Thai VI

สวัสดีปีใหม่ครับทุกท่าน ติดตามอ่านตลอด ครับ ขอให้สุขภาพแข็งแรงทุกคน

ปีใหม่ที่จะถึงนี้ขอให้คุณวิบูลย์และครอบครัวมีความสุขมากๆนะครับ  :lol:

ขออนุญาตถาม พี่วิบูลย์เพิ่มเติมว่า IRPC ที่ต่ำกว่า 6 บาท น่าซื้อเก็บลงทุนระยะยาวไหมครับ

คำถามคนอื่นๆ ยังไม่ตอบเลยนะครับ  :evil:  :evil:

Happy New Year
สวัสดีปีใหม่
元旦快乐

ขออาราธนาสิ่งศักสิทธิ์ทั้งหลายโปรดดลบันดาลให้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ (และหุ้นของพวกเราที่ได้พิจารณาดีแล้ว ) มีความสุข ความเจริญ พลานัยสมบูรณ์ ในปีใหม่ 2007 ที่จะมาถึงนี้ ครับ

ไม่ได้เข้าเว็ปนี้มาตั้งนาน มีมาแว๊ปๆ แค่อ่านบทความของอาจารย์นิเวศน์ ไม่รู้ว่าเว็ปนี้อุ่นหนาฝาคั้งขนาดนี้ 60 กว่าหน้า อ่านหลายวันกว่าจะหมด ขอพักย่อยแป๊ปนึง แล้วขออนุญาตเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นน่ะครับ

ปล. นอกเรื่องครับที่อ่านมาเห็นมีการแนะนำเรื่องการสั่งหนังสือจาก www.amazon.com กัน ลองเช็คราคาจาก www.amazon.co.uk ด้วยก็น่าจะดีน่ะครับ ภาษาอังกฤษ เหมือนกัน แต่อยู่ใกล้บ้านเรามากกว่า ผมเคยสั่ง ได้ราคาหนังสือรวมค่าส่งถูกกว่า

สวัสดีปีใหม่ครับ คุณวิบูลย์  ขอให้ครอบครัวมีความสุข  ตัวเล็กแข็งแรงโตไวๆ  เก่งๆเหมือนคุณพ่อ ขอให้อาซ้ออนุญาติให้มาตอบคำถามเพื่อนๆในเวบได้บ่อยขึ้น

สวัสดีปีใหม่ครับพี่วิบูลย์

ขอให้พี่และครอบครัวมีความสุขตลอดปี ตลอดไป เจ้าต้วเล็กด้วยนะครับ ให้โตไวๆ  

ความสุขของครอบครัวก็อยู่ที่ได้เห็นเจ้าตัวเล็กเติบโตแหละครับ..

สวัสดีปีใหม่ พี่วิบูลย์ และทุกๆท่านครับ

ptt
รายได้       กำไร
น้ำมัน      68% 4%
กาซ       16% 32%
ปตท.สผ    5% 40%
โรงกลั่น     7% 6%
ปิโตรเคมี   5% 17%

ตัวนี้เป็นข้อมูลปี 49 หรือครับพี่วิบูลย์เพราะที่ผมมีข้อมูลตามรายงานปี 48เป็นดังนี้
กำไร
ปตท 39%
สผ 18%
rrc 12%
กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ rrc 6%
ส่วนแบ่งกำไรขาดทุนจากเงินลงทุนตามส่วนได้เสีย 25%

ขอบคุณมากครับพี่สำหรับคำชี้้แนะ และขอให้พี่และชาว Thaivi มีความสุขใจเทอญ

สวัสดีปีใหม่ 2550 ทุกท่านครับ

BenjaMinburee เขียน:ptt
รายได้       กำไร
น้ำมัน      68% 4%
กาซ       16% 32%
ปตท.สผ    5% 40%
โรงกลั่น     7% 6%
ปิโตรเคมี   5% 17%

