หน้า 10 จากทั้งหมด 160
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 30, 2003 12:04 pm
โดย Jeng
buffetology หน้า 84-85
Even though Warren has admitted that at times during the last twenty-four years the washington Post has traded at market prices in excess of its intrinsic value ,
he has continued to hold the investment because it is an excellent business and because he knew that to take full advantage of the wonders of compounding he needed to hold the investment for long time.
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 30, 2003 12:18 pm
โดย chatchai
น้อง VIB007 เพราะว่าพี่เคยทำงานอยู่ธนาคารมาก่อนนะซิ พี่เลยไม่อยากที่จะลงทุนกับธนาคาร
ช่วงนี้พี่อ่าน The New Buffettology ในช่วงการวิเคราะห์หุ้นสถาบันการเงิน เห็น Buffett บอกว่าแทนที่จะคำนวณหา the return on total capital ให้คำนวณหา return on total asset แทน (หน้า 626 ที่แสดงการวิเคราะห์ Freddie Mac. นะครับ พี่เคยคิดว่า Total Capital Capital ก็คือ Total Asset แล้วที่จริงคืออะไรครับ
และอีกจุดหนึ่งนะครับ ในหนังสือ Buffett มักจะนำกำไรสุทธิ ซึ่งเป็นการบันทึกบัญชีตามเกณฑ์สิทธิ เปรียบเทียบกับ หนี้บ้าง อัตราผลตอบแทนจากดอกเบี้ยพันธบัตรบ้าง หรือนำมาคำนวณหาผลตอบแทนการลงทุนบ้าง ซึ่งน่าจะใช้เกณฑ์เงินสด จะมีผลดีและผลเสียอะไรบ้างกับผู้อ่านที่ยังไม่เข้าใจบัญชีการเงินมากนัก
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 30, 2003 12:25 pm
โดย Jeng
คุณฉัตรชัย ครับ เป็นไปได้หรือไม่ ว่า buffet ไม่ได้เล่นหุ้น แต่เขาเล่นกับคนที่เข้ามาเล่นหุ้น
และคนที่เข้ามาเล่นหุ้นส่วนใหญ่ เขาไม่ค่อยรู้เรื่องการเงิน
เพื่อเข้าใจคนที่เข้ามาเล่นหุ้น เข้าใจ EPS ROE ก็น่าจะทำให้ buffet สามารถเล่นกับคนที่เข้ามาเล่นหุ้น ได้แล้ว
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 30, 2003 12:41 pm
โดย chatchai
เท่าที่อ่าน The New Buffettology มาก ผมเห็นว่า Buffett มักจะลงทุนบริษัทที่ขายสินค้าให้แก่ผู้บริโภครายย่อยโดยตรงนะครับ ไม่ค่อยเห็นบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายสินค้าที่ใช้ในอุตสาหกรรมเลย อาจจะเป็นเพราะ Consumer Product นั้นใกล้ชิดกับนักลงทุนรายย่อยมากกว่า
ในหนังสือน่าจะมีการยกตัวอย่างการลงทุนที่ผิดพลาดของ Buffett มาให้อ่านบ้างนะครับ ผู้อ่านจะได้ระมัดระวัง
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 30, 2003 1:03 pm
โดย Mon money
ประสบการณ์ปาดเจ็บใกล้เคียงกันมากครับคุณวิบูลย์ ผมรู้จักBuffettแรกๆยังบอกว่าตาคนนี้แกบ้า แต่พอมาถึงวันนี้..บ้าก็บ้าวะ!
อ่านมาถึงตรงนี้ผมอยากจะขอย้ำก่อนไปเรื่องอื่น ในส่วนของค่าโก้ที่สุดแพงเลยนะครับ Buffettแกมองยาวถึง20ปี ว่าเงินที่มีอยู่จะเพิ่มค่าได้เท่าไรเมื่อเวลามาถึง เราๆท่านๆเองอย่ามองข้ามนะครับ ท่านไม่ได้ใช้แต่คนที่อยู่ข้างหลังท่านจะได้ใช้กัน ดีกว่าประกันแบบออมทรัพย์เสียอีก ดังนั้นเมื่อคิดจะโก้ก็ลองนึกถึงข้อนี้เอาไว้ให้ดีๆ
ในเรื่องBuffettกับตลาดนี่ผมมีความเห็นครับ ในช่วงก่อนที่เขาจะพบกับ Munger เขาน่าจะเล่นกับMr.Marketผู้ฉุนเฉียว บวกกับตลาดที่ไม่มีประสิทธิภาพในบางเวลา ทำให้เขาเก็บก้นบุหรี่ได้ทีละมากๆทำกำไรไปไม่น้อย
แต่หลังจากลงทุนแบบ Business-Likeแล้วเขามักจะรอให้Mr.Marketตกใจขายของถูกให้และปิดประตูไม่ต้อนรับMr.Marketอีกเลย ดังนั้นจะสรุปว่าแกเล่นกับMr.Marketหรือไม่เป็นเรื่องที่ไม่ยืนยัน แต่ที่แน่ๆแกมองหาธุรกิจดีๆที่คงทนโดยไม่สนใจMr.Marketแต่ถ้าMr.Marketหยิบยื่นโอกาสงามๆก็อาจจะเลี้ยงโค๊กสักกระบ๋องหนึ่งแล้วทีบออกนอกบ้านเลยครับ
เรื่องความผิดผลาดของBuffettที่สำคัญก็ในเรื่องการลงทุนใน Berkshineสมัยแรกๆก่อนพบMungerนั่นแหละครับ ลองหา The real Buffettมาอ่านจะมีอยู่ครับ B2Sยังเห็นมีครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 30, 2003 1:51 pm
โดย VIB007
ผมไม่เคยทำงานธนาคารครับ เลยไม่ทราบรายละเอียด รู้แต่ว่างบการเงินแบงค์ดูแล้วปวดกะบาล เลยไปลงทุนบริษัทที่อ่านงบง่ายๆแทน
