หน้า 9 จากทั้งหมด 30

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 03, 2009 5:30 pm
โดย o-bo-ja-ma
อยากสอบถามพี่นริศว่า ช่วงนี้เห็นพื้นฐานของหุ้นพวกยานยนต์กำลังจะเปลี่ยนจาก การขายได้น้อยเป็นค่อย ๆ เพิ่มยอดขาย ในส่วนของ TCB ซึ่งค่อนข้างเกี่ยวกับยานยนต์โดยตรง ซึ่งหนี้น้อย และ Stock เพื่อเตรียมการผลิตก็มีมาก แต่ Spread ยังไม่สูงมากนัก พี่คิดว่า TCB จะสามารถทำกำไรกลับมาได้ปกติไหมครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 04, 2009 9:14 am
โดย naris
o-bo-ja-ma เขียน:อยากสอบถามพี่นริศว่า ช่วงนี้เห็นพื้นฐานของหุ้นพวกยานยนต์กำลังจะเปลี่ยนจาก การขายได้น้อยเป็นค่อย ๆ เพิ่มยอดขาย ในส่วนของ TCB ซึ่งค่อนข้างเกี่ยวกับยานยนต์โดยตรง ซึ่งหนี้น้อย และ Stock เพื่อเตรียมการผลิตก็มีมาก แต่ Spread ยังไม่สูงมากนัก พี่คิดว่า TCB จะสามารถทำกำไรกลับมาได้ปกติไหมครับ
ขอตอบควบกับstanlyที่น้องcycloneถามเลยนะครับ

กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ นั่นพี่ถือว่าเป็นหุ้นอยู่ในกลุ่มวัฎจักร และจากที่พี่ประสบการณ์เล่นหุ้นยังไม่นาน(5ปี) ขอบเขตที่พี่เล่นหรือลงทุนจึงไม่มีกลุ่มนี้อยู่ในพอร์ตเลย ที่ผ่านมาเลยมักจะตกรถหุ้นกลุ่มวัฎจักรอยู่เสมอๆรวมทั้งครั้งนี้ด้วย :lol:

เพราะพี่คิดว่า เรายังไม่รู้จุดตายของธุรกิจในขาลงและรูปแบบการฟื้นตัว ทำให้พี่ยอมเป็นหนูตัวที่สองสำหรับหุ้นในกลุ่มวัฎจักร ขอดูสัญญาณการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ก่อนจึงค่อยจะกลับมาซื้อ...ไม่ทันรอบนี้ แต่รอบหน้าคิดว่าไม่พลาด

สิ่งที่พี่สรุปได้สำหรับคราวหน้าว่าจะซื้อหุ้นกลุ่มวัฎจักรให้ได้ราคาถูกต้องมี
1.ความใกล้ชิดอุตสาหกรรมจริงๆ แล้วมองออกด้วยประสบการณ์ว่ามันสุดๆแล้วนะ
2.ในเมื่อข้อ1พี่ไม่สามารถทำได้ จึงสังเกตุว่าถ้าราคาหุ้นลงมามากกว่าครึ่งแล้วโวลุ่มหายไปเกือบหมด นั่นคือจังหวะที่น่าสนใจ และไปดูต่อข้อสามคือ
3.หาบริษัท ที่แข็งแกร่ง never die คิดว่าเขาไม่ขาดทุนมากๆในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และราคาลงมาเหลือPBV 0.2-0.4 เป็นช่วงที่น่าเก็บลงทุนระยะยาว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการฟื้นตัวของเขานี่ต้องวัดดวงคาดเดากับเศรษฐกิจในอนาคตพอสมควรนะครับ

เข้าคำถามทั้งTCB STANLY ทั้งสองบริษัทเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งและเป็นผู้นำของธุรกิจ ถ้าตอบง่ายๆจากคำถามที่ว่ามีโอกาสกำไรปกติจะไปที่เดิมได้หรือไม่ พี่ฟันธงเลยว่าได้แน่ แต่อาจจะต้องรออีก2-4ปีว่าเศรษฐกิจโลกจะไปในทิศทางใด ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยของงบค่อนข้างจะเจาะยากทั้งสองที่ ตอนนี้พี่เลยขอเป็นคนดูเผื่อจะรอวิกฤตในรอบหน้าจะได้เป็นคนเล่นมั่งครับ

ใครที่มีข้อมูลเด็ดๆมาสอนพี่ในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้เชิญเลยนะครับ มาแชร์ข้อมูลกัน :D

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 04, 2009 2:32 pm
โดย tanapol
กระทู้ร้อนแรงขนาดนี้...ไม่ได้แจมก็กระไรอยู่ครับ...
ขอถือโอกาสแสดงความเห็นครับ

ผมคิดว่า.............................
การเล่นหุ้นวัฎจักรนั้น...เสี่ยงมากๆครับ...
ผมคิดเองอีกว่า...การที่ซื้อพวกยานยนตร์ หรือ elec บางตัวตอนหุ้นสามสี่ร้อยจุด...แล้วได้กำไรเยอะๆๆๆๆๆในช่วงนี้...มันฟลุ๊คครับ....

