลิงที่มีราคาสูงขึ้นส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการนำเข้าสูงขึ้น ขณะที่อุปกรณ์เซมิคอนดัคเตอร์ทรงตัวเนื่องจากราคาร่วงลง ดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้ขาดดุลอยู่ 813.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนธ.ค. เมื่อเปรียบเทียบกับยอดเกินดุลในเดือนพ.ย.ที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ โดยสถิติของเดือนพ.ย.อยู่ที่ 1.75 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ดุลบัญชีเดินสะพัดถือเป็นมาตรวัดด้านการค้าในวงกว้างที่สุด ซึ่งครอบคลุมกระแสการหมุนเวียนของรายได้จากสินค้า บริการ และการลงทุนข้ามพรมแดน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news01/02/08
โพสต์ที่ 297
ญี่ปุ่นเผยอัตราค่าจ้างเฉลี่ยปี 2550 ร่วง 0.7% ครั้งแรกในรอบ 3 ปี
กระทรวงสุขภาพ แรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่นเปิดเผยว่า อัตราค่าจ้างเฉลี่ยรายเดือนในญี่ปุ่นร่วงลง 0.7% ในปี 2550 มาอยู่ที่ 330,212 เยน ซึ่งตกลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี จำนวนพนักงานพาร์ทไทม์ที่เพิ่มขึ้นและการลดโบนัสของบริษัทเล็กและขนาดกลางมีส่วนดึงให้อัตราค่าจ้างโดยเฉลี่ยลดลง
ธนาคารกลางฮ่องกงประกาศลดอัตราดอกเบี้ยตาม FED อีก 0.50%ธนาคารกลางฮ่องกงประกาศลดอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานลง 0.50% แตะระดับ 4.5% หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น (fed funds rate) ลงอีก 0.50% สู่ระดับ 3.0% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา การที่ธนาคารกลางฮ่องกงปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามเฟดก็เพราะค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกงยังคงผูกติดอยู่กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
เวียดนามชนะการประมูลขายข้าวให้กับฟิลิปปินส์ทั้งสิ้น 300,000 ตัน
หนังสือพิมพ์ยูธของเวียดนามรายงานว่า บริษัทข้าวในเวียดนามได้ชนะการประมูลขายข้าว 300,000 ตันให้กับฟิลิปปินส์ ทั้งนี้ ราคาข้าวได้ถูกตั้งไว้โดยเฉลี่ยที่ 480 ดอลลาร์ต่อตัน โดยตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา บรรดาผู้ส่งออกข้าวของเวียดนามได้เซ็นสัญญาส่งออกข้าวทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านตันให้กับประเทศต่างๆ
รัฐบาลอินเดียผ่อนปรนกฎ ไฟเขียวเพิ่มโครงการ FDI ในหลายภาคธุรกิจ
รัฐบาลอินเดียได้อนุญาตให้มีการเพิ่มปริมาณการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในธุรกิจภาคการบินพลเรือน เหมืองแร่ การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ น้ำมันปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ และบริษัทด้านข้อมูลสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ระบุว่า กฎระเบียบด้าน FDI สำหรับภาคธุรกิจค้าปลีกนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
กระทรวงสุขภาพ แรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่นเปิดเผยว่า อัตราค่าจ้างเฉลี่ยรายเดือนในญี่ปุ่นร่วงลง 0.7% ในปี 2550 มาอยู่ที่ 330,212 เยน ซึ่งตกลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี จำนวนพนักงานพาร์ทไทม์ที่เพิ่มขึ้นและการลดโบนัสของบริษัทเล็กและขนาดกลางมีส่วนดึงให้อัตราค่าจ้างโดยเฉลี่ยลดลง
ธนาคารกลางฮ่องกงประกาศลดอัตราดอกเบี้ยตาม FED อีก 0.50%ธนาคารกลางฮ่องกงประกาศลดอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานลง 0.50% แตะระดับ 4.5% หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น (fed funds rate) ลงอีก 0.50% สู่ระดับ 3.0% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา การที่ธนาคารกลางฮ่องกงปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามเฟดก็เพราะค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกงยังคงผูกติดอยู่กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