เท่าที่ผมทราบนะครับ พี่Chatchai
Return on Asset (ROA) = Net Income After Tax/Total Asset
Return on Total Capital (ROTC) = Net Income After Tax/(Longterm Debt + Equity)
Total Asset = Current Liability + Longterm Debt + Equity
ดังนั้น ROA น้อยกว่า ROTC เห็นๆเพราะรวม Current Liability มาเป็นตัวหารด้วย ตามหลักการแล้ว Current Liability จะ Offset กับ Current Asset กลายเป็น Working Capital อยู่แล้ว ดังนั้นผมว่าใช้ ROTC ก็น่าจะเห็นภาพแล้ว
ส่วนการใช้ Earning หรือ NIAT มาหาค่าต่างๆแทนการใช้ Free Cashflow นั้น ผมว่าเขาอยากให้มันดูง่ายๆสำหรับมือใหม่นะครับ อีกอย่างหนึ่ง อาจารย์Buffet เคยบอกไว้ว่าเราสามารถใช้ NIAT แทน FCF ได้ในกรณีที่ธุรกิจนั้นมี Depreciation & Amorization ใกล้เคียงกับ Capital Expenditure ครับ
คุณ Mon มีความคิดเห็นอย่างไรครับสำหรับ Case อย่างนี้
อ้อ อีกอย่างที่พี่เจ๋งบอกว่า
"คุณฉัตรชัย ครับ เป็นไปได้หรือไม่ ว่า buffet ไม่ได้เล่นหุ้น แต่เขาเล่นกับคนที่เข้ามาเล่นหุ้น
และคนที่เข้ามาเล่นหุ้นส่วนใหญ่ เขาไม่ค่อยรู้เรื่องการเงิน
เพื่อเข้าใจคนที่เข้ามาเล่นหุ้น เข้าใจ EPS ROE ก็น่าจะทำให้ buffet สามารถเล่นกับคนที่เข้ามาเล่นหุ้น ได้แล้ว"
ผมว่าคงไม่ใช่ครับ เพราะ Buffet ลงทุนทีบริษัทละหลายหมื่นล้านบาท เขาต้องดูอะไรมากกว่า EPS ROE แน่นอนชัวร์ๆ ผมว่าแกดูงบการเงินละเอียดยิบแน่นอน สไตล์ Graham แน่ๆ ไม่งั้นไม่เอาเงินไปลงทีเยอะๆแน่ๆ เห็นแล้วยังหนาวแทน
การลงทุนที่ผิดพลาดของ Buffet มีเยอะครับ เช่น การลงทุนใน United Air, ลงทุนใน Dextor Shoes, ที่สำคัญคือการลงทุนซื้อ Berkshire Hathaway บริษัทอนยิ่งใหญ่ของแกเองตั้งแต่แรกครับ
มีโพสผมที่ถามพี่เจ๋งเรื่องธุรกิจที่ Buffet สนใจ แล้วแกชิ่งไม่ตอบผมอีกคน
ผมวานคุณ Mon กับพี่เจ๋งตอบหน่อยแล้วกันว่าธุรกิจนอกเหนือจาก Consumer Monopoly แล้วมีธุรกิจแบบไหนอีกที่ Buffet สนใจ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 30, 2003 2:19 pm
โดย Mon money
ขอชิ่งอีกคนได้ไหนเนี้ย เอาก็เอา แต่เอาที่ละบริษัทนะ
ที่ผมอ่านมาและรู้สึกประทับใจมากที่สุดเห็นจะเป็นเรื่อง General Dynamic บริษัทที่ทำอาวุธสงคราม รถถัง เรือดำน้ำ เครื่องบินรบ อะไรทำนองนี้ครับ จริงๆแล้วจัดเป็นธุรกิจที่มองยากและคาดการในอนาคตยากสักหน่อย ไม่จัดเป็น Consumer Monopoly ด้วย แต่เพื่อกระตุ้นต่อมอยาก....จะขอต่อตอนค่ำๆนะครับ ตอนนี้ต้องออกไปข้างนอกแล้ว
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 30, 2003 3:08 pm
โดย Jeng
1. ธุรกิจที่ผลิตสินค้าที่ใช้แล้วหมดไปอย่างรวดเร็ว และมีแบรนด์เนม และเป็นธุรกิจที่พ่อค้าต้องมีสินค้าเหล่านี้ไว้เพื่อให้อยู่รอดในธุรกิจ
เช่น อีโน แบรนด์ยอดซุปไก่ มีดโกนหนวดยิลเลต น้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีน เป็บซี่ โค๊ก ยาดมตราโป๊ยเซียน
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 30, 2003 7:40 pm
โดย chatchai
น้อง VIB007 ครับ ผมเคยเรียนมาว่า
ROA = EBIT/Average Total Asset นะครับ หรือว่าของ Buffett ไม่เหมือนกันครับ แต่ผมว่าสูตรผมมันก็ดีนะครับ เพราะเราจะหาผลตอบแทนของสินทรัพย์รวม โดยไม่คำนึงว่าเป็นส่วนทุนหรือหนี้ ดังนั้นจึงไม่ควรที่จะหักดอกเบี้ยจ่ายนะครับ
เรื่อง Buffett ที่ลงทุนในแร่เงินมีใครเคยอ่านเจอบ้างครับ ผมว่าแปลกๆเหมือนกันนะครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 01, 2003 11:34 am
โดย VIB007
พี่Chatchai
Buffet มองว่า Interest และ Tax เป็นก้อนเงินที่เราจะต้องจ่ายออกไปจริงๆไม่อิงนิยาย ดังนั้นต้องเอามาคิดด้วยแน่นอนครับ
Buffet นี่ก็แสบ แกบอกว่า การคำนวณมูลค่าหุ้นด้วย EBITDA (Earning before Interest, Tax, Depreciation, and Amortization ) นั้นมีไว้ให้พวก Investment Banker หลอกเอาเงินคนอื่นๆเพื่อจะได้ตั้งราคาหุ้นได้สูงๆเท่านั้นครับ
เอ คุณMon บอกว่าจะเข้ามาต่อตอนค่ำๆ ตอนนี้ก็เช้าแล้ว ไฉนจึงยังไม่เห็นมาเล่าต่อเลย
คุณMon รายงายตัวด้วยครับ แฟนๆรออยู่
อ้อ พี่เจ๋ง ธุรกิจอื่นที่น่าสนใจ ผมหมายถึงธุรกิจแบบ Toll-Gate (Toll-Bridge) และ Quasi-Monopoly นะครับ พี่เจ๋งช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมครับว่ามันหมายถึงอะไร