เพราะอะไรนะหรอครับ...
เพราะหุ้นวัฎจักร...เราควรซื้อตอนใกล้ฟื้นหรือต่ำสุดๆแล้วยังไม่ขาดทุนครับ
เพราะซื้อตอนขาลง...ขาดทุน...ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไรฟื้น...มันอาจทำให้ bv ลงไปเรื่อยๆ จน bv ติดลบก็ได้

อย่าง sat, stanley นี่โอเคเลยครับ...ต่ำสุดๆแล้วก็ยังไม่ขาดทุน
แต่ผมก็มองว่า...คนซื้อตอนสามสี่ร้อยจุดก็ฟลุ๊คอีกนั่นแหละครับ
เพราะ.....คุณรู้ได้ไงว่าตอนนั้นมันต่ำสุดหรือเกือบฟื้น...มันอาจจะต่ำเตี้ยไปอีกสามสี่ปีก็ได้...

ที่หุ้นขึ้นช่วงนี้...เราก็รู้อยู่ว่าเพราะอะไร...เงินมันล้นโลก...และไม่รู้ไปเก็บที่ไหน
เพราะดอกก็ ไม่ถึง 1%...ไม่ใช่ว่าเศรษฐกิจฟื้นจริงซะที่ไหน...(ผมมองว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว...แต่ไม่ฟื้นจริง)

สรุป...ผมมองว่าคนซื้อ sat, stanley แล้วกำไรเยอะๆในตอนนี้...ฟลุ๊คครับ
(หมายถึงช่วงนี้นะครับ...แต่ถ้ารอไปอีกสี่ห้าปีแล้วเป็นเด้งๆ...ก็ไม่ฟลุ๊คนะ)
พี่นริศมีความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ
:P

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 04, 2009 5:54 pm
โดย o-bo-ja-ma
ขอบคุณพี่นริศมากครับ ในส่วนตัวของผมแล้วผมก็คิดว่าการซื้อหุ้นที่เป็นวัฎจักร เป็นเรื่องที่ยากในการคาดการณ์ Demand และ Supply แต่สำหรับในกลุ่มรถยนต์เท่าที่ผมสังเกตคือ การที่ไทยเป็นฐานการผลิต ไม่ว่าจะยี่ห้อไหนก็ตาม การผลิตก็ต้องเป็นพาร์ทแล้วไปประกอบกัน โดยที่โรงงานที่เป็นบริษัทลูกของบริษัทรถยนต์ถ้าไม่ใช่ชิ้นส่วนที่สำคัญผมคิดว่า โรงงานประกอบจะจ้างทำครับ เพราะฉะนั้นผมเห็นด้วยกับพี่นริศที่ว่ากลุ่มรถยนต์น่าจะกลับมา แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรครับ แต่สำหรับ TCB ผมคิดว่าเป็นธุรกิจที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน เพื่อนำไปผสมกับวัสดุอื่น ๆ เพื่อให้ได้คุณสมบัติที่เหมาะสม เพียงแต่ว่าวัตถุดิบรับเข้ามาราคาจะเข้าไปอยู่ในกลุ่มวัฎจักร ทำให้เราไม่สามารถคาดการณ์ Demand และ Supply ได้ ถึงได้ก็ค่อนข้างยาก ดังนั้นผู้ที่สนใจควรที่จะลองหาข้อมูลประกอบอื่นๆ ในการตัดสินใจผมว่าน่าจะช่วยได้ครับ :idea:

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 04, 2009 6:59 pm
โดย naris
ที่ผ่านมาคนวงในน่าจะรู้การกลับตัวของกลุ่มรถก่อนพวกเราที่อยู่วงนอกครับน้องอิ๋ว เหมือนกับหมอที่รู้ว่า โรคอะไรกำลังมาก่อนที่คนภายนอกจะรับรู้เรื่องราว เพียงแต่ช่องห่างของเวลาที่รู้ก่อนกันจะมากน้อยขึ้นกับข้อมูลของสัญญาณที่มันออกมาครับ ว่าแต่ละคนตีความอาจจะไม่เหมือนกัน

และพี่ว่ามีคนส่วนหนึ่งที่ผ่านวิกฤตมาแล้ว กล้าในสิ่งที่พวกเรายังไม่กล้า(เพราะเรายังไม่เคยผ่าน) ทำให้หลายคนพี่ว่าเขาเก่งจริงและอาจจะมีอีกหลายคนฟลุ๊คอย่างที่น้องอิ๋วว่าไว้ แต่อย่างน้อยๆ เขาเหล่านั้นที่ฟลุ๊คพี่ยังขอยกนิ้วให้กับความกล้าที่จะซื้อในตอนนั้นๆครับ

