VI หาดใหญ่
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1951
เอ ผมกลับเฉยๆ ครับ
สงสัยตายด้านไปแระ
สงสัยตายด้านไปแระ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1953
ปัจจุบัน ไม่ได้มีเกณฑ์ ตายตัวครับ
ถือตามความสบายใจ ซึ่งก็หาหุ้นถูกใจยาก ก็เลยถือสูงสุดประมาณ 50% ต่อตัว ครับ
เมื่อก่อนเคยถือ 90% (มั่นใจมาก ช่วงน้ำท่วม)
Subprime มาไม่ทัน
แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ท่ามกลางสงคราม
หุ้นลงรอบปี 2013 ดูเหมือนเพื่อนๆ ยังเล่นหุ้นไม่เยอะ
หุ้นลงปีนี้หน้า Facebook เต็มไปด้วยรูปเดียวกัน (ติดลบ 6x)
หรือว่าเราเริ่มมีเพื่อนนักลงทุน ในสัดส่วนที่มากกว่าปี 2013 ก็เป็นได้...
ถือตามความสบายใจ ซึ่งก็หาหุ้นถูกใจยาก ก็เลยถือสูงสุดประมาณ 50% ต่อตัว ครับ
เมื่อก่อนเคยถือ 90% (มั่นใจมาก ช่วงน้ำท่วม)
Subprime มาไม่ทัน
แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ท่ามกลางสงคราม
หุ้นลงรอบปี 2013 ดูเหมือนเพื่อนๆ ยังเล่นหุ้นไม่เยอะ
หุ้นลงปีนี้หน้า Facebook เต็มไปด้วยรูปเดียวกัน (ติดลบ 6x)
หรือว่าเราเริ่มมีเพื่อนนักลงทุน ในสัดส่วนที่มากกว่าปี 2013 ก็เป็นได้...
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1954
ตลาดแดงเถือก ไหลไปเรื่อย ไม่เกรงใจ รมต.ใหม่ แบบคุณสมคิดเล๊ยยยยย
อยากให้ TOG ออกสินค้าตัวนี้จัง
หรือจะให้ JCT ออกตัวนี้ก็น่าจะขายดี ว่าแล้วก็ขอคนใจดี พอจะแบ่งปันมีตติ้งหาดใหญ่ พี่โจ และพี่คนอื่นๆ ท่านว่าไงบ้าง มีหลายคนรอฟังแน่ๆอ่ะ
อยากให้ TOG ออกสินค้าตัวนี้จัง
หรือจะให้ JCT ออกตัวนี้ก็น่าจะขายดี ว่าแล้วก็ขอคนใจดี พอจะแบ่งปันมีตติ้งหาดใหญ่ พี่โจ และพี่คนอื่นๆ ท่านว่าไงบ้าง มีหลายคนรอฟังแน่ๆอ่ะ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 1217
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1956
ช่วงนี้เป็นช่วงงานหนักอีกช่วงนะครับ เพราะหุ้นยิ่งผันผวนมากเท่าไร ก็ทำให้เราต้องประเมินมูลค่าหุ้นที่เรา list ไว้ทุกๆวัน และเตรียมพร้อมการปรับพอร์ตเพื่อไปสู่ mos ที่มากกว่านะครับ สำหรับคนที่กำลังปรับพอร์ต ห้ามลืมดูอนาคตของผลประกอบการด้วยนะครับ ว่าถ้าเงินเฟ้อทั่วโลกติดลบ ราคาสินค้าส่วนใหญ่ลดลง หุ้นที่เราจะซื้อรายได้ลดลงหรือไม่ ถ้ากำไรเพราะต้นทุนลดลงทำให้กำไรสต๊อก อันนี้ต้องระวังนะครับ สำหรับผมพยายามหาหุ้นที่รายได้ต้องเพิ่มขึ้นในระยะเป็นหลักก่อน เพื่อความปลอดภัยเป็นหลักนะครับ (แล้วมันก็จะผ่านไปนะครับ)
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1957
มีความเห็นยังไงบ้างครับ กับ
1.ถ้าตลาดหุ้นตกหนักๆ แล้วลากยาว แบบช่วงแฮมเบอเก้อ ไครซิส, หรือต้มยำกุ้ง คือลากยาวต่ำเป็นปีๆ ให้ลองไปถือหุ้น defensive stock เช่นพวกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือหุ้นปันผลดีๆ เพื่อให้มีกระสุนเหลือพร้อมซื้อหุ้นที่จะวิ่ง หลังจากตลาดกลับตัวได้
2.ตามสถิติ ถ้าตลาดตกหนัก (ถ้าสายเทคนิคก็หลุดโลว์เดิม, กราฟmonthฟ้อง) ให้ขายเอาเงินสดออกมาบ้าง(ไม่จำเป็นต้องขายยกพอร์ต) เพราะตอนตลาดตกหนัก จะมีหุ้นแค่5%ที่ยังยืนได้, แทนที่เราจะสู้กับมัน หรือหา5%นั้นๆ ก็รักษาเงินสด เหลือกระสุนไว้ซื้อตอนหลังดีกว่า
(เออ...ทำไมผมไม่ฝากคำถามนี้ให้พี่ๆจากหาดใหญ่นะ -"- )
ใครมาช่วยตอบ ผมจะจำไว้ฮ่ะ ถ้าเจอหน้าจะเลี้ยงข้าว, ถ้าไม่ได้เจอหน้าก็จะฝากหุ้นไปให้คับ (แบบว่า...วีไอไม้1 ส่งต่อให้วีไอไม้2)
1.ถ้าตลาดหุ้นตกหนักๆ แล้วลากยาว แบบช่วงแฮมเบอเก้อ ไครซิส, หรือต้มยำกุ้ง คือลากยาวต่ำเป็นปีๆ ให้ลองไปถือหุ้น defensive stock เช่นพวกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือหุ้นปันผลดีๆ เพื่อให้มีกระสุนเหลือพร้อมซื้อหุ้นที่จะวิ่ง หลังจากตลาดกลับตัวได้
2.ตามสถิติ ถ้าตลาดตกหนัก (ถ้าสายเทคนิคก็หลุดโลว์เดิม, กราฟmonthฟ้อง) ให้ขายเอาเงินสดออกมาบ้าง(ไม่จำเป็นต้องขายยกพอร์ต) เพราะตอนตลาดตกหนัก จะมีหุ้นแค่5%ที่ยังยืนได้, แทนที่เราจะสู้กับมัน หรือหา5%นั้นๆ ก็รักษาเงินสด เหลือกระสุนไว้ซื้อตอนหลังดีกว่า
(เออ...ทำไมผมไม่ฝากคำถามนี้ให้พี่ๆจากหาดใหญ่นะ -"- )
ใครมาช่วยตอบ ผมจะจำไว้ฮ่ะ ถ้าเจอหน้าจะเลี้ยงข้าว, ถ้าไม่ได้เจอหน้าก็จะฝากหุ้นไปให้คับ (แบบว่า...วีไอไม้1 ส่งต่อให้วีไอไม้2)
You only live once, but if you do it right, once is enough.