เวียดนามชนะการประมูลขายข้าวให้กับฟิลิปปินส์ทั้งสิ้น 300,000 ตัน
หนังสือพิมพ์ยูธของเวียดนามรายงานว่า บริษัทข้าวในเวียดนามได้ชนะการประมูลขายข้าว 300,000 ตันให้กับฟิลิปปินส์ ทั้งนี้ ราคาข้าวได้ถูกตั้งไว้โดยเฉลี่ยที่ 480 ดอลลาร์ต่อตัน โดยตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา บรรดาผู้ส่งออกข้าวของเวียดนามได้เซ็นสัญญาส่งออกข้าวทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านตันให้กับประเทศต่างๆ
รัฐบาลอินเดียผ่อนปรนกฎ ไฟเขียวเพิ่มโครงการ FDI ในหลายภาคธุรกิจ
รัฐบาลอินเดียได้อนุญาตให้มีการเพิ่มปริมาณการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในธุรกิจภาคการบินพลเรือน เหมืองแร่ การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ น้ำมันปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ และบริษัทด้านข้อมูลสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ระบุว่า กฎระเบียบด้าน FDI สำหรับภาคธุรกิจค้าปลีกนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news04/02/08
โพสต์ที่ 298
ยาฮูชี้อาจใช้เวลานานพอควรเพื่อพิจารณาข้อเสนอซื้อกิจการ
บริษัท ยาฮู อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ขอใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เพื่อพิจารณาทางเลือกต่างๆในความร่วมมือแบบพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงความเป็นอิสระของเว็บไซต์ยาฮูในอนาคต ตามข้อเสนอซื้อกิจการจากบริษัท ไมโครซอฟท์ ที่มีมูลค่าสูงถึง 4.46 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.47 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ เว็บไซต์ดังกล่าว ยังชี้แจงเพิ่มเติมอีกว่า บริษัท พร้อมพิจารณาข้อเสนอที่คล้ายคลึงกันกับบริษัท ไมโครซอฟท์ หากที่การยื่นเสนอมาในภายหลัง ทั้งนี้ไมโครซอฟท์ พยายามยื่นข้อเสนอยาวนานถึง 18 เดือน
ผู้บริหาร ยาฮู โต้กลับการซื้อกิจการ อาจครอบงำการแข่งขัน
นาย เดวิท ดรัมมอนด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายกฎหมาย และรองกรรมการอาวุโส บริษัท ยาฮู อินคอร์ปอเรชั่น กล่าวเสริมว่า การเสนอซื้อกิจการเว็บไซต์ยาฮูในครั้งนี้จากไมโครซอฟท์ อาจส่งผลให้เกิดการครอบงำ และนำไปสู่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับการแข่งขันด้านการให้บริการเว็บไซต์ นอกจากนี้ เดวิท ดรัมมอนด์ ยังเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับทำการตรวจสอบความสำคัญในการเสนอซื้อกิจการในครั้งนี้ เสมือนกับการซื้อกิจการอย่างไม่เป็นมิตรอีกด้วย ด้านไมโครซอฟท์ ยังไม่มีท่าทีต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าว
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
บริษัท ยาฮู อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ขอใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เพื่อพิจารณาทางเลือกต่างๆในความร่วมมือแบบพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงความเป็นอิสระของเว็บไซต์ยาฮูในอนาคต ตามข้อเสนอซื้อกิจการจากบริษัท ไมโครซอฟท์ ที่มีมูลค่าสูงถึง 4.46 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.47 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ เว็บไซต์ดังกล่าว ยังชี้แจงเพิ่มเติมอีกว่า บริษัท พร้อมพิจารณาข้อเสนอที่คล้ายคลึงกันกับบริษัท ไมโครซอฟท์ หากที่การยื่นเสนอมาในภายหลัง ทั้งนี้ไมโครซอฟท์ พยายามยื่นข้อเสนอยาวนานถึง 18 เดือน
ผู้บริหาร ยาฮู โต้กลับการซื้อกิจการ อาจครอบงำการแข่งขัน