มีเพื่อนถามมาว่าแล้วทำไมไม่ศึกษาเสียหล่ะ ไอ้หุ้นวัฎจักรเนี่ย พี่เลยบอกกับเพื่อนไปว่า ที่ผ่านมายังมีธุรกิจส่วนตัวทำให้ไม่มีเวลา ขอเอาเวลาไปเจาะตัวที่ง่ายๆไม่ดีกว่าเหรอ ตอนนี้ยังไม่สามารถไปเจาะไข่แดงในจุดตายและจุดcatalystเจอ มันต้องล้วงลึกจริงๆมันถึงจะเห็น ต้องหาครูผู้รู้สอนสักวันสองวัน แล้วค่อยศึกษาเพิ่มเติมให้ถูกจุด ไม่เช่นนั้น ตายกับอยู่น่าจะพอๆกันครับ :lol:

ขอประกาศเลยว่า ใครอาสาเป็นครูให้ผมๆขอเลี้ยงโต๊ะจีนมื้อหนึ่งครับ :wink:

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 04, 2009 9:09 pm
โดย คนอุดร
ขอบคุณพี่นริศมากนะครับสำหรับความรู้ ผมมีเรื่องอยากรบกวนสั้นๆนะครับ ตามความเห็นของพี่ระหว่าง TRT กับ GLOW ถ้าเลือกลงทุนตัวสักตัวควรจะลือกตัวไหนครับ ขอคำชี้แนะด้วยนะครับ :lol:

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 04, 2009 10:11 pm
โดย ปรัชญา
แวะมาเก็บ  ความคิดสร้างสรรด้วยคนครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 12:10 am
โดย i_sarut
ขอความรู้เรื่อง กลุ่มประกันชีวิต,ประกันภัย ครับ

กลุ่มนี้ผมกำลังจะศึกษา

- การลงทุนกลุ่มนี้ต้องดูปัจจัยอะไรบ้างครับ

- BLA ที่จะ IPO น่าสนใจมั๊ยครับ เมื่อเทียบกับพระเอกของกลุ่มอย่าง SCNYL

และอุตสาหกรรมนี้พี่ naris คิดว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรบ้างครับ

เท่าที่ผมรู้ก็คือ การที่สังคมไทยจะเข้าสู่ยุคชรา

กลุ่มที่ได้ประโยชน์ก็มี รพ. , ประกัน , การบริหารเงิน , กลุ่มบริการ

- ไม่ทราบว่ามีกลุ่มไหนเพิ่มเติมอีกมั๊ยครับ  :P

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 9:28 am
โดย nanchan
tanapol เขียน: เพราะหุ้นวัฎจักร...เราควรซื้อตอนใกล้ฟื้นหรือต่ำสุดๆแล้วยังไม่ขาดทุนครับ
เพราะซื้อตอนขาลง...ขาดทุน...ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไรฟื้น...มันอาจทำให้ bv ลงไปเรื่อยๆ จน bv ติดลบก็ได้

:P
เห็นด้วยครับ
Ptlก็ไม่ขาดทุน แถมกำไรดีซะด้วย อิอิ
ธุรกิจอาหารบ้านเราก็โตดีซะด้วย packagingจะใช้เยอะไม๊เอ่ย

ไม่ว่าจะดูหุ้นทางเทคนิคเคิล หรือดูหุ้นด้วยผลประกอบการ งบดุลหรืออะไรก็แล้วแต่ ที่VIเค้าพูดถึง

หลักการง่ายๆ คือดูตัวที่มันแข็งกว่าตลาดหรือภาพรวม

มาแจมกระทู้คุณนริศหน่อย

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 9:40 am
โดย nanchan
ต่ออีกนิด จริงๆผมว่าธุรกิจยานยนต์นะ ฟื้นยากสุด
อันนี้หมายถึงพวกรับจ้างผลิตนะ จะเอาแบบว่าให้โตสุดโต่งคงเป็นไปได้ยาก

ไมนะเหรอ
1.เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวเมื่อไร ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะฟื้นตัวตามเร็ว
ทำให้เกิดภาระต้นทุนกับบริษัท ขายได้เยอะ กำไรเท่าเดิมหรือยังน้อยลง
2.การลงทุนสูง มาร์จิ้นต่ำ
3.รถเป็นภาระที่สูง สำหรับประเทศพัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะภาษี ที่จอดรถ
และประเทศพัฒนาแล้ว ก็มีการคมนาคมที่สดวกกว่า การซื้อรถจึงมีความจำเป็นน้อย

แต่ถ้าบ้านเรามีบริษัทอย่างโตโยต้า หรือฮอนด้า ผมว่าน่าสนใจพอควรเลยนะ
เพราะยังไง คนใช้รถก็ต้องเปลี่ยน เมื่อถึงเวลา

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 10:45 am
โดย Tao_PK
tanapol
 สรุป...ผมมองว่าคนซื้อ sat, stanley แล้วกำไรเยอะๆในตอนนี้...ฟลุ๊คครับ
 