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1958
ตอบคุณโรมครับ ผิดถูกไม่รับรองผลนะ
1 ช่วงหน้าหมีเหมาะกับการปรับพอร์ตครับ แต่ก็แล้วแต่สไตล์ครับ หุ้นแข็งแกร่ง ในความเห็นผมน่าสนใจกว่าหุ้น defensive ครับ ส่วนโกรทสต๊อกคงง่อยกันหมด แต่ถ้าเน้นไปก่อนมาก่อน แบงค์ก็เป็นอีกทางเลือกนึงครับ
2 ยังไงเสีย การฟื้นตัวต้องเป็น V Shape ครับ
ปล. หุ้นมะต้องนะ ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
1 ช่วงหน้าหมีเหมาะกับการปรับพอร์ตครับ แต่ก็แล้วแต่สไตล์ครับ หุ้นแข็งแกร่ง ในความเห็นผมน่าสนใจกว่าหุ้น defensive ครับ ส่วนโกรทสต๊อกคงง่อยกันหมด แต่ถ้าเน้นไปก่อนมาก่อน แบงค์ก็เป็นอีกทางเลือกนึงครับ
2 ยังไงเสีย การฟื้นตัวต้องเป็น V Shape ครับ
ปล. หุ้นมะต้องนะ ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1959
ขอตอบมั่ง
1. การลงของตลาดหุ้นในทางหลักการ มี 2 ลักษณะ
คือ ลงทั้งระบบ ที่เราเรียก 1. Systamatic risk แบบนี้ Asset Class ที่ถือจะมีความสำคัญ เพราะหากเราลงในหุ้นยังไงก็ไม่รอด จะโดนมากโดนน้อย
แต่หากเป็นความเสี่ยงของบริษัท 2. Company Risk ตรงนี้เราต้องดูพื้นฐานของหุ้นแต่ละตัวเป็นหลัก ถือตัวที่มี MOS ที่เหมาะสม ปล่อยให้กลไกของตลาดทำงานไปในระยะสั้น ที่เราไม่สามารถควบคุมได้หลอกครับ มันอยู่ที่ความโลภและความกลัวของนายตลาดคือพวกเรานั้นเองครับ ในที่สุดกลไกของตลาดในระยะยาวจะปรับตัวไปตามกำไรของบริษัทนั้น ๆ
การพิจารณากำไรของหุ้น เราต้องเชื่อในหลักของดอกเบี้ยทบต้น ยิ่งโอกาสที่กำไรของบริษัทจะเพิ่มมาก ซึ่งอาจจะเป็นอีก 3-4 ปีข้างหน้าหรือระยะยาวกว่านั้น อย่างนี้เราก็ต้องคิดหาผลตอบแทนทบต้นต่อปีก่อนให้ได้ และราคาหุ้นที่เหมาะสมกับผลตอบแทนทบต้นในอนาคตจะเป็นเท่าไร เป็นต้น ไม่ใช่ดูเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของราคาในระยะสั้นอย่างเดียวครับ จะเป็น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทรัพย์สินอื่น ๆ ก็คงใช้หลักการเดียวกันนี้ในการเปรียบเทียบกับผลตอบแทนในระยะยาวตาม Time Frame ของเราที่เราพอคาดการณ์ได้ครับ
2. เมื่อวานสายเทคนิคที่ทำนายตลาดก็ทวนหักหลายราย นายตลาดมักทำให้เราประหลาดใจได้เสมอ ไม่ได้บอกว่าเทคนิคใช้ไม่ได้นะครับ มันก็มีโอกาสผิดพลาดในการทำนายได้เหมือนกัน แต่หลักคือ หากจะใช้เทคนิค เราก็ต้องรู้่ว่าความเสี่ยงของเทคนิคมีอะไร เขาบริหารความเสี่ยงอย่างไร เช่น ถ้าราคามันเดินไปเหมือนกับที่เราคาดการณ์ความน่าจะเป็นนั้นไว้ เราก็เดินไปตามเทคนิคที่เราคิดไว้ล่วงหน้า แต่หากไม่ได้ได้เดินไปอย่างที่เราคิด ก็ต้อง Limit ความเสี่ยงของเราให้เป็นด้วยครับ อย่าสับสนกันกับการลงทุนระยสั้นและระยะยาวเป็นเด็ดขาดครับ
จังหวะของสายเทคนิค กับสาย Vi นั้นต่างกัน
สายเทคนิค ใช้ Indicator หลายตัวในการคาดการณ์ความน่าจะเป็นของราคา และดูว่ามันทำอย่างที่มันควรจะเป็นไปตามรูปแบบหรือไม่
ส่วนสาย VI เราใช้จังหวะเหมือนกันก็คือ เมื่อไหร่เราเจอหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นมากๆ เราจะรอทำไม ซื้อเลยครับ ก่อนที่คนอื่นจะมาเจอและราคาไต่ขึ้นไป อันนี้คือคำตอบที่นายกโจเคยให้ไว้ครับ
นายกโจเคยบอกไว้ว่า
เรื่อง timing ในการซื้อหุ้นเป็นเรื่องที่พูดกันได้ยาว ถ้าเราทำได้ถูกจังหวะทุกครั้ง ซื้อแล้วขายได้กำไร แล้วไปซื้อตัวใหม่ก็ขึ้นอีก ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ถ้าทำได้จริงทุกคนคงรวยล้นฟ้ากันหมดแล้วไม่ใช่ทำได้ปีละ 30-40% แต่คงเป็นสี่ห้าร้อยเปอร์เซนต์ แต่เราอาจลืมไปว่า คนเก่งที่สุดในโลกอย่าง วอร์เรนต์ยังทำได้แค่ปีละ 21% เท่านั้น (แต่ทำมาแล้ว 50 ปี ) ถ้าดูปีแรกๆของวอร์เรนต์ผลตอบแทนก็ไม่เกินร้อยนะครับ
ที่มา https://entaneer.wordpress.com/2011/09/ ... %E0%B8%99/
1. การลงของตลาดหุ้นในทางหลักการ มี 2 ลักษณะ
คือ ลงทั้งระบบ ที่เราเรียก 1. Systamatic risk แบบนี้ Asset Class ที่ถือจะมีความสำคัญ เพราะหากเราลงในหุ้นยังไงก็ไม่รอด จะโดนมากโดนน้อย
แต่หากเป็นความเสี่ยงของบริษัท 2. Company Risk ตรงนี้เราต้องดูพื้นฐานของหุ้นแต่ละตัวเป็นหลัก ถือตัวที่มี MOS ที่เหมาะสม ปล่อยให้กลไกของตลาดทำงานไปในระยะสั้น ที่เราไม่สามารถควบคุมได้หลอกครับ มันอยู่ที่ความโลภและความกลัวของนายตลาดคือพวกเรานั้นเองครับ ในที่สุดกลไกของตลาดในระยะยาวจะปรับตัวไปตามกำไรของบริษัทนั้น ๆ
การพิจารณากำไรของหุ้น เราต้องเชื่อในหลักของดอกเบี้ยทบต้น ยิ่งโอกาสที่กำไรของบริษัทจะเพิ่มมาก ซึ่งอาจจะเป็นอีก 3-4 ปีข้างหน้าหรือระยะยาวกว่านั้น อย่างนี้เราก็ต้องคิดหาผลตอบแทนทบต้นต่อปีก่อนให้ได้ และราคาหุ้นที่เหมาะสมกับผลตอบแทนทบต้นในอนาคตจะเป็นเท่าไร เป็นต้น ไม่ใช่ดูเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของราคาในระยะสั้นอย่างเดียวครับ จะเป็น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทรัพย์สินอื่น ๆ ก็คงใช้หลักการเดียวกันนี้ในการเปรียบเทียบกับผลตอบแทนในระยะยาวตาม Time Frame ของเราที่เราพอคาดการณ์ได้ครับ
2. เมื่อวานสายเทคนิคที่ทำนายตลาดก็ทวนหักหลายราย นายตลาดมักทำให้เราประหลาดใจได้เสมอ ไม่ได้บอกว่าเทคนิคใช้ไม่ได้นะครับ มันก็มีโอกาสผิดพลาดในการทำนายได้เหมือนกัน แต่หลักคือ หากจะใช้เทคนิค เราก็ต้องรู้่ว่าความเสี่ยงของเทคนิคมีอะไร เขาบริหารความเสี่ยงอย่างไร เช่น ถ้าราคามันเดินไปเหมือนกับที่เราคาดการณ์ความน่าจะเป็นนั้นไว้ เราก็เดินไปตามเทคนิคที่เราคิดไว้ล่วงหน้า แต่หากไม่ได้ได้เดินไปอย่างที่เราคิด ก็ต้อง Limit ความเสี่ยงของเราให้เป็นด้วยครับ อย่าสับสนกันกับการลงทุนระยสั้นและระยะยาวเป็นเด็ดขาดครับ
จังหวะของสายเทคนิค กับสาย Vi นั้นต่างกัน
สายเทคนิค ใช้ Indicator หลายตัวในการคาดการณ์ความน่าจะเป็นของราคา และดูว่ามันทำอย่างที่มันควรจะเป็นไปตามรูปแบบหรือไม่
ส่วนสาย VI เราใช้จังหวะเหมือนกันก็คือ เมื่อไหร่เราเจอหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นมากๆ เราจะรอทำไม ซื้อเลยครับ ก่อนที่คนอื่นจะมาเจอและราคาไต่ขึ้นไป อันนี้คือคำตอบที่นายกโจเคยให้ไว้ครับ
นายกโจเคยบอกไว้ว่า
เรื่อง timing ในการซื้อหุ้นเป็นเรื่องที่พูดกันได้ยาว ถ้าเราทำได้ถูกจังหวะทุกครั้ง ซื้อแล้วขายได้กำไร แล้วไปซื้อตัวใหม่ก็ขึ้นอีก ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ถ้าทำได้จริงทุกคนคงรวยล้นฟ้ากันหมดแล้วไม่ใช่ทำได้ปีละ 30-40% แต่คงเป็นสี่ห้าร้อยเปอร์เซนต์ แต่เราอาจลืมไปว่า คนเก่งที่สุดในโลกอย่าง วอร์เรนต์ยังทำได้แค่ปีละ 21% เท่านั้น (แต่ทำมาแล้ว 50 ปี ) ถ้าดูปีแรกๆของวอร์เรนต์ผลตอบแทนก็ไม่เกินร้อยนะครับ
