หน้า 63 จากทั้งหมด 89
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 10, 2010 7:26 pm
โดย Prelude
ขออนุญาติตอบความคิดเห็นส่วนตัวครับ (ซึ่งอาจจะผิด)
ถ้าผิด รบกวนทุกๆท่านแย้งเลยครับ ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับผม
ผมไม่แน่ใจว่า รายจ่ายที่เกิดขึ้นเป็นรายการที่เกี่ยวกับการขยายตลาดของ 3BB หรือไม่ครับ
งบการเงินมันถือหุ้นไขว้กันไปมา และมีรายการเกี่ยวพันกันจนตาลายไปหมด
สมมติถ้าใช่นะครับ (สมมตินะครับ สมมติ)
ประเด็นที่ว่าค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาก จนกำไรสุทธิน้อยลง
ส่งผลให้ npm ลดลงครึ่งหนึ่ง ผมไม่ห่วงเลยครับ
สาเหตุที่ผมไม่ห่วงก็คือ
ค่าใช้จ่ายหลักที่เพิ่มขึ้น คือต้นทุนขายและบริการ จาก 780 ล้านเป็น 1280 ล้าน
รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้นประมาณ 100 ล้าน
คิดว่าเป็นเพราะค่าทำการตลาดครับ
ช่วงนี้ 3BB ทำการตลาดหนักมาก ทั้ง Roadshow ตาม Event ต่างๆ
ตอนนี้ มี Boot ของ 3 BB ทั่วกรุงเทพ
ทั้งตามห้างใหญ่ๆ เช่นที่ central world ตรงข้าม Manhattan Fishmarket
และจุดที่คนพลุดพล่านมากมาย เช่น ซอยธนิยะ
3BB เพิ่งออกโฆษณาทาง TV ด้วยครับ
ในความคิดของผม ธุรกิจที่เป็นช่วงความชันสูงของตัว S-curve
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การขยายฐานตลาดครับ
เรื่องลดต้นทุน จะสำคัญตอนที่เข้าสูงช่วงเริ่มอิ่มตัวมากกว่าครับ
ผมกลับมองตรงข้ามว่า
บริษัทสามารถเพิ่มยอดขาย จาก 1200 ล้านเป็น 2000 ล้าน ในเวลาเพียง 1 ปี
ทั้งที่มีเจ้าตลาดขวางอยู่ถึง 2 เจ้า คือ TOT และ TRUE ซึ่งได้เปรียบทางด้านทำเลขายมาก
และยังสามารถควมคุมกำไรให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจทีเดียว
แต่ถ้ารายการค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น ไม่ใช่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับการขยายตลาดของ 3BB
ผมจะสงสัยมาก ว่ามันจะเกิดจากอะไร?
หรือมีความผิดพลาดในการบริหารที่ร้ายแรง?
เงินลงทุนก็คงไม่บันทึกเป็นรายจ่ายใช่ไหมครับ
แต่อย่างไรก็ดี การเพิ่มขึ้นของยอดขาย ก็นับว่ามีนัยยะสำคัญอยู่ดีครับ
สิ่งที่ผมเป็นห่วงจริงๆมากๆ คือ TT&T ครับ ผมว่ามันเสี่ยงมาก ที่จะเข้าไปอุ้ม
แต่ผู้บริหารคงมองออกว่าคุ้มที่จะเสี่ยง ซึ่งตรงนี้น่ากลัวครับ
ขึ้นอยู่กับนักลงทุนอย่างเรา ที่พร้อมจะเสียวไหม
สิ่งที่ทำให้ผมสนใจ JAS มาก เพราะเป็นธุรกิจที่อยู่ในตลาดขาขึ้น
ทั้งยังเป็นธุรกิจบริการด้วย ซึ่งน่าจะ PE สูง
แต่ PE ตอนนี้ต่ำมาก เพียง 5 เท่านั้น
ปกติ PE แบบนี้ มันต้องเป็นธุรกิจโรงงานผลิต หรือ Commodity รึเปล่าครับ
(แต่ อาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ในกอไผ่นะครับ)
แต่อย่างไรก็ดี ยังมีสิ่งที่ผมยังไม่เข้าใจใน JAS ถึงมากกว่า 80% ทีเดียวครับ
รบกวนขอคำชี้แนะด้วยครับผม
ยินดีหน้าแตก แลกความรู้ครับ
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 10, 2010 10:32 pm
โดย ลูกอิสาน
sonnesaint เขียน:
7-80%
หมายถึง 7 ถึง 80% หรือว่า 70 ถึง 80 % ครับ