นาย เดวิท ดรัมมอนด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายกฎหมาย และรองกรรมการอาวุโส บริษัท ยาฮู อินคอร์ปอเรชั่น กล่าวเสริมว่า การเสนอซื้อกิจการเว็บไซต์ยาฮูในครั้งนี้จากไมโครซอฟท์ อาจส่งผลให้เกิดการครอบงำ และนำไปสู่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับการแข่งขันด้านการให้บริการเว็บไซต์ นอกจากนี้ เดวิท ดรัมมอนด์ ยังเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับทำการตรวจสอบความสำคัญในการเสนอซื้อกิจการในครั้งนี้ เสมือนกับการซื้อกิจการอย่างไม่เป็นมิตรอีกด้วย ด้านไมโครซอฟท์ ยังไม่มีท่าทีต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าว
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news04/02/08
โพสต์ที่ 299
ร้านค้าปลีกญี่ปุ่นเผยเกี๊ยวซ่าจีนทำพิษ ฉุดยอดขายอาหารแช่แข็งร่วงหนัก
กลุ่มบริษัทผู้ผลิตอาหารและร้านค้าปลีกในญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ข่าวการพบสารเคมีปนเปื้อนในเกี๊ยวซ่าแช่แข็งที่ผลิตในประเทศจีนเมื่อช่วงที่ผ่านมา ได้ทำให้ลูกค้าเลี่ยงที่จะซื้อหาอาหารแช่แข็งมาบริโภค ญี่ปุ่นมียอดการบริโภคอาหารแช่แข็งในปี 2549 อยู่ที่ 21.1 กิโลกรัมต่อคน ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น 150% จากช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาอาหารแช่แข็งนำเข้าจากประเทศต่างๆ มีราคาถูก
นักวิเคราะห์คาดเหตุพายุหิมะฉุดศก.จีนชะลอตัวไม่นานชี้มีพื้นฐานแข็งแกร่ง
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า สถานการณ์พายุหิมะที่พัดถล่มจีนติดต่อกัน 3 สัปดาห์ อาจเป็นตัวฉุดรั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวม แต่ผลกระทบดังกล่าวจะไม่สร้างความเสียหายต่อภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศไปตลอดทั้งปี ด้าน นายหลี่ ฮุยหยง นักวิเคราะห์จากบริษัทเฉินหยิน แอนด์ วานกัว ซีเคียวริตี้คาดการณ์ว่า GDP ในไตรมาสแรกของปีนี้จะขยายตัวประมาณ 10.1% ซึ่งปรับตัวลดลง 0.5% จากที่คาดการณ์ในก่อนหน้านี้ เนื่องจากภาคการส่งออกที่ชะลอตัวลง รวมถึงการลงทุนและผลผลิตอุตสาหกรรมที่ซบเซา
ออสเตรเลียร่วมวงสหรัฐ-ญี่ปุ่น หนุนข้อตกลงต่อต้านสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์
รัฐมนตรีการค้าของออสเตรเลียได้แถลงข่าวร่วมกับ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ว่า ทางการออสเตรเลียจะให้ความร่วมมือกับสหรัฐและญี่ปุ่นในการผลักดันข้อตกลงทางการค้า เพื่อต่อต้านสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค รวมถึงสินค้าที่มีมีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน ทั้งนี้ ในแต่ละปีสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ได้สร้างความเสียหายให้กับบริษัทผู้ผลิตที่เป็นเจ้าขอ'สิทธิบัตรมากกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 2 ของมูลค่าการค้าโลก
จีนคาดปริมาณการบริโภคน้ำมันพืชในปท.ปีนี้อาจพุ่งแตะ 22.5 ล้านตัน
เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสำนักงานธัญพืชแห่งรัฐของจีน (SGA) คาดการณ์ว่า ปริมาณการบริโภคน้ำมันพืชในจีนปีนี้มีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะที่ระดับ 22.5 ล้านตัน ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 1.5 ล้านตันในปีที่ผ่านมาปริมาณการบริโภคน้ำมันพืชในจีนปรับตัวสูงขึ้นมาก จากภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจีนมียอดการบริโภคน้ำมันพืชอยู่ที่ 17 ต่อคนต่อปี ซึ่งสูงเกือบ 2 เท่าจาก 10 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จีนยังประสบปัญหาน้ำมันพืชขาดตลาด ซึ่งเป็นผลจากปริมาณการบริโภคที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการใช้ถั่วเหลืองก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