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 01, 2003 3:04 pm
โดย Num
ขอบคุณพี่ๆที่ให้ความรู้เรื่องเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียครับ พี่ๆคนไหนที่เคยอ่านหนังสือ The Warren Buffett Way กับ Common Stock and Uncommon Profit แล้ว ช่วยบอกน้องๆหน่อยครับว่าอ่านยาก-ง่ายแค่ไหน เมื่อเทียบกับ The New Buffettology (เล่มนี้ผมเคยอ่านแล้วครับเข้าใจได้ไม่ยาก แต่เล่ม The 2 In ของ อ.เกรแฮมนี่ อ่านแล้วหลับสบายไปหน่อยครับ)
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 01, 2003 3:08 pm
โดย VIB007
ขออัพเดทข่าวหน่อยครับ เรื่องอาจารย์ Buffet ซื้อเครื่องบินส่วนตัวเป็นเรื่องจริงครับ แต่ตอนนี้ขายไปแล้ว เพราะแกเล่นซื้อบริษัทเครื่องบินซะเลย ชื่อบริษัท Executive Jet ครับ
จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 01, 2003 3:28 pm
โดย VIB007
ตอบคุณ Num
Warren Buffet Way มีแปลเป็นภาษาไทยครับ ชื่อ "แกะรอยเซียนหุ้น" ของสนพ.ผู้จัดการ ส่วนภาคภาษาอังกฤษอ่านง่ายกว่า Common Stock ประมาณสามเท่า
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 01, 2003 4:18 pm
โดย VIB007
ก่อนผมเลิกงานเก็บกระเป๋ากลับบ้าน
ขอฝากบอกเรื่องเก่าๆที่คุณธันวาเคยบอกไว้ครับ
จำเรื่องมูลค่าความโก้ได้ใช่ไหมครับ
คราวนี้เรากลับกันเป็นมูลค่าการลงทุนแทน
ถ้าท่านอายุ 30 ปี เริ่มต้นลงทุนด้วยเงินหนึ่งล้านบาท
ถ้าท่านทำผลตอบแทนการลงทุนได้เฉลี่ยปีละ 26%
เมื่อเวลาผ่านไป 20 ปี
ท่านอายุ 50 ปี
เงินหนึ่งล้านบาทของท่านจะกลายเป็น 101,721,066 บาท
การเป็นเศรษฐีร้อยล้านไม่ใช่ความฝันสำหรับคนทั่วไปครับ
สิ่งที่ท่านต้องการก็คือ เวลา และความตั้งใจจริงเท่านั้นครับ
ท่าน นโปเลียน ฮิลล์ที่ผมเคารพ ท่านเขียนไว้ว่า
"ถ้าท่านอยากจะรวยหรืออยากจะประสบความสำเร็จในชีวิต
จงทำตามความฝันและความตั้งใจของท่านอย่างมุ่งมั่น
โดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ
แล้ววันหนึ่งท่านจะประสบความสำเร็จ
คนส่วนใหญ่ไม่รวยหรือไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต
ก็เพราะไม่อดทนต่อสิ่งที่เป็นอุปสรรคที่ผ่านเข้ามา
จนต้องล้มเลิกความฝันและความตั้งใจของตัวเองกลางคัน"
อ่านแล้วซึ้งจนน้ำตาแทบไหล
ใครไม่ get ก็หาหนังสือของท่านมาอ่านได้ครับ
ชื่อเรื่อง "Think and Grow Rich"
สำหรับผม
ผมล้มแล้วลุกขึ้นมาได้ก็เพราะคำสอนของท่านนี่ละครับ
ตอนนี้ ขอให้โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 01, 2003 6:47 pm
โดย chatchai
น้อง VIB007 ครับ ROA ที่ผมบอกว่าใช้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีนั้นเพราะว่า เป็นการวัดผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมที่ใช้ในธุรกิจ โดยไม่คำนึงว่าบริษัทใช้เงินทุนหรือเงินกู้มาลงทุนในสินทรัพย์ ดังนั้นจึงบวกดอกเบี้ยจ่ายกลับนะครับ ส่วนภาษีนั้นก็บวกกลับเพื่อไม่ให้ผลกระทบต่ออัตราภาษีที่คิดต่างกันของแต่ละบริษัทมามีผลกระทบนะครับ
ส่วนที่น้องบอกว่าถ้าลงทุน 20 ปีโดยมีผลตอบแทนปีละ 26% นั้นเราก็สามารถมีเงินเป็นร้อยเท่าของเงินลงทุนนั้น
ผมมองได้ 2 แง่ครับ เราไม่ต้องหวังผลตอบแทนที่สูงตามที่นักเล่นหุ้นต้องการ เราก็รวยได้ เพียงแต่ต้องทำให้ได้สม่ำเสมอแบบ Buffett
ส่วนอีกแง่ก็คือ การให้ได้ผลตอบแทน 26% ต่อปี ในช่วงปีหลังๆนั้น ผมว่ายากพอสมควรนะครับ เนื่องจากเงินลงทุนสูงขึ้นมาก
เอสรุปแล้วเราจะรวยจากการลงทุนได้ไหมเนี่ย
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 01, 2003 7:54 pm
โดย ปรัชญา1
[
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "อย่าคุยเรื่อง Value Investing กับคนอื่น เขาจะหาว่าคุณบ้า" 555555555555555555
ผมถามพี่ปรัชญาและเพื่อนๆแล้วกันครับว่า ถ้าพี่และเพื่อนๆมีเงินพันล้าน (บาท) พี่จะยังขับรถกระบะหรือเก๋งญี่ปุ่นให้คนอื่นหัวเราะเยาะเหมือน Buffet หรือเปล่า ฮิ ฮิ[/quote]
ผมคงหาเงินไม่ได้พันล้านบาทหรอกครับ ตลอดชีวิตนี้
นอกจากถูกล๊อตเตอรี่ รางวัลที่1 สัก10ครั้ง