คิดว่าจริงๆแล้วไม่ได้ฟลุ๊คทั้งหมดหรอก อย่างที่คุณ naris พูดว่าคนในย่อมทราบก่อน อาจจะไม่ใช่ในรูปของคำสั่งซื้อซะทีเดียว แต่อาจจะเป็นนโยบายภายในให้สอดคล้องกับบริษัทรถยนต์ที่เป็นลูกค้า เช่น โมเดลใหม่ ที่เคยหยุดdevelop ก็อาจเริ่มมีแผนขยับอีกครับ เป็นต้น บางครั้งผมก็อาจจะดูจากราคาหุ้นปรับตัวเกินพื้นฐานรึป่าว แล้วก็อย่างstanly ก้เคยผ่านบททดสอบนี้มาแล้ว รอแค่ฟื้นเร็วฟื้นช้าแค่นั้น  ตอนแรกก้กะจะเก็บแค่ stanly แต่เจอ sat ต่ำเลยรักพี่เสียดายน้องเก็บเลยทั้งคู่ (อันนี้อาจจะฟลุ๊คก้ได้ เสียอย่างเดียวซื้อน้อยไปหน่อย :D )

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 11:02 am
โดย nam
naris เขียน: มีเพื่อนถามมาว่าแล้วทำไมไม่ศึกษาเสียหล่ะ ไอ้หุ้นวัฎจักรเนี่ย พี่เลยบอกกับเพื่อนไปว่า ที่ผ่านมายังมีธุรกิจส่วนตัวทำให้ไม่มีเวลา ขอเอาเวลาไปเจาะตัวที่ง่ายๆไม่ดีกว่าเหรอ ตอนนี้ยังไม่สามารถไปเจาะไข่แดงในจุดตายและจุดcatalystเจอ มันต้องล้วงลึกจริงๆมันถึงจะเห็น ต้องหาครูผู้รู้สอนสักวันสองวัน แล้วค่อยศึกษาเพิ่มเติมให้ถูกจุด ไม่เช่นนั้น ตายกับอยู่น่าจะพอๆกันครับ :lol:

ขอประกาศเลยว่า ใครอาสาเป็นครูให้ผมๆขอเลี้ยงโต๊ะจีนมื้อหนึ่งครับ :wink:
ผมขอแถมโต๊ะลาวให้อีกโต๊ะด้วยครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 12:08 pm
โดย miracle
i_sarut เขียน:ขอความรู้เรื่อง กลุ่มประกันชีวิต,ประกันภัย ครับ

กลุ่มนี้ผมกำลังจะศึกษา

- การลงทุนกลุ่มนี้ต้องดูปัจจัยอะไรบ้างครับ

- BLA ที่จะ IPO น่าสนใจมั๊ยครับ เมื่อเทียบกับพระเอกของกลุ่มอย่าง SCNYL

และอุตสาหกรรมนี้พี่ naris คิดว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรบ้างครับ
ผมมาตอบแทนพี่ naris ว่าถ้าพี่ i_sarut สนใจก็ซื้อไ้ด้ครับ
ผมบอกในงานจิบเบียร์แล้วว่า รักพี่เสียดายน้อง เพราะ SCNYL กับ BLA มีส่วนแบ่งการตลาดใกล้เคียงกันมากๆ
ในกลุ่มประกันชีวิตนี้ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์  มีแค่ SCNYL ตัวเดียวเอง
มี BLA เพิ่มขึ้นมา แล้วส่วนแบ่งการตลาดใกล้เคียงกันถือว่า มีตัวเปรียบเทียบ

BLA ได้ดีที่ เพิ่ง IPO ทำให้มีสภาพคล่อง
ส่วน SCNYL ใครที่ต้องการนั้นหาสภาพคล่องแทบไม่มี (เริ่มมีในช่วงระยะหลัง)

ผมมองว่า SCNYL แก้ไขปัญหาเรื่องสภาพคล่องได้ มีแนวทางเลือกไม่มาก
(อันนี้คุยกันเล่นในงานจิบเบียร์)
1. แจกหุ้นปันผล
2. แจก warrent ให้แปลง
แต่ยังอีกนานเพราะ ตลาด(ห)ลักทรัพย์แห่งประเทศไทยย้ายเวลาในการแก้ไขเรื่องนี้ อีกสองปีข้างหน้าถึงรู้ว่า บริษัทแก้ไขอย่างไง
แต่ถ้าให้ดี น่าเอาไปถามในที่ประชุมของ SCNYL ล่ะ
:)

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 6:58 pm
โดย naris
คนอุดร เขียน:ขอบคุณพี่นริศมากนะครับสำหรับความรู้ ผมมีเรื่องอยากรบกวนสั้นๆนะครับ ตามความเห็นของพี่ระหว่าง TRT กับ GLOW ถ้าเลือกลงทุนตัวสักตัวควรจะลือกตัวไหนครับ ขอคำชี้แนะด้วยนะครับ :lol:
เทียบข้ามกลุ่มนี่ค่อนข้างตัดสินใจยากนะครับ แต่ขอเสนอมุมมองของพี่แล้วกัน ก่อนอื่นมาว่าจุดอ่อนจุดแข็งของทั้งสองตัวกันก่อนนะครับ