ตัวนี้เป็นข้อมูลปี 49 หรือครับพี่วิบูลย์เพราะที่ผมมีข้อมูลตามรายงานปี 48เป็นดังนี้
กำไร
ปตท 39%
สผ 18%
rrc 12%
กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ rrc 6%
ส่วนแบ่งกำไรขาดทุนจากเงินลงทุนตามส่วนได้เสีย 25%

ขอบคุณมากครับพี่สำหรับคำชี้้แนะ และขอให้พี่และชาว Thaivi มีความสุขใจเทอญ

ไม่เป็นไรครับ
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นข้อมูลปี 49 ครับ

สวัสดีปีใหม่  ปีหมูไฟ หมูทอง หมูออมสิน  ขายหมู  และ ราคาหมูตกต่ำครับ

อ้อ..ผมไม่ทานหมูครับ..

ขอให้ปีนี้เป็นปีหมูๆๆๆ ของทุกท่านครับ

ผมเพิ่งเข้ามาครั้งแรกน่ะครับ ชอบเนื้อหาพี่วิบูลย์มากครับ ตอนนี้กำลังฝึกเป็น VI อยู่  ผมกำลังจะเริ่มลงทุนในหุ้นน่ะครับ แต่กำลังหาข้อมูลประกอบอยู่ ตอนแรกยังไม่ค่อยรู้อะไรเลย ลองดูจากเว็ป set.or.th ก่อนน่ะครับ ลองมานั่งเปิด งบการเงินดูก่อน ผมเคยอ่านหนังสือของ ดร.นิเวศน์ เคยได้ยินเกี่ยวกับบริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้าน่ะครับ จริงๆอยากบอกว่าไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับธุรกิจนี้มาก (อุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์ส่องสว่างยานยนต์) แต่สนใจเนื่องจากดูงบการเงินแล้วค่อนข้างชอบน่ะครับเลยโหลดแบบฟอร์ม 56-1 มาอ่านน่ะครับ ตอนแรกงงนิดหน่อย ดูงบการเงินแล้ว เอ ทำไมมันแปลกๆ เพิ่งจะรู้ว่าบริษัทเค้าปิดปีงบประมาณที่ 31 มีนาคม ไม่เหมือนบริษัททั่วไป  นี่คือ 5 Force จากการอ่านมาน่ะครับ

1.คู่แข่งใหม่
อุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์ส่องสว่างยานยนต์ ยังถือเป็นอุตสาหกรรมที่ยากต่อการเข้ามาประกอบการสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ เพราะเนื่องจาก          
1)  ต้องใช้เงินทุนเป็นจำนวนมาก เพราะเนื่องจากเครื่องมือเครื่องจักร และเครื่องทดสอบมีราคาที่แพงมาก
2)  บุคคลากรต้องใช้เวลาฝึกฝน และลงทุนเป็นจำนวนมาก
3)  ใช้เทคโนโลยีเฉพาะ ซึ่งแตกต่างจากอุตสาหกรรมอื่น ๆ อย่างชัดเจน รวมถึงต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน       ความปลอดภัยที่เข้มงวดของแต่ละประเทศ
4)   เนื่องจากบริษัทเป็นบริษัทร่วมทุนกับบริษัท  สแตนเลย์ อิเลคทริค  แห่งญี่ปุ่น   จึงได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี และประสบการณ์ จึงได้รับความเชื่อถือจากผู้ผลิตยานยนต์


2.คู่แข่งในอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์ส่องสว่างยานยนต์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมของบริษัทนั้นถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีภาวะการแข่งขันต่ำ  และมีผู้ผลิตน้อยราย   ซึ่งถ้าพิจารณาโดยสังเขปแล้วจะมีผู้ผลิตเพียง 2   รายเท่านั้น  คือบริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)  และบริษัท ไทยโคะอิโต จำกัด   ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตให้กับทั้งระบบในประเทศไทย แต่เนื่องจากบริษัท  ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า  จำกัด  (มหาชน)    ถือเป็นผู้ผลิตที่ใหญ่อันดับ 1  ของประเทศ และมีส่วนถือครองในตลาดที่สูงกว่าอันดับ 2   อยู่มาก    จึงถือว่าได้เปรียบอย่างมากในการแข่งขัน