ที่มา https://entaneer.wordpress.com/2011/09/ ... %E0%B8%99/
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1960
อีกเรื่องที่สำคัญของ VI ก็คือ แล้วถ้าเราไปเจอหุ้นที่ต่ำกว่าพื้นฐานมาก จะทำอย่างไร เอาลงมาโพสซ้ำอีกครั้งครับ
นายกโจให้แนวทางที่น่าสนใจตามนี้ครับ
Bold แดง ๆ ตรงกับเหตุการณ์ตอนนี้ครับ
นายกโจให้แนวทางที่น่าสนใจตามนี้ครับ
Bold แดง ๆ ตรงกับเหตุการณ์ตอนนี้ครับ
ผมปรับพอร์ตบ่อยๆครับ เหตุผลมักเป็นอย่างนี้
1. เจอหุ้นตัวที่ดีกว่า แต่ไม่มีเงินก็ต้องขายตัวที่ด้อยที่สุดไป
2. ตัวที่ถือพื้นฐานเปลี่ยน อันนี้แน่นอนก็ต้องขายออก
3. หุ้นขึ้นจนราคาสมเหตุสมผล ผมก็อาจจะขายไปเพิ่มตัวที่ยังต่ำกว่ามูลค่า
4. หุ้นลงผมก็ปรับพอร์ต ขายตัวที่ลงน้อยไปซื้อตัวที่มีอัพไซด์มาก
ผมก็ปรับไปเรื่อยครับ ตามข้อมูลที่ได้รับมา ไม่มีเกณฑ์ตายตัวว่าบ่อยแค่ไหน หรือกี่เปอร์เซนต์ของพอร์ต ตั้งแต่ซื้อหุ้นมายังถือไม่เกิน 3 ปีเลยครับ เฉลี่ยเกือบๆปีประมาณนั้น แต่เห็นด้วยครับว่า ตลาดผันผวน เราสามารถใช้การปรับพอร์ตหาประโยชน์จากความผันผวนนั้นได้
ผมยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น เราลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ และหุ้น ถ้าตลาดซบเซาหนักๆเราก็ควรย้ายเงินจากกองทุนมาลงหุ้นให้มากขึ้น หรือเปลี่ยนไปถือหุ้นตัวทีมีอัพไซด์สูงกว่า หากตลาดเป็นขาขึ้น หาหุ้นลงทุนได้ยาก อาจจะต้องเปลี่ยนไปถือตัวที่ defensive มีปันผลเยอะหน่อยๆ ประมาณนี้ครับ
(อันนี้คงให้แนวทางกับคุณโรมได้ดีทีเดียวครับว่าเราควรปรับ Port อย่างไร)
ระยะเวลาที่ถือหุ้น สั้นที่สุดนี่จำได้ว่าประมาณ 1 อาทิตย์ครับ ซื้อแล้วขึ้นไปประมาณ 30% ผมก็ขายซิครับ เพราะผมหวังผลตอบแทนแค่นั้น ส่วนยาวนี่ไม่แน่ใจครับ ประมาณ 2 ปี ที่จริง ประเด็นเรื่องเวลาการถือครองหุ้นไม่น่าจะเป็นประเด็นสำคัญ คำถามที่สำคัญกว่าคือ ราคาเหมาะสมกับพื้นฐานหรือยัง และการถือหุ้นนานๆก็มีผลเสียนะครับ เช่น เราจะเฉื่อยชา ผูกผัน เกิดความลำเอียง รักหุ้นตัวเอง
และถ้ามองในแง่ผลตอบแทน ดูตัวเลขนี้ครับ
*หุ้นตัวแรก เราซื้อผ่านไป 1 ปี ขายที่ราคาเป้าหมายได้กำไร 60% ทั้งปีได้กำไร 60%
*หุ้นตัวที่ 2 เราซื้อผ่านไป 6 เดือนได้กำไร 40% ตามเป้าหมาย ขายออกไปซื้อหุ้นตัวที่ 3 ผ่านไป 6 เดือนได้กำไร 40% ตามเป้าหมายอีก รวมทั้งปีได้ผลตอบแทน 96%
หุ้นตัวแรกให้ผลตอบแทนมากที่สุด แต่ถ้าให้เลือกผมขอซื้อหุ้นตัวที่ 2-3 ดีกว่า นี่คงคล้ายกับ turnover rate ในงบดุลครับ ยิ่งหมุนมากกำไรก็ยิ่งมาก(เรายังไม่พูดถึงความเสี่ยงนะ)
ผมติดตามพื้นฐานของหุ้นที่อยู่ใน watch list เสมอๆ
ผมมีหุ้นที่ติดตามผลกำไรทุกไตรมาส ประมาณ 80 ตัว และหุ้นที่ติดตามแบบห่างๆอีกประมาณ 120 ตัว รวมๆก็ครึ่งนึงของตลาดพอดี
ผมเชื่อว่า ยิ่งติดตามมาก เราก็ยิ่งรู้พื้นฐานมากขึ้น ขอบข่ายความรู้มากขึ้น ยิ่งติดตามมาก โอกาสที่จะเจอช้างเผือกก็สูง เวลามีข่าวสารเข้ามาเราก็รู้ทันทีว่า เป็นข่าวดีหรือไม่ดี ซื้อหรือไม่ซื้อ ไม่ต้องเสียเวลาไปหาข้อมูลอีก
ผมอ่านหนังสือพิมพ์หุ้นเกือบทุกฉบับ ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ อ่านงานวิจัยของโบรคเกอร์ อีไฟแนนซ์ ข่าวตลาด และ tvi ประมาณนี้ครับ อ่านแบบสแกน ถ้าเจอหุ้นที่น่าสนใจจะอ่านแบบละเอียด ไม่อย่างนั้นต้องใช้เวลาเยอะ
คือถ้าเราติดตามข่าวสารบ่อยๆเราจะรู้ว่าแหล่งข่าวไหนที่เราควรจะอ่านครับ
ที่จริงใช้เวลาวันละ 2 ชม. ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการลงทุนแบบมุ่งเน้น(ผลตอบแทน) หรือวันละ 1 ชม. สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนหุ้นแบบการออม
ผมเคยทำงานประจำมาก่อน ยอมรับว่ามีข้อจำกัดเยอะกว่าคนที่ลงทุนเต็มเวลา และไม่สนับสนุนให้ทุกคนลาออกเพียงเพื่อจะได้มีเวลาหาข้อมูล แต่เราก็ควรให้เวลากับการลงทุนตามสมควร
เพราะการใช้เวลาวันละเล็กละน้อยหลังเลิกงาน หาข้อมูล อาจจะเปลี่ยนสถานะภาพทางด้านการเงิน เปลี่ยนชีวิตคนๆนึงได้เลย ในขณะที่ถ้าทำงานประจำอย่างเดียวมีโอกาสน้อยกว่ามาก
ผมยังจำได้ดร.นิเวศน์เคยเขียนบทความทำนองว่า เราใช้เวลาส่วนใหญ่วันๆไปกับเรื่องที่ไม่สำคัญ และให้เวลาน้อยเกินไปกับเรื่องทีสำคัญที่สุด
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1961
แฮ่...ผมรับหุ้นกับข้าวฟรีของพี่โรมแทนได้ไม๊ครับพี่ nbNevercry.boy เขียน:ตอบคุณโรมครับ ผิดถูกไม่รับรองผลนะ
1 ช่วงหน้าหมีเหมาะกับการปรับพอร์ตครับ แต่ก็แล้วแต่สไตล์ครับ หุ้นแข็งแกร่ง ในความเห็นผมน่าสนใจกว่าหุ้น defensive ครับ ส่วนโกรทสต๊อกคงง่อยกันหมด แต่ถ้าเน้นไปก่อนมาก่อน แบงค์ก็เป็นอีกทางเลือกนึงครับ
2 ยังไงเสีย การฟื้นตัวต้องเป็น V Shape ครับ
ปล. หุ้นมะต้องนะ ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1962
โธ่ เสี่ยนี่ก้อ ถ่อมตัวซ๊าsaichon เขียน:
แฮ่...ผมรับหุ้นกับข้าวฟรีของพี่โรมแทนได้ไม๊ครับพี่ nb
เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1963
พี่สายชลแชร์ความเห็น วิธีจัดพอร์ตตอนลงหนักๆให้ผมหน่อยจิ ว่าจัดพอร์ตไงตอนหุ้นลงหนักๆ, หรือถ้าตลาดหมียาว เป็นปีๆฮ่ะsaichon เขียน:แฮ่...ผมรับหุ้นกับข้าวฟรีของพี่โรมแทนได้ไม๊ครับพี่ nb
ปล.ถ้าเข้ากทม. จิเลี้ยงข้าว(เปล่า)ไม่อั้นเลยฮ่ะ
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1964
555+romee เขียน:พี่สายชลแชร์ความเห็น วิธีจัดพอร์ตตอนลงหนักๆให้ผมหน่อยจิ ว่าจัดพอร์ตไงตอนหุ้นลงหนักๆ, หรือถ้าตลาดหมียาว เป็นปีๆฮ่ะsaichon เขียน:แฮ่...ผมรับหุ้นกับข้าวฟรีของพี่โรมแทนได้ไม๊ครับพี่ nb
ปล.ถ้าเข้ากทม. จิเลี้ยงข้าว(เปล่า)ไม่อั้นเลยฮ่ะ
ผมซ๊ะอีกครับที่เป็นฝ่ายต้องขอคำแนะนำจากพี่โรม
ที่ผมทำอยู่ ผมก็ใช้หลักการเดิมๆ
คือถือหุ้นตัวที่undervalue เยอะๆตลอด ทุกสภาวะตลาดแค่นั้นแหละครับ
พี่โรมเห็นว่าไงบ้างครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1965
แล้วมีswitchตัวไปมาในพอร์ตป่ะครับ หรืออาศัยเงินเติมซื้อเฉลี่ยเข้าไปแทน?saichon เขียน:555+
ผมซ๊ะอีกครับที่เป็นฝ่ายต้องขอคำแนะนำจากพี่โรม
ที่ผมทำอยู่ ผมก็ใช้หลักการเดิมๆ
คือถือหุ้นตัวที่undervalue เยอะๆตลอด ทุกสภาวะตลาดแค่นั้นแหละครับ
พี่โรมเห็นว่าไงบ้างครับ
ส่วนตัวเห็นว่าพี่สายชลเป็นคนเก่ง อึด มั่นคงในวินัยครับ เหมาะสมแล้วที่ผลตอบแทนโดยรวมจะดีเลิศฮ่ะ (แผล่บๆ)
You only live once, but if you do it right, once is enough.