70-80% ครับ
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 10, 2010 11:10 pm
โดย ลูกอิสาน
Prelude เขียน:ไม่ทราบว่า ทางพี่ลูกอีสาน พอจะช่วยวิเคราะห์ JAS ได้ไหมครับ
ว่ามีมุมมองตรงไหนที่ผมมองข้ามไป หรือต้องระวัง
รวมถึงการวิเคราะห์เชิงปริมาณ (ซึ่งผมทำไม่เป็นเลยครับ)
ขอบคุณครับพี่
ผมเคยติดตาม jas มาบ้าง ถ้าเขียนเรื่องราวก็คงยาวเป็นมหากาพร์ได้ครับ ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า
jas ของตระกูลโพธารามิก เป็นบริษัทเทเลคอมที่มีธุรกิจหลากหลาย มีบริษัทย่อยและร่วมเยอะแยะไปหมด แต่หลักๆจะมีอย่างนี้ครับ
1.ธุรกิจสัมปทานเคเบิ้ลใต้น้ำ เข้าใจว่าผ่านบริษัทย่อยอคิวเมนท์ ซึ่งสร้างกำไรและกระแสเงินสดค่อนข้างมากและยาวนาน แต่ปัญหาคือปี 54 เข้าใจว่าหมดสัปปทานแล้ว ตัวนี้ก็จะกลายเป็น 0
2.ธุรกิจวางระบบ ผ่าน JTS สร้างรายได้เยอะ แต่กำไรไม่เยอะเท่าไหร่ เป็นคู่แข่งของ AIT SAMTEL
3.ธุรกิจ gateway เป็นธุรกิจใหม่ ผ่านจัสเทล รายได้และกำไรเติบโตก้าวกระโดด เพราะประเทศไทยมีการใช้แบนวิธไปต่างประเทศโตก้าวกระโดด ในเมื่อบริษัทในเครือเป็นผู้ใช้รายใหญ่ ก็เลยตั้งบริษัทลูกขึ้นมาทำเอง เรือล่มในหนอง แต่ก็ขายให้กับลูกค้าภายนอกด้วย อย่าง true ก็เป็นลูกค้า gateway พวกนี้ต้องผ่านแถวชายแดนมาเลเซีย เพราะในประเทศต้องผ่าน กสท.เท่านั้น ซึ่งคิดค่าบริการแพงมาก มาเลเซียก็เลยได้เงินไปสบายๆ
4.ธุรกิจบรอดแบนด์ ก่อนหน้านี้เป็นบริษัททริปเปิลทรีบรอดแบนด์หรือ tttbb โดยใช้โครงข่ายสายโทรศัพท์ของ tt&t (jasถือหุ้นและบริหารtt&t) โดย tttbb มี jas ถือหุ้นใหญ่ และ tt&t ถือหุ้นส่วนน้อย บริษัท tttbb เคยมีแผนเข้าตลาด แต่มีปัญหาเรื่องโครงสร้างผู้ถือหุ้นและสัญญาร่วมทุน ทำนองว่าบริษัท tttbb ควรถือหุ้นใหญ่โดย tt&t แต่ในความเป็นจริงกลับถือหุ้นใหญ่โดย jas ซึ่งเป็นของตระกูลโพธารามิก โดยที่ jas ถือหุ้นเพียงบางส่วนและได้อำนาจบริหาร tt&t
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 10, 2010 11:25 pm
โดย theerasak24
อย่างที่พี่ลูกอีสานวิเคราะห์เรื่อง Jas น่าสนใจนะครับ แต่ถึงอย่างไรในอนาคตเทคโนโลยีบรอดแบนด์นี้ก็จะเปลี่ยนจากเดิมใช้สาย copper ความเร็วได้ไม่กี่เม็กกะไบต์ มาเป็น Fiber Optic ครับและก็ความเร็วก็จะมากขึ้นกว่าเดิมเยอะด้วยครับทำให้สายเดิมที่วางเอาไว้แทบจะทำอะไรไม่ค่อยจะได้นะครับ
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 10, 2010 11:25 pm
โดย Prelude
ขอบคุณครับพี่
ขนาดพี่ยังเสียว ผมคงเสี๊ยวเสียว เลยครับ :D
ผมเองก็มองแต่ด้านดี ไม่ค่อยได้มองด้านเสียเลยครับ
ขอบคุณที่ได้พี่เตือนสติครับ
ผมเองอาจจะถือติด port ไว้บ้าง แค่พอเสียว
แต่คงไม่ลงเยอะครับ ให้ไม่เสียหายมาก สัก 100 หุ้นดีไหมครับ
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 10, 2010 11:25 pm
โดย หมีขาว
ขอบคุณพี่มากๆ เลยครับ ผมเข้าใจว่าพี่ใช้เวลาพิมพ์ราวๆ 40 นาที
สำหรับคำตอบอย่างละเอียดนี้ รุ้สึกได้เลยครับว่าพี่ให้ข้อมูลด้วยความเอาใจใส่
และเป็นห่วงน้องๆ ที่อาจจะมองไม่ครบทุกมุมด้วยใจจริง