แต่ด้วยว่าผมไม่ได้ซื้อรถเตอรี่เลยหมดสิทธิ์ครับ
ขอขี่รถกะบะคันเดิม หรือถ้าเปลี่ยนก็คงเป็นรถกะบะอีก
ไว้ทำมาค้าขาย ขนของได้ด้วยครับ เช็ครถก็ถูก500-1500บาท
รถแพงๆเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเช็ครถที เหมือนซื้อทองโยนทิ้งเป้นบาทเลย
ผมเจอญาติพี่ภรรยา เมื่อไร...เขาก็จะถามว่าขายหุ้นไปหรือยัง
ตั้งแต่หุ้นราคา70บาท จนวันนี้ราคา87บาท เขากก็ยังถาม
ผมก็ยืนยันคำเดียว ว่า...ยังไม่ขาย
ไม่รู้จะไปลงทุนอะไร เขากับว่าหุ้นกินไม่ได้แต่เงินใช้ได้
ระวังมันลงนะ ผมบอกไม่เป็นไรผมรับได้ทุกสถานะการณ์
เหมือนคุณวิบูลย์ ว่า...ล่ะครับ
เขาหัวเราะเยาะเรา เราขี่รถกะบะ เขาขี่เบ๊นซ์
เรากินข้าวราดแกง อาหารตามสั่งที่ตลาดโต้รุ่ง
เขาเข้าภัตราคาร ห้องอาหารตามโรงแรม เขาไปคาราโอเกะ
แต่เรามานั่งดูคอมฯ ดูราคาปิดของหุ้นทุกเย็น อ่านข่าวตลาด
ดูโทรทัศน์อยู่บ้าน เขาใช้ชีวิตไปฟังเพลง ไปกินเที่ยว
ช่วงหุ้นขึ้นๆ เขาสดชื่นเสียงดัง
วันนี้ก็โทรมาบอกขายหุ้นได้แล้วตลาดจะลง
ผมเลยบอกไม่ขาย วันนี้ลงอีกวัน2วันก็ขึ้น
เขาว่าไม่กลัว บึ๊ม...เอเปคหรือ? ผมบอกกลัว
อ้าวแล้วกลัวทำไมไม่ขาย
ผมบอกกลัวว่าขายแล้วจะซื้อคืนไม่ได้ ไม่ได้กลัวระเบิด
เขาบอกกราฟพังหมดแล้ว ดูบ้างซิ
ผมบอกดูไม่เป็นช่างมันเถอะกราฟ
บริษัทที่ผมถืออย่าพังก็แล้วกัน
คือว่า...ตัวเขาขายแล้วอยากให้ตลาดลงเยอะๆ
ก็เที่ยวได้โทรไปหาทุกคนที่รู้จักให้ช่วยกันขาย
เราไม่ขาย เขาคงรู้สึกไม่ค่อยพอใจ
(เราไม่จำเป็นต้องทำตามเขาใช่ไหมครับคุณวิบูลย์)
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 02, 2003 12:07 am
โดย Jeng
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ส่วนอีกแง่ก็คือ การให้ได้ผลตอบแทน 26% ต่อปี ในช่วงปีหลังๆนั้น ผมว่ายากพอสมควรนะครับ เนื่องจากเงินลงทุนสูงขึ้นมาก
ก็ยังคงอยากแลกเปลี่ยนกับคุณฉัตรชัย ต่อว่า
การได้ผลตอบแทน 26 % ไม่ยาก ถ้าเราเจอ DCA และเราซื้อ ในราคา book ที่ ROE ประมาณ 30 % แล้วเราไม่ขายเลย
เคล็ดลับอยู่ตรงไม่ขายกิจการดีๆออกไป แต่เคล็ดลับจริงๆคือ ROE
ก็แค่แลกเปลี่ยนนะครับ ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยกัน FCF
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 02, 2003 8:34 am
โดย chatchai
พี่เจ๋งครับ ยังไงผมก็ว่ามันยากครับ นั้นแง่ของกิจการก็เช่นกัน จากเดิมส่วนผู้ถือหุ้นยังน้อยอยู่ ตลาดยังขยายได้อีกมาก
แต่พอเวลาผ่านไป ส่วนผู้ถือหุ้นเดิมเริ่มโตขึ้นมาก ตลาดอาจจะโตไม่ทันก็ได้ครับ
อย่างเช่น SE-ED ในอดีต จำนวนร้านขายหนังสือซีเอ็ดบุ๊ค อาจจะยังน้อยอยู่ แต่เมื่อขยายจนแทบจะคลุมครบทุกพื้นที่
การขยายจำนวนร้านก็น้อยลง อัตราการเติบโตก็อาจจะถึงจุดอิ่มตัว จนต้องขยายไปยังธุรกิจใหม่ เช่น ก่อตั้งโรงเรียนขึ้น ซึ่งก็เป็นจุดเสี่ยงเพราะต่างจากธุรกิจเดิมถึงแม้จะเกี่ยวพันกับบ้างก็ตาม
ผมจึงคิดว่าผู้บริหารที่จะสามารถรักษาผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นได้สูง และมีการเติบโตของกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่องยาวนานนั้นต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถมากจริงๆครับ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
แถบบริษัทดีๆในบ้านเราก็มักจะไม่เอาเข้าตลาด แบบว่าจะรวยคนเดียวนะครับ นักลงทุนจึงมีบริษัทที่ดีให้เลือกในการลงทุนค่อนข้างน้อย
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 02, 2003 9:43 am
โดย VIB007
ปรัชญา เขียน:[
ผมเจอญาติพี่ภรรยา เมื่อไร...เขาก็จะถามว่าขายหุ้นไปหรือยัง
ตั้งแต่หุ้นราคา70บาท จนวันนี้ราคา87บาท เขากก็ยังถาม
ผมก็ยืนยันคำเดียว ว่า...ยังไม่ขาย
ไม่รู้จะไปลงทุนอะไร เขากับว่าหุ้นกินไม่ได้แต่เงินใช้ได้
ระวังมันลงนะ ผมบอกไม่เป็นไรผมรับได้ทุกสถานะการณ์
เหมือนคุณวิบูลย์ ว่า...ล่ะครับ
เขาหัวเราะเยาะเรา เราขี่รถกะบะ เขาขี่เบ๊นซ์
เรากินข้าวราดแกง อาหารตามสั่งที่ตลาดโต้รุ่ง
เขาเข้าภัตราคาร ห้องอาหารตามโรงแรม เขาไปคาราโอเกะ
แต่เรามานั่งดูคอมฯ ดูราคาปิดของหุ้นทุกเย็น อ่านข่าวตลาด
ดูโทรทัศน์อยู่บ้าน เขาใช้ชีวิตไปฟังเพลง ไปกินเที่ยว
ช่วงหุ้นขึ้นๆ เขาสดชื่นเสียงดัง