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1966
ลูกพี่สายชล แจกโพยหน่อยสิฮ่ะromee เขียน:แล้วมีswitchตัวไปมาในพอร์ตป่ะครับ หรืออาศัยเงินเติมซื้อเฉลี่ยเข้าไปแทน?saichon เขียน:555+
ผมซ๊ะอีกครับที่เป็นฝ่ายต้องขอคำแนะนำจากพี่โรม
ที่ผมทำอยู่ ผมก็ใช้หลักการเดิมๆ
คือถือหุ้นตัวที่undervalue เยอะๆตลอด ทุกสภาวะตลาดแค่นั้นแหละครับ
พี่โรมเห็นว่าไงบ้างครับ
ส่วนตัวเห็นว่าพี่สายชลเป็นคนเก่ง อึด มั่นคงในวินัยครับ เหมาะสมแล้วที่ผลตอบแทนโดยรวมจะดีเลิศฮ่ะ (แผล่บๆ)
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1968
สวัสดีครับพี่โรมromee เขียน: แล้วมีswitchตัวไปมาในพอร์ตป่ะครับ หรืออาศัยเงินเติมซื้อเฉลี่ยเข้าไปแทน?
ส่วนตัวเห็นว่าพี่สายชลเป็นคนเก่ง อึด มั่นคงในวินัยครับ เหมาะสมแล้วที่ผลตอบแทนโดยรวมจะดีเลิศฮ่ะ (แผล่บๆ)
กราบขอบพระคุณสำหรับคำชมน๊ะครับ
แฮ่...แต่พี่พิมพ์ตกไปอย่างหนึ่ง คือพี่ไม่ได้พูดเรื่องความหล่อของผมเลยอ่ะครับ
สำหรับคำถามของพี่ ผมใช้วิธีปรับพอร์ตเอาครับ
เพราะเงินส่วนใหญ่ของผมก็อยู่ในหุ้นตลอดเวลา ส่วนเงินเดือนหน่ะแค่พอเลี้ยงครอบครัวครับ
ไม่ค่อยเหลือเก็บมาซื้อหุ้นเหมือนสมัยยังไม่มีลูกแล้วครับ
อ้อ...วันก่อนผมไปอบรมคอร์สการเลี้ยงลูกของ พญ.เสาวภา ตามที่พี่เคยแนะนำไว้
ดี๊ดีครับ
กราบขอบพระคุณอีกครั้งครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1969
สวัสดีครับพี่ก้องkongkiti เขียน: ลูกพี่สายชล แจกโพยหน่อยสิฮ่ะ
ตอนนี้ผมแอบเข้าไปถามหุ้นตีแตกในกระทู้ของพี่นุชอยู่
ถ้าได้เจ๋งๆเราค่อยเอามาเปลี่ยนกันดูเอาไม๊ครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1970
ขั้นแรกเราต้องประเมิลมูลค่าหุ้นให้เป็นครับlastwizard เขียน:สอนหาหุ้น undervalue บ้างสิครับ
ขั้นตอนนี้ผมว่าเดี๋ยวนี้ทุกคนคงพอทำได้ หรือถ้ายังไม่ได้ก็มีสอนและมีแหล่งให้ศึกษาหลายแหล่งเชียวครับ
ขั้นตอนต่อมาที่สำคัญไม่แพ้กันคือ..
การหาหุ้น undervalue ผมเห็นพี่ๆเค้าใช้กันหลายวิธีแล้วแต่ใครถนัดแบบไหนครับ
บางท่าน ใช้วิธีอ่านข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ที่มีการแจ้งทุกวัน วันละ3เวลา
ถ้าข่าวเยอะมากก็จะเลือกอ่านเฉพาะ ข่าวที่มีผลต่อผลประกอบการของบริษัทเท่านั้น
บางท่านเค้าใช้วิธีตระเวนเข้าประชุมผู้ถือหุ้นหลายๆบริษัทฯเพื่อเลือกหุ้นที่ดีที่สุดมาลงทุน
แต่สำหรับผมเอง
เนื่องจากผมมีเวลาไม่ค่อยมากนักเพราะต้องทำงานประจำ
แถมมีลูกเล็กๆอีก2คนที่อยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น อยากให้เราเล่นด้วย
ผมเลยใช้วิธีติดตามเอาจากรายการมั่นนี่ทอร์คบ้าง ดูออฟเดย์ย้อนหลังเอาบ้าง
(ส่วนใหญ่นั่งฟังตอนขับรถไป-กลับบ้านและที่ทำงาน)
อ่านในกระทู้ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นบ้าง ประมาณนั้นหน่ะครับ
ผมชอบและมักจะเลือกหุ้นตัวที่รายได้และกำไรโตได้หลายๆปี(ยิ่งโตเยอะยิ่งดี) ,รายได้และกำไรในอนาคตไม่ผันผวนมากนัก
อย่างหุ้น คอมโมฯ หุ้นวัฏจักร หุ้นรับเหมา หรือหุ้นที่ต้องหาลูกค้าใหม่ๆอยู่ตลอดนี่
ผมเลี่ยงเลยครับ
เมื่อผมเจอหุ้นสเปคที่ผมต้องการ ประเมินแล้วว่าถูกกว่ามูลค่าเยอะๆ ผมก็จะใช้จุดแข็งของผมตามที่พี่โรมบอกคือความอึด
และที่แกลืมบอกไปคือหล่อ
ผมก็จะถือหุ้นตัวนั้นๆไปนานๆหน่อย
เพื่อรอให้เค้าแสดงมูลค่าในอนาคตออกมาแล้วค่อยขาย
ผมทำง่ายๆแค่นี้แหละครับ
อ้อ...อีกจุดหนึ่งที่ผมว่าน่าสนใจคือ
กระทู้นี้จะมีพี่ๆที่เก่งๆหลายท่าน เข้ามาโพสแลกเปลี่ยนความเห็นกันเยอะมากครับ
พี่lastwizard ลองไล่อ่านย้อนหลังดูน๊ะครับ มีการพูดถึงหุ้นที่น่าสนใจหลายตัวเชียวครับ
สนใจตัวไหนเราก็เอาไปศึกษาต่อ ทำแบบนี้ก็สามารถลดเวลาที่เราต้องไปศึกษาหุ้นทุกตัวในตลาดลงได้เยอะเชียวครับ
มีความสุขและประสบความสำเร็จในการลงทุนน๊ะครับ
(แฮ่...ว่าแต่ถ้าเจอหุ้นundervalueเยอะๆ อย่าลืมกระซิบผมน๊ะครับ ฮ่า.. )
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1972
555+ลูกหิน เขียน:สวัสดีครับคุณ saichon เรื่องความหล่อนี่ผมยอมแพ้นะครับ แต่ถ้าเรื่องความแก่นี่ต้องยกให้ผมนะครับ ไม่เชื่อถามหมอหนึ่งได้ครับ หัวหน้าแก๊ง
กราบสวัสดีพี่ลูกหินคนดังเช่นกันครับ
"คนจะแก่ แก่ความรู้ใช่อยู่นาน"
ผมว่าพี่ลูกหินเป็นแบบนี้น๊ะครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1973
เครดิตจากในเฟสบุคนึงครับ นำมาแบ่งกันอ่านครับเพื่อนเอ๋ย เมื่อเราอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง เราจะถึงเส้นชัย สักวัน
.
ราคาอยู่บนกระดาน มูลค่าอยู่ในใจ
.
ราคาคือมายา มูลค่าซิของจริง
.
เมล็ดพืชวีไอ ตกที่ไหน จะงอกงามที่นั่น
.
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในตลาดหุ้น คือตัวเราเอง
ความโลภ ความกลัว ที่ควบคุมไม่ได้
.
ถ้ารู้ว่าจะตายที่ไหน อย่าไปที่นั่น
.
ซื้อหุ้นที่ดี ราคาไม่แพง เราจะไม่มีวันจน
.
ความผิดพลาดคือส่วนหนึ่งของความสำเร็จ
.
เจ้ามือตัวจริง คือผลประกอบการ
.
ม่านอคติ หากแหวกไปได้ จักเห็นแสงสว่าง
.
ในตลาดหุ้น ผู้คนมักไม่เป็นตัวของตัวเอง
.
ต้นทุนความฝัน คือการลงมือทำ
.
ตลาดหุ้น ไม่เคยขาดแคลนข่าวร้าย
.
ถือหุ้นที่เราเข้าใจหลายตัว ดีกว่าถือหุ้นที่เราเข้าใจเพียงตัวเดียว
.
ราคาที่ผันผวน ไม่ใช่ความเสี่ยง
.