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 11, 2010 8:20 am
โดย Outliers
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ผมไม่ได้มองพื้นฐานหลังจากการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่เลยครับ มองยากเหมือนกันว่าจะดีหรือแย่ลง ดูไทยธนาคาร bt เป็นกรณีศึกษาก็ได้ แต่ที่แน่ๆยังมีโอกาสการทำ arbitrage กับทั้ง 2 ดีลนี้ได้ ซึ่งผมคิดว่าความเสี่ยงต่ำ กรณี ACL น่าจะให้ผลตอบแทนประมาณ 5% ภายใน 2-3 เดือน ส่วน SCIB ผมคิดว่าผลตอบแทนขั้นต่ำก็คงเท่าๆกัน และมีโอกาสที่จะได้มากกว่านั้นหากมีการแข่งขันราคากันสูง ซึ่งอีกไม่กี่วันก็คงได้รู้ราคาครับ แต่ไม่มีอะไรที่ปลอดความเสี่ยงร้อยเปอร์เซนต์รวมถึงระยะเวลาอาจจะยืดออกไปเพราะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ กรณี SCAN ที่ผ่านมาเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับความเสี่ยงการทำ arbitrage ครับ
ขอบคุณมากครับพี่ลูกอีสาน
แต่ขอถามต่อหน่อยสิครับว่ากรณี SCAN นี้เป็นอย่างไรบ้าง
Deal กับ Diva ไม่สำเร็จหรือครับ หรือว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะอะไร
คือไม่ได้ตามมานานน่ะครับ จำได้ว่าขายไปใกล้ๆราคาที่ deal ไม่ได้รอให้ deal จบก่อนเลยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้น
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 11, 2010 8:23 am
โดย Outliers
ขอเรียนถามคุณลูกอีสานต่อนะครับว่า
ถ้าเราคาดว่าราคาเงิน (โลหะแร่) จะสูงในอนาคต (ตามการวิเคราะห์ของ Jim Rogers) เราควรจะซื้อหุ้นตัวไหนดีครับ
ส่วนตัวเข้าใจว่าไม่มีหุ้นเหมืองเงินในไทย
แล้วพวก Soft Commodities ล่ะครับ เช่น ข้าว, น้ำตาล, ยาง ถ้าเราคาดว่าราคาจะขึ้นในระยาวเราควรถือตัวไหนดี
(โดยส่วนตัวไม่เล่นพวกตลาด future น่ะครับ)
แล้วบางทีก็งงว่าหุ้นบางตัวก็มีต้นทุนเป็นการนำเข้าพวก Soft Commo. แต่ราคาหุ้นบางทีก็กลับขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เพราะคาด stock gain แต่ในระยะยาวก็ไม่น่าจะดีหรือเปล่าครับ ถ้าไม่สามารถขึ้นราคาสินค้าตามได้ทั้งหมด
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 11, 2010 9:49 am
โดย BeSmile
คุณโจครับ ผมขอเอาความคิดเห็น JAS ไป Post ที่ร้อยคนร้อยหุ้น นะครับ
เป็นมุมมองที่น่าสนใจครับ
ขอบคุณครับสำหรับ ความคิดเห็น ผมพยายามหามุมมอง หลาย ๆ ด้านของหุ้นตัวนี้ ว่าจะถามหลายทีแล้ว แต่ยังไม่ได้ถามสักที
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 11, 2010 12:32 pm
โดย rerkit
ลูกอิสาน เขียน:
ผมเคยติดตาม jas มาบ้าง ถ้าเขียนเรื่องราวก็คงยาวเป็นมหากาพร์ได้ครับ ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า
jas ของตระกูลโพธารามิก เป็นบริษัทเทเลคอมที่มีธุรกิจหลากหลาย มีบริษัทย่อยและร่วมเยอะแยะไปหมด แต่หลักๆจะมีอย่างนี้ครับ
1.ธุรกิจสัมปทานเคเบิ้ลใต้น้ำ เข้าใจว่าผ่านบริษัทย่อยอคิวเมนท์ ซึ่งสร้างกำไรและกระแสเงินสดค่อนข้างมากและยาวนาน แต่ปัญหาคือปี 54 เข้าใจว่าหมดสัปปทานแล้ว ตัวนี้ก็จะกลายเป็น 0