วันนี้ก็โทรมาบอกขายหุ้นได้แล้วตลาดจะลง
ผมเลยบอกไม่ขาย วันนี้ลงอีกวัน2วันก็ขึ้น
เขาว่าไม่กลัว บึ๊ม...เอเปคหรือ? ผมบอกกลัว
อ้าวแล้วกลัวทำไมไม่ขาย
ผมบอกกลัวว่าขายแล้วจะซื้อคืนไม่ได้ ไม่ได้กลัวระเบิด
เขาบอกกราฟพังหมดแล้ว ดูบ้างซิ
ผมบอกดูไม่เป็นช่างมันเถอะกราฟ
บริษัทที่ผมถืออย่าพังก็แล้วกัน
คือว่า...ตัวเขาขายแล้วอยากให้ตลาดลงเยอะๆ
ก็เที่ยวได้โทรไปหาทุกคนที่รู้จักให้ช่วยกันขาย
เราไม่ขาย เขาคงรู้สึกไม่ค่อยพอใจ
(เราไม่จำเป็นต้องทำตามเขาใช่ไหมครับคุณวิบูลย์)
พี่ปรัชญาครับ
เราไม่ต้องตามใครเลยครับ
ผมเคยตามแล้วเจ๊งทุกทีครับ
จากนั้นมาก็คิดเองทำเองรุ่งกว่าเยอะ
ปัจจุบัน ผมคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่องแล้วครับ
เมื่อวานมีเพื่อนเก่าโทรมาคุยกัน
มันถามผมว่า เป็นไงเสี่ย ยังถือหุ้น.......อยู่หรือเปล่า
ผมบอกมันว่า ยังถืออยู่
มันก็ตอบว่า ตอนนี้ราคาทรงๆนะ (แล้วก็หัวเราะ)
ผมก็บอกว่า อือ
มันถามอีกว่า จะขายหรือยัง
ผมบอก ยัง
มันถามว่า ไม่กลัวหุ้นลงเหรอ
ผมบอก ลงก็ดีจะได้ซื้อเพิ่ม
มันบอกผมว่า "มึงเป็นบ้าไปแล้ว"
ผมตอบมันในใจ "บ้า..ก็บ้าว่ะ"
มันบอกว่า ไม่มีใครถือหุ้นไว้ไม่ขายหรอก
ผมตอบว่า "ก็กูนี่แหละ"
แล้วมันก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น
ผมไม่อยากบอกมันว่า
ตัวที่ผมถืออยู่
ผมไม่ได้ทำอะไรเลย
อยู่เฉยๆ หนึ่งปี
ผมก็มีเงินเพิ่มขึ้นมา 60%
ไม่ต้องลุ้น
ไม่ต้องจ่ายโบรกเกอร์สักบาท
แถมมีปันผลอีก 6%
มากกว่าดอกเบี้นเงินฝาก 3 เท่า
ผมพอใจแล้วครับ
ผมพึ่งเข้าใจ Buffet ครับ
ที่ว่า "คนเราชอบทำเรื่องง่าย ให้เป็นเรื่องยาก"
มันเป็นเรื่องจริง
ทีหลังพี่อย่าไปคุยกับใครนะครับ
เขาจะหาว่า พี่ปรัชญาเป็นบ้าเหมือนผมไปอีกคน
ผมถือคติครับ ที่ว่า
"เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด" ครับ
ขอให้พี่ปรัชญาเป็นเศรษฐีพันล้านเร็วๆ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 02, 2003 9:51 am
โดย chatchai
สิ่งที่พี่ปรัชญาและน้อง VIB007 ประสบมาเป็นคำตอบครับว่าทำไมถึงมีคนกำไรเพียงแค่หนึ่งคนจากสิบคน และอีกคนเสมอตัวครับ
ผมว่าคนส่วนใหญ่มักจะหวังผลตอบแทนแบบง่ายๆ มักไม่สนใจค้นคว้าหาความรู้ในด้านการลงทุนอย่างแท้จริง
สมควรไหมครับที่จะสอนแนวคิดการลงทุนให้เด็กๆตั้งแต่ในโรงเรียน
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 02, 2003 10:18 am
โดย VIB007
พี่Chatchai ครับ
ผมว่าอันดับแรกที่จะต้องสอน
น่าจะเป็นคอร์สบังคับตั้งแต่ ป.1 เลย
คือเรื่อง Personal Financial Planning ครับ
คนจะได้เข้าใจเรื่องการบริหารเงินตัวเองตั้งแต่เด็กๆ
ไม่ต้องมาเป็นหนี้อีรุงตุงนังจนเกษียณ
แทนที่จะให้เงินทำงาน
กลับทำงานหาเงินมาใช้หนี้
แล้วเมื่อไหร่ จะมีเงินมาลงทุน
จัดการตัวเองได้
ค่อยมาคิดเรื่องการลงทุนครับ
เป็นความเห็นส่วนตัวผมครับ
ท่านอื่นๆคิดว่าอย่างไรบ้าง
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 02, 2003 11:18 am
โดย Jeng
วันก่อนไปตีกอร์ฟ เห็นรุ่นพี่คนหนึ่งโทรสั่งซื้อ สั่งขาย หุ้น ก็เลยถามแก ตอนนั่งพักตามซุ้ม ว่าแกซื้ออะไร แกบอก ธนะชาติ ผมถามว่า บริษัทนี้กำไรเท่าไร แกบอกว่าแกยังไม่ได้ขาย ยังไม่ได้กำไร เพื่อนบอกว่ายังไม่ให้ขาย ให้ถือไว้
ผมถามแกเล่นๆ อีกรอบแล้วตกลงบริษัทนี้ได้กำไรเท่าไร แกบอกไม่ต้องดูหรอก
ผมก็เลยเล่าให้ฟังว่า รุ่นพี่อีกคน มาเล่นหุ้นที่บ้านผมได้กำไร ไปเป็นล้านบาท แล้ว
แกบอกขายละยัง ถ้ายังไม่ขายไม่นับเป็นกำไร
อิอิ
ผมว่ารุ่นพี่คนนี้แกไม่ได้หวังร้าย แกหวังดีด้วยซ้ำ คุยให้ฟังในฐานะน้องๆ มาถาม
แต่หลักการที่แกยึดนี่ซิ เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ในประเทศเขายึดกัน คือการเก็งกำไร กินส่วนต่าง เรียกว่าเล่นหุ้น
ส่วนที่พวกเรากำลังพยายามทำคือการลงทุนในกิจการที่ดี ซึ่งถ้าไม่มีการเก็งกำไร แล้ว เราจะไม่สามารถซื้อกิจการดีๆในราคายุติธรรมได้เลย
วิบูลย์ก็อย่าไปว่าเพื่อนเลย เขาหวังดี
มีอีกเรื่อง รุ่นพี่ของพี่ชาย มาเตือนพี่ชายว่า เล่นหุ้นช่วงนี้ให้ระวัง เพราะราคาหุ้นขึ้นมาสูงมากแล้ว
พี่ชายพี่ถามแกไปว่าแกเล่นหรือเปล่า
แกตอบว่า แกไม่ได้เล่น
อิอิ ขนาดไม่ได้เล่นไม่ได้ศึกษา ยังอุตสาห์มาเตือนคนเลย เห็นมั๊ย