ในตลาดหุ้น เมื่อประตูบานนึงปิด ประตูอีกบานจะเปิดขึ้นเสมอ
.
หุ้นที่สมบูรณ์แบบนั้น ไม่มี
.
เพียงแค่ความเชื่อยังไม่เพียงพอ สิ่งที่เราต้องการคือศรัทธา
.
เราอาจจะอ่อนแอในบางเรื่อง แต่เราก็แข็งแรงที่สุดในบางเรื่อง เช่นกัน
.
เพราะต้องการความสำเร็จ เราจึงต้องเจ็บปวด
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 79
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1974
ขอบคุณพี่สายชลสุดหล่อด้วยครับ เรียกผมว่าน้องดีกว่าครับ จะพยายามเรียนรู้จากพี่ๆให้มากที่สุดครับsaichon เขียน:ขั้นแรกเราต้องประเมิลมูลค่าหุ้นให้เป็นครับlastwizard เขียน:สอนหาหุ้น undervalue บ้างสิครับ
ขั้นตอนนี้ผมว่าเดี๋ยวนี้ทุกคนคงพอทำได้ หรือถ้ายังไม่ได้ก็มีสอนและมีแหล่งให้ศึกษาหลายแหล่งเชียวครับ
ขั้นตอนต่อมาที่สำคัญไม่แพ้กันคือ..
การหาหุ้น undervalue ผมเห็นพี่ๆเค้าใช้กันหลายวิธีแล้วแต่ใครถนัดแบบไหนครับ
บางท่าน ใช้วิธีอ่านข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ที่มีการแจ้งทุกวัน วันละ3เวลา
ถ้าข่าวเยอะมากก็จะเลือกอ่านเฉพาะ ข่าวที่มีผลต่อผลประกอบการของบริษัทเท่านั้น
บางท่านเค้าใช้วิธีตระเวนเข้าประชุมผู้ถือหุ้นหลายๆบริษัทฯเพื่อเลือกหุ้นที่ดีที่สุดมาลงทุน
แต่สำหรับผมเอง
เนื่องจากผมมีเวลาไม่ค่อยมากนักเพราะต้องทำงานประจำ
แถมมีลูกเล็กๆอีก2คนที่อยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น อยากให้เราเล่นด้วย
ผมเลยใช้วิธีติดตามเอาจากรายการมั่นนี่ทอร์คบ้าง ดูออฟเดย์ย้อนหลังเอาบ้าง
(ส่วนใหญ่นั่งฟังตอนขับรถไป-กลับบ้านและที่ทำงาน)
อ่านในกระทู้ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นบ้าง ประมาณนั้นหน่ะครับ
ผมชอบและมักจะเลือกหุ้นตัวที่รายได้และกำไรโตได้หลายๆปี(ยิ่งโตเยอะยิ่งดี) ,รายได้และกำไรในอนาคตไม่ผันผวนมากนัก
อย่างหุ้น คอมโมฯ หุ้นวัฏจักร หุ้นรับเหมา หรือหุ้นที่ต้องหาลูกค้าใหม่ๆอยู่ตลอดนี่
ผมเลี่ยงเลยครับ
เมื่อผมเจอหุ้นสเปคที่ผมต้องการ ประเมินแล้วว่าถูกกว่ามูลค่าเยอะๆ ผมก็จะใช้จุดแข็งของผมตามที่พี่โรมบอกคือความอึด
และที่แกลืมบอกไปคือหล่อ
ผมก็จะถือหุ้นตัวนั้นๆไปนานๆหน่อย
เพื่อรอให้เค้าแสดงมูลค่าในอนาคตออกมาแล้วค่อยขาย
ผมทำง่ายๆแค่นี้แหละครับ
อ้อ...อีกจุดหนึ่งที่ผมว่าน่าสนใจคือ
กระทู้นี้จะมีพี่ๆที่เก่งๆหลายท่าน เข้ามาโพสแลกเปลี่ยนความเห็นกันเยอะมากครับ
พี่lastwizard ลองไล่อ่านย้อนหลังดูน๊ะครับ มีการพูดถึงหุ้นที่น่าสนใจหลายตัวเชียวครับ
สนใจตัวไหนเราก็เอาไปศึกษาต่อ ทำแบบนี้ก็สามารถลดเวลาที่เราต้องไปศึกษาหุ้นทุกตัวในตลาดลงได้เยอะเชียวครับ
มีความสุขและประสบความสำเร็จในการลงทุนน๊ะครับ
(แฮ่...ว่าแต่ถ้าเจอหุ้นundervalueเยอะๆ อย่าลืมกระซิบผมน๊ะครับ ฮ่า.. )
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1975
อืมมม...lastwizard เขียน: ขอบคุณพี่สายชลสุดหล่อด้วยครับ เรียกผมว่าน้องดีกว่าครับ จะพยายามเรียนรู้จากพี่ๆให้มากที่สุดครับ
น้องlastwizard ตาถึงน๊ะครับเนี๊ยะ
คนที่มีคุณสมบัติแบบนี้ ผมว่าอนาคตไกลแน่ครับ ฮ่า...
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1976
ขอบพระคุณ อ.chaitorn กะท่านromee นะครับ
สำหรับกำลังใจ และแนวคิดตอนตลาดร่วง จนบอย ลัมโบกินี่(ตามอ.chaitornแซว)แบบผม จะเป็นบอย เหลือแต่(กุงเกงใน)บิกินี่อยู่แหล่ววว..
ท่านlastwizardฮะ
วีธีหุ้นundervalueน่ะ มีอีกเทคนิคนึงฮะ คือลอกหุ้นท่านsaichonเลยฮะ เพราะเค้ามีคติว่าหาหุ้นundervalue
แล้วซื้อแล้วถือไปแบบอึดๆหล่อๆแบบนั้น เราก็ลอกหุ้นเค้าเลย ลอกราคาหุ้นด้วย แล้วซื้อให้ถูกกว่าท่านsaichonเค้าฮะ
เราก็จะได้หุ้นundervalueกว่า อิอิ
ถ้าลองย้อนดูหน้า50กระทู้นี้ จะเห็นหน้าอึดๆหล่อๆของท่านsaichonฮะ สังเกตแววตาภาษากายไว้นะฮะ
บางหุ้น แกยืนเฉยๆคู่กะCEO บางหุ้นแกตาวาว มือโอบหลังCEOเค้า แปลว่าหุ้นตัวนี้น่าจะให้น้ำหนักสูงฮะ
ถ้าต่อไปแกลงรูป แบบมือโอบหลังแล้วเอาขาเกี่ยวไว้ด้วย ผมว่าต้องจัดหนักหุ้นตัวนั้นฮะ
เที่ยวนี้มีไอเดียตอนหุ้นฝรั่งตกฮะ
http://www.valuewalk.com/2015/08/what-2 ... quick_link
ตลาดร่วง 2015 มีนัยยะอะไรบ้าง?
งานเลี้ยงเลิกแล้ว?
ตลาดหุ้น8แห่งทั่วโลก ตกอย่างมีนัยยะสำคัญในปีนี้ จีนลง8.44%และยังลงเรื่อยๆ
ทุกคนแม้แต่วีไอก็กังวลกับตลาดร่วง,เศรษฐกิจชะงักงัน
ตลาดร่วงไม่ได้แปลว่า..