กลุ่มบริษัทผู้ผลิตอาหารและร้านค้าปลีกในญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ข่าวการพบสารเคมีปนเปื้อนในเกี๊ยวซ่าแช่แข็งที่ผลิตในประเทศจีนเมื่อช่วงที่ผ่านมา ได้ทำให้ลูกค้าเลี่ยงที่จะซื้อหาอาหารแช่แข็งมาบริโภค ญี่ปุ่นมียอดการบริโภคอาหารแช่แข็งในปี 2549 อยู่ที่ 21.1 กิโลกรัมต่อคน ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น 150% จากช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาอาหารแช่แข็งนำเข้าจากประเทศต่างๆ มีราคาถูก
นักวิเคราะห์คาดเหตุพายุหิมะฉุดศก.จีนชะลอตัวไม่นานชี้มีพื้นฐานแข็งแกร่ง
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า สถานการณ์พายุหิมะที่พัดถล่มจีนติดต่อกัน 3 สัปดาห์ อาจเป็นตัวฉุดรั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวม แต่ผลกระทบดังกล่าวจะไม่สร้างความเสียหายต่อภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศไปตลอดทั้งปี ด้าน นายหลี่ ฮุยหยง นักวิเคราะห์จากบริษัทเฉินหยิน แอนด์ วานกัว ซีเคียวริตี้คาดการณ์ว่า GDP ในไตรมาสแรกของปีนี้จะขยายตัวประมาณ 10.1% ซึ่งปรับตัวลดลง 0.5% จากที่คาดการณ์ในก่อนหน้านี้ เนื่องจากภาคการส่งออกที่ชะลอตัวลง รวมถึงการลงทุนและผลผลิตอุตสาหกรรมที่ซบเซา
ออสเตรเลียร่วมวงสหรัฐ-ญี่ปุ่น หนุนข้อตกลงต่อต้านสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์
รัฐมนตรีการค้าของออสเตรเลียได้แถลงข่าวร่วมกับ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ว่า ทางการออสเตรเลียจะให้ความร่วมมือกับสหรัฐและญี่ปุ่นในการผลักดันข้อตกลงทางการค้า เพื่อต่อต้านสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค รวมถึงสินค้าที่มีมีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน ทั้งนี้ ในแต่ละปีสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ได้สร้างความเสียหายให้กับบริษัทผู้ผลิตที่เป็นเจ้าขอ'สิทธิบัตรมากกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 2 ของมูลค่าการค้าโลก
จีนคาดปริมาณการบริโภคน้ำมันพืชในปท.ปีนี้อาจพุ่งแตะ 22.5 ล้านตัน
เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสำนักงานธัญพืชแห่งรัฐของจีน (SGA) คาดการณ์ว่า ปริมาณการบริโภคน้ำมันพืชในจีนปีนี้มีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะที่ระดับ 22.5 ล้านตัน ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 1.5 ล้านตันในปีที่ผ่านมาปริมาณการบริโภคน้ำมันพืชในจีนปรับตัวสูงขึ้นมาก จากภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจีนมียอดการบริโภคน้ำมันพืชอยู่ที่ 17 ต่อคนต่อปี ซึ่งสูงเกือบ 2 เท่าจาก 10 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จีนยังประสบปัญหาน้ำมันพืชขาดตลาด ซึ่งเป็นผลจากปริมาณการบริโภคที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการใช้ถั่วเหลืองก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news04/02/08
โพสต์ที่ 300
เจาะลึก ศก."กัมพูชา" บูม 5 ปี "ราคาที่ดิน-ภาคการเงิน" ปมท้าทายใหม่
หลังจากเผชิญกับภาวะสงครามและความยากลำบากมาอย่างยาวนานถึงวันนี้ "กัมพูชา" กำลังเริ่มต้นเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจเบ่งบาน
โดยเศรษฐกิจของเขมรขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระดับ 10% ต่อปี ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
แต่การเติบโตอย่างรวดเร็วของกัมพูชา ที่อาศัยอุตสาหกรรมสิ่งทอ การท่องเที่ยว และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นกลไกหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กลับกำลังส่งผลให้กัมพูชาเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญหลายประการ
รอยเตอร์สรายงานว่า การเติบโตของกัมพูชายังผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการเปลี่ยนโฉมของประเทศที่เคยเติบโตแบบช้าๆ ให้กลายเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยโครงการก่อสร้างใหม่ๆ และเพิ่มแรงกดดันไปยังชาวเขมรจำนวนมากให้ต้องย้ายออกจากที่อยู่อาศัยดั้งเดิม เพราะการพัฒนาในภาคอสังหาฯที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
"เก ตัน" ชาวประมงที่อาศัยอยู่ใกล้กับทะเลสาบตนเลของเขมรซึ่งที่ดินแถบที่เธออยู่ กำลังจะถูกนำไปก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัย เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในเขมร
โดยเธอกล่าวว่า เธอจะยอมย้ายออกจากที่ของเธอก็ต่อเมื่อทางการยอมจ่ายเงินมากพอที่เธอจะไปหาที่อยู่ใหม่ได้เท่านั้น แต่เธอก็กังวลอยู่ตลอดเวลา ว่าอาจจะถูกไล่ที่ในวันใดวันหนึ่ง
แม้ว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมสิ่งทอและการท่องเที่ยวของเขมรยังคงแข็งแกร่งท่ามกลางการแข็งขึ้นของเงินดอลลาร์
แต่ทว่าราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบันก็ส่งผลต่อเขมรอย่างมาก
จากข้อมูลของ "บอนนา เรียลตี้" นายหน้าอสังหาฯชั้นนำในเขมรระบุว่า ราคาที่ดินในย่านใจกลางกรุงพนมเปญพุ่งพรวดขึ้นถึง 2 เท่า ในปีที่แล้ว โดยอยู่ที่ 3,000 ดอลลาร์ต่อ ตารางเมตร เทียบกับก่อนหน้านี้อยู่ที่ประมาณ 500-2,000 ดอลลาร์เท่านั้น
แม้ราคาที่ดินของกัมพูชาจะยังต่ำกว่า เมื่อเทียบกับราคาที่ดินของเพื่อนบ้าน อย่างเช่นย่านสีลมของกรุงเทพฯที่อยู่ที่ 5,000 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร ส่วนที่ดินในโฮจิมินห์ซิตี ศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งหนึ่งของเวียดนามที่อยู่ที่ 15,000 ดอลลาร์ แต่ก็เริ่มมีคำถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ดังที่ "สเตฟาน กวิมเบิร์ต" นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกระบุว่า เริ่มมีการถกเถียงกันเกี่ยวกับฟองสบู่ตลาดอสังหาฯที่อาจเกิดขึ้นในกัมพูชาแล้ว
"กวิมเบิร์ต" กล่าวด้วยว่า ค่อนข้างชัดเจนว่าตลาดอสังหาฯเขมรได้รับแรงกดดันอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีความมั่นคงและมีเสถียรภาพต่ำ แต่ก็เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายที่ราคากลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นกว่า 9% ในปีที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า จากเมื่อ 5 ปีก่อน และเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่สะท้อนถึงความร้อนแรงของตลาดอสังหาฯของกัมพูชา และอาจเป็นแรงกดดันให้ต้องปรับขึ้นค่าแรงครั้งใหญ่
โดยราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวสูงขึ้นเกิดจากการเข้ามาลงทุนของกองทุนขนาดใหญ่ อาทิ "โกลด์ ทาวเวอร์ 42" โครงการอพาร์ตเมนต์ 42 ชั้นของเกาหลีใต้มูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะกลายเป็นตึกที่สูงที่สุดในเขมร
นอกจากนี้บริการทางการเงินในเขมรก็เป็นอีกตัวแปรหนึ่ง เพราะแม้อุตสาหกรรมนี้จะขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยการให้กู้ยืมแก่ภาคเอกชนของธนาคารในกัมพูชาขยายตัวถึง 60% ในปีที่แล้ว แต่ยังเป็นเม็ดเงินน้อยมากที่ปล่อยกู้ แก่โครงการต่างๆ
ทั้งที่ยังมีชาวกัมพูชาที่มีฐานะดีอีกจำนวนมาก แต่คนเหล่านี้กลับไปลงทุนทองคำและเปิดบัญชีในแบงก์ต่างประเทศแทน ขณะที่แบงก์กัมพูชาก็ไม่ปล่อยกู้ จึงทำให้ราคาอสังหาฯสูงขึ้น
น่าสนใจว่า แม้กัมพูชาซึ่งมีจีดีพีราว 6.5 พันล้านดอลลาร์ จะเป็นเขตเศรษฐกิจที่เล็กมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย แต่นักลงทุนจากต่างชาติจำนวนมากกลับสนใจเข้ามาลงทุน ด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศแห่งนี้ โดยเฉพาะเซ็กเตอร์โรงแรม