2.ธุรกิจวางระบบ ผ่าน JTS สร้างรายได้เยอะ แต่กำไรไม่เยอะเท่าไหร่ เป็นคู่แข่งของ AIT SAMTEL
3.ธุรกิจ gateway เป็นธุรกิจใหม่ ผ่านจัสเทล รายได้และกำไรเติบโตก้าวกระโดด เพราะประเทศไทยมีการใช้แบนวิธไปต่างประเทศโตก้าวกระโดด ในเมื่อบริษัทในเครือเป็นผู้ใช้รายใหญ่ ก็เลยตั้งบริษัทลูกขึ้นมาทำเอง เรือล่มในหนอง แต่ก็ขายให้กับลูกค้าภายนอกด้วย อย่าง true ก็เป็นลูกค้า gateway พวกนี้ต้องผ่านแถวชายแดนมาเลเซีย เพราะในประเทศต้องผ่าน กสท.เท่านั้น ซึ่งคิดค่าบริการแพงมาก มาเลเซียก็เลยได้เงินไปสบายๆ
4.ธุรกิจบรอดแบนด์ ก่อนหน้านี้เป็นบริษัททริปเปิลทรีบรอดแบนด์หรือ tttbb โดยใช้โครงข่ายสายโทรศัพท์ของ tt&t (jasถือหุ้นและบริหารtt&t) โดย tttbb มี jas ถือหุ้นใหญ่ และ tt&t ถือหุ้นส่วนน้อย บริษัท tttbb เคยมีแผนเข้าตลาด แต่มีปัญหาเรื่องโครงสร้างผู้ถือหุ้นและสัญญาร่วมทุน ทำนองว่าบริษัท tttbb ควรถือหุ้นใหญ่โดย tt&t แต่ในความเป็นจริงกลับถือหุ้นใหญ่โดย jas ซึ่งเป็นของตระกูลโพธารามิก โดยที่ jas ถือหุ้นเพียงบางส่วนและได้อำนาจบริหาร tt&t
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 11, 2010 8:26 pm
โดย loki
loki เขียน:
จากข้างบนครับขอถามความเห็นพี่โจเกี่ยวกับPATOหน่อยครับเท่าที่ผมดูก็ผลประกอบการงบการเงินปันผลดีติดต่อกันหลายปีอยู่(3-4ปีที่ผ่านมา)แล้วผมก็คิดว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ก็จะคงยังพึ่งสารเคมีกำจัดศัตรูพืชอยู่ดียิ่งมีนโยบายสนับสนุนด้านการเกษตรด้วยผมคิดว่าน่าจะขยายได้อีกในอุตสาหนกรรมนี้ซัก5-10ปีแต่ต่อไปไม่แน่ใจถ้ามีการตัดแต่งพันธุกรรมให้พืชทนแมลงมากขึ้นอาจจะทำให้อุสาหกรรมนี่ดับก็ได้แต่ก็ยังมีพวกต่อต้านการทำเรื่องนี้อยู่พี่โจคิดเห็นว่าอย่างไรครับ
ขออีกรอบนะครับ
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 11, 2010 10:15 pm
โดย ลูกอิสาน
[quote="AleAle"]ขอความคิดเห็นพี่โจเกี่ยวกับ
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 11, 2010 10:23 pm
โดย ลูกอิสาน
rerkit เขียน:ผมขอถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีหาข้อมูล บ. ได้มั๊ยครับ ยกตัวอย่าง บ. JAS นี้เลยนะครัีบ ว่าพี่โจ หาจากไหน และีมีส่วนไหนวิเคราะห์เอง นำงบการเงินมาปะติดปะต่อส่วนไหนทำให้เห็นภาพธุรกิจออกมาครับ
ปล. อยากจับปลาเองเป็นบ้างหนะครับ ขอบคุณล่วงหน้านะครับ
JAS เป็นหุ้นที่ผมเคยถือและติดตาม ผมก็หาข้อมูลปกติในหนังสือพิมพ์ธุรกิจ ในแบบ 56-1 รวมถึงรายงานการประชุม ข่าวที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ การหัดสังเกต พยายามปะติดปะต่อเหมือนการต่อจิ๊กซอ เราจะได้เรื่องราวคร่าวๆของหุ้นตัวนั้นออกมาครับ
ส่วนเรื่องประเด็นลบๆของหุ้นแต่ละตัว ผมคิดว่าเราต้องมองด้วย ไม่ใช่ว่าจะมองแต่ด้านดีอย่างเดียว คิดจะเอาแต่ได้ไม่ยอมเสีย ซึ่งไม่มีหรอกครับ หุ้นทุกตัวมีข้อด้อยทั้งนั้น มากบ้างน้อยบ้าง ถ้าเรารอหาหุ้นที่ไม่มีข้อด้อยเลย เราคงหาหุ้นลงทุนไม่ได้ครับ ดังนั้นพิจารณาข้อลบแล้วต้องชั่งใจกับปัจจัยบวกๆ แล้วค่อยตัดสินใจครับ...