ตลาดลงแบบนี้ คนก็เริ่มทายว่าตลาดจะล่ม พาดหัวข่าวทำนองนี้ ทำให้หนังสือพิมพ์ขายดี
แต่ต้องไม่ลืมว่า การทำนายตลาดให้ถูกต้องระยะสั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้
ตลาดหล่นแรงๆในวันนึง สัปดาห์นึง รึเดือนนึง ก็ไม่ได้แปลว่าล่มสลาย รึเศรษฐกิจถดถอย
พอต่อมาตลาดร่วงลงอีกเรื่อยๆ เริ่มเห็นเค้ารางเศรษฐกิจชะงักงันลึกลง (ทั้ง2008/9 กลาง2010,2011,2012,2013,และปลาย2014อีก)
ก็ไม่ได้ทำให้เกิดเศรษฐกิจถดถอย
นโยบายผอร์ทในเวลาตลาดผันผวน
ชัดเจนว่า การทำนายตลาดโดยใช้พฤติกรรม ,ข่าวจากสื่อ เชื่อถือไม่ได้
และทิ้งนักลงทุนอยู่ข้างๆตลาด ในขณะที่ตลาดเดินหน้าต่อ
ในขณะที่เศรษฐกิจถดถอย เกิดทุก5-7ปีอย่างนี้ ปีเตอร์ ลิ้นช์ บอกว่า
"เข้าๆออกๆ เงินก็ออกหมด"(in and out may be out of the money:แปลถูกป่าวหว่า)
ผลของการพยามจับจังหวะตลาด มีประวัติแล้ว ว่าทำให้ผลตอบแทนลดลง
Tobias carlisle ศึกษาผลการจับจังหวะตลาด โดยใช้indicatorต่างๆ
ได้ผลว่าผอร์ทที่ลงทุนเต็มที่ กำไรมากกว่าผอร์ทที่พยามโดดเข้าโดดออกเพื่อเลี่ยงเศรษฐกิจถดถอย
รายย่อยควรรู้ว่า ผลตอบแทนระยะยาวจะดีกว่ามาก ถ้าคุณลงทุนเต็มที่ในหุ้นคุณภาพดีที่ราคาวีไอ
ตลาดร่วง; คุณภาพสำคัญ และราคาก็ด้วย
ผมมักแนะนำให้ซื้อหุ้น"ราคาถูก" ผมยังย้ำให้ลงทุนหุ้น"คุณภาพ" ทั้งสองอย่างนี้ไม่ได้ไปคนละทาง
และควรจำกัดdownsideโดยใช้ผอร์ทแบบกระจายไปด้วยหุ้นอนุรักษ์(รักชื่อนี้จริงๆ)นิยมแบบdeep value
การอนุรักษ์นิยมทางการเงินสำคัญมาก ซื้อหุ้นที่ไม่มีหนี้ และcurrent ratio สูงๆ
จะทำให้บริษัทอยู่รอดในช่วงเศรษฐกิจตกหล่มลึก
หลีกเลี่ยงบริษัทที่เชื่อมต่อกับตลาดสินเชื่อ เช่นสถาบันการเงิน เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนนานๆช่วงวิกฤติ
บริษัทที่แย่ที่สุด คือ หนี้มาก และราคาแพง เมื่อเทียบกับกำไรสูงๆที่ผันผวนแบบวัฎจักร เช่น อสังหาฯในช่วงพีอีสูงช่วงที่บ้านบูม
แม้แต่การซื้อหุ้นราคาปานกลาง ก็ทำให้เจ็บได้ ถ้ากำไรทรุดในช่วงเศรษฐกิจชะงักงัน
Deep margin of safety
จะช่วยให้นักลงทุนฝ่าคลื่นลมrecession ราคาที่ร่วงลงจะทำให้มีmargin of safetyลึกขึ้น (มากขึ้น)
เช็คให้แน่ว่าคุณค่ามาจากอะไรที่มั่นคงแข็งแรง เช่นกระแสรายได้ที่มั่นคง ทรัพย์สินที่แข็งแกร่ง
(ดีกว่ากำไรที่มากเป็นครั้งคราว)
พอทุกอย่างเด้งกลับ คุณค่าจะทำให้ราคาพุ่งสูงกว่าเดิม
ถ้าทุกอย่างล่มสลายล่ะ?
Peter Shiff กะ Jim Rogers พูดเรื่องตลาดล่มสลายมานานหลายปีแล้ว
รัฐบาลที่เงินสดตึงตัว หนี้ที่พุ่งสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน ดอกเบี้ยที่ต่ำติดดิน
ทำให้นึกถึงสถานการณ์ที่รัฐก้าวไม่ออก จะทำไงต่อ?
การที่เตือนภัยมา5ปี แสดงให้เห็นอีกครั้งว่า เราทำนายตลาดและเศรษฐกิจไม่ได้
ตลาดอาจจะดีไปเลย แล้วทิ้งให้นักลงทุนรออยู่ข้างๆ
ปรัชญาของผมเรื่องเศรษฐกิจล่มสลายคือราวๆนี้
คุณไม่มีทางบอกได้ว่ามันจะเกิดเมื่อไหร่ ถ้ามันเกิดขึ้นคุณก็ไม่ควรไปซุกหลบอยู่มุมห้อง คุณเลือกได้สามแบบคือ
1. เศรษฐกิจใช้เวลาระยะนึงฟื้นขึ้นมา
แบบนี้นักลงทุนก็ยังโอเคอยู่ ตราบที่ยัง"อึด"และไม่ขายคัทลอสเพื่อลดความเจ็บปวด เศรษฐกิจฟื้น หุ้นก็ขึ้น ก็ไม่ขาดทุนนาน
ชาร์ลี มังเจอร์ ว่าไว้ว่า
"ถ้าคุณไม่นิ่งสงบพอที่จะเห็นหุ้นตก 50%2-3ครั้งในรอบศตวรรษละก็ คุณก็ไม่ควรลงทุนหุ้น
คุณก็แค่สมควรได้ผลตอบแทนงั้นๆ เมื่อเทียบกับคนที่นิ่งกว่า สงบเมื่อผิดหวังได้มากกว่า เมื่อเจอตลาดผันผวน"
2.เศรษฐกิจร่วงลงดำดิ่ง แล้วติดอยู่ระยะนาน
แม้แต่ช่วง1930ตลาดยังคงเด้งเป็นพักๆ แม้เศรษฐกิจไม่ฟื้นจริงๆ เป็นโอกาสให้นักลงทุนทำกำไรได้บ้าง
นักลงทุนที่ลงทุนโดยดูกำไรบริษัทในช่วงปลาย1920 ขาดทุนแทบไม่เหลือ
ในขณะที่นักลงทุนพวกที่ใช้pbvต่ำๆ ได้ผลดีและมั่นคงกว่ามาก (ทุกวันนี้น่าจะใช้ ทรัพย์สินจับต้องได้ รึถ้าให้ดีกว่าก็ไม่รวม net current น่าจะดีที่สุด)
3. เศรษฐกิจพังทั้งหมด
ถ้าเจอหมียักษ์โหด เศรษฐกิจทรุดต่อเนื่อง นักลงทุนก็มีเรื่องใหญ่ต้องห่วงมากกว่าหุ้นในผอร์ท
คือทั้งธนาคาร เศรษฐกิจ สังคม สร้างปัญหาใหญ่ให้คุณ พูดง่ายๆก็คือ
คุณควรหัดทำธนูกะลูกศร ไปยิงกระรอกมากินกันตาย มากกว่าห่วงผอร์ทหุ้น
ตลาดย่อตัว;รวมสรุป
ทศวรรษ1930 มีวีไอไม่กี่คนที่รู้ว่า เบน เกรแฮม ล้มละลาย
มันเป็นประสบการณ์ร้ายแรง ที่ทำให้เขาสร้างกลยุทธ์หุ้น net-net ขึ้นมา
หลัง1930 เกรแฮมเน้นเรื่องการรักษาเงินทุน มากกว่าจะคิดเรื่องการทำกำไรให้มากที่สุด
โดยสร้างกลยุทธ์ลงทุน เพื่อปกป้องเงินทุน ที่ดีที่สุดแบบหนึ่งที่เคยมี
ตลาดตกสัปดาห์นี้ ไม่ได้แปลว่าจะกลายเป็นเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหม่ หรือแม้แต่การปรับฐาน
ขณะที่คุณไม่รู้แน่ว่า ตลาดหรือเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรต่อไป นักลงทุนทำได้แค่ปกป้องผอร์ท ยามตลาดผันผวน
คนที่ถือหุ้น net-net อาจเห็นหุ้นในผอร์ทลดลง ถ้าตลาดลดลงมากพอ แต่คุณค่าจากทรัพย์สินจับต้องได้จะพิสูจน์ว่า
มันแข็งแกร่งกว่าคุณค่าจากกำไรบริษัท(ที่วีไอส่วนใหญ่นิยมลงทุน)
ในทางกลับกัน เวลาเราพูดเรื่องตลาดตกต่ำลงอีก หุ้นnet-net ก็จะเต็มตลาดไปหมด
นักลงทุนหุ้นnet-netยังปลอดภัยจากการขาดทุนมากกว่าหุ้นแบบอื่น
เกรียนหุ้นแชมป์รางวัลดับเบิ้ลยูทีเอฟ(แชมป์รางวัลไรมันฟระ..ชื่อแปลตามนั้น) รายงาน
สำหรับกำลังใจ และแนวคิดตอนตลาดร่วง จนบอย ลัมโบกินี่(ตามอ.chaitornแซว)แบบผม จะเป็นบอย เหลือแต่(กุงเกงใน)บิกินี่อยู่แหล่ววว..
ท่านlastwizardฮะ
วีธีหุ้นundervalueน่ะ มีอีกเทคนิคนึงฮะ คือลอกหุ้นท่านsaichonเลยฮะ เพราะเค้ามีคติว่าหาหุ้นundervalue
แล้วซื้อแล้วถือไปแบบอึดๆหล่อๆแบบนั้น เราก็ลอกหุ้นเค้าเลย ลอกราคาหุ้นด้วย แล้วซื้อให้ถูกกว่าท่านsaichonเค้าฮะ
เราก็จะได้หุ้นundervalueกว่า อิอิ
ถ้าลองย้อนดูหน้า50กระทู้นี้ จะเห็นหน้าอึดๆหล่อๆของท่านsaichonฮะ สังเกตแววตาภาษากายไว้นะฮะ
บางหุ้น แกยืนเฉยๆคู่กะCEO บางหุ้นแกตาวาว มือโอบหลังCEOเค้า แปลว่าหุ้นตัวนี้น่าจะให้น้ำหนักสูงฮะ
ถ้าต่อไปแกลงรูป แบบมือโอบหลังแล้วเอาขาเกี่ยวไว้ด้วย ผมว่าต้องจัดหนักหุ้นตัวนั้นฮะ
เที่ยวนี้มีไอเดียตอนหุ้นฝรั่งตกฮะ
http://www.valuewalk.com/2015/08/what-2 ... quick_link
ตลาดร่วง 2015 มีนัยยะอะไรบ้าง?