TRT เขาเป็นผู้ผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าอันดับต้นๆของประเทศ สามารถผลิตหม้อแปลงกำลังขนาด300MVAได้หนึ่งในสองรายของประเทศ มีสัดส่วนการส่งออกประมาณ40%และขายงานรัฐประมาณ40% มีต้นทุนวัตถุดิบหลักมาจากสองตัวหลักๆคือเหล็กซิลิคอน36% และลวดทองแดง27% มีกำไรขั้นต้นสองปีที่ผ่านมากราวๆ27-28% กำไรสุทธิอยู่ที่10-11% ส่วนทุนค่อนข้างแข็งแกร่งสามารถชำระหนี้เงินกู้จากกำไรได้ภายใน2ปี(ถ้าต้องการ) จุดแข็งของเขาคือ เขาสามารถสร้างโนวฮาวของตนเองในการสร้างหม้อแปลงกำลังทำให้GPM NPM ขึ้นมาอยู่ในระดับสูง(แต่จะให้สูงกว่านี้คงยากกว่าโอกาสลง) แต่ด้วยฐานที่เขากระจายรายได้ไม่พึ่งพากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากเกินไป ทำให้เขามีโอกาสเลือกงานส่งผลให้GPM NPM อาจจะยืนอยู่ในระดับนี้ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความเสี่ยงที่GPMลดลงมากๆในอดีตเกิดจาก ราคาวัตถุดิบทั้งเหล็กซิลิคอนและทองแดงมีการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้GPMอาจลดลงได้เช่นกัน
ถ้าในมุมมองของพี่คิดว่า ด้วยศักยภาพในตัวของเขาเอง เขาน่าจะโตได้เรื่อยๆจากในตัวอุตสาหกรรมไฟฟ้าเองและด้วยศักยภาพในราคาที่เขาส่งออกถูกกว่าคู่แข่ง ราคาณ.ตอนนี้อยู่ที่5.9มีpeราวๆ4.3เท่า แต่ข้อสังเกตุที่ควรระวังคือมีวอแรนที่จะแปลงภายในสองปีนี้อีก33% ถ้าเอาPEที่รวมwแล้วจะมีPE5.7เท่า
ส่วนGLOW เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าที่มีแผนการชัดเจนในการสร้างโรงไฟฟ้า ถ้าตามข่าวที่เขาให้มา จะมีรายได้โตขึ้นราวๆ60%อีก3ปี และสัญญาโรงงานใหม่ที่ทำน่าจะมีโอกาสคล้ายๆของCKคือ รายได้จะสูงตั้งแต่แรกๆ ไม่เป็นระฆังคว่ำเหมือนสัญญาในอดีต NPMในปัจจุบันพี่ว่าก็เหมาะสม น่าจะรักษษได้ในระยะยาว ยิ่งโดยเฉพาะโรงใหม่จะใช้ถ่านหินเป็นวัตถุดิบ พี่จึงคิดว่าNPMจึงไม่น่าจะลดลง ถ้าหุ้นตัวนี้มีPEที่10เท่าคงตัดสินใจง่ายขึ้น แต่ตอนนี้ที่ราคา31.25จะมีPEอยู่ที่13.5เท่า และจะเหลือPEราวๆ7เท่าเมื่อปี55 ราคาตอนนี้ก็กลางๆครับ

สรุป ถ้าน้องชอบหุ้นเกรดBราคาย่อมเยาว์ แต่อาจจะเจอความเสี่ยงบ้าง แต่อัพไซด์ก็สูง ก็เลือกTRT แต่ถ้าชอบช้าแต่ชัวร์ กำไรแน่นอน ได้มากน้อยอีกเรื่อง(ต้องดูตลาด)ก็เลือกGLOWครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 7:29 pm
โดย naris
[quote="i_sarut"]ขอความรู้เรื่อง กลุ่มประกันชีวิต,ประกันภัย ครับ

กลุ่มนี้ผมกำลังจะศึกษา

- การลงทุนกลุ่มนี้ต้องดูปัจจัยอะไรบ้างครับ

- BLA ที่จะ IPO น่าสนใจมั๊ยครับ เมื่อเทียบกับพระเอกของกลุ่มอย่าง SCNYL

และอุตสาหกรรมนี้พี่ naris คิดว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรบ้างครับ

เท่าที่ผมรู้ก็คือ การที่สังคมไทยจะเข้าสู่ยุคชรา

กลุ่มที่ได้ประโยชน์ก็มี รพ. , ประกัน , การบริหารเงิน , กลุ่มบริการ

- ไม่ทราบว่ามีกลุ่มไหนเพิ่มเติมอีกมั๊ยครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 7:44 pm
โดย i_sarut
ขอบคุณมากครับ พี่ miracle และ พี่ naris  :P

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 8:51 pm
โดย คนอุดร
ขอบคุณมากครับพี่  :lol:

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 12:06 am
โดย miracle
[quote="naris"][quote="i_sarut"]ขอความรู้เรื่อง กลุ่มประกันชีวิต,ประกันภัย ครับ