3.สินค้าทดแทน อุปกรณ์ส่องสว่างรถยนต์ตอนนี้ไม่น่าจะหาสินค้าทดแทนได้นะครับ

4.การต่อรองจากลูกค้า เนื่องจากในอุตสาหกรรมนี้ มีผู้ผลิตน้อยรายจึงทำให้บริษัทมีอำนาจต่อรองกับลูกค้าในระดับหนึ่ง

5.การต่อรองของซัพพลายเออร์ ในส่วนอำนาจต่อรองกับผู้จำหน่ายวัตถุดิบ ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมนี้จะมีผู้ผลิตน้อยรายแต่ในทางตรงข้ามกันมีผู้จำหน่ายวัตถุดิบมากราย บริษัทจึงใช้นโยบายในการไม่ผูกขาดกับผู้ผลิตหรือจำหน่ายวัตถุดิบเพียงรายใดรายหนึ่งเท่านั้น เพื่อสร้างอำนาจต่อรองให้ได้ต้นทุนที่ต่ำที่สุด


ตอนนี้กำลังถามเพื่อนๆอยู่ว่ารู้จักธุรกิจนี้กันบ้างหรือเปล่าแต่ยังไม่ได้ข้อมูลมากนัก ผมเห็นว่า ROA ROE ค่อนข้าง ดีต่อเนื่อง มีประวัติการทำกำไรต่อเนื่อง Net Profit ก็ดี ประวัติจ่ายปันผลไม่ขาด ตอนนี้ลองพยายมศึกษาสินค้าเค้าอยู่น่ะครับ ใครที่อยู่ในแวดวงนี้ หรือรุ้จักธุรกิจแบบนี้ ช่วยวิจารณ์หน่อยได้มั้ยครับ

แล้วบริษัทแบบนี้จะเรียกว่ากึ่งๆผูกขาดได้มั้ยครับ
ขอบคุณครับ

[quote="cwiboon"]ผมเพิ่งเข้ามาครั้งแรกน่ะครับ ชอบเนื้อหาพี่วิบูลย์มากครับ ตอนนี้กำลังฝึกเป็น VI อยู่

อยากให้พี่วิบูลย์ช่วยแนะนำหนังสือ เกี่ยวกับ การจัดทำงบต่างๆน่ะครับ ผมงงเวลานำงบดุล งบกำไรขาดทุน มาทำ งบกระแสเงินสดน่ะครับ และก็เวลาที่ หามูลค่าที่แท้จริงของ บริษัท จาก DCF อยากทราบว่ามีหนังสืออะไรที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำงบต่างๆ การประเมินค่าหุ้นด้วยวิธี DCF และอื่นๆ ม้ยครับ ที่มีตัวอย่างจริง และค่อนข้างละเอียดน่ะครับ เมื่อวันก่อนไปที่ B2S มาน่ะครับ ลองหาดู แต่ยังไม่เจอที่ถูกใจน่ะครับ ตอนนี้เหมือนได้ concept ของ VI มาแต่ ว่าจะเอาไปวิเคราะห์มูลค่าจริงๆ นี่ยังทำยากอยู่น่ะครับ ขอบคุณครับ

ปล . บังเอิญผมชื่อวิบูลย์เหมือนกันน่ะครับ ไม่ได้ตั้งชื่อ ล้อพี่นะครับ

cwiboon เขียน:อยากให้พี่วิบูลย์ช่วยแนะนำหนังสือ เกี่ยวกับ การจัดทำงบต่างๆน่ะครับ ผมงงเวลานำงบดุล งบกำไรขาดทุน มาทำ งบกระแสเงินสดน่ะครับ และก็เวลาที่ หามูลค่าที่แท้จริงของ บริษัท จาก DCF อยากทราบว่ามีหนังสืออะไรที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำงบต่างๆ การประเมินค่าหุ้นด้วยวิธี DCF และอื่นๆ ม้ยครับ ที่มีตัวอย่างจริง และค่อนข้างละเอียดน่ะครับ เมื่อวันก่อนไปที่ B2S มาน่ะครับ ลองหาดู แต่ยังไม่เจอที่ถูกใจน่ะครับ ตอนนี้เหมือนได้ concept ของ VI มาแต่ ว่าจะเอาไปวิเคราะห์มูลค่าจริงๆ นี่ยังทำยากอยู่น่ะครับ ขอบคุณครับ