คนไทยนิสัยดี
เพียงแต่เราต้องหัดแยกแยะความคิดที่ดี ความคิดที่เพียงแค่หวังดี
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 02, 2003 11:42 am
โดย Mon money
มาแล้วครับสลบไปสองวันครับ งานยุ่งๆพันตัวในช่วงปลายและต้นเดือน กลับบ้านต้องทำหน้าที่คุณพ่ออีกเลยติดพัน
กลับมาที่Genneral Dynamic ที่ค้างไว้ก่อนนะครับ คือเจ้าบริษัทนี้ทำท่าจะไปไม่รอดเพราะสงครามเย็นยุติลง อาวุธที่เคยผลิตกลับลดลง ทางCEOคนใหม่ที่เข้ามารับงานก็คิดจะกระจายธุรกิจไปทำอย่างอื่นแต่พอศึกษาแล้วเห็นว่าไม่รอดแน่ แกเลยไม่เอา แทนที่จะกระจายธุรกิจแกก็ปรับโครงสร้างธุรกิจแทน โดยลดธุรกิจที่แกเห็นว่าแกทำได้ไม่ดีเท่าพรรคพวกและคิดว่าไม่มีอนาคตสำหรับบริษัทออกไป ได้เงินสดกลับมาจากการขายธุรกิจที่ว่านั้นมากเลยทีเดียว แต่ไม่รู้เอาไปทำอะไรดี จึงซื้อหุ้นคืนและจ่ายปันผลพิเศษ นักวิเคราะห์วิจารณ์ต่างๆพูดว่าแกคิดผิดไปต่างๆนาๆ แต่มีขาใหญ่คนหนึ่งคือ Warren Buffettดอดมาซื้อหุ้นนี้ไว้แล้ว โดยเหตุผลว่าCEOเป็นคนที่มีเหตุผลไม่ทำอะไรที่ตามแฟชั่นที่จะนำความเสียหายมาสู่บริษัท เห็นความสำคัญของผู้ถือหุ้นโดยให้ผลประโยชน์ทั้งหมดตกที่ผู้ถือหุ้น ถึงแม้จะเป็นบริษัทที่เขาไม่สามารถคาดเดาได้ และไม่เข้าใจธุรกิจเอาเสียเลย แต่Buffettมองเห็นว่าCEOคนนี้ดำเนินงานได้อย่างถูกทาง และตราบใดที่CEOท่านนี้ยังอยู่ก็จะถือหุ้นนี้ต่อไป
อ่านแล้วเป็นไงบ้างครับ Buffettแกมาเหนือเมฆเสมอ และไม่เคยมีสูตรสำเร็จ 1..2...3....4 อย่างที่ชาวเราเข้าใจนะครับ แกมองรอบด้านรอบตัวหาโอกาสทำเงินได้เสมอ ท่านอื่นว่าอย่างไรบ้างครับ
--------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องการซื้อขายหุ้นนี่ผมโดนกล่าวหาว่าบ้ามานานโขแล้วครับ แม้แต่พ่อผมเองยังว่าผมทำอะไรเสี่ยงๆไม่เหมือนมนุษย์มนาเขาทำกัน แต่พ่อผมพูดก็เพราะเป็นห่วงนั่นแหละครับ หวังดีแน่นอน เนื่องจากเป็นพ่อก็เลยต้องอธิบายกันหน่อยซึ่งก็ได้ผลดี ก็พ่อผมนี่ครับ ผมเป็นCopyของท่านนี่นาต้องมีอะไรคล้ายกันบ้างนั่นแหละ
เมื่อวานไปประชุมกับเถ้าแก่โรงงานใหญ่ บริหารธุรกิจมาตั้งเป็น10ปี มาถามผมว่าหุ้นบริษัทไหนดี ผมก็เลยถามว่าแกมองบริษัทไหนไว้ แล้วให้แกลองใช้ประสบการณ์ในการบริหารงานของแกพิจารณาดู ซึ่งได้ผลนะครับแกเลือกได้ตามความคิดแก ผมช่วยดูขอมูลทางการเงินให้ สุดท้ายแกถามผมว่าควรถือนานแค่ไหน ผมตอบแกว่านานจนกว่าแกจะต้องการใช้เงินหรือแกไม่แน่ใจว่ามันจะยังดีอย่างที่แกต้องการ หรือถ้ามันดีจริงๆไม่เปลี่ยนแปลงจะไปขายทำไม บริษัทที่แกบริหารเองแกยังเคี่ยวเข็นให้ลูกชายที่กำลังเรียนอยู่รับช่วงต่อเลย
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า"ใกล้เกลือกินด่าง" ครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 02, 2003 11:55 am
โดย นักดูดาว
คิดว่าจะเปิดกระทู้ใหม่ แต่เห็นกระทู้นี้ยาวดีเหมือนกับการลงทุนแบบคุณค่า ก็เลยขอต่อก็แล้วกัน
เห็นด้วยกับพี่วิบูลย์ครับ วันก่อนที่ผมซื้อหนังสือเรื่องราคาหุ้นฯ(เล่มที่ผมขอบคุณผิดคนไป) ผมเห็นหนังสือการเงินส่วนบุคคลของธรรมศาสตร์ก็เลยซื้อมาด้วย เพิ่งรู้ว่ามีการสอนวิชานี้ในมหาวิทยาลัยกันด้วย เนื้อหาก็ไม่ยากนะ หากเรียนตั้งแต่เด็กๆคงจะได้
แนวทางแห่งคุณค่า ไม่หยุดอยู่แค่การลงทุนในตลาดหุ้นนะครับ แต่ผมว่าเป็นแนวทางดำเนินชีวิตเลยล่ะ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 02, 2003 2:04 pm
โดย VIB007
ผมว่า VI มันเป็นจิตวิญญานเลยล่ะ
เราคงหลอกตัวเองว่าเป็น VI ไม่ได้หรอก
เหมือนแสร้งทำความดี
ยังไงยังงั้น
กฤษนมูรติ ที่ผมนับถือ (มุขเดิมอีกแล้ว)
ท่านกล่าวเอาไว้ว่า
"อย่าฝืนชีวิต อย่าฝืนจิตใจ ให้เป็นคนดี"
ถ้าเป็นผม ผมก็จะบอกว่า
"อย่าฝืนชีวิต อย่าฝืนจิตใจ ให้เป็น VI"
ฮิ ฮิ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 02, 2003 4:13 pm
โดย chatchai
ถ้าไม่มีนักเก็งกำไร นักลงทุนแนว VI ก็คงจะไม่ได้ซื้อหุ้นที่ดีในราคาถูกหรอก
หรือถ้าไม่มี Mr. Market Buffett ก็คงจะไม่ได้เป็นผู้ที่รวยที่สุดในโลกเป็นลำดับที่สองหรอกจริงไหมครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 02, 2003 4:37 pm
โดย VIB007