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 11, 2010 10:31 pm
โดย ลูกอิสาน
[quote="Outliers"]
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ผมไม่ได้มองพื้นฐานหลังจากการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่เลยครับ มองยากเหมือนกันว่าจะดีหรือแย่ลง ดูไทยธนาคาร bt เป็นกรณีศึกษาก็ได้
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 11, 2010 11:57 pm
โดย AleAle
ขอบคุณมากครับพี่โจ ตั้งหน้าตั้งตารอทุกวันเลยครับ
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 12, 2010 8:33 am
โดย Outliers
โค้ด: เลือกทั้งหมด
กรณี SCAN ก็สำเร็จนะครับ แต่กว่าดีลจะผ่านไปได้ต้องลุ้นกันหลายรอบ ผมตอบแทน 20 กว่าเปอร์เซนต์กับระยะเวลา 5-6 เดือนและต้องมานั่งคอยลุ้น ไม่ค่อยคุ้มครับ
20% ต่อครึ่งปีนี่มันเท่ากับ 40% ต่อปีเลยนะครับ :shock:
ถ้าผมหา deal อย่างนี้ได้แค่ปีละครั้งก็แทบจะนอนฝันหวานแล้วล่ะครับ
ผมจำได้ว่าดีใจกับ Deal นี้มากเพราะ ผมตอบแทน 20 กว่าเปอร์เซนต์กับระยะเวลา 5-6 เดือนนี่แหละ
เซียนกับคนธรรมดาต่างกันตรงนี้นี่เอง เพราะตอนนี้ผมยังมีหุ้นบางตัวที่ให้ผลตอบแทนแถวๆ 10-15% มาหลายปีแล้วก็ยังพอใจอยู่เลยครับ
สงสัยคงต้องตั้งเป้าให้ท้าทายขึ้นกว่านี้หน่อย :P
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 12, 2010 9:42 am
โดย BABY TERMITE
[quote="Outliers"]
โค้ด: เลือกทั้งหมด
กรณี SCAN ก็สำเร็จนะครับ แต่กว่าดีลจะผ่านไปได้ต้องลุ้นกันหลายรอบ ผมตอบแทน 20 กว่าเปอร์เซนต์กับระยะเวลา 5-6 เดือนและต้องมานั่งคอยลุ้น ไม่ค่อยคุ้มครับ
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 12, 2010 11:17 am
โดย wattae
Prelude เขียน:สาเหตุที่ 3bb สามารถเกิดได้ เพราะว่าใช้การยิงสายสัญญาณตรง
ไม่ต้องพึ่งสายโทรศัพท์ทั้งของ TOT และ TRUE
รวมทั้งเป็นเจ้าของ infrastructure ด้วย
อันนี้ ผมเข้าใจถูกไหมครับ
ขอร่วมแสดงความคิดเห็น ครับ
ของ TRUE ถ้าเป็นต่างจังหวัด
ไม่ต้องใช้เบอร์โทรศัพท์พื้นฐาน(โทรศัพท์บ้าน) ครับ
ลากสายจากจุดเชื่อมสัญญานเหมือนกัน
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 13, 2010 4:24 pm
โดย worapot_ta
ถามหุ้นกำจัดขยะครับ pro bwg genco
ตัวไหนน่าลงทุนสุดครับ
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 13, 2010 5:37 pm
โดย pokpong.oma
หุ้น work ตอนนี้น่าลงทุนหรือเปล่าครับ
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 13, 2010 8:41 pm
โดย ลูกอิสาน
[quote="ler109"]พี่โจครับ...