งานเลี้ยงเลิกแล้ว?
ตลาดหุ้น8แห่งทั่วโลก ตกอย่างมีนัยยะสำคัญในปีนี้ จีนลง8.44%และยังลงเรื่อยๆ
ทุกคนแม้แต่วีไอก็กังวลกับตลาดร่วง,เศรษฐกิจชะงักงัน
ตลาดร่วงไม่ได้แปลว่า..
ตลาดลงแบบนี้ คนก็เริ่มทายว่าตลาดจะล่ม พาดหัวข่าวทำนองนี้ ทำให้หนังสือพิมพ์ขายดี
แต่ต้องไม่ลืมว่า การทำนายตลาดให้ถูกต้องระยะสั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้
ตลาดหล่นแรงๆในวันนึง สัปดาห์นึง รึเดือนนึง ก็ไม่ได้แปลว่าล่มสลาย รึเศรษฐกิจถดถอย
พอต่อมาตลาดร่วงลงอีกเรื่อยๆ เริ่มเห็นเค้ารางเศรษฐกิจชะงักงันลึกลง (ทั้ง2008/9 กลาง2010,2011,2012,2013,และปลาย2014อีก)
ก็ไม่ได้ทำให้เกิดเศรษฐกิจถดถอย
นโยบายผอร์ทในเวลาตลาดผันผวน
ชัดเจนว่า การทำนายตลาดโดยใช้พฤติกรรม ,ข่าวจากสื่อ เชื่อถือไม่ได้
และทิ้งนักลงทุนอยู่ข้างๆตลาด ในขณะที่ตลาดเดินหน้าต่อ
ในขณะที่เศรษฐกิจถดถอย เกิดทุก5-7ปีอย่างนี้ ปีเตอร์ ลิ้นช์ บอกว่า
"เข้าๆออกๆ เงินก็ออกหมด"(in and out may be out of the money:แปลถูกป่าวหว่า)
ผลของการพยามจับจังหวะตลาด มีประวัติแล้ว ว่าทำให้ผลตอบแทนลดลง
Tobias carlisle ศึกษาผลการจับจังหวะตลาด โดยใช้indicatorต่างๆ
ได้ผลว่าผอร์ทที่ลงทุนเต็มที่ กำไรมากกว่าผอร์ทที่พยามโดดเข้าโดดออกเพื่อเลี่ยงเศรษฐกิจถดถอย
รายย่อยควรรู้ว่า ผลตอบแทนระยะยาวจะดีกว่ามาก ถ้าคุณลงทุนเต็มที่ในหุ้นคุณภาพดีที่ราคาวีไอ
ตลาดร่วง; คุณภาพสำคัญ และราคาก็ด้วย
ผมมักแนะนำให้ซื้อหุ้น"ราคาถูก" ผมยังย้ำให้ลงทุนหุ้น"คุณภาพ" ทั้งสองอย่างนี้ไม่ได้ไปคนละทาง
และควรจำกัดdownsideโดยใช้ผอร์ทแบบกระจายไปด้วยหุ้นอนุรักษ์(รักชื่อนี้จริงๆ)นิยมแบบdeep value
การอนุรักษ์นิยมทางการเงินสำคัญมาก ซื้อหุ้นที่ไม่มีหนี้ และcurrent ratio สูงๆ
จะทำให้บริษัทอยู่รอดในช่วงเศรษฐกิจตกหล่มลึก
หลีกเลี่ยงบริษัทที่เชื่อมต่อกับตลาดสินเชื่อ เช่นสถาบันการเงิน เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนนานๆช่วงวิกฤติ
บริษัทที่แย่ที่สุด คือ หนี้มาก และราคาแพง เมื่อเทียบกับกำไรสูงๆที่ผันผวนแบบวัฎจักร เช่น อสังหาฯในช่วงพีอีสูงช่วงที่บ้านบูม
แม้แต่การซื้อหุ้นราคาปานกลาง ก็ทำให้เจ็บได้ ถ้ากำไรทรุดในช่วงเศรษฐกิจชะงักงัน
Deep margin of safety
จะช่วยให้นักลงทุนฝ่าคลื่นลมrecession ราคาที่ร่วงลงจะทำให้มีmargin of safetyลึกขึ้น (มากขึ้น)
เช็คให้แน่ว่าคุณค่ามาจากอะไรที่มั่นคงแข็งแรง เช่นกระแสรายได้ที่มั่นคง ทรัพย์สินที่แข็งแกร่ง
(ดีกว่ากำไรที่มากเป็นครั้งคราว)
พอทุกอย่างเด้งกลับ คุณค่าจะทำให้ราคาพุ่งสูงกว่าเดิม
ถ้าทุกอย่างล่มสลายล่ะ?
Peter Shiff กะ Jim Rogers พูดเรื่องตลาดล่มสลายมานานหลายปีแล้ว
รัฐบาลที่เงินสดตึงตัว หนี้ที่พุ่งสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน ดอกเบี้ยที่ต่ำติดดิน
ทำให้นึกถึงสถานการณ์ที่รัฐก้าวไม่ออก จะทำไงต่อ?
การที่เตือนภัยมา5ปี แสดงให้เห็นอีกครั้งว่า เราทำนายตลาดและเศรษฐกิจไม่ได้
ตลาดอาจจะดีไปเลย แล้วทิ้งให้นักลงทุนรออยู่ข้างๆ
ปรัชญาของผมเรื่องเศรษฐกิจล่มสลายคือราวๆนี้
คุณไม่มีทางบอกได้ว่ามันจะเกิดเมื่อไหร่ ถ้ามันเกิดขึ้นคุณก็ไม่ควรไปซุกหลบอยู่มุมห้อง คุณเลือกได้สามแบบคือ
1. เศรษฐกิจใช้เวลาระยะนึงฟื้นขึ้นมา
แบบนี้นักลงทุนก็ยังโอเคอยู่ ตราบที่ยัง"อึด"และไม่ขายคัทลอสเพื่อลดความเจ็บปวด เศรษฐกิจฟื้น หุ้นก็ขึ้น ก็ไม่ขาดทุนนาน
ชาร์ลี มังเจอร์ ว่าไว้ว่า
"ถ้าคุณไม่นิ่งสงบพอที่จะเห็นหุ้นตก 50%2-3ครั้งในรอบศตวรรษละก็ คุณก็ไม่ควรลงทุนหุ้น
คุณก็แค่สมควรได้ผลตอบแทนงั้นๆ เมื่อเทียบกับคนที่นิ่งกว่า สงบเมื่อผิดหวังได้มากกว่า เมื่อเจอตลาดผันผวน"
2.เศรษฐกิจร่วงลงดำดิ่ง แล้วติดอยู่ระยะนาน
แม้แต่ช่วง1930ตลาดยังคงเด้งเป็นพักๆ แม้เศรษฐกิจไม่ฟื้นจริงๆ เป็นโอกาสให้นักลงทุนทำกำไรได้บ้าง
นักลงทุนที่ลงทุนโดยดูกำไรบริษัทในช่วงปลาย1920 ขาดทุนแทบไม่เหลือ
ในขณะที่นักลงทุนพวกที่ใช้pbvต่ำๆ ได้ผลดีและมั่นคงกว่ามาก (ทุกวันนี้น่าจะใช้ ทรัพย์สินจับต้องได้ รึถ้าให้ดีกว่าก็ไม่รวม net current น่าจะดีที่สุด)
3. เศรษฐกิจพังทั้งหมด
ถ้าเจอหมียักษ์โหด เศรษฐกิจทรุดต่อเนื่อง นักลงทุนก็มีเรื่องใหญ่ต้องห่วงมากกว่าหุ้นในผอร์ท
คือทั้งธนาคาร เศรษฐกิจ สังคม สร้างปัญหาใหญ่ให้คุณ พูดง่ายๆก็คือ
คุณควรหัดทำธนูกะลูกศร ไปยิงกระรอกมากินกันตาย มากกว่าห่วงผอร์ทหุ้น
ตลาดย่อตัว;รวมสรุป
ทศวรรษ1930 มีวีไอไม่กี่คนที่รู้ว่า เบน เกรแฮม ล้มละลาย
มันเป็นประสบการณ์ร้ายแรง ที่ทำให้เขาสร้างกลยุทธ์หุ้น net-net ขึ้นมา
หลัง1930 เกรแฮมเน้นเรื่องการรักษาเงินทุน มากกว่าจะคิดเรื่องการทำกำไรให้มากที่สุด
โดยสร้างกลยุทธ์ลงทุน เพื่อปกป้องเงินทุน ที่ดีที่สุดแบบหนึ่งที่เคยมี
ตลาดตกสัปดาห์นี้ ไม่ได้แปลว่าจะกลายเป็นเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหม่ หรือแม้แต่การปรับฐาน
ขณะที่คุณไม่รู้แน่ว่า ตลาดหรือเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรต่อไป นักลงทุนทำได้แค่ปกป้องผอร์ท ยามตลาดผันผวน
คนที่ถือหุ้น net-net อาจเห็นหุ้นในผอร์ทลดลง ถ้าตลาดลดลงมากพอ แต่คุณค่าจากทรัพย์สินจับต้องได้จะพิสูจน์ว่า