งั้นพวกเราก็ต้องขอบคุณนักเก็งกำไร อย่างที่พี่เจ๋งว่าล่ะซิ
เอ้า งั้นผมขอบคุณแทนแล้วกัน
"นักเก็งกำไรทุกท่าน.......ขอบคุณมากครับ
ที่หยิบยื่นโอกาสดีๆให้กับพวกผม ถึงตรงหน้า
ทำให้พวกผม ลืมตาอ้าปากได้
...........ขอบคุณมากครับ"
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 03, 2003 8:03 am
โดย PP
Num เขียน:>>> พี่ๆคนไหนที่เคยอ่านหนังสือ The Warren Buffett Way กับ Common Stock and Uncommon Profit แล้ว ช่วยบอกน้องๆหน่อยครับว่าอ่านยาก-ง่ายแค่ไหน <<<
ผมอ่านเล่มแรกเที่ยวเดียว และก้อลืมๆรายละเอียดส่วนใหญ่ไปแล้ว(ต้องอ่านซ้ำใหม่อีกหลายรอบ ) แต่ก็ได้หลักการสำหรับยึดไว้เป็นหลักปฎิบัติการเป็น VI พันธุ์แท้ที่ดี เขาเน้นเรื่องการวิเคราะห์เชิงปริมาณ(quantitative analysis) งบดุล กำไรขาดทุน กระแสเงินสด ฯลฯ ตามความเห็นของผม ..ผมว่าอ่านไม่ยากหรอกครับหากเราตั้งใจเจาะหาความรู้ที่เป็นสาระแก่นสารจริงๆ ซึ่งผมก็กำลังพยายาม(อย่างที่สุด)หาความรู้พื้นฐานเรื่อง quantitaitve analysis อยู่
ส่วนเล่มหลังซึ่งเขียนและเรียบเรียงโดยเจ้าตำรับเอง ซึ่งเป็นการกลั่นกรองความรู้-ประสบการณ์จากตัวผู้แต่งเองโดยตรง ผมว่าในนี้มีปรัชญาหลักการลงทุนในตลาดหุ้นอันลึกซึ้งที่มันฝั่งลึกอยู่ในจิตใต้สำนึกของ อ. Fisher ท่าน แล้วท่านพยายามถ่ายทอดออกมาเป็นตัวอักษร ทำให้อ่านแล้วต้องแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาอังกฤษแล้วถึงค่อยแปลเป็นภาษาไทยแล้วตีความเป็นภาษาไทยอีกรอบแล้วจึงจะเข้าใจปรัชญาของท่านอย่างแจ่มแจ้ง จึงทำให้อ่านยากเป็น 3 เท่าอย่างที่คุณวิบูลย์ว่านั่นแหละ แต่จริงๆแล้วหากเราอยากรู้อยากเข้าใจ อยากเป็นเจ้าของความรู้หลักการนี้แล้ว มันไม่ยากหรอกนะครับ พยายามตีความให้แตกเอา ผมอ่านไปแล้วรอบหนึ่ง แล้วกลับมาอ่านซ้ำอีก ในบท what to buy , when to buy และ when to sell ทำให้ค่อยๆเริ่มตาสว่าง(แต่ก็ยังไม่ถึงกับเห็นธรรมนะครับ เพราะยังมี โลภ โกรธหลงอยู่มาก)เห็นแนวทางการลงทุนที่เป็นสาระแก่นสารยึดถือได้ และเล่มนี้เจ้าตำรับท่านเน้นหลักการเรื่องการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ(qualitative analysis)เป็นหลัก กล่าวคือ เน้นดูลักษณะธุรกิจ สินค้า ผู้บริหาร แรงงานสัมพันธ์ ฯลฯ เป็นต้น ฉะนั้นท่านนักลงทุนผู้ใดที่ไม่ค่อยชอบเรื่อง งบดุล กำไร ขาดทุนกระแสเงินสด อัตราส่วนทางบัญชี ฯลฯ เป็นต้น ก็ต้องเร่มาทางหนังสือเล่มนี้ (ผมก็ติดใจเล่มนี้อยู่ เพราะไม่ได้เรียนหรือมีพื้นฐานทางเรื่องบัญชีเลย) จะคุ้มค่ากับการอ่านทำความเข้าใจ
ตัวอย่างเช่น ในเรื่องของ"เงินปันผล" อ.Fisher ให้เน้นลงทุนในหุ้นที่ไม่จ่ายเงินปันผล(แบบนี้ผมว่าไม่เป็นที่ถูกใจคุณฉัตรชัยเท่าไหร่นะครับ) แต่เก็บเงินกำไรสุทธิไว้เพื่อใช้สำหรับขยายกิจการหรือพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพกิจการ หรือ พัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ เพื่อทำให้เกิดการเจริญเติบในแง่ของยอดขาย และกำไร ทำให้ EPS(earning per share)เพิ่มขึ้นเรื่อยๆไม่หยุดยั้ง เสร็จเจ้าตัว EPS จะเป็นการตัวล่อให้นักลงทุน ทั้งที่เป็นกลุ่มเก็งกำไรและไม่เก็งกำไรทั้งหลาย หันแหความสนใจแห่กันมาซื้อขายหุ้นบริษัทดังกล่าว ที่สุดก้อจะทำให้มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ท่าน อ. Fisher ก็ให้ระวังพวกบริษัทที่กักอมกำไรสุทธิไว้เพื่อความสบายใจของผู้บริหาร แต่ก้อไม่ได้ทำให้เงินที่กักไว้นั้นงอกเงยแทนที่จะแบ่งปันผลบางส่วนให้กับผู้ถือหุ้น และอีกประเภท คือ บริษัทที่กักเก็บกำไรสุทธิไว้แล้วเอาไปขยายกิจการให้แลดูใหญ่โต แต่ก็ไม่ได้ทำให้ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่เป็นเรื่องเป็นราว หรือ ขาดทุนด้วยซ้ำไป ทั้งนี้ก็เพื่อว่าจะทำให้ผู้บริหารได้มีความรับผิดชอบกิจการใหญ่โตมากขึ้น จะได้เป็นข้ออ้างในการเพิ่มเงินเดือนเงินดาวของผู้บริหารเอง