กลุ่มนี้ผมกำลังจะศึกษา

- การลงทุนกลุ่มนี้ต้องดูปัจจัยอะไรบ้างครับ

- BLA ที่จะ IPO น่าสนใจมั๊ยครับ เมื่อเทียบกับพระเอกของกลุ่มอย่าง SCNYL

และอุตสาหกรรมนี้พี่ naris คิดว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรบ้างครับ

เท่าที่ผมรู้ก็คือ การที่สังคมไทยจะเข้าสู่ยุคชรา

กลุ่มที่ได้ประโยชน์ก็มี รพ. , ประกัน , การบริหารเงิน , กลุ่มบริการ

- ไม่ทราบว่ามีกลุ่มไหนเพิ่มเติมอีกมั๊ยครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 11:54 pm
โดย vi_tal signs
พี่นริศ  คิดยังไงกับ BGT  บ้างเอ่ย

เรื่อง model ธุรกิจ   พอไปไหวไหมครับ

เรื่อง brand  ของตัว BGT เอง  รวมถึงการนำ  PM  เข้ามาด้วย ???

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 11:31 am
โดย naris
ถ้าพูดถึงเมืองไทยและไทยประกันชีวิต กับbla scnyl แน่นอนต้องดูราคาเปรียบเทียบ และ ขอเห็นงบทั้งสองที่ก่อนตัดสินใจครับ พี่มิ.

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 11:36 am
โดย naris
[quote="vi_tal

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 11:40 am
โดย investment biker
จัดให้ครับ

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด

THE MUANG THAILIFE ASSURANCE COMPANY LTD.


ปีงบการเงิน
31 ธันวาคม 2551
 31 ธันวาคม 2550
 31 ธันวาคม 2549
 31 ธันวาคม 2548
 31 ธันวาคม 2547
 
รายได้จากการขายและบริการ สุทธิ   17,061,167,757.00  13,586,693,648.00  9,922,393,319.00  8,127,584,870.00  7,187,276,861.00
รายได้รวม   19,723,469,524.00  16,237,559,851.00  11,690,729,392.00  10,224,281,595.00  8,650,718,558.00
ต้นทุนขาย และ/หรือบริการ   16,147,800,205.00  13,123,417,434.00  9,289,014,347.00  8,007,019,179.00  7,014,779,602.00
กำไร(ขาดทุน)ขั้นต้น   913,367,552.00  463,276,214.00  633,378,972.00  120,565,691.00  172,497,259.00
รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน   1,631,843,148.00  1,334,257,110.00  1,117,039,803.00  1,206,286,662.00  979,797,892.00
กำไร(ขาดทุน)จากการดำเนินงาน   -718,475,596.00  -870,980,896.00  -483,660,831.00  -1,085,720,971.00  -807,300,633.00
รวมรายได้อื่น   2,662,301,767.00  2,650,866,203.00  1,768,336,073.00  2,096,696,725.00  1,463,441,697.00
ค่าใช้จ่ายอื่น   -48,423,322.00  38,162,672.00  53,167,591.00  N.A.  N.A.
กำไร (ขาดทุน) ก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย   1,992,249,493.00  1,741,722,635.00  1,231,507,651.00  1,010,975,754.00  656,141,064.00
กำไร (ขาดทุน) ก่อนดอกเบี้ยและภาษีเงินได้   1,992,249,493.00  1,741,722,635.00  1,231,507,651.00  1,010,975,754.00  656,141,064.00
ภาษีเงินได้   700,761,908.00  650,498,477.00  407,331,620.00  363,010,384.00  194,688,333.00
กำไร(ขาดทุน) สุทธิ   1,291,487,585.00  1,091,224,158.00  824,176,031.00  647,965,370.00  461,452,731.00
กำไร (ขาดทุน) ต่อหุ้น   2,694.89  N.A.  N.A.  1,748.43  1,688.19
จำนวนหุ้นสามัญถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก   479,235.00  N.A.  N.A.  370,598.00  273,342.00


ปีงบการเงิน
31 ธันวาคม 2551
 31 ธันวาคม 2550
 31 ธันวาคม 2549
 31 ธันวาคม 2548
 31 ธันวาคม 2547
 