ยกตัวอย่าง "ซีบี ริชาร์ด เอลลิส" ผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐก็สนใจจะเข้ามา เปิดสำนักงานในพนมเปญในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า
อีกรายเป็นนักลงทุนจากเกาหลีใต้ที่เตรียม เข้ามาลงทุนราว 2 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้าง "เมืองใหม่" ที่เรียกว่า "แคมโก ซิตี้" (Camko City) ซึ่งจะตั้งอยู่บริเวณทิศเหนือของกรุงพนมเปญ
เหตุผลที่ทำให้นักลงทุนสนใจเขมรมากขึ้น เนื่องจากเขมรจะมีรายได้จากแหล่งน้ำมันและ ก๊าซธรรมชาติในทะเลภายในปี 2553 ซึ่งจะทำให้ชุมชนเมืองจะเติบโตอย่างรวดเร็ว และกระตุ้นความต้องการอสังหาริมทรัพย์ของชาวกัมพูชาราว 13 ล้านคนให้เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามปัญหาเรื่องสาธารณูปโภคของกัมพูชาที่ยังไม่พร้อมยังคงเป็นปัจจัยท้าทายการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศแห่งนี้ ทั้งเรื่องถนนหนทางที่ไม่เพียงพอจนทำให้การจราจรติดขัด การรั่วไหลของสิ่งปฏิกูล การเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง และการดับไฟเป็นเวลา
รวมถึงความตึงเครียดที่กำลังก่อตัวขึ้น เพราะผู้คนหวาดกลัวที่จะถูกไล่ที่ และการที่ราคาอสังหาริมทรัพย์แพงขึ้นมากจากการเก็งกำไร
"รอส โสเพียก" คนขับรถตุ๊กตุ๊กกล่าวไว้ น่าสนใจว่า ตอนนี้กัมพูชากำลังเผชิญกับ "สงครามแย่งที่ดิน"
http://matichon.co.th/prachachat/pracha ... ionid=0205
หลังจากเผชิญกับภาวะสงครามและความยากลำบากมาอย่างยาวนานถึงวันนี้ "กัมพูชา" กำลังเริ่มต้นเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจเบ่งบาน
โดยเศรษฐกิจของเขมรขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระดับ 10% ต่อปี ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
แต่การเติบโตอย่างรวดเร็วของกัมพูชา ที่อาศัยอุตสาหกรรมสิ่งทอ การท่องเที่ยว และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นกลไกหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กลับกำลังส่งผลให้กัมพูชาเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญหลายประการ
รอยเตอร์สรายงานว่า การเติบโตของกัมพูชายังผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการเปลี่ยนโฉมของประเทศที่เคยเติบโตแบบช้าๆ ให้กลายเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยโครงการก่อสร้างใหม่ๆ และเพิ่มแรงกดดันไปยังชาวเขมรจำนวนมากให้ต้องย้ายออกจากที่อยู่อาศัยดั้งเดิม เพราะการพัฒนาในภาคอสังหาฯที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
"เก ตัน" ชาวประมงที่อาศัยอยู่ใกล้กับทะเลสาบตนเลของเขมรซึ่งที่ดินแถบที่เธออยู่ กำลังจะถูกนำไปก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัย เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในเขมร
โดยเธอกล่าวว่า เธอจะยอมย้ายออกจากที่ของเธอก็ต่อเมื่อทางการยอมจ่ายเงินมากพอที่เธอจะไปหาที่อยู่ใหม่ได้เท่านั้น แต่เธอก็กังวลอยู่ตลอดเวลา ว่าอาจจะถูกไล่ที่ในวันใดวันหนึ่ง
แม้ว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมสิ่งทอและการท่องเที่ยวของเขมรยังคงแข็งแกร่งท่ามกลางการแข็งขึ้นของเงินดอลลาร์
แต่ทว่าราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบันก็ส่งผลต่อเขมรอย่างมาก
จากข้อมูลของ "บอนนา เรียลตี้" นายหน้าอสังหาฯชั้นนำในเขมรระบุว่า ราคาที่ดินในย่านใจกลางกรุงพนมเปญพุ่งพรวดขึ้นถึง 2 เท่า ในปีที่แล้ว โดยอยู่ที่ 3,000 ดอลลาร์ต่อ ตารางเมตร เทียบกับก่อนหน้านี้อยู่ที่ประมาณ 500-2,000 ดอลลาร์เท่านั้น