ในส่วนของหนังสือเกี่ยวกับ อ. Buffet ทั้งหลายทั้งมวลที่ออกมาสู่สายตาผู้นักลงทุนทั้งหลายนั่นนะผมไม่ชอบอยู่อย่าง คือ ไม่ได้เป็นการกลั่นกรองและถ่ายทอดเป็นตัวอักษรมาจากเจ้าตำรับเองแม้แต่เล่มเดียว จะมีก็แต่เพียง จดหมายจากประธานบริษัท และ รายงานประจำปีของบริษัท Bershire Hathaway เท่านั้นเองแหละที่กลั่นกรองมาจากความรู้ประสบการณ์ของ อ. Buffet จริงๆ นอกนั้นจะเป็นการรวมรวมข้อมูลจากที่ต่างๆแล้วนำมาประติดประต่อเป็นเรื่องเป็นราวให้ผู้คนได้ศึกษา แล้วตีความกันไปในแบบต่างๆนานาๆแล้วแต่ว่าผู้ใดจะเป็นผู้แต่งเรียบเรียง ซึ่งก็ทำให้ได้หลักการระดับหนึ่ง ผมก็รอหนังสือที่จะแต่งโดย อ.Buffet เองเพื่อให้ได้แก่นแท้ของแนวทางจริงๆของท่านเอง ขณะรอก็กำลังอ่าน จดหมายและรายงานประจำปีของบริษัทท่าน(ตามที่คุณวิบูลย์เคยแนะนำไว้นั่นแหละ)ไปพลางๆก่อน
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 03, 2003 12:00 pm
โดย VIB007
ขอบคุณพี่พีพี สำหรับความคิดเห็นครับ
ทุกวันนี้ ผมก็ยังหยิบหนังสือ Common Stock มาอ่านอยู่เรื่อยๆเลยครับ
อ่านอีกรอบ ก็ได้ความรู้ใหม่ๆเสมอ
เพราะประสบการณ์เรามากขึ้น ก็เข้าใจมากขึ้น
ภาษาอ่านยากต้องแปลอังกฤษเป็นอังกฤษอย่างที่พี่ว่าหละครับ
มือใหม่ ผมแนะนำ Buffetology และ Warren Buffet Way มากกว่า
อ่านง่าน อ่านแล้วนอนหลับ สบายดี ไม่ปวดหัว
อ่านบทสัมภาษณ์ ดร.นิเวศน์
ท่าน ดร. บอกว่าท่านมีหนังสือการลงทุนเป็นร้อยเล่ม (มากกว่าผมสามเท่า)
อ่านหมดแล้วด้วย
ลองคิดว่าท่านจะมีความรู้เท่าไหร่
อย่าคิดว่าที่ท่านทำทุกวันนี้จะง่ายๆนะครับ
ช่วงลงทุนสิบปีแรกก็เก็งกำไรเหมือนกัน
แต่ไม่รุ่ง
เห็น ดร. บอกว่า ถ้าหุ้นตัวนั้นราคายังไม่ถึง "มูลค่าที่แท้จริง"
ท่านก็ไม่กลัวที่จะยังถือต่อไป
แสดงว่าท่านคำนวณ Intrinsic Value แน่นอน
ไม่ได้ดูแค่ P/E, P/B, D/Y อย่างเดียวนะครับ
ผมตามอ่านบทความ สัมภาษณ์ท่านมาตั้งนาน
ท่านก็ไม่เคยบอกว่า ค่านี้หายังไง
ที่ผมอ่านหนังสือแทบบ้าก็เพื่อหาเจ้าค่านี่แหละ
ผมก็มาบอกต่อ
ให้พวกเรามีความรู้เท่าทัน Mr.Market
ไม่ได้อวดดีหรือทวงบุญคุณอะไรนะครับ
เพียงแต่อยากบอกท่านมือใหม่หัดขับทั้งหลายว่า
มี "ความรู้เหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน" ครับ
โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆครับ
แต่ก็ไม่ยากเกินความตั้งใจของเราครับ
ส่วนผมก็ทำการทดลองของผมต่อไป
ที่ผมไม่อยากบอกหุ้นที่ผมถืออยู่ออกไป
เพราะการทดลองของผมยังไม่จบครับ
เลยสรุปผลไม่ได้
กลัวหน้าแตก หมอไม่รับเย็บ
ใครอยากได้ชื่อหุ้น ให้ไปถามท่าน ดร. เอาเองครับ
ขอบอกว่า เพื่อนผมถามมาแล้วเมื่อวานนี้.....ขอบอก
ไม่รู้ว่าเบื่อกระทู้นี้กันหรือยัง
ถ้าเบื่อก็บอกนะครับ
ผมจะได้ตั้งใจทำงานให้บริษัทซักที
อุตส่าห์จ่ายเงินเดือนให้ผม (แพงๆ)
แต่ดันมานั่งโพสเน็ต
ถ้าโดนจับได้ ซวยเลยงานนี้
พอดีเพื่อนที่นั่งข้างๆ
ก็เล่นเน็ตเหมือนกัน
เลยไม่มีใครปากโป้ง ฮิ ฮิ
ยินดีกับพี่เจ๋งด้วยนะครับ
ที่การลงทุนปีแรกผ่านไปได้สวย
ขอเป็นกำลังใจครับ
ส่วนผม ผลตอบแทนก็ไม่เยอะ
แต่ได้ประสบการณ์มากกว่า
คุ้มค่ากว่าได้เงินเป็นไหนๆ
ของอย่างนี้ต้องลองเองครับ
จะได้รู้ว่าคำว่า "ค่าโง่" สะกดยังไง
ผมก็เสียไปเยอะ
ถ้า "ฉลาด" เร็วกว่านี้หน่อย
คงจะดี ไม่ขาดทุน(กำไร)
ผมบ่นอยู่คนเดียวมานาน
อยากฟังท่านอื่นๆบ่นบ้าง
แล้วพี่ๆเพื่อนๆละครับ ผ่านไปหนึ่งปี
จนถึงวันนี้
มีอะไรดีๆมาฝากกันบ้าง
(ผมหมายถึงประสบการณ์นะครับ)
ใครที่อยากออกความเห็น แต่ไม่กล้า
ก็เชิญได้ครับ
พี่ๆน้องๆที่นี่ ไม่ดุครับ (แต่เหี้ยม)
อยากฟังพี่ๆเพื่อนๆเล่าอะไรให้ฟังหน่อย
ทั้งดี ทั้งไม่ดีก็ได้
ในเรื่องประสบการณ์ในตลาด
ที่ประทับใจในรอบปีที่ผ่านมา
พี่ครรชิต ลุงขวด เฮียคลายเครียด พี่ปรัชญา คุณมน พี่เจ๋ง คุณธันวา พี่Chatchai คุณนักดูดาว พี่ประจวบ และสมาชิกท่านอื่นๆ
(อย่าน้อยใจนะครับที่ไม่ได้เอ่ยนาม
สมาชิกเราเยอะจริงๆ
ท่านสมาชิกใหม่ๆมีความเห็นส่งมาได้เลยครับ
ไม่ต้องกลัวถูกผิด ผิดเป็นครูครับ)
ผมกำลังรอฟังอยู่ครับ
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 03, 2003 12:19 pm
โดย Mon money
เบื่อแล้วหรือคุณวิบูลย์? ผมว่ายังมีเรื่องให้คุยกันอีกมากนะ มีคนรออ่านกันมากเท่าที่ดู จำนวนคนอ่าน แต่ก็มีคนมาคุยน้อย อาจเป็นเพราะกลัว ปรกติถ้าไม่ถามให้ใบ้หวยก็ได้รับคำตอบนะ แต่เห็นตอบแล้วก็เข้าใจกันเลย ซึ่งแปลกมาก
ตอนนี้ผมได้หนังสือใหม่มาอ่านอีกสองสามเล่ม อ่านจบคงมีเรื่องคุยอีกมากครับ