ของคุณสุมาอี้ - การหามูลค่าหุ้น

ถ้าจะเอาละเอียดจริงๆก็ต้องของอาจารย์ Doradoman (ถ้าพิมพ์ไม่ผิดนะ)
เล่มหนาเป็น Textbook
ถ้าหาในเมืองไทยไม่ได้ก็ต้องสั่ง Amazon

cwiboon เขียน:ปล . บังเอิญผมชื่อวิบูลย์เหมือนกันน่ะครับ ไม่ได้ตั้งชื่อ ล้อพี่นะครับ

เข้าใจครับ ชื่อนี้มีกันเป็นกุรุสเลยนะครับ
เพื่อนผมคนนึงเพิ่งไปเปลี่ยนชื่อมาจากวิบูลย์เป็น"ณัฐภัทร"!
มันบอกชื่อวิบูลย์โหล

VIB007 เขียน:

Damodaran หรือเปล่าครับ?

เห็นชื่อนี้ทีไร ผมนึกถึง โดราเอมอนทุกที 8)

สวัสดีพี่วิบูลย์และพี่ๆทุกคนครับ ผมติดตามกระทู้นี้มาตั้งแต่ต้นจนจบ มีโอกาสโพสเป็นครั้งแรก ขอขอบคุณพี่ๆที่ช่วยแบ่งปันความรู้(ความรู้ที่พี่ๆให้อย่างน้อยก็บ่มเพาะให้ผมมีรากฐานความคิดแบบviซึ่งผมจะศึกษาเพิ่มต่อไป)ปัจจุบันผมยังเรียนอยู่ปี3ผมมีข้อสงสัยอยากให้พี่ๆแนะนำ ดังนี้

1.พี่ๆคิดว่าถ้ามีโอกาสผมควรเรียนปริญญาโทบริหารธุกิจต่อหรือไม่(แต่ละคนก็มีความคิดและวิถีชีวิตต่างกัน ผมอยากถามความเห็นของพี่ๆ ซึ่งหน้าจะเป็นประโยชน์กับน้องๆหลายคน และแม้ว่าความสำเร็จในการลงทุนอาจไม่ต้องใช้ความรู้สูงๆอะไรมากมายแต่ถ้ามีโอกาสผมควรเรียนมั๊ย)

2.อยากให้พี่ๆให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน (ผมอ่านหนังสือที่พี่ๆแนะนำไปประมาณ10เล่มแล้ว)โดยสิ่งที่ผมต้องการคือพวกพี่ๆคงเคยคิดว่าถ้าย้อนเวลาได้ฉันน่าจะทำไอ้นี่ ทำไอ้โน่น ถ้าทำเมื่อ5ปีที่แล้วนะป่านนี้สำเร็จไปแล้วฯลฯ ก็เลยอยากขอให้พี่ๆช่วยแนะนำรุ่นน้องจะได้เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ และไม่ผิดพลาดซ้ำเหมือนพี่ๆ(หวังว่าพี่คงยินดีแนะนำ)

3.ผมมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเอกสารนิดหน่อยคือ แบบ56-1และรายงานประจำปีมีความแตกต่างกันยังไง บริษัทต้อง
เปิดเผยข้อมูลทั้ง2ฉบับต่อผู้ถือหุ้นหรือไม่

ผมคงขอรบกวนพี่ๆ3ข้อ ไม่มากไม่น้อยเกินไป หวังว่าคำตอบที่ได้รับคงมีประโยชน์กับหลายๆคน (อย่างน้อยก็ผมคนนึง) ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

ben888 เขียน:สวัสดีพี่วิบูลย์และพี่ๆทุกคนครับ ผมติดตามกระทู้นี้มาตั้งแต่ต้นจนจบ มีโอกาสโพสเป็นครั้งแรก ขอขอบคุณพี่ๆที่ช่วยแบ่งปันความรู้(ความรู้ที่พี่ๆให้อย่างน้อยก็บ่มเพาะให้ผมมีรากฐานความคิดแบบviซึ่งผมจะศึกษาเพิ่มต่อไป)ปัจจุบันผมยังเรียนอยู่ปี3ผมมีข้อสงสัยอยากให้พี่ๆแนะนำ ดังนี้