แม้ราคาที่ดินของกัมพูชาจะยังต่ำกว่า เมื่อเทียบกับราคาที่ดินของเพื่อนบ้าน อย่างเช่นย่านสีลมของกรุงเทพฯที่อยู่ที่ 5,000 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร ส่วนที่ดินในโฮจิมินห์ซิตี ศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งหนึ่งของเวียดนามที่อยู่ที่ 15,000 ดอลลาร์ แต่ก็เริ่มมีคำถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ดังที่ "สเตฟาน กวิมเบิร์ต" นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกระบุว่า เริ่มมีการถกเถียงกันเกี่ยวกับฟองสบู่ตลาดอสังหาฯที่อาจเกิดขึ้นในกัมพูชาแล้ว
"กวิมเบิร์ต" กล่าวด้วยว่า ค่อนข้างชัดเจนว่าตลาดอสังหาฯเขมรได้รับแรงกดดันอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีความมั่นคงและมีเสถียรภาพต่ำ แต่ก็เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายที่ราคากลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นกว่า 9% ในปีที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า จากเมื่อ 5 ปีก่อน และเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่สะท้อนถึงความร้อนแรงของตลาดอสังหาฯของกัมพูชา และอาจเป็นแรงกดดันให้ต้องปรับขึ้นค่าแรงครั้งใหญ่
โดยราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวสูงขึ้นเกิดจากการเข้ามาลงทุนของกองทุนขนาดใหญ่ อาทิ "โกลด์ ทาวเวอร์ 42" โครงการอพาร์ตเมนต์ 42 ชั้นของเกาหลีใต้มูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะกลายเป็นตึกที่สูงที่สุดในเขมร
นอกจากนี้บริการทางการเงินในเขมรก็เป็นอีกตัวแปรหนึ่ง เพราะแม้อุตสาหกรรมนี้จะขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยการให้กู้ยืมแก่ภาคเอกชนของธนาคารในกัมพูชาขยายตัวถึง 60% ในปีที่แล้ว แต่ยังเป็นเม็ดเงินน้อยมากที่ปล่อยกู้ แก่โครงการต่างๆ
ทั้งที่ยังมีชาวกัมพูชาที่มีฐานะดีอีกจำนวนมาก แต่คนเหล่านี้กลับไปลงทุนทองคำและเปิดบัญชีในแบงก์ต่างประเทศแทน ขณะที่แบงก์กัมพูชาก็ไม่ปล่อยกู้ จึงทำให้ราคาอสังหาฯสูงขึ้น
น่าสนใจว่า แม้กัมพูชาซึ่งมีจีดีพีราว 6.5 พันล้านดอลลาร์ จะเป็นเขตเศรษฐกิจที่เล็กมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย แต่นักลงทุนจากต่างชาติจำนวนมากกลับสนใจเข้ามาลงทุน ด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศแห่งนี้ โดยเฉพาะเซ็กเตอร์โรงแรม
ยกตัวอย่าง "ซีบี ริชาร์ด เอลลิส" ผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐก็สนใจจะเข้ามา เปิดสำนักงานในพนมเปญในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า
อีกรายเป็นนักลงทุนจากเกาหลีใต้ที่เตรียม เข้ามาลงทุนราว 2 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้าง "เมืองใหม่" ที่เรียกว่า "แคมโก ซิตี้" (Camko City) ซึ่งจะตั้งอยู่บริเวณทิศเหนือของกรุงพนมเปญ
เหตุผลที่ทำให้นักลงทุนสนใจเขมรมากขึ้น เนื่องจากเขมรจะมีรายได้จากแหล่งน้ำมันและ ก๊าซธรรมชาติในทะเลภายในปี 2553 ซึ่งจะทำให้ชุมชนเมืองจะเติบโตอย่างรวดเร็ว และกระตุ้นความต้องการอสังหาริมทรัพย์ของชาวกัมพูชาราว 13 ล้านคนให้เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามปัญหาเรื่องสาธารณูปโภคของกัมพูชาที่ยังไม่พร้อมยังคงเป็นปัจจัยท้าทายการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศแห่งนี้ ทั้งเรื่องถนนหนทางที่ไม่เพียงพอจนทำให้การจราจรติดขัด การรั่วไหลของสิ่งปฏิกูล การเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง และการดับไฟเป็นเวลา
รวมถึงความตึงเครียดที่กำลังก่อตัวขึ้น เพราะผู้คนหวาดกลัวที่จะถูกไล่ที่ และการที่ราคาอสังหาริมทรัพย์แพงขึ้นมากจากการเก็งกำไร
"รอส โสเพียก" คนขับรถตุ๊กตุ๊กกล่าวไว้ น่าสนใจว่า ตอนนี้กัมพูชากำลังเผชิญกับ "สงครามแย่งที่ดิน"
http://matichon.co.th/prachachat/pracha ... ionid=0205