การใช้ Market cap มาวิเคราะห์ความถูกความแพงของหุ้นมีหลักการอย่างไรครับ แล้วเราจะต้องพิจารณาควบคู่กับอะไรบ้างครับ
Re: กองทุนอสังหา
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 13, 2010 8:43 pm
โดย ลูกอิสาน
kindaiji เขียน:รบกวน พี่ลูกอิสานช่วยแนะนำ
ระหว่าง cpnrf กับ bkkcp
ขอบคุณมากครับ
โทษทีครับหลังๆผมไม่ได้ติดตามกองทุนอสังหาเลยครับ
ลองถามน้องโยดูครับ เห็นมีลงทุนในกลุ่มนี้บ้าง
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 13, 2010 8:56 pm
โดย ลูกอิสาน
Sayan เขียน:พี่ลูกอีสานครับช่วยให้ความเห็น AJ หน่อยครับ
ผมวิเคราะห์มานิดหน่อย...ถ้าถือสักปีพอจะเห็น 5-6 บาทใหมครับ
ข้อดี : P/E ต่ำ, ปันผลใช้ได้, น่าจะเป็นขาขึ้นของ BOPP อีกไม่ต่ำ 2 ปี
ข้อเสีย : หนี้บาน, FTA ปีหน้า, oil shock
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
อุตสาหกรรมผลิตฟิล์มบรรจุภัณฑ์เป็นวัฎจักรแน่นอนครับ ระยะเวลาแต่ละรอบผมคิดว่าประมาณ 2-8 ปี ระยะเวลาไม่ค่อยแน่นอนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง AJ ผลิตฟิล์ม BOPP BOPET และ BOPA รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ Mettalized film เป็นผู้ผลิตที่ฟิล์มหลายชนิดครงวงจร ประเด็นเรื่องวัฎจักรฟิล์มที่ว่าจะเป็นขาขึ้นอีก 2 ปี ผมไม่แน่ใจว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร แต่เท่าที่อ่านจากคำชี้แจงของ AJ TFI PTL ก็ยังไม่ได้สื่ออย่างนั้น ที่จริงผมคิดว่าคงมีน้อยคนที่จะรู้ โดยเฉพาะคนนอกวงการอย่างพวกเรา AJ เป็นหุ้นที่คาดเดาผลประกอบการได้ยากบริษัทนึง ผมเปรียบเทียบว่าเวลา
ลุ้นงบต้องจุดธูปจุดเทียน :lol: ที่เป็นอย่างนั้นเพราะมีตัวแปรค่อนข้างเยอะที่มีผลต่อยอดขาย ต่อกำไรขาดทุน เช่น ราคาวัถตุดิบ ราคาขาย อัตราแลกเปลี่ยน ภาษีAD ของคู่ค้า การส่งออกของผู้ผลิตรายใหญ่ เหล่านี้มีผลทั้งสิ้นครับ อย่าว่าแต่เรานักลงทุนเลยครับ ผู้บริหารยังเหนื่อยเลย
บริษัทมีงบดุลที่อ่อนแอ ที่จริงอ่อนแอมานานแล้ว แต่ก็ยังประกอบการมาได้ บริษัทมีหนี้ระยะสั้นที่ต้องชำระ สูงกว่าสินทรัพย์ระยะสั้นค่อนข้างมากเป็นพันล้าน สภาพคล่องทางการเงินตึงตัว มีหนี้สิน/ทุน สูงเช่นกัน แต่ถึงเป็นอย่างนี้ บริษัทก็ยังปันผลและลงทุนในไลน์การผลิตใหม่ๆตลอดเวลา ยิ่งทำให้ผมไม่เข้าใจเข้าไปอีก
แต่โดยภาพรวม ผมคิดว่าไม่ใช่ธุรกิจที่ดีสักเท่าไหร่ ผลประกอบการ 3 ไตรมาสแรกของปี 52 บริษัทมีกำไรปกติ 140 ล้าน ทั้งปีกำไรน่าจะประมาณ 180-190 ล้าน ราคาหุ้น 3.72หรือเทรดทีพีอีประมาณ 7 เท่า ถ้าดู P/B ซึ่งน่าจะเหมาะกับหุ้นวัฎจักรแบบ AJ บริษัทซื้อขายที่พีบีค่อนข้างสูงจากอดีต 3-4 ปีที่เทรดประมาณ 0.7-0.8 เท่า ปัจจุบัน 0.9 เท่า ดูอัตรากำไรสุทธิย้อนหลัง 5-6 ปี ค่อนข้างผันผวน ปี 2004 ทำได้ 11% และเป็น 4% 3% 3% 3% ตามลำดับ ปี 52 ทำได้ 6% สรุปว่าผมก็ยังไม่แน่ใจว่าราคาตอนนี้ถูกหรือแพงครับ และอย่าลืมดูราคาน้ำมันด้วยนะครับ ว่ามีผลอย่างไรต่อกำไร ช่วงนี้ราคาก็ขึ้นมาแล้ว ดูผลประกอบการของปี 51 น่าจะพอไกด์ได้บ้าง
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 13, 2010 10:20 pm
โดย ler109
[quote="ลูกอิสาน"][quote="ler109"]พี่โจครับ...