สินทรัพย์                
เงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน   978,666,513.00  858,216,771.00  548,937,271.00  540,889,588.00  500,559,300.00
ลูกหนี้การค้า   4,163,625,327.00  3,628,441,411.00  3,387,921,579.00  3,554,389,007.00  3,623,114,065.00
ลูกหนี้และตั๋วเงินรับทางการค้า สุทธิ   4,054,280,632.00  3,579,924,708.00  3,294,018,360.00  3,350,952,925.00  3,496,382,807.00
รวมสินทรัพย์หมุนเวียน   ไม่แสดง  ไม่แสดง  ไม่แสดง  ไม่แสดง  ไม่แสดง
ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ สุทธิ   1,194,496,373.00  919,015,563.00  963,682,703.00  938,652,166.00  945,628,757.00
รวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน   ไม่แสดง  ไม่แสดง  ไม่แสดง  ไม่แสดง  ไม่แสดง
รวมสินทรัพย์   57,328,465,273.00  47,606,048,785.00  38,005,972,060.00  32,639,261,270.00  27,467,448,709.00
หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น                
หนี้สิน                
รวมหนี้สิน   51,528,542,190.00  41,522,662,552.00  33,377,261,051.00  28,522,792,019.00  24,024,471,505.00
ส่วนของผู้ถือหุ้น                
ทุนจดทะเบียน   100,000,000.00  37,059,800.00  37,059,800.00  37,059,800.00  37,059,800.00
ทุนที่ออกและชำระแล้ว หุ้นสามัญ   100,000,000.00  37,059,800.00  37,059,800.00  37,059,800.00  37,059,800.00
กำไร (ขาดทุน)สะสม   4,414,236,615.00  3,396,991,550.00  2,435,476,692.00  1,722,480,061.00  1,111,574,491.00
รวมส่วนของผู้ถือหุ้น   5,799,923,083.00  6,083,386,233.00  4,628,711,009.00  4,116,469,251.00  3,442,977,204.00
รวมหนิ้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น   57,328,465,273.00  47,606,048,785.00  38,005,972,060.00  32,639,261,270.00  27,467,448,709.00

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 11:43 am
โดย investment biker
บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด

THAI LIFE INSURANCE CO.,LTD.



ปีงบการเงิน
31 ธันวาคม 2550
 31 ธันวาคม 2549
 31 ธันวาคม 2548
 31 ธันวาคม 2547
 31 ธันวาคม 2546
 
รายได้จากการขายและบริการ สุทธิ   30,638,760,349.25  24,476,486,603.06  25,781,644,327.73  22,646,099,186.38  22,597,685,664.52
รายได้รวม   36,474,487,676.98  29,211,995,325.50  30,160,326,882.61  26,481,778,436.63  25,647,515,757.30
ต้นทุนขาย และ/หรือบริการ   31,063,721,656.16  24,884,169,575.56  24,727,574,211.93  21,398,352,965.23  21,324,796,606.43
กำไร(ขาดทุน)ขั้นต้น   -424,961,306.91  -407,682,972.50  1,054,070,115.80  1,247,746,221.15  1,272,889,058.09
รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน   3,064,127,830.76  2,738,743,647.87  2,603,633,699.52  2,248,787,786.39  2,106,018,730.34
กำไร(ขาดทุน)จากการดำเนินงาน   -3,489,089,137.67  -3,146,426,620.37  -1,549,563,583.72  -1,001,041,565.24  -833,129,672.25
รวมรายได้อื่น   5,835,727,327.73  4,735,508,722.44  4,378,682,554.88  3,835,679,250.25  3,049,830,092.78
ค่าใช้จ่ายอื่น   6,821,581.25  2,932,492.93  2,618,140.81  681,910.31  893,233.02
กำไร (ขาดทุน) ก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย   2,339,816,608.81  1,586,149,609.14  2,826,500,830.35  2,833,955,774.70  2,215,807,187.51
กำไร (ขาดทุน) ก่อนดอกเบี้ยและภาษีเงินได้   2,339,816,608.81  1,586,149,609.14  2,826,500,830.35  2,833,955,774.70  2,215,807,187.51
ภาษีเงินได้   693,574,361.46  482,500,383.19  880,034,005.39  837,062,718.19  723,934,780.27
กำไร(ขาดทุน) สุทธิ   1,646,242,247.35  1,103,649,225.95  1,946,466,824.96  1,996,893,056.51  1,491,872,407.24
กำไร (ขาดทุน) ต่อหุ้น   N.A.  N.A.  N.A.  N.A.  298.37
จำนวนหุ้นสามัญถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก   N.A.  N.A.  N.A.  N.A.  5,000,000.00



ปีงบการเงิน
31 ธันวาคม 2550
 31 ธันวาคม 2549
 31 ธันวาคม 2548
 31 ธันวาคม 2547
 31 ธันวาคม 2546
 