1.พี่ๆคิดว่าถ้ามีโอกาสผมควรเรียนปริญญาโทบริหารธุกิจต่อหรือไม่(แต่ละคนก็มีความคิดและวิถีชีวิตต่างกัน ผมอยากถามความเห็นของพี่ๆ ซึ่งหน้าจะเป็นประโยชน์กับน้องๆหลายคน และแม้ว่าความสำเร็จในการลงทุนอาจไม่ต้องใช้ความรู้สูงๆอะไรมากมายแต่ถ้ามีโอกาสผมควรเรียนมั๊ย)

ถ้ามีโอกาสควรเรียนต่อเป็นอย่างยิ่ง
อย่างน้อยก็ได้มุมมองที่กว้างขึ้น

ben888 เขียน:2.อยากให้พี่ๆให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน (ผมอ่านหนังสือที่พี่ๆแนะนำไปประมาณ10เล่มแล้ว)โดยสิ่งที่ผมต้องการคือพวกพี่ๆคงเคยคิดว่าถ้าย้อนเวลาได้ฉันน่าจะทำไอ้นี่ ทำไอ้โน่น ถ้าทำเมื่อ5ปีที่แล้วนะป่านนี้สำเร็จไปแล้วฯลฯ ก็เลยอยากขอให้พี่ๆช่วยแนะนำรุ่นน้องจะได้เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ และไม่ผิดพลาดซ้ำเหมือนพี่ๆ(หวังว่าพี่คงยินดีแนะนำ)

กฏข้อที่หนึ่ง อย่าขาดทุน
กฏข้อที่สอง อย่าลืมกฏข้อที่หนึ่ง

ถ้าไม่ขาดทุนซะอย่าง
เงินมันก็เติบโตขึ้นได้เอง

ben888 เขียน:3.ผมมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเอกสารนิดหน่อยคือ แบบ56-1และรายงานประจำปีมีความแตกต่างกันยังไง บริษัทต้อง
เปิดเผยข้อมูลทั้ง2ฉบับต่อผู้ถือหุ้นหรือไม่

รายงานประจำปีมักมีแต่เรื่องดีๆ และรูปสวยๆ
แต่ แบบ56-1 ต้องถูกบังคับให้พูดเรื่องไม่ค่อยดีด้วย เช่น ความเสี่ยงในการทำธุรกิจ และอื่นๆ

ben888 เขียน:ผมคงขอรบกวนพี่ๆ3ข้อ ไม่มากไม่น้อยเกินไป หวังว่าคำตอบที่ได้รับคงมีประโยชน์กับหลายๆคน (อย่างน้อยก็ผมคนนึง) ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

โอเคครับ

VIB007 เขียน:
What do you guys want? Everyhting is in this topic.
You can read it from first page. Good Luck!

ใจเย็นๆครับเฮีย

เจ้าตัวโตของผมตอนนี้กำลังอิจฉาน้อง เห็นป๋าทำอะไรให้น้องต้องเอาด้วยขอแบ่งด้วย
อาทิตย์ก่อนเห็นผมใช้หลอดฉีดยาป้อนยาให้น้อง ก็ขอกินมั่ง แต่ผมไม่ให้ ป้อนยาเสร็จก็วางหลอดไว้
เพราะต้องไปล้างหน้าให้ตัวเล็กที่ดิ้นร้องไม่ยอมกินยาจนเลอะไปหมด
เจ้าตัวโตก็หยิบหลอดยาที่เหลือไปดูดต่อเพราะอยากกินด้วย บังเอิญยาตัวนี้มันไม่ได้หวาน
ดูดเข้าไปก็แลบลิ้นเอามือถูเพราะว่ามันขม ตลกดีแต่ก็สงสารต้องหาวิตามินซีให้กินแก้ขม
แล้วก็บอกเขาว่าเรานะไม่ได้เป็นอะไรไม่ต้องกินยาแต่น้องเขาไม่สบาย หมอเขาก็จ่ายยาให้น้องกินจะได้หาย
แต่ถ้าเรากินเข้าไปนะไม่มีประโยชน์แถมยังอันตรายอาจทำให้ไม่สบายแทนด้วย  