การใช้ Market cap มาวิเคราะห์ความถูกความแพงของหุ้นมีหลักการอย่างไรครับ แล้วเราจะต้องพิจารณาควบคู่กับอะไรบ้างครับ
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 14, 2010 1:03 am
โดย miracle
ถามพี่ลูกอีสานในกรณีที่
บริษัท ขาดทุนสะสมจนเข้า กลุ่มฟื้นฟู
จากนั้นส่วนของผู้ถือหุ้นเป็น บวกกลับซื้อขายได้ตามปกติ
แต่ยังมีขาดทุนสะสม และ ส่วนลดจากราคาพาร์(ผมจำไม่ได้ว่าทางบัญชีในงบดุลใช้คำนี้หรือไม่ เพราะมันคงละด้านกับ ส่วนเกินมูลค่าหุ้น)
จู่ๆ ก็ทำการลดพาร์ เพื่อล้างขาดทุนสะสม และ ส่วนลดจากราคาพาร์
ทำให้สามารถจ่ายปันผลได้
ถ้าเป็นแบบนี้คือ Turn around หรือเปล่าครับ
แล้วเป็น turn around ในกรณีไหนครับ
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 14, 2010 8:43 am
โดย saichon
[quote="ลูกอิสาน"][quote="ler109"]พี่โจครับ...
การใช้ Market cap มาวิเคราะห์ความถูกความแพงของหุ้นมีหลักการอย่างไรครับ แล้วเราจะต้องพิจารณาควบคู่กับอะไรบ้างครับ
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 14, 2010 1:13 pm
โดย nun08
[quote="ลูกอิสาน"][quote="ler109"]พี่โจครับ...
การใช้ Market cap มาวิเคราะห์ความถูกความแพงของหุ้นมีหลักการอย่างไรครับ แล้วเราจะต้องพิจารณาควบคู่กับอะไรบ้างครับ
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 14, 2010 11:04 pm
โดย burengnong
รบกวนถามคุณลูกอีสานหน่อยครับว่าทำไมในงบการเงินของsorkon
จึงใช้จำนวนหุ้นแค่ 60 ล้านหุ้นหารกับกำไรสุทธิครับทั้งๆที่มีทุนจด
ทะเบียนแล้ว 80 ล้านกว่าหุ้น งง!!!!!!!!!!ครับ บริษัทซื้อหุ้นคืนหรือเปล่า
เช็คดูแล้วก็ไม่เห็นมี พี่พอจะอธิบายได้ไหมครับ
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 15, 2010 9:06 am
โดย ลูกอิสาน
burengnong เขียน:รบกวนถามคุณลูกอีสานหน่อยครับว่าทำไมในงบการเงินของsorkon จึงใช้จำนวนหุ้นแค่ 60 ล้านหุ้นหารกับกำไรสุทธิครับทั้งๆที่มีทุนจดทะเบียนแล้ว 80 ล้านกว่าหุ้น งง!!!!!!!!!!ครับ บริษัทซื้อหุ้นคืนหรือเปล่าเช็คดูแล้วก็ไม่เห็นมี พี่พอจะอธิบายได้ไหมครับ
ประเด็นนี้ผมก็เคยสงสัยครับ
เข้าใจว่าเวลาคำนวณ EPS ของหุ้นที่ถือหุ้นในบริษัทย่อย หากบริษัทย่อยนั้นถือหุ้นในบริษัทแม่ด้วย เราจะต้องหักส่วนที่ถือนี้ออกไป เช่นกรณีของ sorkon มี 80 ล้านหุ้น ถือโดยบริษัทย่อย 20 ล้านหุ้น ดังนั้นตัวเลขที่นำมาคำนวณ EPS ในงบรวมคือ 80-20=60 ล้านหุ้น ถ้าเราไปดูงบเดี่ยว จำนวนหุ้นที่นำมาคำนวณ EPS คือ 80 ล้านหุ้นครับ
เหตผลผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก คงเหมือนกับการหักรายการระหว่างกันกรณีมีธุรกรรมที่บริษัทแม่ทำกับบริษัทลูกในงบกำไรขาดทุนครับ
ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 15, 2010 9:25 am
โดย ลูกอิสาน
jessi เขียน:ขอเรียนถามพี่โจเกี่ยวกับ tuf หน่อยครับว่าน่าสนใจไหมเนื่องจากว่าบริษัททำกำไรในไตรมาสสามสูงเป็นประวัติการณ์และมี gross margin เพิ่มขึ้นเร่ฃื่อยๆทั้งที่ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเน่องตัวนี้ผมคิดว่าราคาต้นทุนคือปลาทูน่าเราคาดการณ์ยากหรือเปล่าครับ
จุดเด่นของ
TUF คือเป็นผู้นำอุตสาหกรรม มีธุรกิจครบวงจร และหลากหลาย มีธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำเช่นกองเรือจับปลาทูน่า มีธุรกิจเพาะพันธ์กุ้ง จนถึงมีตราสินค้าเป็นของตัวเองอย่าง
chicken of the sea เป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดี และมีผู้บริหารที่เป็นคนรุ่นใหม่ มีธรรมภิบาลในระดับดีมากครับ บริษัทมีการเติบโตสม่ำเสมอทั้งการขยายตัวของบริษัทเองและการเข้าไปซื้อธุรกิจที่อยู่ในไลน์ของบริษัท
สินค้าของบริษัทเป็นสินค้าพื้นฐานที่บริโภคทั่วไป ยอดขายไม่ได้ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษกิจ ดังนั้นรายได้จะค่อนข้างมั่นคง ส่วน
จุดด้อยคือเป็นธุรกิจที่มีตัวแปรมากมายที่ส่งผลต่อกำไรครับ เช่นอัตราแลกเปลี่ยน การกีดกันทางการค้าต่างๆ ราคาวัตถุดิบ การแข่งขัน ปี 52 ที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรมากเป็นประวัติการณ์ทั้งที่มีรายจ่ายพิเศษจากการปิดโรงงานบางแห่ง กำไรสุทธิ/ยอดขายจากที่เคยทำได้ 3% ขยับเป็น 5% หรือเพิ่มขึ้น 67% ราคาหุ้นจากที่เคยเทรด 1.2-1.8 เท่าของ BV เป็น 2 เท่าในปัจจุบัน ที่สำคัญที่สุดคือเราควรจะรู้ว่าทำไม มีเหตุผลอะไรที่อยู่เบื้องหลังตัวเลขกำไรที่เพิ่มขึ้นมาก สมมุติฐานของผมคือ
วัตถุดิบหลักอย่างปลา skipjack yellowfin กุ้งขาว มีราคาลดลงมากตามราคาน้ำมัน แต่ราคาขายลดลงน้อยกว่า ทำให้มีกำไรสูงเป็นประวัติศาสตร์เหมือนหุ้นเกษตรอีกหลายๆตัว ถ้ามองปีนี้ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นอย่างไร (แต่ผู้บริหารให้ข่าวว่ายอดขาย-กำไรจะโตขึ้นอีกพอสมควร) แต่ต้องระวังประเด็นเรื่องราคาวัตถุดิบหลักๆ รวมถึงดูราคาหุ้นเพื่อพิจารณาว่าราคาปัจจุบัน
คุ้มค่าหรือเปล่า แต่หากเป็นการถือหุ้นระยะยาว ตัว tuf คงไม่ผิดหวังเพราะธุรกิจมั่นคง มีการเติบโต ผู้บริหารมีธรรมภิบาล ปันผลพอใช้