สินทรัพย์                
เงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน   6,321,466,909.34  7,952,652,395.98  7,190,651,210.36  7,133,252,850.15  10,977,690,782.59
ลูกหนี้การค้า   15,434,642,308.17  14,991,713,409.68  14,182,586,369.65  13,376,101,923.37  13,442,641,997.73
ลูกหนี้และตั๋วเงินรับทางการค้า สุทธิ   15,215,699,843.67  14,762,143,820.18  13,972,657,495.65  13,286,144,507.37  13,352,499,865.73
รวมสินทรัพย์หมุนเวียน   ไม่แสดง  ไม่แสดง  ไม่แสดง  ไม่แสดง  ไม่แสดง
ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ สุทธิ   2,271,806,992.33  2,319,008,310.26  2,296,246,722.84  2,128,495,209.01  2,080,598,842.50
รวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน   ไม่แสดง  ไม่แสดง  ไม่แสดง  ไม่แสดง  ไม่แสดง
รวมสินทรัพย์   124,385,601,791.57  110,873,390,068.79  102,985,715,305.33  90,783,925,243.43  82,068,508,616.42
หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น                
หนี้สิน                
เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน   N.A.  N.A.  37,031,528.62  20,167,302.69  28,533,408.49
รวมหนี้สินหมุนเวียน   ไม่แสดง  ไม่แสดง  ไม่แสดง  ไม่แสดง  ไม่แสดง
รวมหนี้สิน   113,962,128,935.40  101,694,415,798.88  94,269,688,738.21  84,193,277,705.40  76,437,824,197.97
ส่วนของผู้ถือหุ้น                
ทุนจดทะเบียน   500,000,000.00  500,000,000.00  500,000,000.00  500,000,000.00  500,000,000.00
ทุนที่ออกและชำระแล้ว หุ้นสามัญ   500,000,000.00  500,000,000.00  500,000,000.00  500,000,000.00  500,000,000.00
กำไร (ขาดทุน)สะสม   10,457,335,886.34  8,871,093,638.99  7,827,444,413.04  5,905,977,588.08  3,934,084,531.57
รวมส่วนของผู้ถือหุ้น   10,423,472,856.17  9,178,974,269.91  8,716,026,567.12  6,590,647,538.03  5,630,684,418.45
รวมหนิ้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น   124,385,601,791.57  110,873,390,068.79  102,985,715,305.33  90,783,925,243.43  82,068,508,616.42

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 12:02 pm
โดย GeneraX
[quote="naris"][quote="vi_tal

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 12:31 pm
โดย naris
[quote="GeneraX"][quote="naris"][quote="vi_tal

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 11:13 pm
โดย อินทรีย์ทองแดง
อ่านสนุกมากเลยครับ  วิถีแห่งเซียนกระบี่  นึกไม่ถึงเลยครับว่าพี่จบพืชสวน  หากไม่บอกคงคิดว่าจบสาขาการเงินเป็นแน่แท้    ชื่นชมครับในการมองการณ์ไกลและความอุตสาหะ  ขนาดว่ามีครอบครัวและธุรกิจที่ต้องดูแลพี่ยังมาได้ไกลขนาดนี้  ยกนิ้วให้เลยครับ :cool:

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 08, 2009 9:46 am
โดย naris
ขอบคุณครับพี่อินทรีย์ทองแดง ที่เข้ามาแวะทักทายกัน
ความรู้พี่เยอะแยะมากมาย คายออกมาให้น้องนุ่งบ้างก็ดีนะครับ :)

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 08, 2009 10:12 am
โดย naris
เมื่อวานคุยกับเพื่อนสนิท ที่คบกันมาตั้งแต่เรียนมหาลัย เพิ่งจะมาเล่นหุ้นได้ไม่นาน ไอ้เพื่อนคนนี้ของผมเขาบอกว่า มันเสี่ยงเกินไปที่เอาเราไปค้ำประกันกับหุ้นตัวนั้นๆ โดยการบอกการคำนวนเป็นราคาและตัวเลข(เหมือนผมคำนวนผลกำไรหุ้นบางตัวในqหน้า หรือ ปีหน้าออกมาให้ดู)ถึงแม้นเราจะบริสุทธิใจ และถึงแม้นเราจะไม่คิดอะไร แต่บางครั้งก็มีเจ้ามือรายอื่นคอยมาอ่านบทความของเราและมากระทำต่อหุ้นตัวนั้นๆ อาจทำให้มีคนเจ็บตัวที่ต้องไปซื้อหุ้นตัวนั้นในราคาที่สูงเกินไปก่อน หรือเราอาจจะกลายเป็นจำเลยของสังคมโดยไม่เจตนา

เพื่อนผมได้แนะนำว่า ผมควรบอกแนวคิดในการศึกษาตัวนั้น(ในมุมมองของผม)มากกว่าไปฟันธงและคำนวณในสิ่งที่ผมคำนวณเวลาซื้อจริงๆออกมาให้ดู

ก็เลยเอามาเล่าสู่กันฟังครับ ว่าจะพยายามบอกในแบบที่ผมคิด มุมที่ผมมอง แต่ไม่พยายามเจาะลึกในรายละเอียดหุ้นมากเกินไป

จึงเรียนมาเพื่อทราบ :lol:

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 08, 2009 11:20 am
โดย investment biker
[quote="อินทรีย์ทองแดง"]อ่านสนุกมากเลยครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 08, 2009 11:43 am
โดย woody
naris เขียน:ถ้าพูดถึงเมืองไทยและไทยประกันชีวิต กับbla scnyl แน่นอนต้องดูราคาเปรียบเทียบ และ ขอเห็นงบทั้งสองที่ก่อนตัดสินใจครับ พี่มิ.
เคยได้คุยกับคนในวงการ เค้าว่าไทยประกันชีวิตตอนนี้เหนื่อยนิดนึงนะครับ ดันไปเน้นพวก single premium ได้ยอดจริง แต่ว่าคงไม่ใช่เป็นเบี้ยที่จะเก็บกินได้เรือยๆ