NinjaTurtle เขียน: ใจเย็นๆครับเฮีย :

ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก
แค่เขียนตอบเล่นๆ

NinjaTurtle เขียน:[เจ้าตัวโตของผมตอนนี้กำลังอิจฉาน้อง เห็นป๋าทำอะไรให้น้องต้องเอาด้วยขอแบ่งด้วย
อาทิตย์ก่อนเห็นผมใช้หลอดฉีดยาป้อนยาให้น้อง ก็ขอกินมั่ง แต่ผมไม่ให้ ป้อนยาเสร็จก็วางหลอดไว้
เพราะต้องไปล้างหน้าให้ตัวเล็กที่ดิ้นร้องไม่ยอมกินยาจนเลอะไปหมด
เจ้าตัวโตก็หยิบหลอดยาที่เหลือไปดูดต่อเพราะอยากกินด้วย บังเอิญยาตัวนี้มันไม่ได้หวาน
ดูดเข้าไปก็แลบลิ้นเอามือถูเพราะว่ามันขม ตลกดีแต่ก็สงสารต้องหาวิตามินซีให้กินแก้ขม
แล้วก็บอกเขาว่าเรานะไม่ได้เป็นอะไรไม่ต้องกินยาแต่น้องเขาไม่สบาย หมอเขาก็จ่ายยาให้น้องกินจะได้หาย
แต่ถ้าเรากินเข้าไปนะไม่มีประโยชน์แถมยังอันตรายอาจทำให้ไม่สบายแทนด้วย

แวะเข้ามาสวัสดีปีใหม่จีนกับพี่วิบูลย์ ครับ  

ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงตลอดปี 2550 นะครับ

 :D  :D  ...

ซินเจี่ย ยูอี่ ซินนี้ ฮวดใช้  อั่งเป่าตั่วตั่วไก๊


แวะมาขออั่งเปาจากพี่วิบูลย์ครับ

สุูขสันต์วันตรุษจีนครับ พี่ๆ รำ่รวยเงินทองและร่ำรวยน้ำใจกันถ้วนหน้าครับ

[quote="beammy"]แวะเข้ามาสวัสดีปีใหม่จีนกับพี่วิบูลย์ ครับ

TCJ กะ NWR ครับ เปงไงมั่ง
ถามคั่นจังหวะมั่งเดี๋ยวจะมีคนทิ้ง mail ไว้อีก อิอิ

สวัสดีครับ ผมกำลังคิดจะลงทุนเลยเข้ามาไล่อ่านในกระทู้นี้ มีเรื่องไม่เข้าใจอยู่มากมายครับ ขอเริ่มถามด้วยคำถามที่ง่ายที่สุดก่อนครับ

Munger: "ก็ถ้าคุณสามารถทำอัตราผลตอบแทนได้ปีละ 24% อัตราเงินเฝ้อที่ 3% มูลค่าความโก้ของคุณก็คือ 25,000*(1+.24)^20/(1.03)^20 = 1,022,420 เหรียญ"

ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเอา 1.03^20 มาหาร 1.24^20 ครับ ทำไมเราไม่ใช้เป็น (1 + 0.24 - 0.03)^20 แทนครับ

ลองดูตัวอย่างที่ผมยกหน่อยนะครับ ว่า ผมเข้าใจถูกรึไม่

ถ้าลงทุน 100 บาท ได้กำไร 10% แต่อัตราเงินเฟ้อ 10 % เช่นกัน ตาม common sense  ของผมจะตอบว่า สุดท้ายแล้วเหมือนไม่ได้ลงทุน คือ สรุปว่ามีตัง 100 บาทเท่าเดิม