มันแข็งแกร่งกว่าคุณค่าจากกำไรบริษัท(ที่วีไอส่วนใหญ่นิยมลงทุน)
ในทางกลับกัน เวลาเราพูดเรื่องตลาดตกต่ำลงอีก หุ้นnet-net ก็จะเต็มตลาดไปหมด
นักลงทุนหุ้นnet-netยังปลอดภัยจากการขาดทุนมากกว่าหุ้นแบบอื่น
เกรียนหุ้นแชมป์รางวัลดับเบิ้ลยูทีเอฟ(แชมป์รางวัลไรมันฟระ..ชื่อแปลตามนั้น) รายงาน
samatah
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1978
จารย์หมอหนึ่ง นี่หล่อ ขนาด ปกรณ์ ลัม เลยเหรอครับ
Wowwwwwww
Wowwwwwww
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1979
อ.NBฮะ
ขอบพระคุณสำหรับเฉลย"ตลาดหุ้นไม่มีจริง"นะฮะ สุดยอดธรรมะ ไตรลักษณ์อนัตตาฮะ
ที่อ.chaitorn(สงสัยอ.ติดละครเลือดมังกร)แซว ว่าเหมือน บอย ปะกลอน ลำ ไรเนี่ย
อ.ท่านสังเกตว่าตอนมี้ตติ้ง สาวๆที่เข้าร้านมา มองผม(แล้วกรี๊ดโดดหนีไปเอาไม้มาฟาดๆ)มั้งฮะ
จริงๆผมหล่อขนาดน้าค่อมฮะ(ถ้าเป็นดาราเกาหลี คงชื่อแก่จังมรึง)
ขับรถกระบะไปประชุม ยามโรงแรมยังบอกเลยว่า"มาส่งของ ไปด้านหลังเลยลุง"
หุ้นตกเที่ยวนี้เพื่อนๆเป็นไงกันมั่งฮะ ผมชินซะแระ
น้องสาวบอก"ยังดีที่ไม่ต้องขายบ้านขายรถมาถัวหุ้น เพราะไม่มีทั้งบ้านทั้งรถ"
มันกลับมาเที่ยวนี้ ไปหาซื้อA&W root beerมาฝากเตี่ย (ไปได้จากแม็กซ์แวลู ทดสอบกับลูกน้อง ได้ผลว่า"ทำไมเอาน้ำมันมวยมาให้กินเนี่ย")
เตี่ยอยากกินมานาน โค้กก็ไม่ชอบ เป๊บซี่(เข้าเมืองไทยสมัยเตี่ยเป็นเด็กวัดราชา)ก็ชักจะเบื่อ
ที่เด็ดคือ แม่เล่าว่า ข้อสอบเข้าจุฬารุ่นโน้นถามว่า"โคคาโคล่า คืออะไร"(หูย..แม่..ลืมถามว่าตอบไปว่าไง)
(วันก่อนเจอเพื่อนเก่า (ไปอยู่ไมโครซอฟท์ ฮอนด้า โค้ก )บอกน้ำท่วมโรงงานเป๊ปซี่วันก่อน เสียแช็มป์ไปเลย)
เที่ยวนี้มี 5 ไอเดียคมๆ มาฝากฮะ
http://www.valuewalk.com/2015/08/five-i ... quick_link
ฤจะถึงจุดจบของตลาดกระทิง6ปีติดต่อกัน?
"คุณเจอเศรษฐกิจชะงัก คุณเจอตลาดหุ้นร่วง
ถ้าคุณไม่เข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้น แปลว่าคุณไม่พร้อม
คุณก็จะทำได้ไม่ดี ในตลาด"
ปีเตอร์ ลินช์
"ตลาดหุ้นคือ เรื่องราวของวงรอบ ขึ้นๆ-ลงๆ
และเรื่องพฤติกรรมคน ซึ่งตอบสนองแบบเว่อร์ๆ ในทั้งสองด้านที่ขึ้นๆ-ลงๆนั้น"
เซธ คลาร์แมน
"มองตลาดที่ผันผวน ให้เป็นเพื่อนของคุณ แทนที่จะมองเป็นศัตรู
หากำไรจากความเขลา แต่อย่าเป็นคนเขลาซะเอง"
วอเรน บัฟเฟต์
"ในตำนานเก่าแก่ ที่สุดแล้วคนฉลาดจะสรุปเรื่องคอขาดบาดตาย
ลงมาเป็นวลีเดียวว่า"แล้วเรื่องนี้ก็จะผ่านไป""
เบน เกรแฮม
"เวลาซื้อ คือตอนที่เลือดนองเต็มถนนไปหมด"
Baron Rothschild
แล้วทุกอย่างจะผ่านไปฮะ
ติ๋งๆ.. แผล็บๆ..(เสียงเลือดหยด กะเลียแผลตัวเอง)..
ขอบพระคุณสำหรับเฉลย"ตลาดหุ้นไม่มีจริง"นะฮะ สุดยอดธรรมะ ไตรลักษณ์อนัตตาฮะ
ที่อ.chaitorn(สงสัยอ.ติดละครเลือดมังกร)แซว ว่าเหมือน บอย ปะกลอน ลำ ไรเนี่ย
อ.ท่านสังเกตว่าตอนมี้ตติ้ง สาวๆที่เข้าร้านมา มองผม(แล้วกรี๊ดโดดหนีไปเอาไม้มาฟาดๆ)มั้งฮะ
จริงๆผมหล่อขนาดน้าค่อมฮะ(ถ้าเป็นดาราเกาหลี คงชื่อแก่จังมรึง)
ขับรถกระบะไปประชุม ยามโรงแรมยังบอกเลยว่า"มาส่งของ ไปด้านหลังเลยลุง"
หุ้นตกเที่ยวนี้เพื่อนๆเป็นไงกันมั่งฮะ ผมชินซะแระ
น้องสาวบอก"ยังดีที่ไม่ต้องขายบ้านขายรถมาถัวหุ้น เพราะไม่มีทั้งบ้านทั้งรถ"
มันกลับมาเที่ยวนี้ ไปหาซื้อA&W root beerมาฝากเตี่ย (ไปได้จากแม็กซ์แวลู ทดสอบกับลูกน้อง ได้ผลว่า"ทำไมเอาน้ำมันมวยมาให้กินเนี่ย")
เตี่ยอยากกินมานาน โค้กก็ไม่ชอบ เป๊บซี่(เข้าเมืองไทยสมัยเตี่ยเป็นเด็กวัดราชา)ก็ชักจะเบื่อ
ที่เด็ดคือ แม่เล่าว่า ข้อสอบเข้าจุฬารุ่นโน้นถามว่า"โคคาโคล่า คืออะไร"(หูย..แม่..ลืมถามว่าตอบไปว่าไง)
(วันก่อนเจอเพื่อนเก่า (ไปอยู่ไมโครซอฟท์ ฮอนด้า โค้ก )บอกน้ำท่วมโรงงานเป๊ปซี่วันก่อน เสียแช็มป์ไปเลย)
เที่ยวนี้มี 5 ไอเดียคมๆ มาฝากฮะ
http://www.valuewalk.com/2015/08/five-i ... quick_link
ฤจะถึงจุดจบของตลาดกระทิง6ปีติดต่อกัน?
"คุณเจอเศรษฐกิจชะงัก คุณเจอตลาดหุ้นร่วง
ถ้าคุณไม่เข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้น แปลว่าคุณไม่พร้อม
คุณก็จะทำได้ไม่ดี ในตลาด"
ปีเตอร์ ลินช์
"ตลาดหุ้นคือ เรื่องราวของวงรอบ ขึ้นๆ-ลงๆ
และเรื่องพฤติกรรมคน ซึ่งตอบสนองแบบเว่อร์ๆ ในทั้งสองด้านที่ขึ้นๆ-ลงๆนั้น"
เซธ คลาร์แมน
"มองตลาดที่ผันผวน ให้เป็นเพื่อนของคุณ แทนที่จะมองเป็นศัตรู
หากำไรจากความเขลา แต่อย่าเป็นคนเขลาซะเอง"
วอเรน บัฟเฟต์
"ในตำนานเก่าแก่ ที่สุดแล้วคนฉลาดจะสรุปเรื่องคอขาดบาดตาย
ลงมาเป็นวลีเดียวว่า"แล้วเรื่องนี้ก็จะผ่านไป""
เบน เกรแฮม
"เวลาซื้อ คือตอนที่เลือดนองเต็มถนนไปหมด"
Baron Rothschild
แล้วทุกอย่างจะผ่านไปฮะ
ติ๋งๆ.. แผล็บๆ..(เสียงเลือดหยด กะเลียแผลตัวเอง)..
samatah
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1980
พูดถึงเลือดนองพื้น, แล้วนึกถึงตัวเองครับ ที่หุ้นลงช่วงที่ผ่านมา ดั๊นสลับตัวในพอร์ต เอาตัวที่(คิดว่า)upsideต่ำ ไปเข้าupsideสูง...
ผลเป็นไงเหรอฮ่ะ ดูได้จากคลิปนี้เบยฮ่ะ
ผลเป็นไงเหรอฮ่ะ ดูได้จากคลิปนี้เบยฮ่ะ
You only live once, but if you do it right, once is enough.