แต่ถ้าคิดอีกแบบคือ

100(เงินต้น)--ผลตอบแทน 10% --> 110 (เงินต้น + ผลตอบแทน)--
เงินเฟ้อ 10% --> 99 (110 - 11)

ทำไมคิดแบบวิธีนี้มันเหลือ 99 บาทครับ
แล้วสูตรคำนวนมันเป็นแบบไหนกันแน่ครับ

i_team_na เขียน:สวัสดีครับ ผมกำลังคิดจะลงทุนเลยเข้ามาไล่อ่านในกระทู้นี้ มีเรื่องไม่เข้าใจอยู่มากมายครับ ขอเริ่มถามด้วยคำถามที่ง่ายที่สุดก่อนครับ
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเอา 1.03^20 มาหาร 1.24^20 ครับ ทำไมเราไม่ใช้เป็น (1 + 0.24 - 0.03)^20 แทนครับ

นั่นนะซิครับ
ทำไมไม่เอาผลตอบแทนลบด้วยเงินเฝ้อแล้วคิดไปอีก 20 ปี
ถ้าใช้สูตรที่ว่า 25,000*(1 + 0.24 - 0.03)^20  จะได้จำนวนเงินเท่ากับ1,131,481 เหรียญ

ผมว่าไม่มีวิธีไหนถูกหรือผิด 100%

อย่างแบบแรกนั้นคิดว่าเงินจะเติบโตไปถึงปีที่ 20 เป็นเงินเท่าไหร่
แล้วค่อยคิดส่วนลดด้วยอัตราเงินเฝ้อกลับมาเป็นเงินในปัจจุบัน

แต่วิธีหลังเป็นวิธีเอาเงินเฝ้อไปหักออกจากผลตอบแทนในแต่ละปี
แล้วค่อยคิดผลตอบแทนในปีที่ 20

สรุปได้ว่า แบบแรกเป็นเงินในปัจจุบัน
แต่แบบหลังเป็นเงินในอนาคต(20 ปีข้างหน้าหลังหักเงินเฝ้อ)

ถ้าใช้หลักสูตรของกระทรวงศึกษาไทย
ผมคงสอบตก

แต่ถ้าใช้หลักสูตรของอเมริกา
ผมคงได้คะแนนเต็ม
:lol:  :lol:  :lol:

i_team_na เขียน:ลองดูตัวอย่างที่ผมยกหน่อยนะครับ ว่า ผมเข้าใจถูกรึไม่

ถ้าลงทุน 100 บาท ได้กำไร 10% แต่อัตราเงินเฟ้อ 10 % เช่นกัน ตาม common sense

Uncle Bob เขียน:TCJ กะ NWR ครับ เปงไงมั่ง
ถามคั่นจังหวะมั่งเดี๋ยวจะมีคนทิ้ง mail ไว้อีก อิอิ

ของเก่ายังค้างอยู่เพียบเลย
ขอมาใหม่
ผมไม่ได้เข้าเวปมาตอบยาวๆเลยครับ
เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับเจ้าลิงสองตัวที่บ้าน

ต้องขออภัยทุกท่านที่เรียนถามเรื่องตัวหุ้นมาด้วย ณ โอกาสนี้

ขอบคุณมากครับ พอเข้าใจแล้วครับ

อ่านหนังสือพี่วิบูลย์กับพี่มนเขียนจบแล้วครับ
เมืองเลยนี่หนังสือออกช้าชมัดเลยครับ ได้เมื่อวันพฤหัสที่แล้ว อ่านแล้วคุ้มมากๆครับขอนั่งยังนอนยัน.

และขอบคุณพี่ๆทั้งสองที่ช่วยแบ่งปันแนวคิดให้เป็นแสงสว่างนำทางนะครับ

ปล.ใครยังไม่อ่านไปซื้อซะ ค่าหนังสือ208บาทถูกกว่าค่าโง่เยอะเลย(อิ.อิ.เลียนแบบคำพูดป๋ามน )